ลงช้าหน่อยอย่างว่ากันน๊า...(แค่อยากให้ได้อ่านเน้อ)
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังมีความสุขกับผลการแข่งขันของทีมวอลเลย์บอลสาวไทยชุดU23 ที่เพิ่งคว่ำ สโมสรเหลียวหนิงจากจีนไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 3-1 เซต ชนิดที่ว่าทำเอากองเชียร์คิดบวกมีความสุขแบบอิ่มเอมกันเลยทีเดียว
รูปเกม หรือ รายละเอียดของเกมอันนี้ผมขอข้ามไปเลยนะครับ เพราะไม่เก่งพอที่จะวิเคราะห์เกมได้ อีกอย่างหลายคนคงได้ชมผ่านการถ่ายทอดสดแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมก็รอลิงค์เอานะครับ ตามเพจ ตามกลุ่มต่างๆคงเอามาลงกันในคืนนี้ หรือไม่ก็ช่วงเช้า
คราวนี้มาประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องราวนการแข่งขันรายการนี้กันดีกว่า ถ้าเปรียบอะไรสักอย่างให้เห็นภาพ คงเป็นอารมณ์ของหนังเรื่องหนึ่งที่เริ่มจากความไม่พร้อมของชีวิต ต้องเจออุปสรรคระหว่างทางเดิน อีกทั้งยังมีมีดที่คอยทิ่มแทงจากคนที่เคยบอกว่า"รัก" แต่จนแล้วจนรอดด้วยความพยายาม และ กำลังใจจากคนรอบกายช่วยเป็นแรงผลักให้พวกเขาประสบคามสำเร็จในที่สุด...จบบริบูรณ์......ถ้าอารมณ์หนังก็คงจะออกมาประมาณนี้
แต่ในชีวิตจริงการเดินทางมาที่เวียดนามครั้งนี้ของกลุ่มนักกีฬาชุดนี้ เป้าหมายของพวกเขาคือมาเพื่อปรับๆจูนๆทีมกัน เพราะที่ผ่านมาชุด 23 ก็กระจายตัวกันไป บ้างก็อยู่กับชุดใหญ่ บ้างก็เดี้ยง รวมไปถึงทีมโค้ชที่ต้องไประดมความสามารถในการช่วยเหลือโค้ชอ๊อต
แต่เมื่อลงสนามแล้วทุกคนก็ต่างที่จะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองกันทั้งนั้น ใจทุกคนก็อยากจะชนะนั้นละ แต่มันก็ต้องเข้าใจบริบทในตอนนั้นว่า นี่เราเพิ่งมารวมตัวกันได้ไม่กี่วันก็แข่งเลยนะ ไม่แปลกที่ผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ
"เกมแพ้ แพะโผล่"
ไม่ว่าจะเป็นโค้ชยะ พรพรรณ ปริญญา พัชราภรณ์ที่เพิ่งก้าวมารับตำแหน่งตัวรับอิสระ และ รวมไปถึงทุกคน ที่โดนด่าแบบวัวตายควายล้ม ด่าไม่มีความเกรงใจกันเลย แต่จะพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายไอ้คำว่า"ความคิดเห็นส่วนตัว"ก็จะเป็นอาวุธลับในการเอามาโต้ตอบของคนบางส่วนในยามที่โดนคนอื่นต่อว่าไปบ้าง
ช่วงการแข่งขันในแต่ละวันจบลง ผมจะมีโอกาสได้คุยกับน้องๆบ้างตามโอกาส บางทีก็คุยยาวหน่อย บางทีก็สั้นพอได้ใจความ แต่ที่คุยกันนั้นไม่มีเรื่องสาระเลย 5555 เม้าท์กันไปทั่ว
แต่มีประโยคนึงของ "น้องเพียว" อัจฉราพร คงยศ ที่ทำการสนทนาเข้าสู่ความตึงเครียดอยู่ๆน้องบอกผมว่า "หนูสงสารโค้ชยะจริงๆพี่ ต้องมาโดนด่าแทนพวกหนู"
ทำไมต้องสงสารโค้ชยะ ?
เพราะนักกีฬาทุกคนในทีมชาติทุกชุดที่รู้จักแก ต่างให้ความเคารพ และ รัก เพราะโค้ชยะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนักกีฬาที่สุด เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง เป็นโค้ชที่คอยสั่งสอน เป็นพี่ชายที่คอยห่วงใย เป็นเพื่อนที่หยอกล้อให้นักกีฬาหายเครียด หรือ แม้กระทั่งเป็นคนไปคอยซื้อของใช้อำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬา
ไม่แปลกที่นักกีฬาหลายคนยกให้โค้ชยะเป็นเสมือน"พ่อ"อีกคน
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อกับสิ่งที่ผมพิมพ์ออกไป แต่อยากให้รู้ไว้อีกอย่างว่า "โค้ชยะ" ไม่เคยโกรธคนที่ด่าทอแก ไม่เคยคิดจะโต้ตอบใดๆ เพราะแกให้เหตุผลว่า
"ตอบโต้ไปชีวิตเราก็ไม่สุขขึ้นหรอก เราสนใจและใส่ใจในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ "
สืบเนื่องจากกรณีของน้องเพียวที่สงสารโค้ช ล่าสุดน้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ คำชื่นชมเกิดขึ้นอยู่ที่นักกีฬา ส่วนทุกครั้งที่เกิดอะไรแย่ๆ โค้ชจะตกเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบไปทันที ซึ่งในเจตนาของน้องเพียวคือ "เมื่อเราชนะ เราก็ชนะทั้งทีม เช่นกันเวลาที่พ่ายแพ้จะไม่มีใครคนเดียวที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบ"
มาถึงตอนนี้ผมขออนุญาตนำข้อความของน้องเพียวที่โพสต์ไว้ในเฟสบุคส่วนตัวมาให้ได้อ่านกันครับ
ขอบคุณประสบการณ์ดีดี
ขอบคุณทุกแรงทุกกำลังใจ
ขอบคุณคำติชมทุกทุกคำ
ขอบคุณสต๊าฟโค้ชที่อดทนและพยายามทำให้พวกเราได้รับชัยชนะในวันนี้
ขอบคุณพี่น้องเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่พวกเราสามารถก้าวผ่านมันไปได้
และสุดท้าย...
ขอโทษสต๊าฟโค้ชที่ทำให้โดนด่าแทนพวกหนู ทั้งที่สต๊าฟโค้ชพยายามทำทุกอย่างทุกวิถีทางที่จะทำให้เราได้รับชัยชนะในแต่ละแมท แต่เป็นที่พวกหนูเอง ที่ไม่สามารถก้าวผ่านจุดนั้นไปได้
ขอโทษค่ะ .
หลับฝันดีกันนะครับ
เอก ประวิตร
U23 : ทำไมต้องสงสารโค้ชยะด้วยละ ?
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังมีความสุขกับผลการแข่งขันของทีมวอลเลย์บอลสาวไทยชุดU23 ที่เพิ่งคว่ำ สโมสรเหลียวหนิงจากจีนไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 3-1 เซต ชนิดที่ว่าทำเอากองเชียร์คิดบวกมีความสุขแบบอิ่มเอมกันเลยทีเดียว
รูปเกม หรือ รายละเอียดของเกมอันนี้ผมขอข้ามไปเลยนะครับ เพราะไม่เก่งพอที่จะวิเคราะห์เกมได้ อีกอย่างหลายคนคงได้ชมผ่านการถ่ายทอดสดแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมก็รอลิงค์เอานะครับ ตามเพจ ตามกลุ่มต่างๆคงเอามาลงกันในคืนนี้ หรือไม่ก็ช่วงเช้า
คราวนี้มาประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องราวนการแข่งขันรายการนี้กันดีกว่า ถ้าเปรียบอะไรสักอย่างให้เห็นภาพ คงเป็นอารมณ์ของหนังเรื่องหนึ่งที่เริ่มจากความไม่พร้อมของชีวิต ต้องเจออุปสรรคระหว่างทางเดิน อีกทั้งยังมีมีดที่คอยทิ่มแทงจากคนที่เคยบอกว่า"รัก" แต่จนแล้วจนรอดด้วยความพยายาม และ กำลังใจจากคนรอบกายช่วยเป็นแรงผลักให้พวกเขาประสบคามสำเร็จในที่สุด...จบบริบูรณ์......ถ้าอารมณ์หนังก็คงจะออกมาประมาณนี้
แต่ในชีวิตจริงการเดินทางมาที่เวียดนามครั้งนี้ของกลุ่มนักกีฬาชุดนี้ เป้าหมายของพวกเขาคือมาเพื่อปรับๆจูนๆทีมกัน เพราะที่ผ่านมาชุด 23 ก็กระจายตัวกันไป บ้างก็อยู่กับชุดใหญ่ บ้างก็เดี้ยง รวมไปถึงทีมโค้ชที่ต้องไประดมความสามารถในการช่วยเหลือโค้ชอ๊อต
แต่เมื่อลงสนามแล้วทุกคนก็ต่างที่จะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองกันทั้งนั้น ใจทุกคนก็อยากจะชนะนั้นละ แต่มันก็ต้องเข้าใจบริบทในตอนนั้นว่า นี่เราเพิ่งมารวมตัวกันได้ไม่กี่วันก็แข่งเลยนะ ไม่แปลกที่ผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ
"เกมแพ้ แพะโผล่"
ไม่ว่าจะเป็นโค้ชยะ พรพรรณ ปริญญา พัชราภรณ์ที่เพิ่งก้าวมารับตำแหน่งตัวรับอิสระ และ รวมไปถึงทุกคน ที่โดนด่าแบบวัวตายควายล้ม ด่าไม่มีความเกรงใจกันเลย แต่จะพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายไอ้คำว่า"ความคิดเห็นส่วนตัว"ก็จะเป็นอาวุธลับในการเอามาโต้ตอบของคนบางส่วนในยามที่โดนคนอื่นต่อว่าไปบ้าง
ช่วงการแข่งขันในแต่ละวันจบลง ผมจะมีโอกาสได้คุยกับน้องๆบ้างตามโอกาส บางทีก็คุยยาวหน่อย บางทีก็สั้นพอได้ใจความ แต่ที่คุยกันนั้นไม่มีเรื่องสาระเลย 5555 เม้าท์กันไปทั่ว
แต่มีประโยคนึงของ "น้องเพียว" อัจฉราพร คงยศ ที่ทำการสนทนาเข้าสู่ความตึงเครียดอยู่ๆน้องบอกผมว่า "หนูสงสารโค้ชยะจริงๆพี่ ต้องมาโดนด่าแทนพวกหนู"
ทำไมต้องสงสารโค้ชยะ ?
เพราะนักกีฬาทุกคนในทีมชาติทุกชุดที่รู้จักแก ต่างให้ความเคารพ และ รัก เพราะโค้ชยะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนักกีฬาที่สุด เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง เป็นโค้ชที่คอยสั่งสอน เป็นพี่ชายที่คอยห่วงใย เป็นเพื่อนที่หยอกล้อให้นักกีฬาหายเครียด หรือ แม้กระทั่งเป็นคนไปคอยซื้อของใช้อำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬา
ไม่แปลกที่นักกีฬาหลายคนยกให้โค้ชยะเป็นเสมือน"พ่อ"อีกคน
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อกับสิ่งที่ผมพิมพ์ออกไป แต่อยากให้รู้ไว้อีกอย่างว่า "โค้ชยะ" ไม่เคยโกรธคนที่ด่าทอแก ไม่เคยคิดจะโต้ตอบใดๆ เพราะแกให้เหตุผลว่า
"ตอบโต้ไปชีวิตเราก็ไม่สุขขึ้นหรอก เราสนใจและใส่ใจในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ "
สืบเนื่องจากกรณีของน้องเพียวที่สงสารโค้ช ล่าสุดน้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ คำชื่นชมเกิดขึ้นอยู่ที่นักกีฬา ส่วนทุกครั้งที่เกิดอะไรแย่ๆ โค้ชจะตกเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบไปทันที ซึ่งในเจตนาของน้องเพียวคือ "เมื่อเราชนะ เราก็ชนะทั้งทีม เช่นกันเวลาที่พ่ายแพ้จะไม่มีใครคนเดียวที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบ"
มาถึงตอนนี้ผมขออนุญาตนำข้อความของน้องเพียวที่โพสต์ไว้ในเฟสบุคส่วนตัวมาให้ได้อ่านกันครับ
ขอบคุณประสบการณ์ดีดี
ขอบคุณทุกแรงทุกกำลังใจ
ขอบคุณคำติชมทุกทุกคำ
ขอบคุณสต๊าฟโค้ชที่อดทนและพยายามทำให้พวกเราได้รับชัยชนะในวันนี้
ขอบคุณพี่น้องเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่พวกเราสามารถก้าวผ่านมันไปได้
และสุดท้าย...
ขอโทษสต๊าฟโค้ชที่ทำให้โดนด่าแทนพวกหนู ทั้งที่สต๊าฟโค้ชพยายามทำทุกอย่างทุกวิถีทางที่จะทำให้เราได้รับชัยชนะในแต่ละแมท แต่เป็นที่พวกหนูเอง ที่ไม่สามารถก้าวผ่านจุดนั้นไปได้
ขอโทษค่ะ .
หลับฝันดีกันนะครับ
เอก ประวิตร