แอบรักเพื่อนสนิท เราผิดมากไหม ? Star Map.

คุณยังจำเรื่องแอบรักสมัยที่คุณยังเรียนมัธยมอยู่ได้รึเปล่า  บ้างก็ว่าเป็น  Poppy  love  บ้างก็ว่าเป็นรักแรก  เรื่องราวของเจ้าของกระทู้เป็นเรื่องราวที่เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม  ด้วยหน้าตาธรรมดาบ้าน ๆ มีสิวเต็มหน้า รักษาอย่างไรไม่หาย  นิสัยห้าว ๆ เหมือนทอม แต่จิตใจเป็นผู้หญิง  แค่เอาความห้าวไว้เป็นเกราะให้คนอื่นเห็นเพื่อหลอกลวงตัวเองว่าเป็นคนเข้มแข็ง  แข็งแกร่ง  ด้วยทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เรายังโสด  เคยมีแฟนน่ะ แต่เค้าก็ไปหาคนที่สวยกว่า  น่ารักกว่า  ใครจะมาอย่กับยัยถึกหน้าสิว  วันวาเลนไทล์  เราเชื่อว่ามีผู้หญิงหลายนที่อยู่ถูกยัดเยียดให้จัดอยู่ในกลุ่ม  ลูกเป็ดขี้เหร่  เหมือนเราที่มันช่างทรานเหลือเกิน  เดินก้มหน้าทั้งวันทุกปี  แอบอิจฉาเพื่อนที่ได้ดอกไม้ ได้ลูกอม เจ้าของกระทู้ไม่เคยได้เลยสักปีค่ะ   เราเรียนอยู่รร.มัธยมแห่งนี้เพราะอยู่ใกล้บ้าน  แต่ก็ไม่ใกล่เท่าไหร่ เรียนตั้งแต่ม.1  จนถึงม. 3  ก็มีชอบรุ่นพี่บ้างแหละ  ผู้หญิงทุกคนต้องมีแอบปลื้มบ้าง  แต่รุ่นพี่ที่ฮอตส่วนใหญ่มักมีแฟนแล้ว  70%  ส่วนที่เหลือคือฮอตจริงแต่อยู่ในกลุ่มเลือกกกกก  เราก็ไม่ได้ปลื้มขนาดนั้น  พอขึ้นม. 4  ต้องเลือกสายเรียน เราตัดสินใจเรียนวิทย์ขคณิต  วันแรกของการเปิดเรียน  จำได้ป่าว  วันนี้คือวันแย่งชิงที่นั่งค่าาา   อุดส่าบอกเพื่อนจองที่นั่งให้  นางดันมาสายเหมือนกันค่าา  เราก็ชล่าใจ  ได้นั่งหลังห้องกันเลย  และก็มีเพื่อนใหม่ที่ย้ายโรงเรียนมา  มีเพื่อนคนหนึ่งครั้งแรกที่เห็นเขาได้นั่งหังห้องเหมือนกับเรา  เขายิ้มสวยมาก ยิ้มเห็นเขี้ยว ตัวสูง  ตัวใหญ่ ผิวสีแทน  จมูกโด่ง  เขาย้ายมาจากโรงเรียนเดียวกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง  ซึ่งสุดท้ายนางก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของเราเอง  5555  หลังจากเปิดเทอม  ด้วยความที่อยู่ห้องเดียวกัน  ก็มีบ้างี่จะแอบเผลอเห็นเขาเล่นกีตาร์  และเห็นเค้ายิ้ม (ยิ้มหวานมาก)  แรก ๆ ไม่สนืท  เหมือนเพื่อนุกคนที่ต้องทำกิจกรรมกลุ่ม  และพูดคุยกันทั่วไป  หลัง ๆ เรามาเป็นเพื่อนสนิทกันก็ตอนที่รร.หาตัวแทนแกนนำไปค่ายดาราศาสตร์จำนวน  6  คน  เพื่อนที่อยู่อีกห้องก็ชวนเราไป  แรก ๆ ก็ไม่สน  เพราะไม่ค่อยชอบกิจกรรม  พอถามว่ามีใครไปบ้าง หนึ่งในนั้นมีเพื่อนคนนี้ไปด้วย  จึงตัดสินใจไปร่วมค่ายด้วย   ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร  เพราะเพื่อนกันหมด  แต่มันเหมือนจุดเริ่มต้นของความลับของฉัน  การไปเข้าค่ายทำให้ทั้ง 6 คนสนิทกันมากขึ้น  จากที่แทบจะไม่ค่อยคุยกัน  กลายเป็นคุยกันไม่หยุด  เล่นกัน  เรียกชื่อกัน  ด่ากันเหมือนสนิท  เพราะแต่ละคนที่สมครเข้าค่าย ตัวแสบกันทั้งหมด  ความอลเวงจึงเกิด  555  แต่แปลกมันกลับทำให้ฉันเผลอจ้องมองรอยยิ้มของเขาบ่อยขึ้น  ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  ทำไมฉันถึงชอบแอบมองรอยยิ้มนั้นด้วย  ใกล้ถึงวันที่เราต้องกลับ  เราก็ได้ไปถ่ายรูปที่ลานโขดหิน  ฉันยอมรับว่าฉันแอบถ่ายรูปเขาตอนเขาวานให้เพื่อนอีกคนถ่ายรูปให้  เราได้เก็บภาพถ่ายเข้าค่ายไว้  และเมื่อกลับมารร.เราก็ได้จัดกิจกรรมค่าย  ทำให้เราทั้ง 6  คนสนิทกันมากขึ้น  หลัง ๆ มาฉันก็ได้รู้ว่าเค้าชอบเพื่อนอีกห้องหนึ่ง  และเขาได้คุยกันแล้ว  ฉันก็ถอยออกมา  คนที่เค้าคุยน่ารักมาก   เราหน้าสิว ห้าว เทียบชั้นไม่ได้เลย  ถอยออกมาอยู่ในมุมเดิม  พอใกล้วันจบการศึกษา  วันนั้นฉันได้วาดรูปเค้าจากรูปที่ฉันเคยแอบถ่ายที่ลานโขดหิน  และรูปใน  Face book  ของเขา  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยน่ะ  ฉันวาดรูปได้  แต่วาดอย่างอื่นมันง่ายกว่าวาดคน รู้สึกวาดยากมาก  ลบแก้หลายรอบ ทิ้งกระดาษไปตั้งหลายอัน  แต่สุดท้ายก็วาดเสร็  เพราะหวังจะเอาไปให้เพื่อนก่อนแยกกันไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย  แต่พอถึงวันสุดท้าย  ฉันตัดสินจอยู่นานที่จะเอาไปให้รึไม่ให้ดี  ฉันกลัวเขาจะรู้ในสิ่งที่ฉันรู้สึกและกลัวเสียเพื่อน   แต่มันก็คิดเสีว่า มันก็แค่รูป  เขาคงไม่ว่าอะไร  จึงเดินแล้วยื่นให้  ใจสั่นมาก  พูดฉันยังไม่มองหน้าเลย  และเย็นวันนั้นเพื่อนก็นัดสังสรรค์กันก่อนแยกย้ายกันเดินตามฝันของตัวเอง  เพื่อนที่เหลือก็ร้องเพลง นั่งเม้ามอย  ฉันมานั่งที่ระเบียงบ้านเพื่อน  เค้าก็อยู่นั่นด้วย  ท่าจะปลีกวิเวกมาหลบเสียงเพื่อนมั้ง  คุยกันไปเรื่อย ๆในกลุ่มเพื่อน  เพื่อนที่เหลือดันแยกย้ายออกไปร้องเพลงกันต่อ  มีแต่ฉันกับเขานั่งอยู่ที่ระเบียง  ฉันก็คุยไปเรื่อย  เขาก็ถามคำตอบคำ ฉันหันไปมองที่เขา  เขาหลับตาค่ะ  ฉันยังนึกในใจ  จากวันนี้  ถ้าแยกย้ายตามฝันของตัวเองไปแล้ว  ฉันยังจะมีโอกาสได้เห็นร้อยยิ้มของไอ่เพื่อนซื้คนนี้อยู่รึเปล่า  ตอนนั้นคิด  สิ่งที่ฉันมองมาตลอดคงไม่เกินกับคำว่าเพื่อน  เพราะสนิทกันจนมองเป็นอื่นไม่ได้  สักพักฉันก็ลุกกลับไปร้องเพลงกับเพื่อน  ก่อนไปเค้าก้ตามมา  ฉันบอกลาและกอดเค้าในฐานะเพื่อน  แล้วเราก็ลงมาร้องเพลงกับเพื่อนคนอื่น  กอดคอร้องเพลง  กันเหมือนทุกครั้ง  หลังจากวันนั้น  ฉันกับเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย  มีบางครั้งที่ฉันทักเฟสเขาไป  เขาก็ถามคำตอบคำ  แต่ฉันก็ทำอยู่อย่างนั้น  ฉันเป็นผ่านเริ่มสนทนาก่อนทุกครั้ง ฉันรู้ว่ามันไม่ควร  แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันก็ยังทำ  จนถึงวันหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าฉันคิดผิดที่ตัดสินใจบอกว่า  ฉันพึงรู้ตัวเองว่าฉันแอบชอบเค้า  เค้าไม่ตอบ  ได้แต่อ่าน  แล้วตอบมาค่าคำว่า "อืม"  เท่านั้น  หลังจากนั้นทำให้ฉันรู้สึกเฟลมาก  ไม่กล้าทักไปอีก  แต่ไม่ใช่าฉันจะไม่สนใจติดตามเค้า  ฉันยังแอบติดตามเพสเค้า  ยังไม่เลิกส่อง ยังไม่หลาบจำ  เฮอะ ๆ บางครั้งที่เข้าเหมือนมีปัญหา  และฉันมารู้ว่าเค้าพึ่งเลิกคบกับเพื่อนคนนั้น  และเข้าเพ้อในเฟส  ทำให้ฉันอดเป็นห่วงเค้าไม่ได้  ฉันทักเฟสไป  เค้าตอบกลับว่า "อย่ามายุ่งตอนนี้ได้ไหม"  จากนั้นฉันก็ไม่ทักไปอีกเลย  ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปสารภาพเขาทางข้อความ  ฉันก็ไม่กลับไปอ่านมันอีก  ฉันอยู่ในมุมของฉัน  เขาอยู่ในโลกของเค้า  ดีน่ะที่ฉันสอบไม่ติดที่เรียนเดียวกับเค้า  เพราะตอนนั้นฉันคิดแค่อยากสอติดที่เดียวกับเขาในคณะที่ตัวเราชอบ  แต่ถ้าฉันสอบติดจริง ฉันคงรู้สึกแย่กว่านี้  ผู้หญิงคนหนึ่งจะพัฒนาให้ตนเองสวย แล้วให้ใครที่เราอยากให้มาชอบเรามาชอบใันเป็นไปไม่ได้  ฉันจึกตัดใจและล้มเลิกความคิดนั้น มีครั้งหนึ่งที่ทุกคนกลับมาเยี่ยมโรงเรียน ฉันก็ไปด้วยเพราะรู้ว่าเขาไปด้วย  ฉันขอให้เพื่อนสนิทอยู่บนสะพานลอยกับฉันเพื่อจะได้เห็นเขาตอนเค้าาถึง จากนั้น พอใกล้จบปีสี่  ฉันได้ข่าวว่าเขาจะมาฝึกงานใกล้กับที่ฉันเรียน  ฉันกลับมาดีใจมาก ทักเค้าไปให้เราช่วยอะไรมั้ย  และเพื่อนที่มาเรียนพร้อมกันจากรร.เดียวกันก้อบอกให้มาเจอเขาพร้อมกัน  เขาอยู่ที่นี่แล้ว  ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูกที่ได้เจอเขาอีกครั้ง  ช่วงนั้นสิวหายแล้วแต่ยังแต่งตวห้าวเหมือนเดิม  ทำไมไม่บอกเนิ่น ๆ ว่าจะมา จะได้แต่งให้สวยให้ดูได้   เราืนคุยกันพร้อมเพื่อน ๆ อย่างเดิม  ฉันเผลอใจลอยมองร้อยยิ้มเขาอีกแล้ว   ความรู้สึกนั้นกลับมาอีก  ทำไม เขายังดูเหมือนเดิม  แต่ยิ้มหวานกว่าเดิมอีก  เขาดูดีกว่าแต่ก่อน ขาวขึ้น  หน้าคมมาก หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลยทั้งที่เขาอยู่ใกล้กันแค่นี้    พอเขาฝึกงานเสร็จเขาก้อหลับไปจากนั้นฉันก็ไม่เจอเขาอีก และไม่ได้ติดตามเฟสเขาเลย มาวันหนึ่งที่ฉันรู้สึกแปลกกับตนเองมาก ฉันมาเดินซื้อของคนเดียวในห้างใกล้กับที่เรียน  อยู่ ๆ ภาพรอยยิ้มของเขาก็ปรากฏขึ้นในหัวของฉัน ซ้ำ ๆ หลายครั้งในขณที่ฉันเดินซื้อของ แล้วใจฉันเต้นแรงมาก  งงกับตัวเองเป็นอะไรทำไมมาคิดถึงเค้าแล้วใจเต้น ขณะที่ฉันเลือกซื้อเนย อยู่ ๆ ก็มีคนมาสะกิด  พอหันไปแค่นั้น  แทบจะเป็นลมจริง ๆ เขามาสกิดเรา  ทำอะไรไม่ถูก  ไม่กล้าสบตาเลย  แทบจะไม่ได้คุยอะไร  มัวหลบสายตากับใจเต้นไม่หาย  เขาบอกมาส่งแม่ซื้อของ  หัวใจแทบหยุดเต้น  จากเหตุการณ์นั้นมา  เราก็ไม่ได้เจอกัน  แต่เราก็ทักเฟสไปบางครั้ง  เขาก็ถามคำตอบคำเหมือนเดิม  เราคิดว่า เขาคงคุยกับแฟนอยู่มั้ง  หงอยเลยยย  แต่ก็ไม่ล่ะความพยายาม  จนวันหนึ่งเราเห็นเพื่อนเขาขึ้นสถานะว่าเขาจะไปทำงานต่างประเทศ บอกตามตรงรู้สึกใจหายมาก  แค่อยู่ในประเทศเดียวกันแทบจะยังไม่เจอ  ไปอยู่ต่างประเทศไม่บอกกันซักคำ  น่าน้อยใจ  เพื่อนก็เพื่อนเอาะ  ฉันได้ส่งรูปแผนที่ดวงดาวที่เราไปเข้าค่ายให้เขา  และท้องฟ้าเมืองไทยและชวนเค้าคุย  ทกครั้งเขาก้อถามคำตอบคำ  จากนั้นมาจนถึงวันนี้ เกือบ  9  ปีเต็มแล้ว  บางครั้งฉันก็ท้อเป็นเหมือนกัน  พยายามเท่าไหร่ก็เป็นได้แค่เพื่อน พัฒนาตนเองให้ดูได้เท่าไหร่  ก็แค่เพื่อนที่เราถามคำเขาตอบคำ ฉันเลยตัดสินใจคบกับอีกคน  แต่ทำไม  ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงกีตาร์ ภาพรอยยิ้มของเขาและภาพที่เขาเล่นกีตาร์ยังลอยมาในหัวของฉันทุกครั้ง   ฉันส่งเพลง ไม่เคย ของ  25  hours  ให้เขาน่ะ  แต่เขาเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย  ฉันพยายามมาหลายปี มันนานมาก  จนวันนี้ฉันท้อไปแล้ว  ฉันไม่รู้ว่าที่ฉันรู้สึกเค้ารับรู้ในสิ่งที่ฉันทำที่ฉันบอกรึเปล่า  ฉันถอยห่างออกมาแล้ว  ทฤษฎีจิตวิทยาทีว่า  คุย20 วันวันที่ 21  เขาจะทักมาถ้าเขารู้สึก  ฉันก็ทำ ฉันบ้ามากเลย  ขอโทษน่ะเพื่อนรักที่ฉันคิดกับนายเกินเพื่อน  เราขอโทษ อยู่ที่นู่นดูแลตัวเองด้วยน่ะ เพื่อนคนนี้เป็นห่วง  ระวังงูด้วยล่ะ  อย่าให้มันต้องเลื้อยผ่านเท้าอีก เวลาสำรวจก็ระวังพายุฝุ่นเข้าหน้าด้วยล่ะ  ใส่แว่นตาบ้าง  นี่  เพราะ ๆ เรื่องเล้าเบยร์บ้าง  พุงแกจะแตกอยู่แล้ว  อ้วน!  ไว้เคราไม่หล่อเลย  เดียวสาว ๆ หายน่ะ  โกนหนวดซ่ะบ้าง  กลับมาขอให้ขาว ๆ น่ะ  ปล่อยตากแดด   กินข้าวด้วย  กูเป็นห่วงน่ะเมิง  กีตาร์เขียวหน่ะ  หัดเล่นเพลงที่ส่งไปบ้าง  กลับมาเพื่อนรอฟังอยู่  ....  ไอ่ขนมก๊อบแก๊บ  ข้าวโพดสีเหลือง  ^__^ หวังว่าเมิงจะได้อ่าน  ขอบคุณ

  มาจนวันนี้ 9 ปี  แล้ว  เจ้าของกระทู้แล้วควรจะแอบรักต่อไปไหม  ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่