สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอพื้นที่เล็กๆ ในการระบายความรู้สึกของเราที่มีต่อ รพ.กล้วยน้ำไท ซักหน่อยนะคะ
เริ่มเลยนะคะ เหตุผลที่ จขกท. เลือกเข้ารักษาที่ รพ.นี้ เนื่องจากเจ้าของกระทู้มีประกันสังคมอยู่ที่นี่ค่ะ
เลยเลือกที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม
วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ตอนบ่ายๆ จขกท.มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง 6-7 ครั้ง ในวันนั้น
แต่จขกท. ก็ไม่ได้ทานยาแก้ท้องเสียแต่อย่างไร เพราะต้องการถ่ายๆ ให้เชื้อมันหมดไปค่ะ
วันจันทร์ จขกท. ไปทำงานตามปกติ อาการท้องเสียก็ยังมีบ้าง 1-2 ครั้ง
วันอังคาร จขกท. ไปทำงานตามปกติอย่างเช่นเหมือนเดิม แต่รู้สึกเหมือนมีอาการปวดท้อง ปวดแบบเหมือนท้องเสีย
แบบต้องไปห้องน้ำเดี๋ยวนั้นเลย พอจขกท. เข้าไปนั่ง ปรากฏว่าไม่ถ่ายค่ะ เป็นอาการอยู่อย่างนี้ 3 ครั้ง ในตอนเช้า
ก่อนเที่ยงจขกท. มีอาการอยู่ๆ ก็ไข้ขึ้นขึ้นมาโดยไม่ทราบาสาเหตุ ดังนั้นจขกท. จึงลางานครึ่งบ่ายกลับมานอนที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ทานยาพาราเพื่อลดไข้ และนอนพัก ตั้งใจว่าเดี๋ยวตื่นมาตอนเย็นจะไปหาหมอตรวจดูว่าเป็นอะไร
แต่ด้วยความที่เป็นเอามาก จขกท. นอนยาวมาก ตื่นมาอีกที 3 ทุ่ม แล้ว เลยเวลาหาหมอ ตอนคืนนั้นก็ไข้มาตลอดนะคะ
ทานยาพารา แล้วไข้ก็หายไป.... เป็นอย่างนี้จนถึงเช้า
วันพุธ จขกท. ตัดสิสนใจไปหาหมอค่ะ เพราะไข้ไม่หาย ก็เลยไปหาหมอที่ รพ.แห่งนี้ จขกท. เจอหมอ ก็บอกอาการของเราไป
อย่างละเอียด ย้ำ !! นะคะ ว่าละเอียดมาก เล่าตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์เลย
คุณหมอสรุปว่าจขกท. เป็นกระเพาะอักเสบค่ะ ให้ยาเกี่ยวกับเรื่องท้องๆ มา พวกแก้ท้องเสีย ท้องอืด บลาๆ
>> การหาหมอในครั้งนี้ เราใช้ประกันบริษัทค่ะ คือประกันจะ cover OPD (ผู้ป่วยนอก) 800 บาท พี่ HR ที่บริษัท ก็แนะนำให้เรายื่นบัตรประกัน พร้อมบัตรประกันสังคม เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายส่วนเกิน และได้คิว ได้ยาที่ดีขึ้นมากว่าประกันสังคมหน่อย เราก็เลยทำตามนี้ค่ะ
วันพฤหัส จขกท. ก็ไปทำงานตามปกติค่ะ แต่ยังมีความรู้สึกว่าเป็นไข้ต่ำๆ อยู่นะคะ แต่จขกท. ก็ทานพาราบ้าง ไม่ทานบ้าง
เพราะมีความรู้สึกว่าไม่อยากทานยาเยอะ ปวดหัวมากๆ จริงๆ แล้วจึงทาน
(คือตอนนี้กลับมาย้อนคิดดู นี่เราอึดมากกก ทนมาได้ยังไง
)
ตอนสายๆ ไข้มันมาอีกแล้วค่ะ เลยตัดสินใจลางานไปหาหมอใหม่
มาหาหมอครั้งนี้ จขกท. ไม่ได้เจอหมอคนเดิมค่ะ จขกท. เล่าไปว่าเมื่อวานก็เพิ่งมาหาหมอไป และก็ไข้ไม่หายค่ะ
สรุปคุณหมอบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
เลยให้ฉีดยา 3 เข็ม
ด้วยความที่จขกท. กลัวกับการฉีดยาเป็นอย่างมาก เลยไม่ได้ถามพยาบาลว่าฉีดยาอะไรให้บ้าง
ใจในตอนนั้นจขกท. โฟกัสแค่ว่าขอให้ผ่านพ้นเวลานี้ไปให้ได้ และจขกท. ก็กลับมาพักที่บ้านค่ะ
ในวันนั้น ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วนะคะ ตามประสาที่โดนฉีดยา จขกท. ก็คิดว่าคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้นะคะ เวลาหลังฉีดยาผ่านไปวันต่อมาก็หายสนิท แต่ !!! มันไม่เป็นอย่างงั้นค่ะ
เช้าวันศุกร์ จขกท. ยังมีอาการไข้ต่ำๆ มันล้าๆ เพลียๆ ชอบกล จขกท. เลยตัดสินใจลางานอีกหนึ่งวันค่ะ แต่ไม่ได้ไปหาหมออีกนะคะ
เหตุผลเพราะว่าจขกท. คิดว่าเพิ่งไปฉีดยามา นอนพักวันนี้อีกซักวันก็น่าจะหายนะ
วันเสาร์ จขกท. ไม่หายค่ะ รู้สึกมีไข้อยู่ตลอดเวลา เลยตัดสินใจไปหาหมออีกรอบ แต่ครั้งนี้แย่มากนะคะ คือคุณหมอไม่ตรวจอะไรเลย
ย้ำ !! นะคะ คุยๆ กัน บอกอาการไป เหตุการณ์น่าจะไม่เกิน 2 นาที ได้เพิ่มมาแค่พารา และยาแก้อักเสบ
ตรึงงงง !!
มือกุมขมับเลยค่ะ
วันอาทิตย์ จขกท. ไม่มีแรง ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร ได้แต่นอน นอนพัก นอน นอน นอน
ทานข้าว (ทานแบบแมวดม) มีอาการไม่อยากอาหาร ทานยา แล้วก็นอนค่ะ โดยที่ตัวเองก็ไม่ทันได้ฉุกคิดอะไรเรื่องการไม่สบายในครั้งนี้เลย
วันจันทร์ จขกท. ไปทำงานตามปกติ แต่วันนี้มันรู้สึกว่า วูบๆ วาบๆ ลอยๆ เบลอๆ เหมือนคนเป็นความดันต่ำ
แล้วที่สำคัญ คือยังเป็นไข้อยู่นะคะ พาราเอาไม่อยู่ละ แต่ด้วยความที่รู้สึกผิดเรื่องลางาน เลยตัดสินใจไปทำงาน
วันนั้นทั้งวันก็ผ่านพ้นไป โดยที่มีอาการลอยๆ แบบนั้น และอาเจียนไปด้วยอีก 1 ครั้ง
พี่ HR แนะนำว่า ลองเปลี่ยนรพ. ดู เพราะพี่คิดว่าอาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว วูบวาบๆ ทั้งซีด
พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง (วันนั้นจขกท. ซีดมาก มากอย่างเห็นได้ชัด) จขกท. เลยทำตามคำแนะนำ เปลี่ยนที่ค่ะ
เท่านั้นแหล่ะ รู้เรื่องเลยค่ะ คุณหมอที่ รพ. รxxxxx จับจขกท. ตรวจเลือด ตรวจน้ำมูกหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ ตรวจปัสสาวะ
ผลปรากฏว่าาาาาาา "ไข้เลือดออก" และตอนนี้จขกท. เกล็ดเลือดต่ำแบบขั้นสุด ถ้ามาช้ากว่านี้อันตรายมากๆๆๆ
อาจจะช๊อค และเสียชีวิตได้ จขกท. โดนให้แอดมิดไปตามระเบียบ ตอนนี้เจ้าของกระทู้หายเป็นปกติแล้วค่ะ
โดนค่าเสียหายไป xx,xxx ค่ะ จ่ายส่วนต่างไปหน้ามืดเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าเสียชีวิตเพราะความชุ่ยของหมอที่ รพ.นั้นค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ ทางจขกท. หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อ่านท่านอื่นๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อย
ในเรื่องการเลือกเข้ารับบริการการรักษาที่รพ. ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลือก รพ.อื่นนะคะ เพราะที่นี่ชุ่ยมากจริงๆ
จขกท. ก็มาใช้บริการหลายครั้งแล้ว ก็สัมผัสได้เช่นกัน ต่อจากนี้ไปก็จะไม่ไปที่นี่แล้วนะคะ
ที่มาระบายในวันนี้ไม่ได้ต้องการมาดิสเครดิตรพ.แต่อย่างใด ถ้าทางรพ.ได้ทราบ หรือได้เห็นกระทู้นี้
ทางจขกท. ก็ขอให้คิดได้ และปรับเปลี่ยนระบบ หรือความใส่ใจในการรักษาคนไข้มากกว่านี้นะคะ
ถึงจะเป็นประกัน หรือประกันสังคม คนป่วยก็คือลูกค้าของคุณนะคะ
เกือบตาย เพราะความชุ่ยของการรักษาที่ รพ.กล้วยน้ำไท
เริ่มเลยนะคะ เหตุผลที่ จขกท. เลือกเข้ารักษาที่ รพ.นี้ เนื่องจากเจ้าของกระทู้มีประกันสังคมอยู่ที่นี่ค่ะ
เลยเลือกที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม
วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ตอนบ่ายๆ จขกท.มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง 6-7 ครั้ง ในวันนั้น
แต่จขกท. ก็ไม่ได้ทานยาแก้ท้องเสียแต่อย่างไร เพราะต้องการถ่ายๆ ให้เชื้อมันหมดไปค่ะ
วันจันทร์ จขกท. ไปทำงานตามปกติ อาการท้องเสียก็ยังมีบ้าง 1-2 ครั้ง
วันอังคาร จขกท. ไปทำงานตามปกติอย่างเช่นเหมือนเดิม แต่รู้สึกเหมือนมีอาการปวดท้อง ปวดแบบเหมือนท้องเสีย
แบบต้องไปห้องน้ำเดี๋ยวนั้นเลย พอจขกท. เข้าไปนั่ง ปรากฏว่าไม่ถ่ายค่ะ เป็นอาการอยู่อย่างนี้ 3 ครั้ง ในตอนเช้า
ก่อนเที่ยงจขกท. มีอาการอยู่ๆ ก็ไข้ขึ้นขึ้นมาโดยไม่ทราบาสาเหตุ ดังนั้นจขกท. จึงลางานครึ่งบ่ายกลับมานอนที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ทานยาพาราเพื่อลดไข้ และนอนพัก ตั้งใจว่าเดี๋ยวตื่นมาตอนเย็นจะไปหาหมอตรวจดูว่าเป็นอะไร
แต่ด้วยความที่เป็นเอามาก จขกท. นอนยาวมาก ตื่นมาอีกที 3 ทุ่ม แล้ว เลยเวลาหาหมอ ตอนคืนนั้นก็ไข้มาตลอดนะคะ
ทานยาพารา แล้วไข้ก็หายไป.... เป็นอย่างนี้จนถึงเช้า
วันพุธ จขกท. ตัดสิสนใจไปหาหมอค่ะ เพราะไข้ไม่หาย ก็เลยไปหาหมอที่ รพ.แห่งนี้ จขกท. เจอหมอ ก็บอกอาการของเราไป
อย่างละเอียด ย้ำ !! นะคะ ว่าละเอียดมาก เล่าตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์เลย
คุณหมอสรุปว่าจขกท. เป็นกระเพาะอักเสบค่ะ ให้ยาเกี่ยวกับเรื่องท้องๆ มา พวกแก้ท้องเสีย ท้องอืด บลาๆ
>> การหาหมอในครั้งนี้ เราใช้ประกันบริษัทค่ะ คือประกันจะ cover OPD (ผู้ป่วยนอก) 800 บาท พี่ HR ที่บริษัท ก็แนะนำให้เรายื่นบัตรประกัน พร้อมบัตรประกันสังคม เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายส่วนเกิน และได้คิว ได้ยาที่ดีขึ้นมากว่าประกันสังคมหน่อย เราก็เลยทำตามนี้ค่ะ
วันพฤหัส จขกท. ก็ไปทำงานตามปกติค่ะ แต่ยังมีความรู้สึกว่าเป็นไข้ต่ำๆ อยู่นะคะ แต่จขกท. ก็ทานพาราบ้าง ไม่ทานบ้าง
เพราะมีความรู้สึกว่าไม่อยากทานยาเยอะ ปวดหัวมากๆ จริงๆ แล้วจึงทาน
(คือตอนนี้กลับมาย้อนคิดดู นี่เราอึดมากกก ทนมาได้ยังไง)
ตอนสายๆ ไข้มันมาอีกแล้วค่ะ เลยตัดสินใจลางานไปหาหมอใหม่
มาหาหมอครั้งนี้ จขกท. ไม่ได้เจอหมอคนเดิมค่ะ จขกท. เล่าไปว่าเมื่อวานก็เพิ่งมาหาหมอไป และก็ไข้ไม่หายค่ะ
สรุปคุณหมอบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
เลยให้ฉีดยา 3 เข็ม ด้วยความที่จขกท. กลัวกับการฉีดยาเป็นอย่างมาก เลยไม่ได้ถามพยาบาลว่าฉีดยาอะไรให้บ้าง
ใจในตอนนั้นจขกท. โฟกัสแค่ว่าขอให้ผ่านพ้นเวลานี้ไปให้ได้ และจขกท. ก็กลับมาพักที่บ้านค่ะ
ในวันนั้น ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วนะคะ ตามประสาที่โดนฉีดยา จขกท. ก็คิดว่าคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้นะคะ เวลาหลังฉีดยาผ่านไปวันต่อมาก็หายสนิท แต่ !!! มันไม่เป็นอย่างงั้นค่ะ
เช้าวันศุกร์ จขกท. ยังมีอาการไข้ต่ำๆ มันล้าๆ เพลียๆ ชอบกล จขกท. เลยตัดสินใจลางานอีกหนึ่งวันค่ะ แต่ไม่ได้ไปหาหมออีกนะคะ
เหตุผลเพราะว่าจขกท. คิดว่าเพิ่งไปฉีดยามา นอนพักวันนี้อีกซักวันก็น่าจะหายนะ
วันเสาร์ จขกท. ไม่หายค่ะ รู้สึกมีไข้อยู่ตลอดเวลา เลยตัดสินใจไปหาหมออีกรอบ แต่ครั้งนี้แย่มากนะคะ คือคุณหมอไม่ตรวจอะไรเลย
ย้ำ !! นะคะ คุยๆ กัน บอกอาการไป เหตุการณ์น่าจะไม่เกิน 2 นาที ได้เพิ่มมาแค่พารา และยาแก้อักเสบ
ตรึงงงง !! มือกุมขมับเลยค่ะ
วันอาทิตย์ จขกท. ไม่มีแรง ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร ได้แต่นอน นอนพัก นอน นอน นอน
ทานข้าว (ทานแบบแมวดม) มีอาการไม่อยากอาหาร ทานยา แล้วก็นอนค่ะ โดยที่ตัวเองก็ไม่ทันได้ฉุกคิดอะไรเรื่องการไม่สบายในครั้งนี้เลย
วันจันทร์ จขกท. ไปทำงานตามปกติ แต่วันนี้มันรู้สึกว่า วูบๆ วาบๆ ลอยๆ เบลอๆ เหมือนคนเป็นความดันต่ำ
แล้วที่สำคัญ คือยังเป็นไข้อยู่นะคะ พาราเอาไม่อยู่ละ แต่ด้วยความที่รู้สึกผิดเรื่องลางาน เลยตัดสินใจไปทำงาน
วันนั้นทั้งวันก็ผ่านพ้นไป โดยที่มีอาการลอยๆ แบบนั้น และอาเจียนไปด้วยอีก 1 ครั้ง
พี่ HR แนะนำว่า ลองเปลี่ยนรพ. ดู เพราะพี่คิดว่าอาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว วูบวาบๆ ทั้งซีด
พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง (วันนั้นจขกท. ซีดมาก มากอย่างเห็นได้ชัด) จขกท. เลยทำตามคำแนะนำ เปลี่ยนที่ค่ะ
เท่านั้นแหล่ะ รู้เรื่องเลยค่ะ คุณหมอที่ รพ. รxxxxx จับจขกท. ตรวจเลือด ตรวจน้ำมูกหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ ตรวจปัสสาวะ
ผลปรากฏว่าาาาาาา "ไข้เลือดออก" และตอนนี้จขกท. เกล็ดเลือดต่ำแบบขั้นสุด ถ้ามาช้ากว่านี้อันตรายมากๆๆๆ
อาจจะช๊อค และเสียชีวิตได้ จขกท. โดนให้แอดมิดไปตามระเบียบ ตอนนี้เจ้าของกระทู้หายเป็นปกติแล้วค่ะ
โดนค่าเสียหายไป xx,xxx ค่ะ จ่ายส่วนต่างไปหน้ามืดเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าเสียชีวิตเพราะความชุ่ยของหมอที่ รพ.นั้นค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ ทางจขกท. หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อ่านท่านอื่นๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อย
ในเรื่องการเลือกเข้ารับบริการการรักษาที่รพ. ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลือก รพ.อื่นนะคะ เพราะที่นี่ชุ่ยมากจริงๆ
จขกท. ก็มาใช้บริการหลายครั้งแล้ว ก็สัมผัสได้เช่นกัน ต่อจากนี้ไปก็จะไม่ไปที่นี่แล้วนะคะ
ที่มาระบายในวันนี้ไม่ได้ต้องการมาดิสเครดิตรพ.แต่อย่างใด ถ้าทางรพ.ได้ทราบ หรือได้เห็นกระทู้นี้
ทางจขกท. ก็ขอให้คิดได้ และปรับเปลี่ยนระบบ หรือความใส่ใจในการรักษาคนไข้มากกว่านี้นะคะ
ถึงจะเป็นประกัน หรือประกันสังคม คนป่วยก็คือลูกค้าของคุณนะคะ