Hi... everyone! เอาล่ะทริปนี้ตั้งใจจะเขียนเป็นรีวิวเที่ยวตุรกีในฉบับกากๆ เที่ยวแบบตามใจตัวเอง อยากไปไหนอยากถ่ายรูปกะอะไรก็ไป เล่าในแบบที่แค่คนๆนึงที่อยากไปเที่ยวและก็ไปในที่ที่เค้าอยากไป เค้าได้เจออะไรมาบ้าง สาระไม่ค่อยมี เน้นตามใจตัวเองล้วนๆ จะเขียนบอกถึงเดินทางยังไง ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ บลาๆๆ และเล่าในแบบตัวเองที่แทบไม่มีความรู้ทางประวัติศาตร์เลยย ทั้งๆที่ตุรกีเป็นเมืองล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ม๊ากกกก สัญญกะตัวเองไว้ล่ะว่าถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้ไปอีกจะปูพื้นประวัติ ความเป็นมาให้แน่นกว่านี้ แต่ก็นะคืออยากไปตั้งแต่เด็กๆล่ะ ทริปในฝันเลยด้วย จำได้ตอนเด็กๆประเทศแรกที่เวลามีคนถามแล้วตอบเลยว่าอยากไปไหน ตอนนั้นตอบเลยว่าตุรกี ที่อยากไปคงเพราะเห็นรูปสถานที่สวยๆของตุรกีจากหนังสือ เลยเกิดแรงบรรดาลใจตั้งแต่ตอนนู้นและคิดว่าต้องไปให้ได้ พอโตขึ้นบวกกะเป็นคนชอบดูตั๋วโปร หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกดูด้วย คือว่างปุ๊ปเป็นต้องนั่งเชคจากskyscannerอ่ะ ว่าตอนนี้ตั๋วไปไหนถูก อะไรยังไง กดตั๋วถูกได้บ่อยนะแต่ประเด็นอยู่ที่ไม่มีตังจ่าย 5555 เลยต้องปล่อยผ่านไป มีครั้งนึงเสียใจมากกดตั๋วไปโอซาก้าได้ไม่ถึง5000ล่ะกลางเดือนด้วย ก็จนสิครัช อดไงครัช แต่ครั้งนี้ตุรกีไม่พลาดครัชตั๋วโปรออกมาตอนโบนัสออกพอดี
นอกเรื่องไปเยอะ เอาล่ะ...เริ่ม!
เริ่มจากเดินทางออกจากไทย ครั้งนี้ไปกะสายการบินหนึ่งของรัสเซีย ตอนนั้นได้ตั๋วโปรมาบวกกะเป็นความตั้งใจอยู่แล้วที่อยากทรานสิสที่รัสเซียเพราะอยากออกไปเที่ยวRed square เดินทางออกจากไทยประมาณช่วงบ่าย ถึงรัสเซียตอนประมาณทุ่มนึงได้(เวลาที่รัสเซียกะตุรกีจะห่างจากไทย5ชม) พอถึงก็รอต่อเครื่องไปตุรกี เครื่องออกตอนประมาณเกือบสี่ทุ่ม
ดูนะ สองทุ่มบ้านเค้าแดดยังเปรี้ยงอยู่เลย
Welcome to Turkey!
ถึงอิสตันบูลแว้ววววว ถึงตอนประมาณเที่ยงคืน ล่ะก็ผ่านimigrationที่ Ist airportมา (ที่ตุรกีจะมีสองสนามบินหลักคือist กะsaw ตอนจองตั๋วต้องดูดีๆ) ทีนี้ก็รอต่อเครื่องไปเที่ยวนอกเมืองก่อน แพลนคือเริ่มเที่ยวจากที่ไกลๆแล้วค่อยกลับมาอิสตัลบูล เริ่มจากCuppadocia,Pamukkale,Istanbul และเวลาเราคงน้อยเกินไปด้วยเลยเที่ยวได้แค่นี้
*pic from web*
ประเทศตุรกีจะกว้างงงงง มาก การเดินทางในแต่ละเมืองถ้าใช้รถก็เป็นวัน แต่เวลาเราน้อยเลยเลือกนั่งเครื่อง จะได้เที่ยวเยอะๆ และประหยัดเวลาด้วย และโชคดีได้ตั๋วโปรด้วย
เอาล่ะ ต่อๆๆ พอผ่านตม.ออกมาได้ทีนี้เราก็ไปรอต่อเครื่องกัน เครื่องออกตอน6โมงเช้า ระหว่างนั้นก็หลับรออยู่ในairport. Destination ต่อไปของเราคือCuppadocia อยู่ที่เมืองGoreme ก็รอขึ้นเครื่องต่อไปที่kaysiri ที่Cuppadocia จะมีสองairportอีกairportนึงจะใกล้กว่า40km เลย ชื่อว่า Nevsehir แต่เลือกไปลงไกลเพราะตั๋วเครื่องบินค่อนข้างถูกกว่าเยอะมาก และคำนวนจากค่าshuttle bus ไปเมืองgoremeแล้ว ลงที่kaysiriคุ้มกว่า (ก็แล้วแต่ด้วยนะ บางทีอาจมีตั๋วโปรลงเมืองที่ใกล้กว่าถูกกว่าด้วย)
พอไปถึงที่Kaysiri ตอน8โมง สนามบินที่นั่นเล็กกกกก มาก ก็อารมณ์แบบคันทรี่มาก ชอบอ่ะ! ออกมาถึงด้วยความที่ไม่ทันไปต่อรถไปotogar(บ้านเค้าจะเรียกขนส่งกันแบบนี้ อารมณ์จะคล้ายๆหมอชิตบ้านเรา แต่ดูดีและสะอาดกว่าเยอะ) เลยต้องนั่งtaxiไปotogarกัน ค่าtaxiก็ประมาณ30try ล่ะก็มาต่อbusไปเมืองgoremeอีกคนละประมาณ15try รถบัสที่นี้จะดีหน่อยคือจะมีwifiในรถแทบทั้งนั้น ส่วนเล่นได้ไม่ได้คืออีกเรื่องนึง55
*pic from web*
เย้!...ถึงเมืองGoremeกันแล้ววว และCuppadocia
เมืองนี้สวยมากกกก Slow life กันสุดๆ วันๆเห็นกินแต่ชาล่ะก็เล่นอะไรสักอย่างเหมือนหมากรุกบ้านเรา เป็นเมืองเล็กๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดีงาม อยู่เมืองนี้คิดว่าอยู่เอเชีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่นเต็มไปหมดเบยยยย มีร้านอาหารเกาหลีด้วย ล่ะโรงแรมเกือบ98%คือโรงแรมในถ้ำ ภูมิประเทศที่นี้จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะจะเป็นหินภูเขาไฟที่ระเบิดจนลักษณะเป็นงี้
ล่ะก็เกี่ยวกะประวัติศาสตร์สมัยนู้นด้วย เค้าจะอาศัยกันในถ้ำแบบนี้กัน
*pic from web*
พอถึงโรงแรมก็ไม่พักไม่อะไรเลยจ้าา เอาของไปเก็บล่ะออกไปเที่ยวเลย และออกไปซื้อตั๋วรถบัสนอนไปเมืองpamukkaleในคืนวันถัดไปด้วย (ค่ารถบัสอยู่ที่คนละ55try) ไฮไลท์ของเมืองนี้คือมาล่ะต้องมาขึ้นบอลลูนดูภูมิประเทศแปลกๆของที่นี้ ตอนแรกก็บุ๊คกะทางตัวรร.ไว้แล้วว่าเราจะไปกะเค้าจะใช้บริการเจ้าที่เค้าหามาให้ ตกคนละ120ยูโร ในราคาถูกสุด แต่ด้วยความงก อยากเดินไปหาไปต่อราคาเอง ก็ได้มานะ ในราคา100ยูโร แต่....สุดท้ายตัดสินใจไม่ไปเลย เพราะตอนเย็นดันเดินไปเจอจุดชมวิวที่มันสวย และบวกกับเช็คมาแล้วว่าไอ100-120ยูโรเนี่ย เราต้องไปขึ้นกะแนวๆทัวร์ที่ในตะกร้านึงเค้าอัดคนไป20กว่าคนเลยนะ เลยไม่เอาดีกว่า เพราะกล้วด้วยและคงอึดอัดน่าดูน่าจะถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ จะไปขึ้นแบบprivateก็ยังไงอยู่ แพง!!! อันนั้น400ยูโรอัพได้(หมื่นกว่าบาทอ่ะ ล่ะเวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ) ไม่เอาอ่ะเก็บเงินไปเที่ยวอย่างอื่นดีกว่า (บอกแล้วว่าเราเที่ยวในฉบับคนกากๆ) ต่อๆ ทีนี้เราก็เดินไปขอแผนที่กะทางโรงแรมล่ะกางดูว่ามีที่ไหนใกล้ๆที่เดินเที่ยวเองได้บ้าง เราก็ตัดสินใจเดินไป ตอนแรกแพลนว่าจะไปopen air museum กันแต่ทีนี้ด้วยความชิลจัด เดินไปถ่ายรูปไป ตลอดทาง รู้สึกสนุกกว่า เพราะจะได้มีเวลาเสพบรรยากาศรอบข้างแบบเต็มที่มาก เลยตัดสินใจยังไม่เข้าmuseumวันนี้ แนะนำว่าถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองนี้ควรซื้อทัวร์แบบone day tripจะมีred tourและgreen tourด้วยความที่ที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลกันมาก ซื้อทัวร์แบบนี้ก็คุ้มอยู่เพราะน่าจะเก็บที่เที่ยวได้ค่อนข้างเยอะ แต่เราไม่ได้ซื้อ เราอาศัยเดินถ่ายรูปเล่นเสพบรรยากาศสะมากกว่า อ่านในรีวิวอื่นๆเค้าก็ซื้อไปกันก็โอมากอยู่นะ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไป ไว้ครั้งหน้าล่ะกันนะ
ส่วนนี่เป็นโรงแรมที่เราพักกัน ราคาก็กลางๆไม่ได้ถึงกะแพงมาก โชคดีที่ช่วงเงินEuroตกด้วย เลยเลือกจ่ายเป็นเงินยูโรไป ห้องนี้ตกคืนละ60ยูโร โชคดีไปอีก จองตอนมันเป็นhot deal ไม่งั้นแพงกว่านี้นะเออ
เราก็เดินเล่นกันเรื่อยๆๆ จนถึงเย็น แดดนี่อย่างกะเที่ยงบ้านเราอยู่เลย ก็เดินกลับมาต้มมาม่ากินที่รร. พออิ่ม เราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปกันต่อ เวลาตอนนั้นนี่เกือบสองทุ้มล่ะ แพลนไว้ว่าจะเดินไปชุดชมวิว ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกบนนู้น นี่คือเหตุผลที่ไม่ขึ้นบอลลูนด้วย เพราะคิดไปเองว่ามองจากมุมนี้น่าจะสวยกว่า
ดูต้นเชอรี่ที่นู้นสิ อยากจะยกกลับไทยทั้งต้นเลย
สรุปพระอาทิตย์ที่นี้ตกตอนสี่ทุ่มกว่าจ้าาา (คือเป็นช่วงlong day ของประเทศแทบๆนั้นพอดี) ล่ะก็กลับรร.นอนเพราะรู้สึกจะน๊อคและไม่สบายกันทั้งคู่ เพราะนอนน้อยมากรวมสองวันตั้งแต่วันเดินทางได้หลับกันไปแบบจริงจังแค่ชม เดียวเอง ก็ควรจะน๊อคนะแบบนี้
Good morning Cuppadocia!
เช้านี้ตื่นเพราะเจ้าของโรงแรมโทรมาปลุกให้ไปขึ้นบอลลูนตั้งแต่ตีสี่ เฮียแกก็ยังตื้อนะเผื่อเราจะเปลี่ยนใจไปมั้ง ก็บอกแล้วว่าไม่ไปงายย คือตีสี่เกือบตีห้านี่เหมือนจะรู้สึกว่าสว่างแล้วเลยนะ เลยออกไปดูบอลลูนที่จุดชมวิวกันกว่าจะขึ้นไปถึงตั้ง6โมงกว่า ไปถึงแอบนอยด์ตัวเองออกมาช้าไป บอลลูนจะลงกันหมดล่ะ เลยกลับมานอนต่อ เพราะผลจากการไม่นอนมาสองวันล่ะเดินตากแดดล่ะอากาศหนาวๆเย็นๆอีก คือครบเลยจ้าา ก่อนจะน๊อคไปมากกว่านี้เลยรีบกลับไปพักต่อ ก่อนไปนอนต่อ ก็ไปกินอาหารเช้าก่อนเพราะได้เวลาอาหารเช้าพอดี
บอกเลยคิดถึงอาหารไทยหนักมาก เพราะรู้ชะตาชีวิตตัวเองตั้งแต่บนเครื่องแล้วว่ากินไม่ได้แน่นอน คือคนที่นี้จะกินแต่ ชีส(ไม่อร่อยอ่ะ สำหรับเรานะ) ขนมปังแข็งๆ ผลไม้ ชา มะกอกดอง โยเกิต ล่ะอีกหลายอย่าง บอกเลยเรากินไม่ได้และกินไม่เป็นอ่าา
หลังจากไปงีบต่ออีกพักใหญ่ๆ ความถึกเริ่มกลับมา ก็ออกเที่ยวต่อเลย ที่แพลนไว้คืออยากไปUchisar กะ Urgup แต่เดินมาถึงท่ารถแล้วไม่ทันรถล่ะถ้าจะรอรอบต่อไปคำนวนเวลาแล้วว่ากลัวจะกลับมาขึ้นบัสไปเมืองpamukkaleไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจเดินไปเข้าopen air museum กัน (ค่าเข้าคนละ25try)
ถ้าใครอยากรู้ประวัติศาสตร์ของที่นี้ไรงี้ ลองศึกษาดู แต่เอาแบบฉบับคนกากๆอย่างเราไม่อินอ่ะ เพราะไม่ได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไรไง อย่างเข้าไปเค้าก็มีโบสน์ในถ้ำ แต่ด้วยความที่เมื่อก่อนเป็นคริสต์ แต่ตอนนี้เป็นอิสลาม รูปพระเจ้าหรือภาพวาดไรของคริสต์เค้าก็ทำลาย เช่นรูปหน้าของพระเจ้าก็จะโดนขีดๆไปหมด
เสร็จจากmuseumเราก็เดินกลับมาเก็บของเตรียมย้ายเมืองไปpamukkaleกัน เกือบตกรถแน่ะ เพราะมาถึงรร.ล่ะดันนั่งเสพบรรยากาศกินชา กินขนมกันที่ดาดฟ้ารร.มากไปหน่อย วิ่งมาขึ้นรถกันแทบไม่ทัน
Bye Bye~Cuppadocia
[CR] พาเที่ยวตุรกีในแบบ"ก็แค่อยากเที่ยว",,,,,,No history Less budget,,,,,,
Hi... everyone! เอาล่ะทริปนี้ตั้งใจจะเขียนเป็นรีวิวเที่ยวตุรกีในฉบับกากๆ เที่ยวแบบตามใจตัวเอง อยากไปไหนอยากถ่ายรูปกะอะไรก็ไป เล่าในแบบที่แค่คนๆนึงที่อยากไปเที่ยวและก็ไปในที่ที่เค้าอยากไป เค้าได้เจออะไรมาบ้าง สาระไม่ค่อยมี เน้นตามใจตัวเองล้วนๆ จะเขียนบอกถึงเดินทางยังไง ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ บลาๆๆ และเล่าในแบบตัวเองที่แทบไม่มีความรู้ทางประวัติศาตร์เลยย ทั้งๆที่ตุรกีเป็นเมืองล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ม๊ากกกก สัญญกะตัวเองไว้ล่ะว่าถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้ไปอีกจะปูพื้นประวัติ ความเป็นมาให้แน่นกว่านี้ แต่ก็นะคืออยากไปตั้งแต่เด็กๆล่ะ ทริปในฝันเลยด้วย จำได้ตอนเด็กๆประเทศแรกที่เวลามีคนถามแล้วตอบเลยว่าอยากไปไหน ตอนนั้นตอบเลยว่าตุรกี ที่อยากไปคงเพราะเห็นรูปสถานที่สวยๆของตุรกีจากหนังสือ เลยเกิดแรงบรรดาลใจตั้งแต่ตอนนู้นและคิดว่าต้องไปให้ได้ พอโตขึ้นบวกกะเป็นคนชอบดูตั๋วโปร หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกดูด้วย คือว่างปุ๊ปเป็นต้องนั่งเชคจากskyscannerอ่ะ ว่าตอนนี้ตั๋วไปไหนถูก อะไรยังไง กดตั๋วถูกได้บ่อยนะแต่ประเด็นอยู่ที่ไม่มีตังจ่าย 5555 เลยต้องปล่อยผ่านไป มีครั้งนึงเสียใจมากกดตั๋วไปโอซาก้าได้ไม่ถึง5000ล่ะกลางเดือนด้วย ก็จนสิครัช อดไงครัช แต่ครั้งนี้ตุรกีไม่พลาดครัชตั๋วโปรออกมาตอนโบนัสออกพอดี
นอกเรื่องไปเยอะ เอาล่ะ...เริ่ม!
เริ่มจากเดินทางออกจากไทย ครั้งนี้ไปกะสายการบินหนึ่งของรัสเซีย ตอนนั้นได้ตั๋วโปรมาบวกกะเป็นความตั้งใจอยู่แล้วที่อยากทรานสิสที่รัสเซียเพราะอยากออกไปเที่ยวRed square เดินทางออกจากไทยประมาณช่วงบ่าย ถึงรัสเซียตอนประมาณทุ่มนึงได้(เวลาที่รัสเซียกะตุรกีจะห่างจากไทย5ชม) พอถึงก็รอต่อเครื่องไปตุรกี เครื่องออกตอนประมาณเกือบสี่ทุ่ม
ดูนะ สองทุ่มบ้านเค้าแดดยังเปรี้ยงอยู่เลย
Welcome to Turkey!
ถึงอิสตันบูลแว้ววววว ถึงตอนประมาณเที่ยงคืน ล่ะก็ผ่านimigrationที่ Ist airportมา (ที่ตุรกีจะมีสองสนามบินหลักคือist กะsaw ตอนจองตั๋วต้องดูดีๆ) ทีนี้ก็รอต่อเครื่องไปเที่ยวนอกเมืองก่อน แพลนคือเริ่มเที่ยวจากที่ไกลๆแล้วค่อยกลับมาอิสตัลบูล เริ่มจากCuppadocia,Pamukkale,Istanbul และเวลาเราคงน้อยเกินไปด้วยเลยเที่ยวได้แค่นี้
*pic from web*
ประเทศตุรกีจะกว้างงงงง มาก การเดินทางในแต่ละเมืองถ้าใช้รถก็เป็นวัน แต่เวลาเราน้อยเลยเลือกนั่งเครื่อง จะได้เที่ยวเยอะๆ และประหยัดเวลาด้วย และโชคดีได้ตั๋วโปรด้วย
เอาล่ะ ต่อๆๆ พอผ่านตม.ออกมาได้ทีนี้เราก็ไปรอต่อเครื่องกัน เครื่องออกตอน6โมงเช้า ระหว่างนั้นก็หลับรออยู่ในairport. Destination ต่อไปของเราคือCuppadocia อยู่ที่เมืองGoreme ก็รอขึ้นเครื่องต่อไปที่kaysiri ที่Cuppadocia จะมีสองairportอีกairportนึงจะใกล้กว่า40km เลย ชื่อว่า Nevsehir แต่เลือกไปลงไกลเพราะตั๋วเครื่องบินค่อนข้างถูกกว่าเยอะมาก และคำนวนจากค่าshuttle bus ไปเมืองgoremeแล้ว ลงที่kaysiriคุ้มกว่า (ก็แล้วแต่ด้วยนะ บางทีอาจมีตั๋วโปรลงเมืองที่ใกล้กว่าถูกกว่าด้วย)
พอไปถึงที่Kaysiri ตอน8โมง สนามบินที่นั่นเล็กกกกก มาก ก็อารมณ์แบบคันทรี่มาก ชอบอ่ะ! ออกมาถึงด้วยความที่ไม่ทันไปต่อรถไปotogar(บ้านเค้าจะเรียกขนส่งกันแบบนี้ อารมณ์จะคล้ายๆหมอชิตบ้านเรา แต่ดูดีและสะอาดกว่าเยอะ) เลยต้องนั่งtaxiไปotogarกัน ค่าtaxiก็ประมาณ30try ล่ะก็มาต่อbusไปเมืองgoremeอีกคนละประมาณ15try รถบัสที่นี้จะดีหน่อยคือจะมีwifiในรถแทบทั้งนั้น ส่วนเล่นได้ไม่ได้คืออีกเรื่องนึง55
*pic from web*
เย้!...ถึงเมืองGoremeกันแล้ววว และCuppadocia
เมืองนี้สวยมากกกก Slow life กันสุดๆ วันๆเห็นกินแต่ชาล่ะก็เล่นอะไรสักอย่างเหมือนหมากรุกบ้านเรา เป็นเมืองเล็กๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดีงาม อยู่เมืองนี้คิดว่าอยู่เอเชีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่นเต็มไปหมดเบยยยย มีร้านอาหารเกาหลีด้วย ล่ะโรงแรมเกือบ98%คือโรงแรมในถ้ำ ภูมิประเทศที่นี้จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะจะเป็นหินภูเขาไฟที่ระเบิดจนลักษณะเป็นงี้
ล่ะก็เกี่ยวกะประวัติศาสตร์สมัยนู้นด้วย เค้าจะอาศัยกันในถ้ำแบบนี้กัน
*pic from web*
พอถึงโรงแรมก็ไม่พักไม่อะไรเลยจ้าา เอาของไปเก็บล่ะออกไปเที่ยวเลย และออกไปซื้อตั๋วรถบัสนอนไปเมืองpamukkaleในคืนวันถัดไปด้วย (ค่ารถบัสอยู่ที่คนละ55try) ไฮไลท์ของเมืองนี้คือมาล่ะต้องมาขึ้นบอลลูนดูภูมิประเทศแปลกๆของที่นี้ ตอนแรกก็บุ๊คกะทางตัวรร.ไว้แล้วว่าเราจะไปกะเค้าจะใช้บริการเจ้าที่เค้าหามาให้ ตกคนละ120ยูโร ในราคาถูกสุด แต่ด้วยความงก อยากเดินไปหาไปต่อราคาเอง ก็ได้มานะ ในราคา100ยูโร แต่....สุดท้ายตัดสินใจไม่ไปเลย เพราะตอนเย็นดันเดินไปเจอจุดชมวิวที่มันสวย และบวกกับเช็คมาแล้วว่าไอ100-120ยูโรเนี่ย เราต้องไปขึ้นกะแนวๆทัวร์ที่ในตะกร้านึงเค้าอัดคนไป20กว่าคนเลยนะ เลยไม่เอาดีกว่า เพราะกล้วด้วยและคงอึดอัดน่าดูน่าจะถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ จะไปขึ้นแบบprivateก็ยังไงอยู่ แพง!!! อันนั้น400ยูโรอัพได้(หมื่นกว่าบาทอ่ะ ล่ะเวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ) ไม่เอาอ่ะเก็บเงินไปเที่ยวอย่างอื่นดีกว่า (บอกแล้วว่าเราเที่ยวในฉบับคนกากๆ) ต่อๆ ทีนี้เราก็เดินไปขอแผนที่กะทางโรงแรมล่ะกางดูว่ามีที่ไหนใกล้ๆที่เดินเที่ยวเองได้บ้าง เราก็ตัดสินใจเดินไป ตอนแรกแพลนว่าจะไปopen air museum กันแต่ทีนี้ด้วยความชิลจัด เดินไปถ่ายรูปไป ตลอดทาง รู้สึกสนุกกว่า เพราะจะได้มีเวลาเสพบรรยากาศรอบข้างแบบเต็มที่มาก เลยตัดสินใจยังไม่เข้าmuseumวันนี้ แนะนำว่าถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองนี้ควรซื้อทัวร์แบบone day tripจะมีred tourและgreen tourด้วยความที่ที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลกันมาก ซื้อทัวร์แบบนี้ก็คุ้มอยู่เพราะน่าจะเก็บที่เที่ยวได้ค่อนข้างเยอะ แต่เราไม่ได้ซื้อ เราอาศัยเดินถ่ายรูปเล่นเสพบรรยากาศสะมากกว่า อ่านในรีวิวอื่นๆเค้าก็ซื้อไปกันก็โอมากอยู่นะ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไป ไว้ครั้งหน้าล่ะกันนะ
ส่วนนี่เป็นโรงแรมที่เราพักกัน ราคาก็กลางๆไม่ได้ถึงกะแพงมาก โชคดีที่ช่วงเงินEuroตกด้วย เลยเลือกจ่ายเป็นเงินยูโรไป ห้องนี้ตกคืนละ60ยูโร โชคดีไปอีก จองตอนมันเป็นhot deal ไม่งั้นแพงกว่านี้นะเออ
เราก็เดินเล่นกันเรื่อยๆๆ จนถึงเย็น แดดนี่อย่างกะเที่ยงบ้านเราอยู่เลย ก็เดินกลับมาต้มมาม่ากินที่รร. พออิ่ม เราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปกันต่อ เวลาตอนนั้นนี่เกือบสองทุ้มล่ะ แพลนไว้ว่าจะเดินไปชุดชมวิว ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกบนนู้น นี่คือเหตุผลที่ไม่ขึ้นบอลลูนด้วย เพราะคิดไปเองว่ามองจากมุมนี้น่าจะสวยกว่า
ดูต้นเชอรี่ที่นู้นสิ อยากจะยกกลับไทยทั้งต้นเลย
สรุปพระอาทิตย์ที่นี้ตกตอนสี่ทุ่มกว่าจ้าาา (คือเป็นช่วงlong day ของประเทศแทบๆนั้นพอดี) ล่ะก็กลับรร.นอนเพราะรู้สึกจะน๊อคและไม่สบายกันทั้งคู่ เพราะนอนน้อยมากรวมสองวันตั้งแต่วันเดินทางได้หลับกันไปแบบจริงจังแค่ชม เดียวเอง ก็ควรจะน๊อคนะแบบนี้
Good morning Cuppadocia!
เช้านี้ตื่นเพราะเจ้าของโรงแรมโทรมาปลุกให้ไปขึ้นบอลลูนตั้งแต่ตีสี่ เฮียแกก็ยังตื้อนะเผื่อเราจะเปลี่ยนใจไปมั้ง ก็บอกแล้วว่าไม่ไปงายย คือตีสี่เกือบตีห้านี่เหมือนจะรู้สึกว่าสว่างแล้วเลยนะ เลยออกไปดูบอลลูนที่จุดชมวิวกันกว่าจะขึ้นไปถึงตั้ง6โมงกว่า ไปถึงแอบนอยด์ตัวเองออกมาช้าไป บอลลูนจะลงกันหมดล่ะ เลยกลับมานอนต่อ เพราะผลจากการไม่นอนมาสองวันล่ะเดินตากแดดล่ะอากาศหนาวๆเย็นๆอีก คือครบเลยจ้าา ก่อนจะน๊อคไปมากกว่านี้เลยรีบกลับไปพักต่อ ก่อนไปนอนต่อ ก็ไปกินอาหารเช้าก่อนเพราะได้เวลาอาหารเช้าพอดี
บอกเลยคิดถึงอาหารไทยหนักมาก เพราะรู้ชะตาชีวิตตัวเองตั้งแต่บนเครื่องแล้วว่ากินไม่ได้แน่นอน คือคนที่นี้จะกินแต่ ชีส(ไม่อร่อยอ่ะ สำหรับเรานะ) ขนมปังแข็งๆ ผลไม้ ชา มะกอกดอง โยเกิต ล่ะอีกหลายอย่าง บอกเลยเรากินไม่ได้และกินไม่เป็นอ่าา
หลังจากไปงีบต่ออีกพักใหญ่ๆ ความถึกเริ่มกลับมา ก็ออกเที่ยวต่อเลย ที่แพลนไว้คืออยากไปUchisar กะ Urgup แต่เดินมาถึงท่ารถแล้วไม่ทันรถล่ะถ้าจะรอรอบต่อไปคำนวนเวลาแล้วว่ากลัวจะกลับมาขึ้นบัสไปเมืองpamukkaleไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจเดินไปเข้าopen air museum กัน (ค่าเข้าคนละ25try)
ถ้าใครอยากรู้ประวัติศาสตร์ของที่นี้ไรงี้ ลองศึกษาดู แต่เอาแบบฉบับคนกากๆอย่างเราไม่อินอ่ะ เพราะไม่ได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไรไง อย่างเข้าไปเค้าก็มีโบสน์ในถ้ำ แต่ด้วยความที่เมื่อก่อนเป็นคริสต์ แต่ตอนนี้เป็นอิสลาม รูปพระเจ้าหรือภาพวาดไรของคริสต์เค้าก็ทำลาย เช่นรูปหน้าของพระเจ้าก็จะโดนขีดๆไปหมด
เสร็จจากmuseumเราก็เดินกลับมาเก็บของเตรียมย้ายเมืองไปpamukkaleกัน เกือบตกรถแน่ะ เพราะมาถึงรร.ล่ะดันนั่งเสพบรรยากาศกินชา กินขนมกันที่ดาดฟ้ารร.มากไปหน่อย วิ่งมาขึ้นรถกันแทบไม่ทัน
Bye Bye~Cuppadocia