แนะนำตัวก่อนค่ะ
ตามธรรมเนียมปฏิบัติคงต้องบอกว่า "สวัสดีค่า นี่เป็นกะทู้แรกของเรา ยังไงฝากเนื้อฝากตัวในห้องบลูนี้ด้วยน้าค้า"
....ค่ะ ตามนั้น นี่เป็นกะทู้แรกของเรา และหวังว่าจะไม่ได้เป็นกะทู้สุดท้ายนะคะ
ขอกำลังใจกดไลค์เพจหน่อยค่ะ
www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn
แหะๆ เพิ่งเปิดเพจพร้อมกะทู้เลย อาจจะยังดูโหรงเหรงหน่อยนะฮะ นี่เป็นกะทู้เอาฤกษ์เอาชัยเลยนะนี่ เฮ้!!!!
อ้อ...ลืมแนะนำตัวเองเลย
ชื่อ"ออน" (ไม่ใช่นามสมมติ) เป็นมือใหม่หัด Backpack ค่ะ (ซึ่งยังห่างอีกไกลลิบ)
แต่ว่าเรื่องขีดเขียนเนี่ย ชอบมานานมากละ แต่ไม่เคยทำจริงๆจังซักที ครั้งนี้ขอโอกาสสาวน้อยวัยไสฝากตัวฝากใจ ให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจด้วยนะค้า <3
ตอนนี้ครบทุกตอนแล้ว ฝากติดตามผลงานด้วยค่ะ
#2 สามวันในโตเกียว นี่สิ....เรียลเจแปน >>>
http://ppantip.com/topic/34034575
#3 ยู้ฮู ฟูจิซัง..หนีไปซบทาคายาม่า-บ้านสามเหลี่ยม >>>
http://ppantip.com/topic/34052635 ((ขออภัยที่พาไปทาคายาม่าไม่ทัน เลยมาต่อกะทู้นี้แยกน้า)
#4 ลิ้มHida Beefที่ทาคายาม่า ชมชิราคาวาโกะในฤดูซากุระ >>>
http://ppantip.com/topic/34077135
#5 ..วันเดียวเที่ยวเกียวโต..เมืองแห่งความศรัทธา >>>
http://ppantip.com/topic/34089007
#6 ปิดท้ายโอซาก้า ชมเทศกาลซากุระที่โรงกษาปณ์ >>>
http://ppantip.com/topic/34093810
มาเข้าเรื่องกันเถอะ
ญี่ปุ่นอีกล้าวววว!! อย่าเพิ่งไถหนีไปซะก่อน
กะทู้ 30% (หรือมากกว่า) ในห้องบลูมีแต่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น และญี่ปุ่น และกะทู้เรามันจะแตกต่างยังไงน้ออออ
...ค่ะ กะทู้นี้ อาจจะไม่ได้รีวิวแบบ Full Option แบบขึ้นรถตรงไหน ชานชาลาที่เท่าไหร่ สถานีอะไร เดินไปอีกกี่ก้าว บลาๆๆ (เอ่อ..แล้วสาระคือระ?)
แต่รับรองว่า คุณจะสนุกไปกะเรา ! และหลง(ทาง)รักประเทศญี่ปุ่นเหมือนเรา !
อยากรุอ่ะดิ๊ ตามมาโลดด
แผนการเดินทางคร่าวๆในครั่งนี้
เราเดินทางกันวันที่ 4 Apr 15 - 14 Apr 15
Day 0 เดินทาง : สุวรรณภูมิ - Hanoi airport
Day 1 Tokyo : Narita airport -Roppongi -Omotesando - Shibuya
Day 2 Tokyo : Roppongi - Ueno park - Ameyoko - Sensoji temple - Tokyo Skytree - Ginza
Day 3 Tokyo : Tsukiji market - Odaiba - Shinjuku - Shibuya
Day 4 Kawaguchiko : Shijuku - Kawagushiko station -New century hotel
Day 5 Takayama : Kawaguchiko - Gifu - Matsumoto - Takayama - K's house hostel
Day 6 Shirakawago : Jinjayama morning market - สะพานแดง - ย่านเมืองเก่า - Shirakawako - Takayama station - Shin Osaka - Sunny stone hotel 1
Day 7 Osaka : Osaka Castle - Mint Bereau (โรงกษาปณ์) - Namba - Sunny stone hotel 2 ==>สาบานว่าวันนี้ไปแค่นี้จริงๆ
Day 8 Kyoto : Sagano Romantic Train - Bamboo Groves - Kinkakuji Temple - Fushimi Inari Shrine - Kiyomizu- Temple
Day 9 Osaka : Osaka Fish Market (Endo sushi) - Tenjinbashisuji Shotengai - Namba ((Shopping time!!))
D
ay 10 Back to BKK : Kansai airpot - Hanoi airport - Suwannabhum
เอ้าๆ อย่างเพิ่งมึนกันนะคะ เราเขียน Schedule ไว้เพื่อให้ดูดีเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเหล่า Backpacker กันบ้าง
ปฐมบทแห่งความครื้นเครงเริ่มบรรเลง ณ บัดนาว
ก่อนเริ่มเรื่อง เราขอเกริ่นนำคร่าวๆก่อน ( คือ ข้างบนนั้น คือ เกริ่น ก่อนเกริ่นนำ ?)
หลังจากที่เราไปคลุกคลีกับประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น และอาหารญี่ปุ่น มา 10 วันถ้วน เราก้พบว่าญี่ปุ่นนี่ช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ Outstanding มั่กๆ ที่พอลิสต์ได้ ตามนี้
1 ชาวญี่ปุ่นเป็นคนรักชาติและภาษาของตนมากกกก สังเกตได้จาก ไม่ว่าเราจะพูดภาษาไทย อังกฤษ จีน อาบูดาบี หรือภาษาต่างดาว
ชาวญี่ปุ่นก็มักจะตอบกลับมาด้วยภาษาญี่ปุ่น! เสมือนประหนึ่งว่ามีวุ้นแปลภาษาของพี่ม่อนมาช่วยแปลภาษาระหว่างเรา…(เฮ้ย! คือช่วยดูหนังหน้าคนพูดก่อนได้มะ ) คือ ตูฟังไม่รุเรื่องโฟร้ยยย ต่อให้ด่าด้วยภาษาญี่ปุ่นไปยิ้มไป ก้นึกว่าชมค่ะ (คือ...ลองพูดไทยใส่คนญี่ปุ่นมาแล้ว ไม่มีใครรุจริงๆแฮะ กรั่กๆๆ)
วิธีเอาตัวรอดของเราเป็นเบสิคขั้นพื้นฐานฟันดาเมนทั่ลเลย คือภาษากาย และภาษามือถือ อันนี้ได้ผลจริง (อยากได้ไร searchหาและยื่นให้)
ที่สำคัญ รอยยิ้มพิมพ์ใจนั้นดีที่สุด ไม่รุอะไรยังไง ยิ้มไว้ก่อน
2 ชาวญี่ปุ่นใจดีมาก ใจดีเวอร์ ใจดีแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ใจดียังกะกัปตันอเมริกาช่วยกู้โลก คือใจดีจริงๆ อย่างเวลาหลงทาง (ทุกวัน!!!)
เราจะส่องหาเป้าหมายหลัก โดยเลือกจากคนหน้าตาดี เอ้ย ไม่ใช่! คนที่หน้าตาดูดีมีไมตรีจิต ทำตัวชิลๆ
เมื่อล็อคเป้าหมายได้ ก็พุ่งเข้าชาร์จ รัวภาษาอังกฤษใส่ (ทำเปนเก่ง!) เอาจิง เปิดรูปที่ที่จะไปให้แม่มดูเลยค่ะ จบ!
ขอบคุณที่โลกนี้มีมือถือและinternet กราบ นอกจากเวลาหลงทางแล้ว ตอนที่เราจะซื้อตั๋วในเมืองที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่น (คือ ถ้าไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวพี่แกก็จะไม่ให้คนเค้าฝึกสมองลองอ่านภาษาอังกฤษเลยใช่มะ) ก็หาคนมาช่วย ถ้าเค้าช่วยไม่ได้ ก็จะไปตามคนมาอีก คือประทับใจตรงที่เค้าไม่ทิ้งเราให้เคว้งเหมือนโดนผู้ชายหักอก สรุปคือคนญี่ปุ่นนั้นไซ้ น้ำใจงามเหลือล้น
^ อย่างพนักงานคนนี้ พอเห็นว่าเราหอบของพะรุงพะรัง ก็เอ่ยปากขอเอาเจ้าถุงพลาสติคที่มีอยู่เต็มมือไปจัดเป็นสัดส่วนให้เหลือเพียงถุงกระดาษใบเดียว
นี่ล่ะ...ความใส่ใจและความใจดีของคนญี่ปุ่น
3 ชาวญี่ปุ่นมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองที่สุด! ทำไมน่ะรึ ความมั่นใจเราดูได้จากภายนอก คือ ทรงผม การแต่งหน้า และการแต่งตัว
ชาวญี่ปุ่นทำตัวไม่แคร์เวิลดิ์มากข่า คือทำไรก้ทำ(กับเสื้อผ้าหน้าผมตัวเอง)
ขอแนะนำคนที่กะลังจะไปญี่ปุ่น หรือคิดจะไปว่า ไม่ต้องเซตชุดมากนักหรอก เอาไปเยอะๆ
ไปถึงนั่น mixนู่นนี่นั่น เข้าไม่เข้า ไปก็ไม่มีใครว่า ชาวญี่ปุ่นแต่งตัวได้แปลกแหวกแนวกว่าชาติใด เก๋ไก๋และเป็นตัวของตัวเองที่สุด ปรบมือรัวๆข่ะ
เยือนแดนปลาดิบ เที่ยวแบบฮิปๆ ตามติดชีวิตสิบวัน จากโตเกียวสู่โอซาก้า #1 ปฐมบทแห่งความครื้นเครง เริ่มบรรเลง ณ บัดนาว :D
ตามธรรมเนียมปฏิบัติคงต้องบอกว่า "สวัสดีค่า นี่เป็นกะทู้แรกของเรา ยังไงฝากเนื้อฝากตัวในห้องบลูนี้ด้วยน้าค้า"
....ค่ะ ตามนั้น นี่เป็นกะทู้แรกของเรา และหวังว่าจะไม่ได้เป็นกะทู้สุดท้ายนะคะ ขอกำลังใจกดไลค์เพจหน่อยค่ะ
www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn
แหะๆ เพิ่งเปิดเพจพร้อมกะทู้เลย อาจจะยังดูโหรงเหรงหน่อยนะฮะ นี่เป็นกะทู้เอาฤกษ์เอาชัยเลยนะนี่ เฮ้!!!!
อ้อ...ลืมแนะนำตัวเองเลย
ชื่อ"ออน" (ไม่ใช่นามสมมติ) เป็นมือใหม่หัด Backpack ค่ะ (ซึ่งยังห่างอีกไกลลิบ)
แต่ว่าเรื่องขีดเขียนเนี่ย ชอบมานานมากละ แต่ไม่เคยทำจริงๆจังซักที ครั้งนี้ขอโอกาสสาวน้อยวัยไสฝากตัวฝากใจ ให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจด้วยนะค้า <3
ตอนนี้ครบทุกตอนแล้ว ฝากติดตามผลงานด้วยค่ะ
#2 สามวันในโตเกียว นี่สิ....เรียลเจแปน >>> http://ppantip.com/topic/34034575
#3 ยู้ฮู ฟูจิซัง..หนีไปซบทาคายาม่า-บ้านสามเหลี่ยม >>> http://ppantip.com/topic/34052635 ((ขออภัยที่พาไปทาคายาม่าไม่ทัน เลยมาต่อกะทู้นี้แยกน้า)
#4 ลิ้มHida Beefที่ทาคายาม่า ชมชิราคาวาโกะในฤดูซากุระ >>> http://ppantip.com/topic/34077135
#5 ..วันเดียวเที่ยวเกียวโต..เมืองแห่งความศรัทธา >>> http://ppantip.com/topic/34089007
#6 ปิดท้ายโอซาก้า ชมเทศกาลซากุระที่โรงกษาปณ์ >>> http://ppantip.com/topic/34093810
มาเข้าเรื่องกันเถอะ
ญี่ปุ่นอีกล้าวววว!! อย่าเพิ่งไถหนีไปซะก่อน
กะทู้ 30% (หรือมากกว่า) ในห้องบลูมีแต่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น และญี่ปุ่น และกะทู้เรามันจะแตกต่างยังไงน้ออออ
...ค่ะ กะทู้นี้ อาจจะไม่ได้รีวิวแบบ Full Option แบบขึ้นรถตรงไหน ชานชาลาที่เท่าไหร่ สถานีอะไร เดินไปอีกกี่ก้าว บลาๆๆ (เอ่อ..แล้วสาระคือระ?)
แต่รับรองว่า คุณจะสนุกไปกะเรา ! และหลง(ทาง)รักประเทศญี่ปุ่นเหมือนเรา !
อยากรุอ่ะดิ๊ ตามมาโลดด
แผนการเดินทางคร่าวๆในครั่งนี้
เราเดินทางกันวันที่ 4 Apr 15 - 14 Apr 15
Day 0 เดินทาง : สุวรรณภูมิ - Hanoi airport
Day 1 Tokyo : Narita airport -Roppongi -Omotesando - Shibuya
Day 2 Tokyo : Roppongi - Ueno park - Ameyoko - Sensoji temple - Tokyo Skytree - Ginza
Day 3 Tokyo : Tsukiji market - Odaiba - Shinjuku - Shibuya
Day 4 Kawaguchiko : Shijuku - Kawagushiko station -New century hotel
Day 5 Takayama : Kawaguchiko - Gifu - Matsumoto - Takayama - K's house hostel
Day 6 Shirakawago : Jinjayama morning market - สะพานแดง - ย่านเมืองเก่า - Shirakawako - Takayama station - Shin Osaka - Sunny stone hotel 1
Day 7 Osaka : Osaka Castle - Mint Bereau (โรงกษาปณ์) - Namba - Sunny stone hotel 2 ==>สาบานว่าวันนี้ไปแค่นี้จริงๆ
Day 8 Kyoto : Sagano Romantic Train - Bamboo Groves - Kinkakuji Temple - Fushimi Inari Shrine - Kiyomizu- Temple
Day 9 Osaka : Osaka Fish Market (Endo sushi) - Tenjinbashisuji Shotengai - Namba ((Shopping time!!))
Day 10 Back to BKK : Kansai airpot - Hanoi airport - Suwannabhum
เอ้าๆ อย่างเพิ่งมึนกันนะคะ เราเขียน Schedule ไว้เพื่อให้ดูดีเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเหล่า Backpacker กันบ้าง
ปฐมบทแห่งความครื้นเครงเริ่มบรรเลง ณ บัดนาว
ก่อนเริ่มเรื่อง เราขอเกริ่นนำคร่าวๆก่อน ( คือ ข้างบนนั้น คือ เกริ่น ก่อนเกริ่นนำ ?)
หลังจากที่เราไปคลุกคลีกับประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น และอาหารญี่ปุ่น มา 10 วันถ้วน เราก้พบว่าญี่ปุ่นนี่ช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ Outstanding มั่กๆ ที่พอลิสต์ได้ ตามนี้
1 ชาวญี่ปุ่นเป็นคนรักชาติและภาษาของตนมากกกก สังเกตได้จาก ไม่ว่าเราจะพูดภาษาไทย อังกฤษ จีน อาบูดาบี หรือภาษาต่างดาว
ชาวญี่ปุ่นก็มักจะตอบกลับมาด้วยภาษาญี่ปุ่น! เสมือนประหนึ่งว่ามีวุ้นแปลภาษาของพี่ม่อนมาช่วยแปลภาษาระหว่างเรา…(เฮ้ย! คือช่วยดูหนังหน้าคนพูดก่อนได้มะ ) คือ ตูฟังไม่รุเรื่องโฟร้ยยย ต่อให้ด่าด้วยภาษาญี่ปุ่นไปยิ้มไป ก้นึกว่าชมค่ะ (คือ...ลองพูดไทยใส่คนญี่ปุ่นมาแล้ว ไม่มีใครรุจริงๆแฮะ กรั่กๆๆ)
วิธีเอาตัวรอดของเราเป็นเบสิคขั้นพื้นฐานฟันดาเมนทั่ลเลย คือภาษากาย และภาษามือถือ อันนี้ได้ผลจริง (อยากได้ไร searchหาและยื่นให้)
ที่สำคัญ รอยยิ้มพิมพ์ใจนั้นดีที่สุด ไม่รุอะไรยังไง ยิ้มไว้ก่อน
2 ชาวญี่ปุ่นใจดีมาก ใจดีเวอร์ ใจดีแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ใจดียังกะกัปตันอเมริกาช่วยกู้โลก คือใจดีจริงๆ อย่างเวลาหลงทาง (ทุกวัน!!!)
เราจะส่องหาเป้าหมายหลัก โดยเลือกจากคนหน้าตาดี เอ้ย ไม่ใช่! คนที่หน้าตาดูดีมีไมตรีจิต ทำตัวชิลๆ
เมื่อล็อคเป้าหมายได้ ก็พุ่งเข้าชาร์จ รัวภาษาอังกฤษใส่ (ทำเปนเก่ง!) เอาจิง เปิดรูปที่ที่จะไปให้แม่มดูเลยค่ะ จบ!
ขอบคุณที่โลกนี้มีมือถือและinternet กราบ นอกจากเวลาหลงทางแล้ว ตอนที่เราจะซื้อตั๋วในเมืองที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่น (คือ ถ้าไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวพี่แกก็จะไม่ให้คนเค้าฝึกสมองลองอ่านภาษาอังกฤษเลยใช่มะ) ก็หาคนมาช่วย ถ้าเค้าช่วยไม่ได้ ก็จะไปตามคนมาอีก คือประทับใจตรงที่เค้าไม่ทิ้งเราให้เคว้งเหมือนโดนผู้ชายหักอก สรุปคือคนญี่ปุ่นนั้นไซ้ น้ำใจงามเหลือล้น
^ อย่างพนักงานคนนี้ พอเห็นว่าเราหอบของพะรุงพะรัง ก็เอ่ยปากขอเอาเจ้าถุงพลาสติคที่มีอยู่เต็มมือไปจัดเป็นสัดส่วนให้เหลือเพียงถุงกระดาษใบเดียว
นี่ล่ะ...ความใส่ใจและความใจดีของคนญี่ปุ่น
3 ชาวญี่ปุ่นมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองที่สุด! ทำไมน่ะรึ ความมั่นใจเราดูได้จากภายนอก คือ ทรงผม การแต่งหน้า และการแต่งตัว
ชาวญี่ปุ่นทำตัวไม่แคร์เวิลดิ์มากข่า คือทำไรก้ทำ(กับเสื้อผ้าหน้าผมตัวเอง)
ขอแนะนำคนที่กะลังจะไปญี่ปุ่น หรือคิดจะไปว่า ไม่ต้องเซตชุดมากนักหรอก เอาไปเยอะๆ
ไปถึงนั่น mixนู่นนี่นั่น เข้าไม่เข้า ไปก็ไม่มีใครว่า ชาวญี่ปุ่นแต่งตัวได้แปลกแหวกแนวกว่าชาติใด เก๋ไก๋และเป็นตัวของตัวเองที่สุด ปรบมือรัวๆข่ะ