กระทู้แรก แนะนำด้วยนะคะ
จขกท ซื้อ AirAsia Asean Pass 10 เครดิต 5,000 บาท (ราคาตอนนี้ 5,300บาท) แต่สามารถซื้อในสกุลเงินอื่นใน ASEAN ได้ จขกท จึงซื้อในสกุลมาเลริงกิต (MYR) จ่ายผ่านบัตรแล้วบิลออกมาแค่ 4,5xx บาท ขึ้นอยู่กับค่าเงินขณะนั้น
ขอแชร์ ข้อจำกัดเท่าที่รู้มา ณ บัดนี้
1. เครดิตมีอายุ30วัน นับตั้งแต่ไฟลท์แรกที่บิน ไม่นับจากวันจองนะคะ
2. จองเส้นทางซ้ำไม่ได้ แต่ไปกลับไม่ถือว่าซ้ำ
เช่น จอง กรุงเทพ>เชียงใหม่ แล้วจอง เชียงใหม่>กรุงเทพ ได้ ไม่ถือว่าซ้ำค่ะ
3. ใช้วันหยุดยาวไม่ได้ แต่ วันเสาร์-อาทิตย์ ปกติใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท จองไปปีนัง วันศุกร์ที่ 30 พ.ค. ได้ด้วย ทั้งๆที่ วันจันทร์ที่ 1 มิ.ย.เป็นวันหยุดวิสาขบูชา อาจจะเพราะบินไปมาเลซีย ไม่รู้ว่าเกียวมั้ย...
4. จองล่วงหน้าอย่างน้อย 14วัน ***
ต้องวางแผนดีๆ
จองรวดเดียวหมดยิ่งดี เพราะไฟล์ที่เราต้องการอาจจะเต็มก่อน
5. มีไม่ครบทุกไฟลท์
เช็คในตารางบอกเครดิต ว่ามีปลายทางที่ต้องการหรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรก จขกท กะว่าจะไปเชียร์บอลที่บุรีรัมย์ แต่ไม่มีให้เลือกในโปรฯนี้ เศร้ากันไป เปลี่ยนแผนด่วน!
6. ต้องจ่ายเพิ่มค่าภาษีสนามบิน ทั้งขาไปและขากลับ
7. ไม่รวมค่ากระเป๋าโหลด น้ำ อาหาร และอื่นๆ ตามปกติ
- กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องได้ 7 กิโล เอาแค่ไม่ใหญ่หรือหนักจนผิดสังเกต
- ระวังมีดพับมีดโกน ของเหลว พวกครีมกันแดด น้ำหอม อย่าเอาขวดใหญ่ไปเกิน100มล. อาจจะต้องเสียค่าโหลดกระเป๋าเพิ่ม
- ค่าโหลดกระเป๋าซื้อในเวปก่อนจะบินได้ ไม่ต้องซื้อพร้อมจอง และซื้อผ่านเวปจะถูกกว่าซื้อที่เคาน์เตอร์เช็กอินแน่นอนค่ะ
- ข้อดีของการไม่โหลดกระเป๋าคือ เช็กอินผ่านเวปหรือตู้อัตโนมัติ ได้โดยไม่ต้องไปต่อแถวรอ ดรอปกระเป๋าอีก เพราะสามารถพิมพ์ ตั๋วมาจากบ้านได้ ใครไม่มีเครื่องปริ้นเตอร์ ก็มาปริ้นที่ตู้อัตโนมัติได้เหมือนกันค่ะ มาถึงก็เดินเข้าไปนั่งรอหน้าเกตได้เลย ข้อเสียคือช้อปปิ้งมากไม่ได้ กระเป๋าไม่พอใส่ และนน.จะเกิน
- อาหารที่เสริฟบนเครื่องหอมมากค่ะ แม้ว่าจะกินก่อนขึ้นเครื่องอิ่มยังไงก็ทำให้หิว 555+ ถ้าอยากชิมแนะนำให้สั่งล่วงหน้าทางออนไลน์ค่ะ ถูกกว่าเช่นกัน
8. โอนให้คนอื่นไปแทนได้
อันนี้ยังไม่เคยลองใช้ค่ะ
9.
จองได้ทีละคน ***** (ห้าดาวเลยค่ะ)
สำหรับคนที่ใช้ไอดีเดียวกันในการซื้อให้หลายๆคน จองออนไลน์ได้ไฟลท์ละคน คนละไฟลท์ต่อครั้ง นั่นหมายความว่า ถ้าคุณซื้อ4คน จะจองไปด้วยกัน คุณอาจจะจองได้ได้ 3คน แล้วกำลังจะจองให้คนที่4 แต่จองไม่ทัน เพราะไฟลท์เต็มก็ได้ และไอดีเดียวกันจองติดๆ กันไม่ได้ต้องทิ้งห่างประมาณ 1ชม เนื่องจากมันจะเกิดการ Error ตอนกดจ่ายตัง (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้หายรึยัง) ถ้าเป็นไปได้ควรต่างคนต่างซื้อต่างจองดีกว่า
10. จองแล้วยกเลิกไม่ได้ค่ะ เสียเครดิตไปตามนั้น
ข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับเต็มๆ ดูได้ที่เวปนี้
http://www.airasia.com/th/th/book-with-us/asean-pass-terms-and-conditions.page
การคิดมูลค่าแลกรับเที่ยวบิน จะขึ้นอยู่กับประเภทค่าโดยสาร ต้นทุนการเดินการ เวลาเดินทาง และจำนวนความถี่ของเที่ยวบิน เช็คได้จากเวปไซต์นี้ค่ะ
http://www.airasia.com/th/th/book-with-us/asean-pass.page
*** เตือนอีกครั้งต้องวางแผนการเดินทางดี ดูจุดหมายปลายทางและจำนวนเครดิต คำนวนๆดี มีคุ้มนะคะ
ยกตัวอย่างของ จขกท จะไปเชียร์ซีเกมส์ที่สิงคโปร์
กรุงเทพ-สิงคโปร์ 3เครดิต
สิงคโปร์-กรุงเทพ 3เครดิต
จากกรุงเทพไปกลับสิงคโปร์ ต้องใช้6เครดิต จึงวางแผนใหม่
กรุงเทพ-ปีนัง 1เครดิต
ปีนัง-สิงคโปร์ 1เครดิต
สิงคโปร์-กระบี่ 1เครดิต
กระบี่-กรุงเทพ 1เครดิต
จากกรุงเทพบินไปเที่ยวปีนังก่อนแล้วจากปีนังบินไปสิงคโปร์ ขากลับก็แวะเที่ยวกระบี่ ใช้แค่ 4เครดิตเท่านั้น
หากไม่แวะเที่ยวจะ ต่อเครื่องเลยก็ได้ค่ะ เช็คเวลาดีๆจะได้ไม่รอนาน ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย4-6ชม เผื่อไฟลท์ดีเลย์ และตม. ยิ่งถ้าสนามบินใหญ่ต้องนั่งบัส แถมยังเดินไกลมากด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เคยเจอปสก. ตอนนั้นไม่ได้ใช้ Pass ค่ะ บินโปร0บาท กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์-สุราบาย่า ไฟลท์ดีเลย์เนื่องจากสภาพอากาศ ไปแวะจอดทีปีนังชั่วโมงนึงเพื่อรอสภาพอากาศ ทำให้ตกเครื่องต่อที่กัวลาลัมเปอร์ แล้วบังเอิญว่าไฟลท์นั้นดึกสุดแล้วเค้าจึงมีที่พักให้ฟรีรถรับส่งฟรีและบินฟรีไฟลท์เช้าสุดวันต่อมา อาจเพราะมาเลเซียเป็นสนามบินหลักในการต่อเครื่องของ AirAsia
** เพิ่มเติมเรื่องการเช็คอินออนไลน์ หรือ เวปเช็คอิน
หากทำเวปเช็คอินพร้อมๆกัน ก็มีโอกาสจะได้นั่งด้วยกัน และถ้าเช็คอินก่อนก็จะได้นั่งด้านหน้า (ไม่รวมถึงเก้าอี้แดงที่แพงกว่าปกตินะ) พอทำเวปเช็คอินเสร็จจะมี SMS เป็นลิ้งส่งมาให้เป็นรูป QR Code ใช้สำหรับสแกนเพื่อพิมพ์ตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ และมีส่งเอกสารมาทาง E-mail เป็นขนาด A4 พิมพ์ออกมาเป็นตั๋วได้เลย
บางสนามบินต้องมีการตรวจเอกสารก่อนที่เคาเตอร์ “Document Check” แม้ว่าเราจะทำการเช็คอินออนไลน์และไม่มีกระเป๋าโหลดก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอที่สนามบินต่างประเทศ สังเกตง่ายๆ คือ...
- สำหรับตั๋วที่พิมพ์ออกมาจากบ้าน ให้ดูที่หัวกระดาษด้านขวา ถ้ามีข้อมีความพิมพ์ว่า “Boarding Pass” แสดงว่าใช้ได้เลยไม่ต้องไปตรวจเอกสารอีก
- สำหรับตั๋วที่พิมพ์จากตู้อัตโนมัติ ถ้ามีโลโก้ “Travel Document Verification” กลมๆบางๆแปะอยู่ แปลว่าต้องไปตรวจเอกสารที่เคาเตอร์ให้เค้าปั้มตรา ถ้าไม่เจอโลโก้ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องไปตรวจอีก
ตรวจเอกสารที่เคาเตอร์ “Document Check” ใช้เอกสารเหมือนตอนที่ไปเช็กอินเลยค่ะ แค่คนละเคาเตอร์
สำหรับคนที่โหลดกระเป๋าต้องไปต่อแถวที่เคาเตอร์ “Baggage Drop” ซึ่งส่วนใหญ่เค้าก็จะพิมพ์ตั๋วให้ใหม่ พร้อมๆกับตรวจเอกสาร ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่อง Document Check อีกค่ะ
บางสนามบินที่เคยเจอคือ พิมพ์ตั๋ว A4 ที่มีคำว่า “Boarding Pass” มาจากบ้านแล้ว แต่ลองไปพิมพ์ตั๋วใหม่ที่ตู้อัตโนมัติ ปรากฎว่ามีโลโก้ “Document Verification” ลองใช้ตั๋วใบนี้เจ้าหน้าที่ให้ เค้าบอกต้องไปผ่านการตรวจเอกสารก่อน เราจึงควัก A4 ออกมาโชว์เลยให้ผ่านได้
อีกกรณีที่เจอคือ เปิดQR Code จากลิ้งที่ส่งมาทางSMS แล้วรูปไม่ขึ้น ก็เลย Scan เพื่อพิมพ์ตั๋วที่เครื่องไม่ได้ จะเช็คอินใหม่ก็ไม่ได้เพราะระบบมันบอกว่าทำเวปเช็คอินมาแล้ว ต้องไปต่อแถวให้เคาเตอร์พิมพ์ตั๋วให้ใหม่ ดังนั้นเพื่อความสะดวก พิมพ์ A4 มาจากบ้านดีกว่าเนอะ
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องวางแผนลางานใว้ด้วยค่ะ
ใครมีปสก.นอกเหนือจากนี้แชร์เพิ่มมาจะขอบคุณมากค่ะ
[CR] รีวิว AirAsia Asean Pass
จขกท ซื้อ AirAsia Asean Pass 10 เครดิต 5,000 บาท (ราคาตอนนี้ 5,300บาท) แต่สามารถซื้อในสกุลเงินอื่นใน ASEAN ได้ จขกท จึงซื้อในสกุลมาเลริงกิต (MYR) จ่ายผ่านบัตรแล้วบิลออกมาแค่ 4,5xx บาท ขึ้นอยู่กับค่าเงินขณะนั้น
ขอแชร์ ข้อจำกัดเท่าที่รู้มา ณ บัดนี้
1. เครดิตมีอายุ30วัน นับตั้งแต่ไฟลท์แรกที่บิน ไม่นับจากวันจองนะคะ
2. จองเส้นทางซ้ำไม่ได้ แต่ไปกลับไม่ถือว่าซ้ำ
เช่น จอง กรุงเทพ>เชียงใหม่ แล้วจอง เชียงใหม่>กรุงเทพ ได้ ไม่ถือว่าซ้ำค่ะ
3. ใช้วันหยุดยาวไม่ได้ แต่ วันเสาร์-อาทิตย์ ปกติใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. จองล่วงหน้าอย่างน้อย 14วัน ***
ต้องวางแผนดีๆ จองรวดเดียวหมดยิ่งดี เพราะไฟล์ที่เราต้องการอาจจะเต็มก่อน
5. มีไม่ครบทุกไฟลท์
เช็คในตารางบอกเครดิต ว่ามีปลายทางที่ต้องการหรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. ต้องจ่ายเพิ่มค่าภาษีสนามบิน ทั้งขาไปและขากลับ
7. ไม่รวมค่ากระเป๋าโหลด น้ำ อาหาร และอื่นๆ ตามปกติ
- กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องได้ 7 กิโล เอาแค่ไม่ใหญ่หรือหนักจนผิดสังเกต
- ระวังมีดพับมีดโกน ของเหลว พวกครีมกันแดด น้ำหอม อย่าเอาขวดใหญ่ไปเกิน100มล. อาจจะต้องเสียค่าโหลดกระเป๋าเพิ่ม
- ค่าโหลดกระเป๋าซื้อในเวปก่อนจะบินได้ ไม่ต้องซื้อพร้อมจอง และซื้อผ่านเวปจะถูกกว่าซื้อที่เคาน์เตอร์เช็กอินแน่นอนค่ะ
- ข้อดีของการไม่โหลดกระเป๋าคือ เช็กอินผ่านเวปหรือตู้อัตโนมัติ ได้โดยไม่ต้องไปต่อแถวรอ ดรอปกระเป๋าอีก เพราะสามารถพิมพ์ ตั๋วมาจากบ้านได้ ใครไม่มีเครื่องปริ้นเตอร์ ก็มาปริ้นที่ตู้อัตโนมัติได้เหมือนกันค่ะ มาถึงก็เดินเข้าไปนั่งรอหน้าเกตได้เลย ข้อเสียคือช้อปปิ้งมากไม่ได้ กระเป๋าไม่พอใส่ และนน.จะเกิน
- อาหารที่เสริฟบนเครื่องหอมมากค่ะ แม้ว่าจะกินก่อนขึ้นเครื่องอิ่มยังไงก็ทำให้หิว 555+ ถ้าอยากชิมแนะนำให้สั่งล่วงหน้าทางออนไลน์ค่ะ ถูกกว่าเช่นกัน
8. โอนให้คนอื่นไปแทนได้
อันนี้ยังไม่เคยลองใช้ค่ะ
9. จองได้ทีละคน ***** (ห้าดาวเลยค่ะ)
สำหรับคนที่ใช้ไอดีเดียวกันในการซื้อให้หลายๆคน จองออนไลน์ได้ไฟลท์ละคน คนละไฟลท์ต่อครั้ง นั่นหมายความว่า ถ้าคุณซื้อ4คน จะจองไปด้วยกัน คุณอาจจะจองได้ได้ 3คน แล้วกำลังจะจองให้คนที่4 แต่จองไม่ทัน เพราะไฟลท์เต็มก็ได้ และไอดีเดียวกันจองติดๆ กันไม่ได้ต้องทิ้งห่างประมาณ 1ชม เนื่องจากมันจะเกิดการ Error ตอนกดจ่ายตัง (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้หายรึยัง) ถ้าเป็นไปได้ควรต่างคนต่างซื้อต่างจองดีกว่า
10. จองแล้วยกเลิกไม่ได้ค่ะ เสียเครดิตไปตามนั้น
ข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับเต็มๆ ดูได้ที่เวปนี้ http://www.airasia.com/th/th/book-with-us/asean-pass-terms-and-conditions.page
การคิดมูลค่าแลกรับเที่ยวบิน จะขึ้นอยู่กับประเภทค่าโดยสาร ต้นทุนการเดินการ เวลาเดินทาง และจำนวนความถี่ของเที่ยวบิน เช็คได้จากเวปไซต์นี้ค่ะ http://www.airasia.com/th/th/book-with-us/asean-pass.page
*** เตือนอีกครั้งต้องวางแผนการเดินทางดี ดูจุดหมายปลายทางและจำนวนเครดิต คำนวนๆดี มีคุ้มนะคะ
ยกตัวอย่างของ จขกท จะไปเชียร์ซีเกมส์ที่สิงคโปร์
กรุงเทพ-สิงคโปร์ 3เครดิต
สิงคโปร์-กรุงเทพ 3เครดิต
จากกรุงเทพไปกลับสิงคโปร์ ต้องใช้6เครดิต จึงวางแผนใหม่
กรุงเทพ-ปีนัง 1เครดิต
ปีนัง-สิงคโปร์ 1เครดิต
สิงคโปร์-กระบี่ 1เครดิต
กระบี่-กรุงเทพ 1เครดิต
จากกรุงเทพบินไปเที่ยวปีนังก่อนแล้วจากปีนังบินไปสิงคโปร์ ขากลับก็แวะเที่ยวกระบี่ ใช้แค่ 4เครดิตเท่านั้น
หากไม่แวะเที่ยวจะ ต่อเครื่องเลยก็ได้ค่ะ เช็คเวลาดีๆจะได้ไม่รอนาน ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย4-6ชม เผื่อไฟลท์ดีเลย์ และตม. ยิ่งถ้าสนามบินใหญ่ต้องนั่งบัส แถมยังเดินไกลมากด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** เพิ่มเติมเรื่องการเช็คอินออนไลน์ หรือ เวปเช็คอิน
หากทำเวปเช็คอินพร้อมๆกัน ก็มีโอกาสจะได้นั่งด้วยกัน และถ้าเช็คอินก่อนก็จะได้นั่งด้านหน้า (ไม่รวมถึงเก้าอี้แดงที่แพงกว่าปกตินะ) พอทำเวปเช็คอินเสร็จจะมี SMS เป็นลิ้งส่งมาให้เป็นรูป QR Code ใช้สำหรับสแกนเพื่อพิมพ์ตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ และมีส่งเอกสารมาทาง E-mail เป็นขนาด A4 พิมพ์ออกมาเป็นตั๋วได้เลย
บางสนามบินต้องมีการตรวจเอกสารก่อนที่เคาเตอร์ “Document Check” แม้ว่าเราจะทำการเช็คอินออนไลน์และไม่มีกระเป๋าโหลดก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอที่สนามบินต่างประเทศ สังเกตง่ายๆ คือ...
- สำหรับตั๋วที่พิมพ์ออกมาจากบ้าน ให้ดูที่หัวกระดาษด้านขวา ถ้ามีข้อมีความพิมพ์ว่า “Boarding Pass” แสดงว่าใช้ได้เลยไม่ต้องไปตรวจเอกสารอีก
- สำหรับตั๋วที่พิมพ์จากตู้อัตโนมัติ ถ้ามีโลโก้ “Travel Document Verification” กลมๆบางๆแปะอยู่ แปลว่าต้องไปตรวจเอกสารที่เคาเตอร์ให้เค้าปั้มตรา ถ้าไม่เจอโลโก้ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องไปตรวจอีก
ตรวจเอกสารที่เคาเตอร์ “Document Check” ใช้เอกสารเหมือนตอนที่ไปเช็กอินเลยค่ะ แค่คนละเคาเตอร์
สำหรับคนที่โหลดกระเป๋าต้องไปต่อแถวที่เคาเตอร์ “Baggage Drop” ซึ่งส่วนใหญ่เค้าก็จะพิมพ์ตั๋วให้ใหม่ พร้อมๆกับตรวจเอกสาร ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่อง Document Check อีกค่ะ
บางสนามบินที่เคยเจอคือ พิมพ์ตั๋ว A4 ที่มีคำว่า “Boarding Pass” มาจากบ้านแล้ว แต่ลองไปพิมพ์ตั๋วใหม่ที่ตู้อัตโนมัติ ปรากฎว่ามีโลโก้ “Document Verification” ลองใช้ตั๋วใบนี้เจ้าหน้าที่ให้ เค้าบอกต้องไปผ่านการตรวจเอกสารก่อน เราจึงควัก A4 ออกมาโชว์เลยให้ผ่านได้
อีกกรณีที่เจอคือ เปิดQR Code จากลิ้งที่ส่งมาทางSMS แล้วรูปไม่ขึ้น ก็เลย Scan เพื่อพิมพ์ตั๋วที่เครื่องไม่ได้ จะเช็คอินใหม่ก็ไม่ได้เพราะระบบมันบอกว่าทำเวปเช็คอินมาแล้ว ต้องไปต่อแถวให้เคาเตอร์พิมพ์ตั๋วให้ใหม่ ดังนั้นเพื่อความสะดวก พิมพ์ A4 มาจากบ้านดีกว่าเนอะ
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องวางแผนลางานใว้ด้วยค่ะ
ใครมีปสก.นอกเหนือจากนี้แชร์เพิ่มมาจะขอบคุณมากค่ะ