
หนังเรื่องที่กระแสดีที่สุดสัปดาห์นี้ผมว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ครับ ภาคต่อของเจ้าหมีจอมเกรียนอย่าง TED ที่ภาคนี้ต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับในฐานะบุคคล ซึ่งในหนังมีอะไรซ่อนอยู่จนน่าทึ่ง

เรื่องราวของหนุ่มหล่อล่ำ จอห์น เบนเนท (มาร์ค วอลห์เบิร์ก) ที่เจอภาวะจิตป่วนจากเจ้าตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ ที่เป็นเพื่อนรักสมัยเด็ก แต่ดันมาพูดได้เหมือนคน ด้วยผลของคำอธิษฐานจากตอนเด็กๆ สำหรับเรื่องราวของ Ted 2 จะพูดถึงการสู้คดีในชั้นศาลของเท็ด เพื่อขอสิทธิ์มีบุตรร่วมกับแฟนสาวซึ่งเป็นมนุษย์ แต่อุปสรรคกลับไม่ได้อยู่ที่ว่าจะมีลูกกันอย่างไร แต่คือจะทำอย่างไรให้สามารถมีลูกได้อย่างถูกกฎหมายมากกว่า

ด้วยคาแรคเตอร์ของ TED ภาคแรก หนังได้โชว์ความเกรียนของเจ้าหมีจอมแสบนี้ไปหมดแล้ว ในภาคนี้หนังเลยไม่ต้องปูอะไรให้มากความ เพราะคนดูรู้จักและเข้าใจในความเป็น Ted และ จอห์นนี่ อยู่แล้ว หนังพยายามหาแก๊กมาเล่นเพื่อให้ไปต่อได้ เลยออกมาเป็นเรื่องของการสร้างความต้องการการยอมรับในฐานะคนให้กับ Ted แต่หนังก็ไม่ได้ชูความเป็น Drama ออกมาเยอะแยะมากมาย ถึงหนังจะดูเหมือนเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรแต่หนังก็ไปหยิบยกประเด็นอะไรหลายๆ อย่างที่มันใกล้ตัวคนในยุคปัจจุบันมาซ่อนไว้เยอะพอสมควร ซึ่งถ้าคนที่ช่างสังเกตุหรือเก็ทมุขจะฮามาก หนังกัดจิกอะไรหลายๆอย่าง เช่นเรื่องของการติดโซเชียลของคนในยุคนี้ เรื่องของการประกาศกฏหมายการแต่งงานของเกย์ การเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแบบผิดๆ ของดาราบางคน เรื่องงาน Comic Con รวมถึงการกัดจิกหนังหลายๆ เรื่องที่มีเอกลักษณ์แบบที่คนดูจำได้และต้องฮา เรียกได้ว่าหนังกัดจิกสังคมได้แสบๆ คันๆ จริงๆ

ในตัวหนังต้องบอกว่ายังคงมีเรื่องของความลามก ตลกใต้เข็มขัด คำหยาบ และยาเสพย์ติดตลอดทั้งเรื่อง แต่มันก็ออกมาในรูปแบบของความฮามากกว่า ด้วยคาแรคเตอร์ของ Ted กับ จอห์นนี่ ที่เปลี่ยนให้เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องตลกได้ บวกกับตัวละครใหม่อย่าง แซม แจ๊คสัน (Amanda Seyfried) ที่มาช่วยเติมความฮาเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ลืมความเป็นสิ่งไม่ดีไปได้เลยทีเดียว

แต่ถึงแม้ว่าหนังจะเอาฮามาชูโรง แต่ก็ไม่มีจุดพีคเท่าที่ควรจะเป็น ไม่เหมือนภาคแรก แต่หนังก็มีข้อคิดแฝงไว้ค่อนข้างเยอะ และก็ตามสูตรแหละ หนังต้องจบแบบ Happy Ending แน่นอน ผู้กำกับคงไม่กล้าหักมุมทำร้ายคนดูกับหนังประเภทนี้หรอก เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ดูเอาสนุกขำขันได้แง่คิดนิดหน่อยก็พอครับ
พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] TED 2 หมีไม่แอ๊บแสบได้อีก - ไม่พีคเท่าภาคแรก แต่ก็มีลูกเล่นให้ขำเยอะดี
หนังเรื่องที่กระแสดีที่สุดสัปดาห์นี้ผมว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ครับ ภาคต่อของเจ้าหมีจอมเกรียนอย่าง TED ที่ภาคนี้ต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับในฐานะบุคคล ซึ่งในหนังมีอะไรซ่อนอยู่จนน่าทึ่ง
เรื่องราวของหนุ่มหล่อล่ำ จอห์น เบนเนท (มาร์ค วอลห์เบิร์ก) ที่เจอภาวะจิตป่วนจากเจ้าตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ ที่เป็นเพื่อนรักสมัยเด็ก แต่ดันมาพูดได้เหมือนคน ด้วยผลของคำอธิษฐานจากตอนเด็กๆ สำหรับเรื่องราวของ Ted 2 จะพูดถึงการสู้คดีในชั้นศาลของเท็ด เพื่อขอสิทธิ์มีบุตรร่วมกับแฟนสาวซึ่งเป็นมนุษย์ แต่อุปสรรคกลับไม่ได้อยู่ที่ว่าจะมีลูกกันอย่างไร แต่คือจะทำอย่างไรให้สามารถมีลูกได้อย่างถูกกฎหมายมากกว่า
ด้วยคาแรคเตอร์ของ TED ภาคแรก หนังได้โชว์ความเกรียนของเจ้าหมีจอมแสบนี้ไปหมดแล้ว ในภาคนี้หนังเลยไม่ต้องปูอะไรให้มากความ เพราะคนดูรู้จักและเข้าใจในความเป็น Ted และ จอห์นนี่ อยู่แล้ว หนังพยายามหาแก๊กมาเล่นเพื่อให้ไปต่อได้ เลยออกมาเป็นเรื่องของการสร้างความต้องการการยอมรับในฐานะคนให้กับ Ted แต่หนังก็ไม่ได้ชูความเป็น Drama ออกมาเยอะแยะมากมาย ถึงหนังจะดูเหมือนเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรแต่หนังก็ไปหยิบยกประเด็นอะไรหลายๆ อย่างที่มันใกล้ตัวคนในยุคปัจจุบันมาซ่อนไว้เยอะพอสมควร ซึ่งถ้าคนที่ช่างสังเกตุหรือเก็ทมุขจะฮามาก หนังกัดจิกอะไรหลายๆอย่าง เช่นเรื่องของการติดโซเชียลของคนในยุคนี้ เรื่องของการประกาศกฏหมายการแต่งงานของเกย์ การเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแบบผิดๆ ของดาราบางคน เรื่องงาน Comic Con รวมถึงการกัดจิกหนังหลายๆ เรื่องที่มีเอกลักษณ์แบบที่คนดูจำได้และต้องฮา เรียกได้ว่าหนังกัดจิกสังคมได้แสบๆ คันๆ จริงๆ
ในตัวหนังต้องบอกว่ายังคงมีเรื่องของความลามก ตลกใต้เข็มขัด คำหยาบ และยาเสพย์ติดตลอดทั้งเรื่อง แต่มันก็ออกมาในรูปแบบของความฮามากกว่า ด้วยคาแรคเตอร์ของ Ted กับ จอห์นนี่ ที่เปลี่ยนให้เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องตลกได้ บวกกับตัวละครใหม่อย่าง แซม แจ๊คสัน (Amanda Seyfried) ที่มาช่วยเติมความฮาเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ลืมความเป็นสิ่งไม่ดีไปได้เลยทีเดียว
แต่ถึงแม้ว่าหนังจะเอาฮามาชูโรง แต่ก็ไม่มีจุดพีคเท่าที่ควรจะเป็น ไม่เหมือนภาคแรก แต่หนังก็มีข้อคิดแฝงไว้ค่อนข้างเยอะ และก็ตามสูตรแหละ หนังต้องจบแบบ Happy Ending แน่นอน ผู้กำกับคงไม่กล้าหักมุมทำร้ายคนดูกับหนังประเภทนี้หรอก เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ดูเอาสนุกขำขันได้แง่คิดนิดหน่อยก็พอครับ
พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ >>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้