"คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี" เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงบุกทุบกระจก เผาเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ และเผาอาคารสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ความเสียหายรวม 203 ล้านบาท คดีนี้ออกหมายจับ 22 ผู้ต้องหา อัยการยื่นฟ้องต่อศาล โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2554 ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้มีคำพิพากษาข้อหาวางเพลิงสถานที่ราชการ จำเลยมี 5 คน คือ นายอาทิตย์ สายทอง กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,กระทำผิดฐานวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานีและบุกรุกศาลากลางจังหวัดอุดรธานี จำคุก 22 ปี 6 เดือน, นายวันชัย รักสงวนศิลป์ กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, กระทำผิดฐานวางเพลิงศาลากลางจังหวัดอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน, นายกิตติพงษ์ ชัยกัง เป็นผู้เยาว์ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิดฐานวางเพลิงศาลากลางจังหวัดอุดรธานีและวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 11 ปี 3 เดือน, นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิดฐานวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน
และพิพากษาให้นายอาทิตย์ สายทอง, นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 142 ล้านบาท, ให้นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ร่วมกับนายกิตติพงษ์ ชัยกัง ชดใช้ค่าเสียหาย 57.7 ล้านบาท
ส่วนข้อหาคดีบุกรุกสถานที่ราชการ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย มีความผิด 4 ราย คือ 1 คน จำคุก 4 ปี 6 เดือน ส่วนอีก 3 คนถูกจำคุก 2 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 13 คน จำคุกคนละ 6 เดือน แต่ได้พ้นโทษไปหมดแล้ว ตอนหนึ่งของคำพิพากษา ศาลได้บรรยายพฤติกรรมของจำเลยว่า "ในการชุมนุมจำเลยได้มีการปราศรัยปลุกระดม ยุยงแก่กลุ่มผู้ชุมนุมให้บุกเข้าไปภายในที่ว่าการอำเภอและจวนผู้ว่าฯ และพูดขึ้นว่า "เผาเลย เผาเลย ไปเผาที่ว่าการอำเภอ เผาอำเภอ แล้วเผาจวนผู้ว่าฯ ด้วย เผา เผา....."
สำหรับจำเลยทั้งหมดที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษหลักสี่และคดีอยู่ระหว่างจำเลยอุทธรณ์คดี และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 นายวันชัย รักษ์สงวนศิลป์ ชาว อ.หนองหาน ได้เสียชีวิตในเรือนจำพิเศษหลักสี่
นี้ก่ออีกอันหนึ่ง วันอทิตย์ เสื้อแดงบุกเผ่าศาลากาง อุดร. ผวากันไปทั้งเมือง.
"คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี" เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงบุกทุบกระจก เผาเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ และเผาอาคารสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ความเสียหายรวม 203 ล้านบาท คดีนี้ออกหมายจับ 22 ผู้ต้องหา อัยการยื่นฟ้องต่อศาล โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2554 ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้มีคำพิพากษาข้อหาวางเพลิงสถานที่ราชการ จำเลยมี 5 คน คือ นายอาทิตย์ สายทอง กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,กระทำผิดฐานวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานีและบุกรุกศาลากลางจังหวัดอุดรธานี จำคุก 22 ปี 6 เดือน, นายวันชัย รักสงวนศิลป์ กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, กระทำผิดฐานวางเพลิงศาลากลางจังหวัดอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน, นายกิตติพงษ์ ชัยกัง เป็นผู้เยาว์ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิดฐานวางเพลิงศาลากลางจังหวัดอุดรธานีและวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 11 ปี 3 เดือน, นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิดฐานวางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน
และพิพากษาให้นายอาทิตย์ สายทอง, นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 142 ล้านบาท, ให้นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ร่วมกับนายกิตติพงษ์ ชัยกัง ชดใช้ค่าเสียหาย 57.7 ล้านบาท
ส่วนข้อหาคดีบุกรุกสถานที่ราชการ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย มีความผิด 4 ราย คือ 1 คน จำคุก 4 ปี 6 เดือน ส่วนอีก 3 คนถูกจำคุก 2 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 13 คน จำคุกคนละ 6 เดือน แต่ได้พ้นโทษไปหมดแล้ว ตอนหนึ่งของคำพิพากษา ศาลได้บรรยายพฤติกรรมของจำเลยว่า "ในการชุมนุมจำเลยได้มีการปราศรัยปลุกระดม ยุยงแก่กลุ่มผู้ชุมนุมให้บุกเข้าไปภายในที่ว่าการอำเภอและจวนผู้ว่าฯ และพูดขึ้นว่า "เผาเลย เผาเลย ไปเผาที่ว่าการอำเภอ เผาอำเภอ แล้วเผาจวนผู้ว่าฯ ด้วย เผา เผา....."
สำหรับจำเลยทั้งหมดที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษหลักสี่และคดีอยู่ระหว่างจำเลยอุทธรณ์คดี และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 นายวันชัย รักษ์สงวนศิลป์ ชาว อ.หนองหาน ได้เสียชีวิตในเรือนจำพิเศษหลักสี่