เราก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากจะไปเหยียบแผ่นดินอเมริกาซักครั้ง และ แน่นอน โครงการที่เราสามารถไปอยู่อเมริกาได้นานๆในช่วงปิดเทอมก็หนีไม่พ้น Work&Travel เราจึงวางแผนล่วงหน้าก่อนหนึ่งเทอม ดึงวิชาที่ต้องเรียนตอนซัมเมอร์มาเรียนก่อน ทำตัวให้ช่วงซัมเมอร์ว่างไว้ และก็เลือกเอเจนซี่เจ้าหนึ่ง ซึ่งเพื่อนเราเป็นคนพาไป ตอนแรกเราก็จะไปกับเพื่อนคนนี้นี่ล่ะ เราเลือกทำLifeGuard ที่ Wilderness resort Wisconsin Dell แต่ตำแหน่งนี้ต้องสอบว่ายน้ำ และ งมอิฐ เราสอบว่ายน้ำผ่านนะ แต่ตกงมอิฐ ทำให้อดได้งาน ต้องเลือกงานใหม่ และทำให้ต้องแยกกับเพื่อนไป T T
ทีนี้พอต้องเลือกที่ทำงานใหม่ เราก็ลำบากใจสิครับ เอาไงดีว้า เพื่อนก็ไม่มีและ ต้องไปคนเดียว จะเจอไรบ้างไม่รู้ และด้วยความเป็นคนรักธรรมชาติ อยากทำงานท่ามกลางป่าเขา พี่เอเจนซี่จึงแนะนำ ที่ทำงานที่นึง อยู่ที่New York(ชายแดนNY) คือที่ Scribner Hollow Lodge เราดูจากบรรยากาศในรูปและตำแหน่งงานแล้วเราก็ตกลง เลือกที่นี่ เนื่องจาก มีตำแหน่งงานที่ตรงสายกับที่เราเรียน คือตำแหน่ง Kitchen Helper... โดยที่เราไม่รู้เลยว่า มันจะมีอะไรรออยู่มากมายกว่านี้เยอะ หึหึหึ
ก่อนเดินทางไม่กี่วันเราจึงเริ่มตามหาเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน โดยทางเอเจนซี่แจ้งว่า มีคนไปทำงานที่นี่4คน รวมเราด้วย โอเค เราก็พออุ่นใจที่มีเพื่อน แต่แม่เจ้า มันไม่ใช่อย่างที่คิด! อีก3คนที่ไปด้วยเป็นเพื่อนชาวจีน และเป็นผู้หญิง! เครียดเลยจ้าา สรุปคือ เป็นคนไทยคนเดียว และ เป็นผู้ชายคนเดียว โอ้ก๊อดดดดดด T T
เราถึงสนามบินJFKเวลาประมาณ 16.30น. การที่เราจะไปถึงที่ทำงานเราได้ เราต้องนั่งรถจากสนามบิน ไปยังPort Authority Bus Terminal และต่อรถไปยังเมือง Hunter แต่รอบรถจาก Port Authority ไป Hunter นั้น หมดรอบไปแล้ว เราเลยตัดสินใจนอนที่สนามบินก่อนคืนนึง แล้วเช้าค่อยออกเดินทาง ส่วนที่นอนก็คือ แถวๆพื้นริมกระจกเทอมินัลนั่นล่ะครับ 55555 คือมีคนนอนเยอะพอสมควร จึงทำให้ไม่เปลี่ยวซักเท่าไหร่ (ตาลุงที่นอนถัดไปนอนกรนดังมาก)
ตื่นเช้ามาเราก็ ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุด นั่งรถไปPort Authority และก็ต่อรถไป Hunter ออกจากสนามบินตอน7โมงเช้า ถึง Hunter ตอนบ่ายนิดๆ Hunter เป็นเมืองเล็กๆ มีสถานที่ขึ้นชื่อคือ Hunter mountain ซึ่งคนนิยมมาเล่นสกีกันตอนหน้าหนาว มีพี่จากที่รีสอทมารับที่จุดลงรถบัส พาเราไปที่พัก นี่คือที่พักของเรา ท่ามกลางธรรมชาติ และบรรยากาศดีสุดๆ
และนี่คือรีสอร์ทที่เราทำงาน
หากมองลงมาจากระเบียงที่พัก ก็จะเจอที่ทำงานเลย
ยอมรับว่าบรรยากาศดีมากกกกกกกกกกกกก แต่ที่เป็นปัญหาคือ งานที่เราคิดว่าจะได้ทำในครัว มันไม่ใช่อย่างที่ฝันไว้ เพราะเราตีความผิดไปเองจาก Job title ที่เค้าให้มา
เราคิดจะได้ทำอย่างใดอย่างนึง แต่เปล่าจ้าาาา ทำทุกอย่างในนี้ตามที่เค้าต้องการให้เราทำ เรียกได้ว่า เป็นพนักงานเอนกประสงค์นั่นเอง และเนื่องจากเราเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว จึงได้ทำทั้งขุดดิน กวาดใบไม้แห้ง ยกเก้าอี้นับร้อยจากชั้นหนึ่งขึ้นบันไดไปชั้นสาม ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เติมคลอรีน ล้างจาน ยกขยะไปทิ้ง บลาๆๆๆ แต่เรื่องภาระงานมันยังเป็นเรื่องเล็ก คิดซะว่าไปเพาะกล้ามที่นั่น แต่เรื่องที่เป็นปัญหาคือ ชั่วโมงการทำงาน!
ผู้ขุดดินแห่งขุนเขา (เพื่อนจีนถ่ายให้)
เนื่องจากรีสอร์ทนี้เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว คือไม่มีตารางเวลาแน่นอน นายจ้างอยากจะเรียกเราไปทำตอนไหนเราก็ต้องไป อยากให้เราเลิกตอนไหนเราก็ต้องเลิก โดยคิดค่าจ้างตามรายชั่วโมงจากการตอกบัตรเข้า-ออก โดยในสัญญาระบุไว้ว่า จะให้งานเรา30-40ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ด้วยเหตุผลที่ซัมเมอร์ คือช่วงLow Season ของHunter ทำให้มีลูกค้าน้อยมาก และก็ทำให้ชั่วโมงการทำงานเราน้อยลงไปด้วย สัปดาห์แรกที่เราทำ ได้ทำไม่ถึง25ชม.ด้วยซ้ำ งานส่วนใหญ่ที่ทำคืองานบำรุงรักษารีสอร์ท พวกใช้แรงงานเป็นส่วนมาก และได้ทำเพียงวันละ2-3ชม. มีสัปดาห์หลังๆดีหน่อย ได้ทำเยอะขึ้น แต่ก็ไม่วายรู้สึกแปลกๆ
คือทุกวันทางนายจ้างจากบอกเวลาในการเข้างานของวันถัดไปมา หน้าที่ของเราเวลารีสอร์ทมีลูกค้า คือการล้างจานในครัว ทางนายจ้างก็จะให้สาวๆลงไปตอกบัตรประมาณ7.30น. และให้เราไปประมาณ9.00น. คือเหมือนกับว่า ให้ลูกค้าทานเสร็จ แล้วกองจานไว้ก่อน แล้วค่อยให้เรามาล้าง เรารู้สึกเหมือนโดนลดชม.การทำงานลงไป ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว T T สรุป2สัปดาห์แรก เราได้มา 500$ น้อยกว่าขั้นต่ำที่ควรจะได้อีก เพราะถ้าคิดอย่างน้อยสุดเลย ทำอาทิตย์ละ30ชม. ชม.ละ8.75$ 2อาทิตย์ก็น่าจะได้ 525$
เราทำงานไปได้แค่ประมาณ3อาทิตย์กว่า เราก็ได้ทราบข่าวจากที่บ้านว่าแม่ได้รับอุบัติเหตุ เราจึงตัดสินใจ เดินทางกลับ ถามว่าเสียดายโอกาสมั๊ย ก็เสียดาย แต่ยังไงครอบครัวเราก็สำคัญที่สุดใช่มั๊ยล่ะ
แต่เนื่องจากเช็คค่าแรงนั้น ออกทุกๆ 2อาทิตย์ ทางนายจ้างเลยตกลงว่าจะส่งเช็คกลับมาที่อยู่ที่ไทยให้ เราจึงได้ให้ที่อยู่เค้าไป แต่ตอนนี้เรากลับมาอยู่บ้านได้หนึ่งเดือนครึ่งแล้ว เช็คค่าแรงงวดสุดท้ายที่ว่ายังไม่มีวี่แววเลย เราติดต่อนายจ้างไปทางไลน์ ครั้งแรกเค้าก็ตอบว่า เค้าแจ้งทางฝ่ายบัญชีของเค้าให้ส่งมาแล้ว เราก็โอเคๆ ผ่านไปอีกสัปดาห์นึงเราทักไปใหม่ ทีนี้เค้าไม่อ่านไม่ตอบเราเลย อีก2-3วันทักถามไปอีกก็ยังไม่อ่าน (แต่แจ้งเวลางานในกรุ๊ปตามปกติ) เราเลยตัดสินใจเข้าไปทวงถาม ในกรุ๊ปไลน์ที่เค้าใช้แจ้งเวลาทำงาน ซึ่งปกติเค้าต้องมาแจ้งงานในกรุ๊ปนี้ตลอด เค้าก็ยังไม่ตอบ
เอาตรงๆเลย เรารู้สึกเหมือนกำลังจะโดนโกง เพราะติดต่อทางนายจ้างไม่ได้เลย ติดต่อไปทางเอเจนซี่เค้าก็บอกว่า ทางเราจะติดต่อนายจ้างได้ง่ายกว่า ให้เราลองติดต่อก่อน นี่เราก็ลองมาหมดล่ะ เค้าก็ไม่ตอบ ตอนตอบครั้งล่าสุดประมาณหนึ่งเดือนก่อน เค้าบอกว่าส่งมาแล้ว เราสงสัยว่า ส่งเช็คจากอเมริกานี่มันนานขนาดนี้เลยหรอ เห้ออออ นี่เราก็ไม่รู้จะตามยังไงต่อล่ะ ใครมีวิธีก็บอกได้นะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ก็แค่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์จากการไปWork&Travel ถึงแม้จะไปแค่เดือนเดียว แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้ว่า โลกในความจริงกับโลกแห่งความฝันนี่มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย มันไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ กับสภาวะการทำงานที่เหมือนโดนเอาเปรียบ จนกระทั่งการหนีหายของนายจ้างพอถามถึงเรื่องค่าแรง แต่เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้กันทุกคนนะ เพื่อนๆที่ไปworkบางคนก็มีความสุขดี ได้ทำงานที่ชอบกับสภาพแวดล้อมดีๆ เราอาจจะเป็นส่วนน้อยที่ไปWorkแล้วไม่มีความสุข
ก็อยากจะให้เพื่อนๆที่กำลังคิดที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ หาข้อมูลดีๆ ก่อนตัดสินใจไปทำ อย่าใจเร็วด่วนได้แบบเรา ผลออกมามันก็เป็นแบบนี้ พยายามหาว่าที่ที่จะไปช่วงนั้นมีลูกค้าหรือเปล่า มีที่ซื้อของอุปโภคบริโภคมั๊ย ถ้าให้ดีพยายามหารีวิวของคนที่เคยไป (เราพยายามหาของScribner Hollowแล้วนะ แต่ไม่เคยมีใครไปเลย)
สุดท้ายก็คงอยากจะบอกว่า คงไม่มีอีกแล้ว กับการไปอเมริกา ลาก่อนน 55555555555
ฝากบรรยากาศเมืองHunterไว้ ทิ้งท้าย
กวางวิ่งหน้าบ้าน
แพร์รี่ด็อกเต็มไปหมด
ใต้สะพานยังสวย
หลังคารีสอร์ท
ที่ทำงาน
เตียงนอน
ที่แขวน
วันหยุดเยอะ นอนดูแฮรี่8ภาครวดซะ
บายยย
Work & Travel ครั้งแรก และ ครั้งสุดท้าย เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง
ทีนี้พอต้องเลือกที่ทำงานใหม่ เราก็ลำบากใจสิครับ เอาไงดีว้า เพื่อนก็ไม่มีและ ต้องไปคนเดียว จะเจอไรบ้างไม่รู้ และด้วยความเป็นคนรักธรรมชาติ อยากทำงานท่ามกลางป่าเขา พี่เอเจนซี่จึงแนะนำ ที่ทำงานที่นึง อยู่ที่New York(ชายแดนNY) คือที่ Scribner Hollow Lodge เราดูจากบรรยากาศในรูปและตำแหน่งงานแล้วเราก็ตกลง เลือกที่นี่ เนื่องจาก มีตำแหน่งงานที่ตรงสายกับที่เราเรียน คือตำแหน่ง Kitchen Helper... โดยที่เราไม่รู้เลยว่า มันจะมีอะไรรออยู่มากมายกว่านี้เยอะ หึหึหึ
ก่อนเดินทางไม่กี่วันเราจึงเริ่มตามหาเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน โดยทางเอเจนซี่แจ้งว่า มีคนไปทำงานที่นี่4คน รวมเราด้วย โอเค เราก็พออุ่นใจที่มีเพื่อน แต่แม่เจ้า มันไม่ใช่อย่างที่คิด! อีก3คนที่ไปด้วยเป็นเพื่อนชาวจีน และเป็นผู้หญิง! เครียดเลยจ้าา สรุปคือ เป็นคนไทยคนเดียว และ เป็นผู้ชายคนเดียว โอ้ก๊อดดดดดด T T
เราถึงสนามบินJFKเวลาประมาณ 16.30น. การที่เราจะไปถึงที่ทำงานเราได้ เราต้องนั่งรถจากสนามบิน ไปยังPort Authority Bus Terminal และต่อรถไปยังเมือง Hunter แต่รอบรถจาก Port Authority ไป Hunter นั้น หมดรอบไปแล้ว เราเลยตัดสินใจนอนที่สนามบินก่อนคืนนึง แล้วเช้าค่อยออกเดินทาง ส่วนที่นอนก็คือ แถวๆพื้นริมกระจกเทอมินัลนั่นล่ะครับ 55555 คือมีคนนอนเยอะพอสมควร จึงทำให้ไม่เปลี่ยวซักเท่าไหร่ (ตาลุงที่นอนถัดไปนอนกรนดังมาก)
ตื่นเช้ามาเราก็ ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุด นั่งรถไปPort Authority และก็ต่อรถไป Hunter ออกจากสนามบินตอน7โมงเช้า ถึง Hunter ตอนบ่ายนิดๆ Hunter เป็นเมืองเล็กๆ มีสถานที่ขึ้นชื่อคือ Hunter mountain ซึ่งคนนิยมมาเล่นสกีกันตอนหน้าหนาว มีพี่จากที่รีสอทมารับที่จุดลงรถบัส พาเราไปที่พัก นี่คือที่พักของเรา ท่ามกลางธรรมชาติ และบรรยากาศดีสุดๆ
และนี่คือรีสอร์ทที่เราทำงาน
หากมองลงมาจากระเบียงที่พัก ก็จะเจอที่ทำงานเลย
ยอมรับว่าบรรยากาศดีมากกกกกกกกกกกกก แต่ที่เป็นปัญหาคือ งานที่เราคิดว่าจะได้ทำในครัว มันไม่ใช่อย่างที่ฝันไว้ เพราะเราตีความผิดไปเองจาก Job title ที่เค้าให้มา
เราคิดจะได้ทำอย่างใดอย่างนึง แต่เปล่าจ้าาาา ทำทุกอย่างในนี้ตามที่เค้าต้องการให้เราทำ เรียกได้ว่า เป็นพนักงานเอนกประสงค์นั่นเอง และเนื่องจากเราเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว จึงได้ทำทั้งขุดดิน กวาดใบไม้แห้ง ยกเก้าอี้นับร้อยจากชั้นหนึ่งขึ้นบันไดไปชั้นสาม ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เติมคลอรีน ล้างจาน ยกขยะไปทิ้ง บลาๆๆๆ แต่เรื่องภาระงานมันยังเป็นเรื่องเล็ก คิดซะว่าไปเพาะกล้ามที่นั่น แต่เรื่องที่เป็นปัญหาคือ ชั่วโมงการทำงาน!
ผู้ขุดดินแห่งขุนเขา (เพื่อนจีนถ่ายให้)
เนื่องจากรีสอร์ทนี้เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว คือไม่มีตารางเวลาแน่นอน นายจ้างอยากจะเรียกเราไปทำตอนไหนเราก็ต้องไป อยากให้เราเลิกตอนไหนเราก็ต้องเลิก โดยคิดค่าจ้างตามรายชั่วโมงจากการตอกบัตรเข้า-ออก โดยในสัญญาระบุไว้ว่า จะให้งานเรา30-40ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ด้วยเหตุผลที่ซัมเมอร์ คือช่วงLow Season ของHunter ทำให้มีลูกค้าน้อยมาก และก็ทำให้ชั่วโมงการทำงานเราน้อยลงไปด้วย สัปดาห์แรกที่เราทำ ได้ทำไม่ถึง25ชม.ด้วยซ้ำ งานส่วนใหญ่ที่ทำคืองานบำรุงรักษารีสอร์ท พวกใช้แรงงานเป็นส่วนมาก และได้ทำเพียงวันละ2-3ชม. มีสัปดาห์หลังๆดีหน่อย ได้ทำเยอะขึ้น แต่ก็ไม่วายรู้สึกแปลกๆ
คือทุกวันทางนายจ้างจากบอกเวลาในการเข้างานของวันถัดไปมา หน้าที่ของเราเวลารีสอร์ทมีลูกค้า คือการล้างจานในครัว ทางนายจ้างก็จะให้สาวๆลงไปตอกบัตรประมาณ7.30น. และให้เราไปประมาณ9.00น. คือเหมือนกับว่า ให้ลูกค้าทานเสร็จ แล้วกองจานไว้ก่อน แล้วค่อยให้เรามาล้าง เรารู้สึกเหมือนโดนลดชม.การทำงานลงไป ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว T T สรุป2สัปดาห์แรก เราได้มา 500$ น้อยกว่าขั้นต่ำที่ควรจะได้อีก เพราะถ้าคิดอย่างน้อยสุดเลย ทำอาทิตย์ละ30ชม. ชม.ละ8.75$ 2อาทิตย์ก็น่าจะได้ 525$
เราทำงานไปได้แค่ประมาณ3อาทิตย์กว่า เราก็ได้ทราบข่าวจากที่บ้านว่าแม่ได้รับอุบัติเหตุ เราจึงตัดสินใจ เดินทางกลับ ถามว่าเสียดายโอกาสมั๊ย ก็เสียดาย แต่ยังไงครอบครัวเราก็สำคัญที่สุดใช่มั๊ยล่ะ
แต่เนื่องจากเช็คค่าแรงนั้น ออกทุกๆ 2อาทิตย์ ทางนายจ้างเลยตกลงว่าจะส่งเช็คกลับมาที่อยู่ที่ไทยให้ เราจึงได้ให้ที่อยู่เค้าไป แต่ตอนนี้เรากลับมาอยู่บ้านได้หนึ่งเดือนครึ่งแล้ว เช็คค่าแรงงวดสุดท้ายที่ว่ายังไม่มีวี่แววเลย เราติดต่อนายจ้างไปทางไลน์ ครั้งแรกเค้าก็ตอบว่า เค้าแจ้งทางฝ่ายบัญชีของเค้าให้ส่งมาแล้ว เราก็โอเคๆ ผ่านไปอีกสัปดาห์นึงเราทักไปใหม่ ทีนี้เค้าไม่อ่านไม่ตอบเราเลย อีก2-3วันทักถามไปอีกก็ยังไม่อ่าน (แต่แจ้งเวลางานในกรุ๊ปตามปกติ) เราเลยตัดสินใจเข้าไปทวงถาม ในกรุ๊ปไลน์ที่เค้าใช้แจ้งเวลาทำงาน ซึ่งปกติเค้าต้องมาแจ้งงานในกรุ๊ปนี้ตลอด เค้าก็ยังไม่ตอบ
เอาตรงๆเลย เรารู้สึกเหมือนกำลังจะโดนโกง เพราะติดต่อทางนายจ้างไม่ได้เลย ติดต่อไปทางเอเจนซี่เค้าก็บอกว่า ทางเราจะติดต่อนายจ้างได้ง่ายกว่า ให้เราลองติดต่อก่อน นี่เราก็ลองมาหมดล่ะ เค้าก็ไม่ตอบ ตอนตอบครั้งล่าสุดประมาณหนึ่งเดือนก่อน เค้าบอกว่าส่งมาแล้ว เราสงสัยว่า ส่งเช็คจากอเมริกานี่มันนานขนาดนี้เลยหรอ เห้ออออ นี่เราก็ไม่รู้จะตามยังไงต่อล่ะ ใครมีวิธีก็บอกได้นะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ก็แค่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์จากการไปWork&Travel ถึงแม้จะไปแค่เดือนเดียว แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้ว่า โลกในความจริงกับโลกแห่งความฝันนี่มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย มันไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ กับสภาวะการทำงานที่เหมือนโดนเอาเปรียบ จนกระทั่งการหนีหายของนายจ้างพอถามถึงเรื่องค่าแรง แต่เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้กันทุกคนนะ เพื่อนๆที่ไปworkบางคนก็มีความสุขดี ได้ทำงานที่ชอบกับสภาพแวดล้อมดีๆ เราอาจจะเป็นส่วนน้อยที่ไปWorkแล้วไม่มีความสุข
ก็อยากจะให้เพื่อนๆที่กำลังคิดที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ หาข้อมูลดีๆ ก่อนตัดสินใจไปทำ อย่าใจเร็วด่วนได้แบบเรา ผลออกมามันก็เป็นแบบนี้ พยายามหาว่าที่ที่จะไปช่วงนั้นมีลูกค้าหรือเปล่า มีที่ซื้อของอุปโภคบริโภคมั๊ย ถ้าให้ดีพยายามหารีวิวของคนที่เคยไป (เราพยายามหาของScribner Hollowแล้วนะ แต่ไม่เคยมีใครไปเลย)
สุดท้ายก็คงอยากจะบอกว่า คงไม่มีอีกแล้ว กับการไปอเมริกา ลาก่อนน 55555555555
ฝากบรรยากาศเมืองHunterไว้ ทิ้งท้าย
กวางวิ่งหน้าบ้าน
แพร์รี่ด็อกเต็มไปหมด
ใต้สะพานยังสวย
หลังคารีสอร์ท
ที่ทำงาน
เตียงนอน
ที่แขวน
วันหยุดเยอะ นอนดูแฮรี่8ภาครวดซะ
บายยย