สวัสดีอีกครั้งครับ หลังจากแนะนำบ้านหลังใหม่กันไปในตอนที่แล้ว (
http://ppantip.com/topic/33979050)
ก็เริ่มเที่ยวกันเลยแล้วกัน วันนี้ผมขอกล่าวถึง Harder Kulm (1,322 m.) และ Schynige Platte (1,967 m.)
ทั้งสองสถานที่นี้เราได้ไปเยือนในวันที่ 2 ของการเดินทาง
Harder Kulm อยู่วงกลมสีแดงด้านซ้านบน Schynige Platte อยู่ในวงกลมด้านขวาล่าง
เริ่มต้นจากที่พักคืนแรกในเมือง Luzern เราออกเดินทางตั้งแต่ 9 โมงเช้า และมาถึงสถานีรถไฟ Interlaken Ost เวลาประมาณ 11.00 น. จึงรีบจัดการซื้อ Regional Pass สำหรับใช้ในการเดินทางตลอด 10 วันนี้ (รายละเอียดการใช้งานจะได้กล่าวไว้ในแต่ละสถานที่อีกครั้งนะครับ)
Regional Pass การใช้งานคล้ายๆกับ Swiss Pass แต่จำเพาะเจาะจงใช้ในพื้นที่ Bernese Oberland ครอบคลุมการเดินทางทั้งรถไฟ รถเมล์ รถกระเช้า และเรือ รวมทั้งเป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ต่างๆ
ระยะทางของรถไฟ (ฟรี) นั้น หากเอาเมือง Interlaken เป็นจุดศูนย์กลาง จะครอบคลุมไปถึงเมือง Luzern ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมือง Bern ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมือง Gstaad ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมือง Meiringen ทางทิศตะวันออก และ เมือง Brig ทางทิศใต้
ขอบเขตของ Regional Pass ไล่ตามสีของพาหนะก่อนนะครับ
สีแดง -- รถไฟ สีเหลือง -- รถเมล์ สีดำ -- รถกระเช้า สีขาว -- เรือ
ตามน้ำหนักเส้น
เส้นทึบ -- ฟรี ตลอดงาน เส้นประจุดใหญ่ -- ครึ่งราคา เส้นประจุดเล็ก --- ลดราคา
วันที่ครอบคลุมมีแบบ 4 , 6 , 8 และ 10 วัน ราคาสำหรับการเดินทางชั้น 2 ได้แก่ 240 , 300 , 340 และ 380 CHF/คน ตามลำดับ เราสามารถให้พนักงานออกตั๋วที่ช่องขายตั๋วในสถานีรถไฟ(ในพื้นที่)ได้ตามปกติ โดยใช้ Passport เพื่อระบุชื่อของผู้ใช้งาน นอกจาก Pass แล้ว เราได้หนังสือตารางรถมาเล่มหนึ่งซึ่งมีประโยชน์ในการวางแผนมาก และแผ่นพับแสดงสถานที่ที่สามารถใช้งาน Pass ได้
หลังจากจัดการเรื่อง Pass แล้ว ผมก็เข้าไปปลดเปลื้องสัมภาระที่โรงแรม ซึ่งเป็นการลากกระเป๋าเดินทางครั้งก่อนสุดท้าย (ครั้งสุดท้ายในวันกลับ) กว่าจะกลับมาที่ Interlaken และกินข้าวกลางวัน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 13.00 น. เอาล่ะจะได้เริ่มเที่ยวกันซะที
เนื่องจากเหลือเวลาที่จำกัดเพียงแค่ช่วงบ่าย และหลายๆอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง รวมกับท้องฟ้าที่มีเมฆ หมอกมากเหลือเกิน ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเที่ยว Harder Kulm ก่อน เพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง Interlaken มากเดินทางไม่นาน ตกลงกันได้ตามนี้ งั้นไปกันเลย
จากสถานี Interlaken Ost เราหันหลังให้สถานี เดินมุ่งหน้าไปยังถนนที่มีต้นไม้เขียวๆ ขนาบทางเดินทั้งสองฝั่ง เราจะเดินผ่าน Youth Hostel หน้าตาดี ดูหรูหราทางขวามือ หลังจากนั้นเดินข้ามถนนเล็กๆ จะมีสวนดอกไม้ ถัดไปเป็นแม่น้ำ Aare ทางขวามือเช่นกัน เดินมุ่งหน้าต่อไป จะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ Aare ทางขวามือ เมื่อข้ามสะพานไปแล้วก็จะเห็นสถานีรถสำหรับขึ้น Harder Kulm ตั้งเด่นอยู่ต่อหน้าต่อตา รวมเวลาเดินทั้งหมดจากสถานีรถไฟไม่เกิน 10 นาที (บอกแล้วครับว่าง่ายๆ)
Youth Hostel และแนวต้นไม้ตามถนน (รูปนี้ถ่ายย้อนกลับมานะครับ)
ข้ามสะพานขวามือของวงเวียนดอกไม้นี้ครับ
Harder Kulm ลิบๆ มุมมองจากแม่น้ำ Aare
Regional Pass ที่เพิ่งถอยมาสดๆร้อนๆ ถูกควักออกมา เพื่อรับใช้เจ้านายเป็นครั้งแรก เพราะสามารถใช้เพื่อขึ้น Harder Kulm ได้ฟรี ๆ รอบที่ขึ้นส่วนใหญ่จะมีชั่วโมงละ 2 รอบ ที่นาทีที่ :10 และ :40 แต่จะมีคาดเคลื่อนไปบ้างในบางชั่วโมง รอบดึกสุด 20:55 น. ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 8 นาที โดยผ่านส่วนที่เป็นป่าสน และวิวหลังคาบ้านเรือนใน Interlaken และด้วยความชันก็ส่งผลให้ผู้ที่กลัวความสูงอาจรู้สึกหวาดเสียวได้ เมื่อเรามาถึงสถานีด้านบน เดินอีกไม่เกิน 100 ก้าว ก็จะถึงจุดชมวิว มีร้านอาหาร และระเบียงที่ยื่นออกจากยอกเขา ที่นี่เราสามารถเห็นตัวเมือง Interlaken ทะเลสาบ Brienz ทางด้านซ้าย และทะเลสาบ Thun ทางด้านขวา ที่มาของชื่อ Inter – lake(n) นอกจากนี้ เราจะได้เห็นซอกเขาที่ที่รถไฟจะเข้าไปยัง Grindelwald และ Lauterbrunnen ในวันที่ท้องฟ้าสดใส (แต่ไม่ใช่ในวันนี้) เรายังสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงยอดเขาหิมะมีชื่อ หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูป รับบรรยากาศ ปรับอุณหภูมิในร่างกายซักพัก เราก็ลงจาก Harder Kulm เดินกลับมาที่สถานี Interlaken Ost แล้วนั่งรถไฟเพื่อไปยัง Wilderswil
มองหายอด Eiger Monch และ Jungfrau ในสายหมอก
จุดชมวิวจากยอด Harder Kulm
ยอด Niesen Kulm ทางซ้ายมือยังกับปิรามิด และทะเลสาบ Thun (
http://ppantip.com/topic/34039335) และเมือง Beatenberg (
http://ppantip.com/topic/34197707)
ทะเลสาบ Brienz (
http://ppantip.com/topic/33998782)
ตัวเมือง Interlaken เบื้องล่าง
ร้านอาหารและขายของที่ระลึก
แม่น้ำ Aare กำลังไหลไปยังทะเลสาบ Thun
ใช่แล้ว สถานีต่อไปในการท่องเที่ยววันนี้ได้แก่ Schynige Platte ที่เที่ยวใกล้เมืองอีกที่หนึ่ง เริ่มต้นจาก Interlaken Ost ใช้เวลาเพียง 4 นาทีมายังสถานี Wilderswil รถไฟออกทุกนาทีที่ :05 และ :35 อย่างไรก็ตามแต่ละชั่วโมงมีเที่ยวรถไม่แน่นอนต้องตรวจสอบก่อนเดินทาง เมื่อถึง Wilderswil แล้วเราต้องเปลี่ยนมานั่งรถไฟรูปร่างคลาสสิคสีแดงและครีมที่อยู่ข้างๆ รางรถไฟหลัก แต่ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ มีเวลาให้ชมวิว สูดอากาศสดชื่น อีกกว่า 15 นาที ก่อนรถไฟจะแล่นขึ้นไปส่งเรายัง Schynige Platte โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 50 นาที ค่าเดินทางถ้าไม่มี Pass ตกอยู่ที่ 64 CHF/คน ถ้ามี Pass ก็.....ฟรีอีกแล้วครับ
ตามประวัติทางรถไฟขึ้น Schynige Platte เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1891 เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1893 (วันที่ผมไปเยือนทางรถไฟมีอายุ 122 ปีกับ 4 วัน) ระยะแรกอยู่ในความครอบครองของโรงแรมบนภูเขา แต่ปัญหาเรื่องรายรับ รายจ่าย จนสุดท้ายขาดทุน ดังนั้นในปี 1895 จึงตกเป็นของ Bernese Oberland Railway
รถไฟคลาสสิคนี้ออกจะเคลื่อนตัวแบบ Sweet and Cool (หวานเย็น) ค่อยๆไต่เขาขึ้นไปๆ ผ่านทุ่งหญ้าและดอกไม้ในชั้นแรก ก่อนจะเข้าป่าสนในชั้นถัดไป เมื่อรางรถไฟหักเลี้ยวพารถไฟกลับซ้ายทีกลับขวาทีคราวใด เราก็จะได้พบกับมุมมอง การจัดเรียงตัวใหม่ๆ ระหว่าง ป่าสน ภูเขา วิวเมืองด้านล่าง หรือยอด Harder kulm ไกลๆ
สภาพภายในรถไฟคลาสสิคพอๆกับวิธีการแล่นของมัน
ระหว่างทางขึ้นนี้มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจก่อนถึงยอดเขา อยู่ 2 จุด ได้แก่ที่สถานี Breitlauenen ซึ่งเป็นสถานีกลางทางเพียงสถานีเดียวที่รถไฟจอดพัก (ไม่เกิน 5 นาที) ข้ามทางรถไฟไปมีจุดชมวิวที่เป็นที่ระลึกแด่ Ferdinand Hodler ศิลปินชื่อดังชาว Bernese ที่มีผลงานภาพวาดเชิงสัญญลักษณ์ รวมทั้งทะเลสาบและภูเขาต่างๆในประเทศนี้ ที่จุดชมวิวที่ยื่นไปนี้สามารถเห็นทะเลสาบทั้งสองที่ขนาบเมืองได้ (ผมไม่กล้าลงไปดูกลัวตกรถครับ)
จุดชมวิว Ferdinand Hodler เดินตัดทุ่งหญ้าและดอกไม้ ไม่ไกลจากสถานี
อีกจุดหนึ่งได้แก่ อุโมงค์ Gratli --- เมื่อรถไฟลอดผ่านไปจนสุดที่ปลายของอุโมงค์ ท่านจะได้พบกับวิวของสามยอดเขามีชื่อ Eiger Monch และ Jungfrau ในแบบมุมกว้างจนต้องร้องด้วยเสียง Ah , Oh อุโมงค์นี้จึงมีชื่อเล่นที่ตั้งโดยคนท้องถิ่นว่า อุโมงค์ “Ah & Oh” ---- ผมเองได้อ่านข้อมูลนี้ในภายหลัง แต่เป็นอย่างที่คนท้องถิ่นได้กล่าวไว้จริงๆ แม้หมอกจะหนาไปหน่อยแต่ภาพที่เห็น ก็ทำให้ผมร้องอุทานในใจ “ว้าว! อะไรมันจะสวยเพียงนี้” (ซึ่งผมต้องอุทานในใจแบบนี้อีกหลายรอบในหลายวันถัดๆมา)
ที่ยอดของ Schynige Platte เรามีกำหนดเวลาที่รู้แน่ชัดก็คือ รถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกจากสถานีเวลา 17:53 น. เมื่อเราหันหลังให้สถานี ด้านขวามือเป็นยอดเขาหิมะ เดินไปเล็กน้อยทางซ้ายมือจะเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ จัดแสดงไว้อยู่กลางแจ้ง ดอกไม้ปลูกไปตามธรรมชาติ ตั้งตัวกันไล่ระดับไปตามความลาดเอียงของเนินแบบเป็นตามธรรมชาติ มีดอกไม้ของสวิสสีสันสวยงาม จำนวนกว่า 650 สายพันธุ์ บอกชื่อเสียงเรียงนามไว้ครบ ช่วงที่ออกดอกของแต่ละชนิดไล่เรียงกันไปตั้งแต่เดือน มิถุนายน จนกระทั่ง กันยายน
สถานีรถไฟบนยอด Schynige Platte
สวนดอกไม้ตามธรรมชาติ
ยอดเขาและทุ่งหญ้าสีเขียว
เราเดินเที่ยวรอบๆ ดูภูเขาและดอกไม้แต่ทั้งหมดนี้ปกคลุมไปด้วยสายหมอก และก้อนเมฆ จนซักพักหมอกก็เริ่มจางตัวลงเล็กน้อย พอให้เห็นยอดภูเขาหิมะ กระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้นให้ลุกโชนขึ้นมาบ้าง
ยอด Eiger Monch และ Jungfrau แม้จะมาใกล้ขึ้นจาก Harder Kulm
แต่ครั้งนี้ใกล้ไกลไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่บดบังไว้ ทำให้ไม่เห็นได้ชัดเจนเหมือนๆกัน
มองหาแล้วแต่ยังไม่เจอ
เราใช้เวลาเดินเล่นอยู่เพียง 1 ชม. ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ที่เดินก็น่าจะประมาณ 10% แล้วจึงลงจากยอด Schynige Platte เวลา 16:21 น. ทั้งนี้เพื่อมาจัดการเช็คอินที่โรงแรมให้เรียบร้อยก่อน ระหว่างขาลงยังวางแผนกันว่าจะพยายามจัดสรรวันและเวลาขึ้นมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่แผนการจนกระทั่งวันกลับ จาก Schynige Platte มีที่สำหรับเดินเที่ยวหลายเส้นทาง ที่ใกล้หน่อยคือ Oberberghorn ใช้เวลา 1 – 1.5 ชม. เลยไปอีกนิดคือ Louchernhorn (2,230 m.) ใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 ชม. ยอดเขาทั้งสองผมสามารถมองเห็นได้จากห้องพักใน Ringgenberg ดังนั้นเส้นทางนี้ก็น่าจะได้เห็นทะเลสาบ Brienz เบื้องล่าง มีอีกเส้นทางหนึ่งที่ไกลออกไปคือไปยัง First (2,168 m.) ผ่านยอด Faulhorn (2,686 m.) ที่ใช้เวลารวมประมาณ 6 ชม. (ผมทราบตอนไปเที่ยว First ว่าจาก First ไปยัง Faulhorn ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.)
ยอด Oberberghorn ทางซ้ายมือ และยอด Louchernhorn ทางขวามือ
วันนี้เป็นวันเปิดการท่องเที่ยวรอบนี้ แม้ฟ้าจะไม่เปิดตาม แต่ภาพในสายหมอกก็ไม่เลวร้ายเลย ผมเริ่มเปิดใจรับความสุขจากการท่องเที่ยวครั้งนี้แล้ว....แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป
[CR] Made in Bernese Oberland : Harder Kulm / Schynige Platte - Opening
ก็เริ่มเที่ยวกันเลยแล้วกัน วันนี้ผมขอกล่าวถึง Harder Kulm (1,322 m.) และ Schynige Platte (1,967 m.)
ทั้งสองสถานที่นี้เราได้ไปเยือนในวันที่ 2 ของการเดินทาง
Harder Kulm อยู่วงกลมสีแดงด้านซ้านบน Schynige Platte อยู่ในวงกลมด้านขวาล่าง
เริ่มต้นจากที่พักคืนแรกในเมือง Luzern เราออกเดินทางตั้งแต่ 9 โมงเช้า และมาถึงสถานีรถไฟ Interlaken Ost เวลาประมาณ 11.00 น. จึงรีบจัดการซื้อ Regional Pass สำหรับใช้ในการเดินทางตลอด 10 วันนี้ (รายละเอียดการใช้งานจะได้กล่าวไว้ในแต่ละสถานที่อีกครั้งนะครับ)
Regional Pass การใช้งานคล้ายๆกับ Swiss Pass แต่จำเพาะเจาะจงใช้ในพื้นที่ Bernese Oberland ครอบคลุมการเดินทางทั้งรถไฟ รถเมล์ รถกระเช้า และเรือ รวมทั้งเป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ต่างๆ
ระยะทางของรถไฟ (ฟรี) นั้น หากเอาเมือง Interlaken เป็นจุดศูนย์กลาง จะครอบคลุมไปถึงเมือง Luzern ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมือง Bern ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมือง Gstaad ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมือง Meiringen ทางทิศตะวันออก และ เมือง Brig ทางทิศใต้
ขอบเขตของ Regional Pass ไล่ตามสีของพาหนะก่อนนะครับ
สีแดง -- รถไฟ สีเหลือง -- รถเมล์ สีดำ -- รถกระเช้า สีขาว -- เรือ
ตามน้ำหนักเส้น
เส้นทึบ -- ฟรี ตลอดงาน เส้นประจุดใหญ่ -- ครึ่งราคา เส้นประจุดเล็ก --- ลดราคา
วันที่ครอบคลุมมีแบบ 4 , 6 , 8 และ 10 วัน ราคาสำหรับการเดินทางชั้น 2 ได้แก่ 240 , 300 , 340 และ 380 CHF/คน ตามลำดับ เราสามารถให้พนักงานออกตั๋วที่ช่องขายตั๋วในสถานีรถไฟ(ในพื้นที่)ได้ตามปกติ โดยใช้ Passport เพื่อระบุชื่อของผู้ใช้งาน นอกจาก Pass แล้ว เราได้หนังสือตารางรถมาเล่มหนึ่งซึ่งมีประโยชน์ในการวางแผนมาก และแผ่นพับแสดงสถานที่ที่สามารถใช้งาน Pass ได้
หลังจากจัดการเรื่อง Pass แล้ว ผมก็เข้าไปปลดเปลื้องสัมภาระที่โรงแรม ซึ่งเป็นการลากกระเป๋าเดินทางครั้งก่อนสุดท้าย (ครั้งสุดท้ายในวันกลับ) กว่าจะกลับมาที่ Interlaken และกินข้าวกลางวัน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 13.00 น. เอาล่ะจะได้เริ่มเที่ยวกันซะที
เนื่องจากเหลือเวลาที่จำกัดเพียงแค่ช่วงบ่าย และหลายๆอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง รวมกับท้องฟ้าที่มีเมฆ หมอกมากเหลือเกิน ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเที่ยว Harder Kulm ก่อน เพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง Interlaken มากเดินทางไม่นาน ตกลงกันได้ตามนี้ งั้นไปกันเลย
จากสถานี Interlaken Ost เราหันหลังให้สถานี เดินมุ่งหน้าไปยังถนนที่มีต้นไม้เขียวๆ ขนาบทางเดินทั้งสองฝั่ง เราจะเดินผ่าน Youth Hostel หน้าตาดี ดูหรูหราทางขวามือ หลังจากนั้นเดินข้ามถนนเล็กๆ จะมีสวนดอกไม้ ถัดไปเป็นแม่น้ำ Aare ทางขวามือเช่นกัน เดินมุ่งหน้าต่อไป จะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ Aare ทางขวามือ เมื่อข้ามสะพานไปแล้วก็จะเห็นสถานีรถสำหรับขึ้น Harder Kulm ตั้งเด่นอยู่ต่อหน้าต่อตา รวมเวลาเดินทั้งหมดจากสถานีรถไฟไม่เกิน 10 นาที (บอกแล้วครับว่าง่ายๆ)
Youth Hostel และแนวต้นไม้ตามถนน (รูปนี้ถ่ายย้อนกลับมานะครับ)
ข้ามสะพานขวามือของวงเวียนดอกไม้นี้ครับ
Harder Kulm ลิบๆ มุมมองจากแม่น้ำ Aare
Regional Pass ที่เพิ่งถอยมาสดๆร้อนๆ ถูกควักออกมา เพื่อรับใช้เจ้านายเป็นครั้งแรก เพราะสามารถใช้เพื่อขึ้น Harder Kulm ได้ฟรี ๆ รอบที่ขึ้นส่วนใหญ่จะมีชั่วโมงละ 2 รอบ ที่นาทีที่ :10 และ :40 แต่จะมีคาดเคลื่อนไปบ้างในบางชั่วโมง รอบดึกสุด 20:55 น. ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 8 นาที โดยผ่านส่วนที่เป็นป่าสน และวิวหลังคาบ้านเรือนใน Interlaken และด้วยความชันก็ส่งผลให้ผู้ที่กลัวความสูงอาจรู้สึกหวาดเสียวได้ เมื่อเรามาถึงสถานีด้านบน เดินอีกไม่เกิน 100 ก้าว ก็จะถึงจุดชมวิว มีร้านอาหาร และระเบียงที่ยื่นออกจากยอกเขา ที่นี่เราสามารถเห็นตัวเมือง Interlaken ทะเลสาบ Brienz ทางด้านซ้าย และทะเลสาบ Thun ทางด้านขวา ที่มาของชื่อ Inter – lake(n) นอกจากนี้ เราจะได้เห็นซอกเขาที่ที่รถไฟจะเข้าไปยัง Grindelwald และ Lauterbrunnen ในวันที่ท้องฟ้าสดใส (แต่ไม่ใช่ในวันนี้) เรายังสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงยอดเขาหิมะมีชื่อ หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูป รับบรรยากาศ ปรับอุณหภูมิในร่างกายซักพัก เราก็ลงจาก Harder Kulm เดินกลับมาที่สถานี Interlaken Ost แล้วนั่งรถไฟเพื่อไปยัง Wilderswil
มองหายอด Eiger Monch และ Jungfrau ในสายหมอก
จุดชมวิวจากยอด Harder Kulm
ยอด Niesen Kulm ทางซ้ายมือยังกับปิรามิด และทะเลสาบ Thun (http://ppantip.com/topic/34039335) และเมือง Beatenberg (http://ppantip.com/topic/34197707)
ทะเลสาบ Brienz (http://ppantip.com/topic/33998782)
ตัวเมือง Interlaken เบื้องล่าง
ร้านอาหารและขายของที่ระลึก
แม่น้ำ Aare กำลังไหลไปยังทะเลสาบ Thun
ใช่แล้ว สถานีต่อไปในการท่องเที่ยววันนี้ได้แก่ Schynige Platte ที่เที่ยวใกล้เมืองอีกที่หนึ่ง เริ่มต้นจาก Interlaken Ost ใช้เวลาเพียง 4 นาทีมายังสถานี Wilderswil รถไฟออกทุกนาทีที่ :05 และ :35 อย่างไรก็ตามแต่ละชั่วโมงมีเที่ยวรถไม่แน่นอนต้องตรวจสอบก่อนเดินทาง เมื่อถึง Wilderswil แล้วเราต้องเปลี่ยนมานั่งรถไฟรูปร่างคลาสสิคสีแดงและครีมที่อยู่ข้างๆ รางรถไฟหลัก แต่ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ มีเวลาให้ชมวิว สูดอากาศสดชื่น อีกกว่า 15 นาที ก่อนรถไฟจะแล่นขึ้นไปส่งเรายัง Schynige Platte โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 50 นาที ค่าเดินทางถ้าไม่มี Pass ตกอยู่ที่ 64 CHF/คน ถ้ามี Pass ก็.....ฟรีอีกแล้วครับ
ตามประวัติทางรถไฟขึ้น Schynige Platte เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1891 เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1893 (วันที่ผมไปเยือนทางรถไฟมีอายุ 122 ปีกับ 4 วัน) ระยะแรกอยู่ในความครอบครองของโรงแรมบนภูเขา แต่ปัญหาเรื่องรายรับ รายจ่าย จนสุดท้ายขาดทุน ดังนั้นในปี 1895 จึงตกเป็นของ Bernese Oberland Railway
รถไฟคลาสสิคนี้ออกจะเคลื่อนตัวแบบ Sweet and Cool (หวานเย็น) ค่อยๆไต่เขาขึ้นไปๆ ผ่านทุ่งหญ้าและดอกไม้ในชั้นแรก ก่อนจะเข้าป่าสนในชั้นถัดไป เมื่อรางรถไฟหักเลี้ยวพารถไฟกลับซ้ายทีกลับขวาทีคราวใด เราก็จะได้พบกับมุมมอง การจัดเรียงตัวใหม่ๆ ระหว่าง ป่าสน ภูเขา วิวเมืองด้านล่าง หรือยอด Harder kulm ไกลๆ
สภาพภายในรถไฟคลาสสิคพอๆกับวิธีการแล่นของมัน
ระหว่างทางขึ้นนี้มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจก่อนถึงยอดเขา อยู่ 2 จุด ได้แก่ที่สถานี Breitlauenen ซึ่งเป็นสถานีกลางทางเพียงสถานีเดียวที่รถไฟจอดพัก (ไม่เกิน 5 นาที) ข้ามทางรถไฟไปมีจุดชมวิวที่เป็นที่ระลึกแด่ Ferdinand Hodler ศิลปินชื่อดังชาว Bernese ที่มีผลงานภาพวาดเชิงสัญญลักษณ์ รวมทั้งทะเลสาบและภูเขาต่างๆในประเทศนี้ ที่จุดชมวิวที่ยื่นไปนี้สามารถเห็นทะเลสาบทั้งสองที่ขนาบเมืองได้ (ผมไม่กล้าลงไปดูกลัวตกรถครับ)
จุดชมวิว Ferdinand Hodler เดินตัดทุ่งหญ้าและดอกไม้ ไม่ไกลจากสถานี
อีกจุดหนึ่งได้แก่ อุโมงค์ Gratli --- เมื่อรถไฟลอดผ่านไปจนสุดที่ปลายของอุโมงค์ ท่านจะได้พบกับวิวของสามยอดเขามีชื่อ Eiger Monch และ Jungfrau ในแบบมุมกว้างจนต้องร้องด้วยเสียง Ah , Oh อุโมงค์นี้จึงมีชื่อเล่นที่ตั้งโดยคนท้องถิ่นว่า อุโมงค์ “Ah & Oh” ---- ผมเองได้อ่านข้อมูลนี้ในภายหลัง แต่เป็นอย่างที่คนท้องถิ่นได้กล่าวไว้จริงๆ แม้หมอกจะหนาไปหน่อยแต่ภาพที่เห็น ก็ทำให้ผมร้องอุทานในใจ “ว้าว! อะไรมันจะสวยเพียงนี้” (ซึ่งผมต้องอุทานในใจแบบนี้อีกหลายรอบในหลายวันถัดๆมา)
ที่ยอดของ Schynige Platte เรามีกำหนดเวลาที่รู้แน่ชัดก็คือ รถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกจากสถานีเวลา 17:53 น. เมื่อเราหันหลังให้สถานี ด้านขวามือเป็นยอดเขาหิมะ เดินไปเล็กน้อยทางซ้ายมือจะเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ จัดแสดงไว้อยู่กลางแจ้ง ดอกไม้ปลูกไปตามธรรมชาติ ตั้งตัวกันไล่ระดับไปตามความลาดเอียงของเนินแบบเป็นตามธรรมชาติ มีดอกไม้ของสวิสสีสันสวยงาม จำนวนกว่า 650 สายพันธุ์ บอกชื่อเสียงเรียงนามไว้ครบ ช่วงที่ออกดอกของแต่ละชนิดไล่เรียงกันไปตั้งแต่เดือน มิถุนายน จนกระทั่ง กันยายน
สถานีรถไฟบนยอด Schynige Platte
สวนดอกไม้ตามธรรมชาติ
ยอดเขาและทุ่งหญ้าสีเขียว
เราเดินเที่ยวรอบๆ ดูภูเขาและดอกไม้แต่ทั้งหมดนี้ปกคลุมไปด้วยสายหมอก และก้อนเมฆ จนซักพักหมอกก็เริ่มจางตัวลงเล็กน้อย พอให้เห็นยอดภูเขาหิมะ กระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้นให้ลุกโชนขึ้นมาบ้าง
ยอด Eiger Monch และ Jungfrau แม้จะมาใกล้ขึ้นจาก Harder Kulm
แต่ครั้งนี้ใกล้ไกลไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่บดบังไว้ ทำให้ไม่เห็นได้ชัดเจนเหมือนๆกัน
มองหาแล้วแต่ยังไม่เจอ
เราใช้เวลาเดินเล่นอยู่เพียง 1 ชม. ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ที่เดินก็น่าจะประมาณ 10% แล้วจึงลงจากยอด Schynige Platte เวลา 16:21 น. ทั้งนี้เพื่อมาจัดการเช็คอินที่โรงแรมให้เรียบร้อยก่อน ระหว่างขาลงยังวางแผนกันว่าจะพยายามจัดสรรวันและเวลาขึ้นมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่แผนการจนกระทั่งวันกลับ จาก Schynige Platte มีที่สำหรับเดินเที่ยวหลายเส้นทาง ที่ใกล้หน่อยคือ Oberberghorn ใช้เวลา 1 – 1.5 ชม. เลยไปอีกนิดคือ Louchernhorn (2,230 m.) ใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 ชม. ยอดเขาทั้งสองผมสามารถมองเห็นได้จากห้องพักใน Ringgenberg ดังนั้นเส้นทางนี้ก็น่าจะได้เห็นทะเลสาบ Brienz เบื้องล่าง มีอีกเส้นทางหนึ่งที่ไกลออกไปคือไปยัง First (2,168 m.) ผ่านยอด Faulhorn (2,686 m.) ที่ใช้เวลารวมประมาณ 6 ชม. (ผมทราบตอนไปเที่ยว First ว่าจาก First ไปยัง Faulhorn ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.)
ยอด Oberberghorn ทางซ้ายมือ และยอด Louchernhorn ทางขวามือ
วันนี้เป็นวันเปิดการท่องเที่ยวรอบนี้ แม้ฟ้าจะไม่เปิดตาม แต่ภาพในสายหมอกก็ไม่เลวร้ายเลย ผมเริ่มเปิดใจรับความสุขจากการท่องเที่ยวครั้งนี้แล้ว....แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป