ประสบการณ์การทำฟันครั้งแรกในอเมริกา

บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าเป็นการทำฟันธรรมดา ไม่ได้มีพิเศษ หรือหวาดเสียวอะไรค่ะ
เพียงแค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ เผือมีใครอยากรู้ค่ะ

เรามาอยู่อเมริกาได้ซักพักแล้ว แต่ยังไม่เคยไปทำฟันซักที เนื่องจากช่วงแรกเป็นบุคคลไร้ insurance อยู่ (ด้วยความงกค่ะ ฮ่าๆ)
และเราก็มีความคิดแบบไทยๆที่ติดตัวเรามา ที่ไม่ได้ติดว่าต้องไปหาหมอฟันบ่อย ไปปีละครั้งก็เก่งแล้วเนอะ
แต่หลังจากสามีทำงานแล้ว dental insurance มันก็มาพร้อมกับบริษัท โดยหักจากเงินเดือนไปทุกเดือนๆ
แล้วไม่ได้ไปใช้เลย ก็รู้สึกเสียดายเนอะ เลยแบบ  หาหมอฟันทำฟัน Cleaning บ้างอะไรบ้างดีกว่า

ก่อนถึงวันนัด ตามธรรมเนียมของที่นี่ พนักงานจะโทรมาเตือนก่อน ว่าคุณมีนัดกับเรานะ วันนี้ๆ เพื่อกันลืม
เมื่อเราไปถึง พนักงานต้อนรับก็ทักทายด้วยความเป็นกันเอง แนะนำตัวบอกว่าชั้นคือคนที่โทรหาคุณนะ
ไม่มีเย่อหยิ่ง หรือว่าพูดห้วนๆ หน้าตาบุญไม่รับเหมือนบางที่ที่เราเคยเจอมา
เขาก็ให้กรอกประวัติ เนื่องจากเพิ่งเคยมาครั้งแรก
หลังจากนั้น Technician ก็เข้ามาแนะนำตัว บอกว่าชื่อ David แล้วก็พาดูว่า ในคลีนิคมีอะไรบ้าง
แนะนำสถานที่คร่าวๆ แล้วก็ซักประวัติเล็กน้อย ประมาณว่า หาหมอฟันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แพ้ยาอะไร มีอะไรกังวลเป็นพิเศษรึเปล่า
แล้วก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อยอีกนิดหน่อย ด้วยความสุภาพ

จากนั้น David ก็พาไป X-ray ฟัน แบบละเอียด โดยจะใช้เครื่องแบบที่หมุนรอบหน้า 1 ครั้ง
และแบบ นอนแล้วถ่ายภาพจากมุมในปากอีกแปดตลบ คือให้งับกล้อง และถ่าย X-ray มุมต่างๆ ประมาณ แปดครั้ง งับ เอาออก งับใหม่ แล้วเอาออก อยู่อย่างนี้ แต่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปด้วยความนุ่มนวล ค่อยๆทำ พูดจาเรียบร้อย
ใช้เวลากับ David ประมาณ 40 นาที แค่ถ่าย X-ray เนี่ยแหละ

ถ่าย X-ray เสร็จ หมอดูภาพจากในห้องหมอซักพัก ก็ออกมาปรากฏตัว แต่น แต๊น
หมอก็แนะนำตัวเอง จับมือทักทาย ซักถามนิดหน่อย ว่าเรามีความกังวลตรงไหนบ้าง มีปัญหาตรงไหน ด้วยความสุภาพนอบน้อม
มิใช่ว่า ฉันเป็นหมอ ฉันจะแนวไหนก็ได้ จากนั้นก็เริ่มตรวจปาก หมอจะบอกก่อนว่าจะใช้คำศัพท์เทคนิคนะ คุยกับ David ให้ David จดสุขภาพภายในปากเรา เสร็จ หมอก็จะถ่ายรูป ก็จะบอกก่อนอีกว่า จะถ่ายรูปในปากนะ ใช้กล้องคล้ายปากกา ถ่ายรูปเพื่อให้เราดู และอธิบายว่าต้องทำอะไรกับฟันเราบ้าง ทีละขั้นตอน เริ่มจากที่ควรทำก่อนหลัง ตามลำดับ

ระหว่างอธิบาย ก็จะมีพนักงานทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน เพื่อเบิกจากประกันเข้ามาฟังด้วย ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง
โดยก็จะแนะนำตัวเองก่อน ว่าชื่ออะไร ทำไมถึงเข้ามา จากนั้นก็จะประเมินให้เราทราบว่าทำฟันครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ insurance จ่ายให้เท่าไหร่ แล้วเราต้องจ่ายเองเท่าไหร่ ครั้งหน้าเท่าไหร่ ครั้งที่ 3 ,4 อีกเท่าไหร่ (จขกท. โดนหมอจับทำหลายอย่างค่ะ ฮ่าๆ)

เนื่องจากไม่ได้ทำฟันมานาน หมอบอกว่ามีคราบๆ ติดตามซอกฟัน ร่องฟันเยอะ จึงให้ทำการ Deep Cleaning โดยจะทำทีละครึ่งปาก และมีการใช้ยาชา หมอบอกว่าจะฉีดยา ตรงนี้ นี้ นี้ นี้ นี้ นี้ นี้ นี้ และ ด้านหลังนี้นะ  
โอ้ย ทำไมหมอฉีดเยอะงี้ล่ะ แล้วจะรอดไหมเนี่ย..ก็ได้แต่คิดในใจ แต่ก็คงต้องยอมอยู่ดี

ระหว่างทำ หมอจะพูดสุภาพมากๆ บอกให้อ้าปาก ก็พูด open please ตลอด
ก่อนฉีดยา หมอก็ทายาชาให้
ตอนฉีดยา แทบไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนคันๆนิดๆ นิดเดียวมากๆ จริงๆ
ส่วนที่หมอจะบอกว่าเจ็บ เราก็เกร็ง ลุ้นกลัวเจ็บ แต่ที่ไหนได้ แทบไม่รู้สึก หมอค่อยๆฉีด ค่อยๆเดินยา ใช้เวลาฉีดยาอย่างเดียวเกือบ 15 นาที
ระหว่างฉีดหมอก็จะเช็คตลอดว่าเราไหวไหม OK ไหม ถ้าไม่ไหวยกมือเลยนะ พูดให้กำลังใจว่าเราทำดีมาก มิหนำซ้ำ ผู้ช่วย ยังตบบ่าให้กำลังใจตลอดระหว่างฉีดยา คือ spoil คนไข้มาก ไม่เคยเจอมาก่อน
เราอ้าปาก มียางช่วยง้างปากอยู่พูดมากไม่ได้ คืออยากจะบอกหมอว่า คนที่ทำดีน่ะคือหมอนะ หนูไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ หมอมือเบาไปหรือเปล่า หนูเจอแย่กว่า มือหนักกว่าหมอห้าร้อยเท่ามาแล้ว แค่นี้ชิวๆ นะ

หลังจากฉีดยา ปากก็ชา ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้ว หมอก็ Clean ไป พร้อมทั้งบอกเป็นระยะว่า ตรงนี้จะรู้สึกเสียวฟันนิดนึงนะ ค่ะ นิดนึงมากๆ จริงๆ ก็เหมือนตอนหมอฉีดยาอะ แทบไม่รู้สึก
หมอ Clean เสร็จ ผู้ช่วยก็มาล้าง ใส่ยาให้ และขัดฟันให้ด้วย โอ้ว เขินนะ ไม่เคยมีใครขัดฟันให้มาก่อน

ทำเสร็จแล้ว ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่ทำวันนี้เราว่าก็เหมือนขูดหินปูนที่ไทยนะ ก็ไม่ได้ deep clean แบบควักเหงือกล้วงลึกอะไรมากมาย
เลือดก็ไม่เยอะ พอๆกับขูดหินปูน แต่ขูดหินปูนที่ไทยเจ็บกว่าเยอะ อยู่ไทยเราก็เข้าร้านหมอฟันบ่อย และเคยใส่เหล็กดัดฟันด้วย โดยอุดโดนขูด โดนทำเกือบทุกอย่าง ไม่เคยได้รับยาชาเลย จะเจ็บจะเสียวฟันก็ต้องทนเอา
มีตอนถอนฟันอย่างเดียวที่ได้ยาชา แต่ตอนฉีดยาก็เจ็บอีก หมอก็ฉีดแบบเร็วๆ
อ้อ ประสบการณ์หมอฟันของเราเป็นหมอฟันต่างจังหวัดนะคะ แต่เป็นจังหวัดใหญ่พอควร และเป็นตัวอ.เมือง หมอฟันที่กทม อาจมีการบริการ หรือมาตรฐานที่ดีกว่า แต่เราก็ไม่เคยทำ

ก่อนกลับบ้าน ได้น้ำยาบ้วนปากขวดเล็กของ Crest ได้แปรงสีฟัน Oral B ได้ยาสีฟัน Crest กับ Sensodyne หลอดเล็ก ได้ไหมขัดฟัน Oral B

หลังกลับบ้าน 3 ชม. หมอโทรมาถามด้วยว่าเป็นไงบ้าง OK ไหม เจ็บรึเปล่า ถ้าเจ็บให้กินยาแก้ปวดนะ Have a good weekend บลาๆ

ค่าเสียหายวันนี้ ราคาเต็ม $499 ประกันจ่าย $356 จ่ายเอง $143 ค่ะ
ครั้งหน้าทำอีกครึ่งปาก จ่ายอีก $63
คือมีประกันแล้ว แต่ค่าทำความสะอาดอย่างเดียวนี่ก็ปาเข้าไป $200 แล้วน่ะ ไม่รู้ว่าเพราะเราอยู่ย่านค่าครองชีพแพงด้วยรึเปล่า insurance เรา ถือว่าเป็นแบบที่ครอบคลุมค่อนข้างเยอะแล้ว แต่ก็นะ ถ้าไม่มีประกันนี่ก็คงจนกันไปเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่