เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก จนดิฉันต้องเข้าไปพัวพันสมรู้ร่วมคิด กับ 2 เหตุการณ์
ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า ในชีวิตนี้ ในสังคมไทย จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
ปกติแล้ว ดิฉันก็ทำธุรกิจส่วนตัว ใช้ชีวิตโลกสวย แบบดี๊ดี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากหรอกค่ะ
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเกิดขึ้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เริ่มต้นจากพี่สาว (ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน)
ได้มาขอให้เราช่วยค้ำประกันซื้อรถให้ ซึ่งเราก็เตรียมเอกสาร ทุกอย่างและไปยื่นเรื่องที่บริษัทรถแห่งหนึ่ง
ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะคะ เพราะคิดว่าเป็นสาระสำคัญอย่างมาก สำหรับผู้อ่าน และตัวบริษัทเพื่อเป็นข้อมูลด้วย
คือ โตโยต้าลีสซิ่งค่ะ แต่บังเอิญว่า ไม่ผ่านเนื่องจากพี่สาวติดเครดิต
หลังจากที่ทราบว่า จัดไฟแนนซ์ไม่ผ่าน พี่สาวดิฉันจึงให้ดิฉันมา ซื้อรถที่เต๊นท์รถ และจัดไฟแนนซ์เอกชน ซึ่งดอกเบี้ยแพงกว่า
ซึ่งขณะตอนซื้อรถ ดิฉัน ก็รู้สึกมึนๆ เบลอๆ เพราะช่วงนี้ ดิฉันงานยุ่ง แล้วปลีกตัวมาเพื่อค้ำประกันรถให้พี่สาว
ดิฉัน เห็นพี่สาวกับพี่เขย ไปเลือกรถ แล้วตกลงเลือกคันนั้นทันทีเลยค่ะ โดยไม่ทดลองขับ หรือแม้แต่เช็คดูเครื่องยนต์
เต๊นท์รถ จึงเรียกไฟแนนซ์เอกชน มาจัดไฟแนนซ์ ซึ่งรถราคา 560,000 บาท จัดไฟแนนซ์ได้ไม่เต็ม ต้องดาวน์ 30,000 บาท
พร้อมค่าทำประกันชั้น 1 อีกหมื่นกว่าบาท ขณะนั้นพี่สาวมีเงินเพียงแค่ 20,000 บาท ทางไฟแนนซ์จึงเสนอให้ดิฉันเป็นผู้ซื้อ
ดิฉันก็เลยไม่คิดอะไรมากค่ะ เพราะผู้ซื้อ กับผู้ค้ำประกันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว ถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ก็เลยยอมซื้อให้
เพราะเหนื่อยมากๆ กับการเดินทาง และดูรถหลายๆ เต๊นท์รถแล้ว ทำสัญญาเสร็จ ตอนเย็นๆ แจ้งผลว่าผ่าน นัดรับรถพรุ่งนี้เช้า
เมื่อตอนเช้าถึงเวลารับรถ ดิฉันไปรับมอบรถยนต์พร้อมพี่สาวและพี่เขย เมื่อรับรถเสร็จแล้วก็ขับกลับไปไว้ที่บ้าน
ดิฉันก็เตรียมตัวกลับ กทม. ในเวลา 17.00 น. ดิฉันก็รู้สึกโล่งใจ พี่สาวและพี่เขย หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ดิฉันก็สบายใจไปด้วย
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นค่ะ ดิฉัน ได้ยินพี่สาวคุยโทรศัพท์กับใครสักคนค่ะ เราได้ยินคำดังต่อไปนี้ค่ะ
"ส่งรถวันนี้ได้เงินเลยมั้ย" "ได้เท่าไร" "ขอ 350,000 บาท ได้ไหม" "รถปี 55 น่าจะได้เยอะกว่านี้นะ" "โอเค เจอกันเชียงของ"
ดิฉันฟังแล้วช๊อกสุดๆ จากคำพูดพี่สาว ทำให้ดิฉันตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ค่ะ นอกจากจะเอารถไปขาย
น้ำตาแทบร่วง ดิฉันเป็นผู้ซื้อ ถ้าพี่สาวไม่ส่ง ไฟแนนซ์มายึดรถแล้วไม่ได้ ดิฉันโดนข้อหายักยอกทรัพย์ แต่คนค้ำประกัน อาจจะไม่โดนก็ได้
ดิฉัน ไปโวยวาย ทะเลาะกับพี่สาว ทั้งร้องไห้ ทั้งด่า แต่พอตั้งสติได้ก็ทำให้ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นค่ะ
พี่สาวดิฉันเป็นหนี้รายวัน แก๊งที่ใส่หมวกกันน็อคค่ะ เอาเงินมาจากเจ้าหนี้ 7 ราย ส่งรายวัน รวมๆกันมาประมาณ 5 วัน
ส่งรายวันวันละ 6,000 บาท ตกอยู่ใสสภาพเช่นนี้มา 2 เดือนแล้วค่ะ เพราะช่วงฤดูฝน ขายของไม่ได้ มีภาระทางบ้านเยอะ
เราถามพี่สาวว่าจะส่งเงินไหวเหรอ พี่สาวและพี่เขย เตรียมบินหนีไปต่างประเทศแล้วค่ะ อันนี้เจ็บใจสุดๆ พยายามตั้งสติ
ก็จับใจความได้ว่า พี่สาวและพี่เขยได้งานที่ประเทศเกาหลีแล้วค่ะ เป็นงานสวน ได้เงิน 2 คน ก็ประมาณเดือนละ 80,000 บาท
ทั้งสองรับปากว่า จะส่งรถให้หมดไม่ทำให้เราเดือดร้อน ซึ่งตอนนั้น ดิฉันก็หมุนเงินไม่ค่อยทัน ไม่พอมีเงินให้พี่สาวไปใช้หนี้
ดิฉันก็เลยตัดสินใจ ไปขายรถกับพี่สาวและพี่เขยค่ะ นัดกันที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายค่ะ
ระหว่างที่เดินทาง ก็คุยกันไป เงียบไป ทะเลาะกันไป ร้องไห้กันไป พยายามตั้งสติ ไม่ทะเลาะ แต่ก็อดไม่ได้
ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายค่ะ นัดรับรถกับนายหน้า คุยกันนาย แต่ขอสรุปย่อๆ
นายหน้าบอกว่า รถยนต์ที่ต้องการคือ โตโยต้า ไฮลัควีโก้ สีขาว เท่านั้นค่ะ เพราะจะเปลี่ยนสีรถง่าย
รถที่พี่สาวเราซื้อเป็นสีดำ เขาให้ได้แค่ 270,000 บาท (รถคันนี้จัดไฟแนนซ์แล้วตกประมาณ 900,000 บาทเลยนะคะ ใช้หนี้หัวโต)
เมื่อก่อนส่งออกพม่า กับลาว แต่ตอนนี้ที่พม่า ทหารควบคุมหนาแน่นมาก ขายที่ลาวจะง่ายกว่า
ส่วนรถมอเตอร์ไซด์ที่ต้องการ ก็คือ ฮอนด้าคลิ๊ก สีอะไรก็ได้ แต่ต้องล้อแม็กซ์ ขายได้ในราคา 35,000 บาท
พี่สาวดิฉันเลยตัดสินใจขายค่ะ เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว แต่ดิฉันขอต่อรองราคา นายหน้าบอกว่ามันไม่ได้จริงๆ
เราเลยโทรหาแฟนเก่า ซึ่งเป็นนักเลง น่าจะพอรู้เรื่องพวกนี้บ้าง แฟนเก่าเราบอกว่าจะพาไปจำนำค่ะ
ได้ประมาณ 180,000 บาท (ถ้าเป็นช่วงก่อนยุคทหาร จำนำที่บ่อนจะได้เยอะกว่านี้)
ดิฉันตัดสินใจไม่ขาย จึงพาพี่สาวกับพี่เขย ไปหาแฟนเก่า ที่พิษณุโลก แล้วไปจำนำไว้กับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง
ดิฉันคิดว่า การจำนำ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เราเสียรถไปเลย เมื่อส่งงวดรถหมด รถก็ยังอยู่ ยังได้ใช้สอยรถ
ถึงแม้จะผิดกฎหมายเช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าการขายขาด ออกไปต่างประเทศ แล้วยังถูกกดราคา
หลังจากได้เงิน พี่สาวกับพี่เขยก็เอาไปใช้หนี้ทั้งหมดเหลือเงินประมาณ 50,000 บาทค่ะ
เรื่องมันไม่จบแค่นั้นค่ะ เงิน 50,000 บาท แม้จะเพียงพอค่าตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี แต่ช่วงนี้ติด ตม. ผ่านเข้าประเทศยาก
และจะต้องมีเงินติดตัวเข้าไปอีกด้วย แล้วพี่สาวกับพี่เขย พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เลยค่ะ
ดิฉันเริ่มเอะใจ ว่าที่พี่สาวกับพี่เขย ไปนั้น มันผิดหรือถูกกฎหมาย ก็เริ่มซักไซ้ หาข้อมูล
ก็นั่นแหละฮะ ท่านผู้ชม (ขออนุญาตเอาฝ่าเท้ามาก่ายหน้าผาก ทานยาพาราไทลินอลไป 4 เม็ด พร้อมยาคลายเครียด)
พี่สาวกับพี่เขยไปแบบผีน้อย คือวีซ่าท่องเที่ยว แล้วแอบทำงาน ติดต่อนายหน้าไว้แล้วค่ะ
ต้องจ่ายค่านายหน้าที่เกาหลีอีกคนละ 10,000 บาท แล้วช่วงนี้ ตม. ผ่านยากด้วยค่ะ
ถ้าพี่สาวกับพี่เขยไปตอนนี้ รับรองติด ตม. แน่นอนค่ะ ดิฉันศึกษาจากในเพจ คนไทยในเกาหลี
เข้าใจอย่างชัดแจ้งเลยค่ะ ว่าเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ถ้าอยากศึกษาข้อมูล ก็พิมพ์ค้นหา "คนไทยในเกาหลีใต้" ในเฟสบุ๊กได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเพจรู้ทัน ตม. เกาหลี, เกาหลีผีน้อย , น้ำใจคนไทยในเกาหลีหางานไม่เกิน 200,000 วอน, หางานในเกาหลี เป็นต้น
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ดิฉันก็เลยจะต้องไปส่งพี่สาวกับพี่เขย เข้าเกาหลีค่ะ เพราะดิฉันเคยไปมาแล้ว
เราซื้อทัวร์ 3 คน ไปกับทัวร์ ก็หมดไป 60,000 บาท เมื่อวันที่ไปถึงโชคดีมากค่ะ ไม่ติด ตม. สแกนนิ้วมือแล้วผ่านเลย
ดิฉันก็เจอนายหน้า ถามรายละเอียด ก็เป็นคนไทยเหมือนกันนี่แหละค่ะ แต่แต่งงานกับคนเกาหลี ก็แลกเบอร์แลกไลน์กัน
ตอนแรกกะว่าจะไปส่งถึงที่สวนเลยค่ะ แต่แท็กซี่ขากลับมาส่งสนามบินก็เป็นหมื่น ก็เลยไม่ไป รีบกลับและไม่มีอารมณ์เที่ยวด้วย
ทัวร์เกาหลีเดี๋ยวนี้ก็ราคาถูกพอๆ กับตั๋วเครื่องบินเลยนะคะ คือบริษัททัวร์เขาจะไม่รับรองค่ะ ไปกับทัวร์แต่คุยกับ ตม.เอาเอง ไม่ผ่านก็ถูกกักตัว
ไว้ที่ห้องวีไอพี ซึ่งมีคนไทยติดอยู่เต็มเลย รถซื้อตั๋วกลับ ซึ่งเดี๋ยวนี้คนไทยทำแบบนี้กันเยอะมาก ไป 100 คนจะผ่านซัก 5 คนนี่แหละ
สรุปแล้ว ดิฉันต้องควักเงินตัวเอง เอาเงินหมุนจากที่ร้านมาช่วยพี่สาวกับพี่เขยอีกเกือบแสนบาท เครียดจนน้ำตาไหลไม่ออกแล้วค่ะ
และแล้ว เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 เมื่อวาน พี่สาวกับพี่เขย โอนเงินมาให้ดิฉัน 20,000 บาทแล้วค่ะ เงินวีคแรกออกแล้ว
ก็รู้สึกดีขึ้น นางบอกว่าเข้างาน 8 โมง ออกงาน 18.00 น. พักเที่ยง 2 ชั่วโมง งานค่อนข้างหนัก เก็บมะเขือเทศ
เงินออกเป็นวีค เลยส่งมาให้เราใช้หนี้ก่อน เพราะเราก็ช๊อตเหมือนกัน ที่ต้องเอาเงินหมุนมาทำแบบนี้
ถ้าหากไม่ติดขัดอะไร ดิฉันคาดว่าอีก 3 เดือน ก็ไปไถ่รถคืนได้แล้ว ตอนนี้หายเครียดแล้ว เลยมาตั้งกระทู้เป็นอุทาหรณ์
ก็อยากจะฝากทุกคนว่า การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
สำหรับคนที่จะออกรถ หรือใช้รถ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีขาว ทั้งสมาร์ทแคป และ 4 ประตู ระมัดระวังรถของท่านดีๆนะคะ
เพราะรถของท่าน เป็นที่ต้องการของตลาดมืด ในการส่งออก และจะขอฝากถึงบริษัท โตโยต้า ด้วยนะคะ
ว่าช่วยสแกน และสกรีน คนที่มาออกรถสีนี้ รุ่นนี้ ให้ดีๆ หน่อย ดิฉันอดไปห่วงทั้งบริษัท และผู้ใช้รถ ไม่ได้จริงๆ
สำหรับบริษัท ฮอนด้า ก็เช่นกันค่ะ ฮอนด้าคลิ๊ก ล้อแม็กซ์ นี่คือรถตัวที่ตลาดต้องการค่ะ
ใครมีรถรุ่นนี้ ก็ระมัดระวังด้วยนะคะ ส่วนฮอนด้าเวฟ ก็เช่นกันค่ะ แต่ราคาเวฟ ได้น้อยกว่า แต่มันก็ขายได้นั่นแหละ
ที่บ้านเราโจรชุกชุม ถ้าดิฉัน ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ก็จะไม่ทราบเลย ว่ามีเรื่องแบบนี้ในสังคมไทย
ปล. สำหรับผู้ที่จะสอบถามเบอร์นายหน้า ไม่ต้องหลังไมค์มานะคะ ไม่ให้ค่ะ
เพราะเราเล่าให้เพื่อนฟังแล้ว เพื่อนเราบอกหนี้เยอะ จะทำบ้าง แต่เราไม่สนับสนุนค่ะ ผิดกฎหมาย
ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำ
น้อมรับคำวิจารณ์ค่ะ ดิฉันก็พยายามตั้งสติในการแก้ปัญหาที่สุดแล้ว
ดิฉันทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ สำหรับผู้หญิงตัวเล็ก โง่ๆ โลกสวยไม่ทันคน
รีวิว ประสบการณ์ทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงครั้งแรกในชีวิต เพื่อเป็นอุทาหรณ์ (ถ้าผิดกฎพันทิปแจ้งลบได้)
ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า ในชีวิตนี้ ในสังคมไทย จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
ปกติแล้ว ดิฉันก็ทำธุรกิจส่วนตัว ใช้ชีวิตโลกสวย แบบดี๊ดี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากหรอกค่ะ
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเกิดขึ้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เริ่มต้นจากพี่สาว (ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน)
ได้มาขอให้เราช่วยค้ำประกันซื้อรถให้ ซึ่งเราก็เตรียมเอกสาร ทุกอย่างและไปยื่นเรื่องที่บริษัทรถแห่งหนึ่ง
ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะคะ เพราะคิดว่าเป็นสาระสำคัญอย่างมาก สำหรับผู้อ่าน และตัวบริษัทเพื่อเป็นข้อมูลด้วย
คือ โตโยต้าลีสซิ่งค่ะ แต่บังเอิญว่า ไม่ผ่านเนื่องจากพี่สาวติดเครดิต
หลังจากที่ทราบว่า จัดไฟแนนซ์ไม่ผ่าน พี่สาวดิฉันจึงให้ดิฉันมา ซื้อรถที่เต๊นท์รถ และจัดไฟแนนซ์เอกชน ซึ่งดอกเบี้ยแพงกว่า
ซึ่งขณะตอนซื้อรถ ดิฉัน ก็รู้สึกมึนๆ เบลอๆ เพราะช่วงนี้ ดิฉันงานยุ่ง แล้วปลีกตัวมาเพื่อค้ำประกันรถให้พี่สาว
ดิฉัน เห็นพี่สาวกับพี่เขย ไปเลือกรถ แล้วตกลงเลือกคันนั้นทันทีเลยค่ะ โดยไม่ทดลองขับ หรือแม้แต่เช็คดูเครื่องยนต์
เต๊นท์รถ จึงเรียกไฟแนนซ์เอกชน มาจัดไฟแนนซ์ ซึ่งรถราคา 560,000 บาท จัดไฟแนนซ์ได้ไม่เต็ม ต้องดาวน์ 30,000 บาท
พร้อมค่าทำประกันชั้น 1 อีกหมื่นกว่าบาท ขณะนั้นพี่สาวมีเงินเพียงแค่ 20,000 บาท ทางไฟแนนซ์จึงเสนอให้ดิฉันเป็นผู้ซื้อ
ดิฉันก็เลยไม่คิดอะไรมากค่ะ เพราะผู้ซื้อ กับผู้ค้ำประกันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว ถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ก็เลยยอมซื้อให้
เพราะเหนื่อยมากๆ กับการเดินทาง และดูรถหลายๆ เต๊นท์รถแล้ว ทำสัญญาเสร็จ ตอนเย็นๆ แจ้งผลว่าผ่าน นัดรับรถพรุ่งนี้เช้า
เมื่อตอนเช้าถึงเวลารับรถ ดิฉันไปรับมอบรถยนต์พร้อมพี่สาวและพี่เขย เมื่อรับรถเสร็จแล้วก็ขับกลับไปไว้ที่บ้าน
ดิฉันก็เตรียมตัวกลับ กทม. ในเวลา 17.00 น. ดิฉันก็รู้สึกโล่งใจ พี่สาวและพี่เขย หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ดิฉันก็สบายใจไปด้วย
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นค่ะ ดิฉัน ได้ยินพี่สาวคุยโทรศัพท์กับใครสักคนค่ะ เราได้ยินคำดังต่อไปนี้ค่ะ
"ส่งรถวันนี้ได้เงินเลยมั้ย" "ได้เท่าไร" "ขอ 350,000 บาท ได้ไหม" "รถปี 55 น่าจะได้เยอะกว่านี้นะ" "โอเค เจอกันเชียงของ"
ดิฉันฟังแล้วช๊อกสุดๆ จากคำพูดพี่สาว ทำให้ดิฉันตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ค่ะ นอกจากจะเอารถไปขาย
น้ำตาแทบร่วง ดิฉันเป็นผู้ซื้อ ถ้าพี่สาวไม่ส่ง ไฟแนนซ์มายึดรถแล้วไม่ได้ ดิฉันโดนข้อหายักยอกทรัพย์ แต่คนค้ำประกัน อาจจะไม่โดนก็ได้
ดิฉัน ไปโวยวาย ทะเลาะกับพี่สาว ทั้งร้องไห้ ทั้งด่า แต่พอตั้งสติได้ก็ทำให้ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นค่ะ
พี่สาวดิฉันเป็นหนี้รายวัน แก๊งที่ใส่หมวกกันน็อคค่ะ เอาเงินมาจากเจ้าหนี้ 7 ราย ส่งรายวัน รวมๆกันมาประมาณ 5 วัน
ส่งรายวันวันละ 6,000 บาท ตกอยู่ใสสภาพเช่นนี้มา 2 เดือนแล้วค่ะ เพราะช่วงฤดูฝน ขายของไม่ได้ มีภาระทางบ้านเยอะ
เราถามพี่สาวว่าจะส่งเงินไหวเหรอ พี่สาวและพี่เขย เตรียมบินหนีไปต่างประเทศแล้วค่ะ อันนี้เจ็บใจสุดๆ พยายามตั้งสติ
ก็จับใจความได้ว่า พี่สาวและพี่เขยได้งานที่ประเทศเกาหลีแล้วค่ะ เป็นงานสวน ได้เงิน 2 คน ก็ประมาณเดือนละ 80,000 บาท
ทั้งสองรับปากว่า จะส่งรถให้หมดไม่ทำให้เราเดือดร้อน ซึ่งตอนนั้น ดิฉันก็หมุนเงินไม่ค่อยทัน ไม่พอมีเงินให้พี่สาวไปใช้หนี้
ดิฉันก็เลยตัดสินใจ ไปขายรถกับพี่สาวและพี่เขยค่ะ นัดกันที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายค่ะ
ระหว่างที่เดินทาง ก็คุยกันไป เงียบไป ทะเลาะกันไป ร้องไห้กันไป พยายามตั้งสติ ไม่ทะเลาะ แต่ก็อดไม่ได้
ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายค่ะ นัดรับรถกับนายหน้า คุยกันนาย แต่ขอสรุปย่อๆ
นายหน้าบอกว่า รถยนต์ที่ต้องการคือ โตโยต้า ไฮลัควีโก้ สีขาว เท่านั้นค่ะ เพราะจะเปลี่ยนสีรถง่าย
รถที่พี่สาวเราซื้อเป็นสีดำ เขาให้ได้แค่ 270,000 บาท (รถคันนี้จัดไฟแนนซ์แล้วตกประมาณ 900,000 บาทเลยนะคะ ใช้หนี้หัวโต)
เมื่อก่อนส่งออกพม่า กับลาว แต่ตอนนี้ที่พม่า ทหารควบคุมหนาแน่นมาก ขายที่ลาวจะง่ายกว่า
ส่วนรถมอเตอร์ไซด์ที่ต้องการ ก็คือ ฮอนด้าคลิ๊ก สีอะไรก็ได้ แต่ต้องล้อแม็กซ์ ขายได้ในราคา 35,000 บาท
พี่สาวดิฉันเลยตัดสินใจขายค่ะ เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว แต่ดิฉันขอต่อรองราคา นายหน้าบอกว่ามันไม่ได้จริงๆ
เราเลยโทรหาแฟนเก่า ซึ่งเป็นนักเลง น่าจะพอรู้เรื่องพวกนี้บ้าง แฟนเก่าเราบอกว่าจะพาไปจำนำค่ะ
ได้ประมาณ 180,000 บาท (ถ้าเป็นช่วงก่อนยุคทหาร จำนำที่บ่อนจะได้เยอะกว่านี้)
ดิฉันตัดสินใจไม่ขาย จึงพาพี่สาวกับพี่เขย ไปหาแฟนเก่า ที่พิษณุโลก แล้วไปจำนำไว้กับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง
ดิฉันคิดว่า การจำนำ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เราเสียรถไปเลย เมื่อส่งงวดรถหมด รถก็ยังอยู่ ยังได้ใช้สอยรถ
ถึงแม้จะผิดกฎหมายเช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าการขายขาด ออกไปต่างประเทศ แล้วยังถูกกดราคา
หลังจากได้เงิน พี่สาวกับพี่เขยก็เอาไปใช้หนี้ทั้งหมดเหลือเงินประมาณ 50,000 บาทค่ะ
เรื่องมันไม่จบแค่นั้นค่ะ เงิน 50,000 บาท แม้จะเพียงพอค่าตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี แต่ช่วงนี้ติด ตม. ผ่านเข้าประเทศยาก
และจะต้องมีเงินติดตัวเข้าไปอีกด้วย แล้วพี่สาวกับพี่เขย พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เลยค่ะ
ดิฉันเริ่มเอะใจ ว่าที่พี่สาวกับพี่เขย ไปนั้น มันผิดหรือถูกกฎหมาย ก็เริ่มซักไซ้ หาข้อมูล
ก็นั่นแหละฮะ ท่านผู้ชม (ขออนุญาตเอาฝ่าเท้ามาก่ายหน้าผาก ทานยาพาราไทลินอลไป 4 เม็ด พร้อมยาคลายเครียด)
พี่สาวกับพี่เขยไปแบบผีน้อย คือวีซ่าท่องเที่ยว แล้วแอบทำงาน ติดต่อนายหน้าไว้แล้วค่ะ
ต้องจ่ายค่านายหน้าที่เกาหลีอีกคนละ 10,000 บาท แล้วช่วงนี้ ตม. ผ่านยากด้วยค่ะ
ถ้าพี่สาวกับพี่เขยไปตอนนี้ รับรองติด ตม. แน่นอนค่ะ ดิฉันศึกษาจากในเพจ คนไทยในเกาหลี
เข้าใจอย่างชัดแจ้งเลยค่ะ ว่าเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ถ้าอยากศึกษาข้อมูล ก็พิมพ์ค้นหา "คนไทยในเกาหลีใต้" ในเฟสบุ๊กได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเพจรู้ทัน ตม. เกาหลี, เกาหลีผีน้อย , น้ำใจคนไทยในเกาหลีหางานไม่เกิน 200,000 วอน, หางานในเกาหลี เป็นต้น
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ดิฉันก็เลยจะต้องไปส่งพี่สาวกับพี่เขย เข้าเกาหลีค่ะ เพราะดิฉันเคยไปมาแล้ว
เราซื้อทัวร์ 3 คน ไปกับทัวร์ ก็หมดไป 60,000 บาท เมื่อวันที่ไปถึงโชคดีมากค่ะ ไม่ติด ตม. สแกนนิ้วมือแล้วผ่านเลย
ดิฉันก็เจอนายหน้า ถามรายละเอียด ก็เป็นคนไทยเหมือนกันนี่แหละค่ะ แต่แต่งงานกับคนเกาหลี ก็แลกเบอร์แลกไลน์กัน
ตอนแรกกะว่าจะไปส่งถึงที่สวนเลยค่ะ แต่แท็กซี่ขากลับมาส่งสนามบินก็เป็นหมื่น ก็เลยไม่ไป รีบกลับและไม่มีอารมณ์เที่ยวด้วย
ทัวร์เกาหลีเดี๋ยวนี้ก็ราคาถูกพอๆ กับตั๋วเครื่องบินเลยนะคะ คือบริษัททัวร์เขาจะไม่รับรองค่ะ ไปกับทัวร์แต่คุยกับ ตม.เอาเอง ไม่ผ่านก็ถูกกักตัว
ไว้ที่ห้องวีไอพี ซึ่งมีคนไทยติดอยู่เต็มเลย รถซื้อตั๋วกลับ ซึ่งเดี๋ยวนี้คนไทยทำแบบนี้กันเยอะมาก ไป 100 คนจะผ่านซัก 5 คนนี่แหละ
สรุปแล้ว ดิฉันต้องควักเงินตัวเอง เอาเงินหมุนจากที่ร้านมาช่วยพี่สาวกับพี่เขยอีกเกือบแสนบาท เครียดจนน้ำตาไหลไม่ออกแล้วค่ะ
และแล้ว เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 เมื่อวาน พี่สาวกับพี่เขย โอนเงินมาให้ดิฉัน 20,000 บาทแล้วค่ะ เงินวีคแรกออกแล้ว
ก็รู้สึกดีขึ้น นางบอกว่าเข้างาน 8 โมง ออกงาน 18.00 น. พักเที่ยง 2 ชั่วโมง งานค่อนข้างหนัก เก็บมะเขือเทศ
เงินออกเป็นวีค เลยส่งมาให้เราใช้หนี้ก่อน เพราะเราก็ช๊อตเหมือนกัน ที่ต้องเอาเงินหมุนมาทำแบบนี้
ถ้าหากไม่ติดขัดอะไร ดิฉันคาดว่าอีก 3 เดือน ก็ไปไถ่รถคืนได้แล้ว ตอนนี้หายเครียดแล้ว เลยมาตั้งกระทู้เป็นอุทาหรณ์
ก็อยากจะฝากทุกคนว่า การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
สำหรับคนที่จะออกรถ หรือใช้รถ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีขาว ทั้งสมาร์ทแคป และ 4 ประตู ระมัดระวังรถของท่านดีๆนะคะ
เพราะรถของท่าน เป็นที่ต้องการของตลาดมืด ในการส่งออก และจะขอฝากถึงบริษัท โตโยต้า ด้วยนะคะ
ว่าช่วยสแกน และสกรีน คนที่มาออกรถสีนี้ รุ่นนี้ ให้ดีๆ หน่อย ดิฉันอดไปห่วงทั้งบริษัท และผู้ใช้รถ ไม่ได้จริงๆ
สำหรับบริษัท ฮอนด้า ก็เช่นกันค่ะ ฮอนด้าคลิ๊ก ล้อแม็กซ์ นี่คือรถตัวที่ตลาดต้องการค่ะ
ใครมีรถรุ่นนี้ ก็ระมัดระวังด้วยนะคะ ส่วนฮอนด้าเวฟ ก็เช่นกันค่ะ แต่ราคาเวฟ ได้น้อยกว่า แต่มันก็ขายได้นั่นแหละ
ที่บ้านเราโจรชุกชุม ถ้าดิฉัน ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ก็จะไม่ทราบเลย ว่ามีเรื่องแบบนี้ในสังคมไทย
ปล. สำหรับผู้ที่จะสอบถามเบอร์นายหน้า ไม่ต้องหลังไมค์มานะคะ ไม่ให้ค่ะ
เพราะเราเล่าให้เพื่อนฟังแล้ว เพื่อนเราบอกหนี้เยอะ จะทำบ้าง แต่เราไม่สนับสนุนค่ะ ผิดกฎหมาย
ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำ
น้อมรับคำวิจารณ์ค่ะ ดิฉันก็พยายามตั้งสติในการแก้ปัญหาที่สุดแล้ว
ดิฉันทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ สำหรับผู้หญิงตัวเล็ก โง่ๆ โลกสวยไม่ทันคน