เรียนด้วยทำงานด้วย ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อเปรียบเทียบกับนักศึกษาที่เรียนอยู่ในภาคปกติธรรมดาก็ว่ายากอยู่แล้ว แล้วนักศึกษาภาคพิเศษเรียนวันอาทิตย์วันเดียวหละ? คงปฎิเสธหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าหลักสูตรการเรียนการสอนในภาคพิเศษความรู้มีเทียบเท่ากันกับภาคปกติแน่นอนเนื่องจากเป็นสถาบันเดียวกันการเรียนการสอนไม่ต่างกันเพียงแต่ต้องเรียนวันเดียวแต่ สิ่งที่ตัวนักศึกษาภาควันอาทิตย์มีคือ ความมีคุณวุฒิที่มากกว่า เนื่องจากหลายๆคนมีตำแหน่งหน้าที่การงาน บวกกับนำมาเป็นการต่อยอดแนวทางด้านความคิดในการประกอบการเรียนได้เป็นอย่างดี เพราะต้องจัดการกับสิ่งรอบด้านไม่ว่าจะเป็น การจัดการเวลาทั้งหน้าที่การงาน การเรียน แบ่งเวลากิจกรรม หรือแม้แต่การติวข้อสอบต่างๆในการเข้าร่วมกลุ่ม เกิดความรับผิดชอบที่มากขึ้น
แล้วพวกเขาเหล่านี้เรียนอย่างไรหละถึงจะจบ?
ในหนึ่งอาทิตย์เราต้องใช้เวลาในการเตรียมพร้อมที่จะรับความรู้จากคณาจารย์ผู้สอน เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วถ้าคนที่ไม่ถนัดจำหละ? พวกเขาเหล่านั้นใช้วิธีการจดบันทึก แล้วนำมาทบทวนกันหลังเบรคหรือเวลาเหลือจากการพักกลางวัน อีกอย่างหนึ่งถือว่าสำคัญมากๆคือการมีบัดดี้หรือเพื่อนสนิทกลุ่มเพื่อนที่เราจะช่วยเหลือกันก้าวไปด้วยกันปรึกษาหารือกัน (แต่ไม่ใช่ลอกกันน่ะครับ55+) นักศึกษาภาควันอาทิตย์ถึงเวลาเรียนต้องรีบกอบโกยความรู้ที่อาจารย์ได้สอนได้บรรยายเพราะเวลามีน้อยและพวกเขาก็ต้องไวต่อการเรียนทุกๆย่างก้าวจะต้องตื่นตัวและคิดเสมอว่าเรามาเรียนวันอาทิตย์คือวันของเราทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันปัจจัยรอบข้างทุกคนต้องตัดทิ้งไปในวันอาทิตย์ อีกมุมหนึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆคนต้องเจอ เพื่อนบางคนอาจจะตามไม่ทันมีคนที่ช้ากว่าแต่มิตรภาพของคำว่าเพื่อนที่เราต้องก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วเป็นเพื่อนร่วมคณะร่วมชั้นเรียนเดียวกันศิษย์อาจารย์เดียวกันเราต้องจับมือไปพร้อมกันเป็นการช่วยเพื่อนสอนเพื่อนที่เขาช้ากว่า มิตรภาพตรงนี้สำคัญอย่างยิ่ง นักศึกษาวันอาทิตย์จะมีพฤติกรรมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและรักกันเหมือนพี่น้องผ่อนหนักผ่อนเบาช่วยเหลือซึ่งกันและกันนี่คือสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นได้จากมหาวิทยาลัย เรื่องการเรียนการสอน หลายๆสถาบันมีหลักสูตรที่แตกต่างกันไปและวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างเช่นกัน บางที่เรียนแล้วสอบเก็บคะแนน ครบ 4 สัปดาห์จบเล่มแล้วสอบเลยก็มี เมื่อเราทำตามกฎกติกาแนวทางที่อาจารย์ตั้งไว้ให้เรา เราก็จะประสบความสำเร็จ และเคารพครูบาอาจารย์ไว้เป็นที่ตั้งไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือรัฐบาล คำว่าครูคือผู้ที่ให้ความรู้ผู้ที่อุทิศตนเพื่อสั่งสอนลูกศิษย์ให้ไปได้ถึงฝั่ง เมื่อลูกศิษย์สำเร็จ อาจารย์ผู้สอนก็ภูมิใจในวิชาความรู้ที่สั่งสอนจนลูกศิษย์ประสบความสำเร็จนอกจากครอบครัวแล้วยังมีครูบาอาจารย์ที่ภูมิใจไม่น้อยไปกว่าใคร เพราะฉนั้นความกตัญญูรู้คุณจะนำพาให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานการเรียนในชีวิตของเรา สิ่งเหล่านี้คือวิธีการยึดถือปฎิบัติของนักศึกษาภาควันอาทิตย์ตลอดระยะเวลาการเรียนจนสำเร็จ ซึ่งประกอบไปด้วย ความกตัญญู มิตรภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อีกทั้ง 3 สิ่งที่ต้องมีคือ ความขยัน ความอดทน ไม่ย่อท้อ
ความขยัน ขยันใฝ่เรียนใฝ่รู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทบทวนท่องตำรา
ความอดทน อดทนต่ออุปสรรคต่างๆปัญหารอบด้านทุกอย่างก้าวเมื่อเจอปัญหาเราค่อยๆก้าวฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้
ไม่ย่อท้อ บทสรุปของคนที่ย่อท้อถอดใจจะไม่ประสบความสำเร็จการเป็นนักศึกษาจะต้องไม่ย่อท้อหยัดยืนอย่างผู้แสวงหาความรู้คำว่าปัญญาชนจะต้องเป็นผู้ใช้สติเป็นที่ตั้งคิดทบทวนตัดสินใจให้ถี่ถ้วน
สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่นักศึกษาภาควันอาทิตย์ที่มีในตัวทุกคน จึงประสบความสำเร็จได้ เปรียบเสมือนดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ริมทางต่อให้ลมแรงพายุโหมกระหน่ำแดดร้อนหรือหนาวเยือกเย็นก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้โดยไม่หวั่นเกรง
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://education.okyesproperty.com/
เรียนด้วยทำงานด้วย ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ กับนักศึกษาภาควันอาทิตย์
เมื่อเปรียบเทียบกับนักศึกษาที่เรียนอยู่ในภาคปกติธรรมดาก็ว่ายากอยู่แล้ว แล้วนักศึกษาภาคพิเศษเรียนวันอาทิตย์วันเดียวหละ? คงปฎิเสธหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าหลักสูตรการเรียนการสอนในภาคพิเศษความรู้มีเทียบเท่ากันกับภาคปกติแน่นอนเนื่องจากเป็นสถาบันเดียวกันการเรียนการสอนไม่ต่างกันเพียงแต่ต้องเรียนวันเดียวแต่ สิ่งที่ตัวนักศึกษาภาควันอาทิตย์มีคือ ความมีคุณวุฒิที่มากกว่า เนื่องจากหลายๆคนมีตำแหน่งหน้าที่การงาน บวกกับนำมาเป็นการต่อยอดแนวทางด้านความคิดในการประกอบการเรียนได้เป็นอย่างดี เพราะต้องจัดการกับสิ่งรอบด้านไม่ว่าจะเป็น การจัดการเวลาทั้งหน้าที่การงาน การเรียน แบ่งเวลากิจกรรม หรือแม้แต่การติวข้อสอบต่างๆในการเข้าร่วมกลุ่ม เกิดความรับผิดชอบที่มากขึ้น
แล้วพวกเขาเหล่านี้เรียนอย่างไรหละถึงจะจบ?
ในหนึ่งอาทิตย์เราต้องใช้เวลาในการเตรียมพร้อมที่จะรับความรู้จากคณาจารย์ผู้สอน เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วถ้าคนที่ไม่ถนัดจำหละ? พวกเขาเหล่านั้นใช้วิธีการจดบันทึก แล้วนำมาทบทวนกันหลังเบรคหรือเวลาเหลือจากการพักกลางวัน อีกอย่างหนึ่งถือว่าสำคัญมากๆคือการมีบัดดี้หรือเพื่อนสนิทกลุ่มเพื่อนที่เราจะช่วยเหลือกันก้าวไปด้วยกันปรึกษาหารือกัน (แต่ไม่ใช่ลอกกันน่ะครับ55+) นักศึกษาภาควันอาทิตย์ถึงเวลาเรียนต้องรีบกอบโกยความรู้ที่อาจารย์ได้สอนได้บรรยายเพราะเวลามีน้อยและพวกเขาก็ต้องไวต่อการเรียนทุกๆย่างก้าวจะต้องตื่นตัวและคิดเสมอว่าเรามาเรียนวันอาทิตย์คือวันของเราทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันปัจจัยรอบข้างทุกคนต้องตัดทิ้งไปในวันอาทิตย์ อีกมุมหนึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆคนต้องเจอ เพื่อนบางคนอาจจะตามไม่ทันมีคนที่ช้ากว่าแต่มิตรภาพของคำว่าเพื่อนที่เราต้องก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วเป็นเพื่อนร่วมคณะร่วมชั้นเรียนเดียวกันศิษย์อาจารย์เดียวกันเราต้องจับมือไปพร้อมกันเป็นการช่วยเพื่อนสอนเพื่อนที่เขาช้ากว่า มิตรภาพตรงนี้สำคัญอย่างยิ่ง นักศึกษาวันอาทิตย์จะมีพฤติกรรมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและรักกันเหมือนพี่น้องผ่อนหนักผ่อนเบาช่วยเหลือซึ่งกันและกันนี่คือสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นได้จากมหาวิทยาลัย เรื่องการเรียนการสอน หลายๆสถาบันมีหลักสูตรที่แตกต่างกันไปและวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างเช่นกัน บางที่เรียนแล้วสอบเก็บคะแนน ครบ 4 สัปดาห์จบเล่มแล้วสอบเลยก็มี เมื่อเราทำตามกฎกติกาแนวทางที่อาจารย์ตั้งไว้ให้เรา เราก็จะประสบความสำเร็จ และเคารพครูบาอาจารย์ไว้เป็นที่ตั้งไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือรัฐบาล คำว่าครูคือผู้ที่ให้ความรู้ผู้ที่อุทิศตนเพื่อสั่งสอนลูกศิษย์ให้ไปได้ถึงฝั่ง เมื่อลูกศิษย์สำเร็จ อาจารย์ผู้สอนก็ภูมิใจในวิชาความรู้ที่สั่งสอนจนลูกศิษย์ประสบความสำเร็จนอกจากครอบครัวแล้วยังมีครูบาอาจารย์ที่ภูมิใจไม่น้อยไปกว่าใคร เพราะฉนั้นความกตัญญูรู้คุณจะนำพาให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานการเรียนในชีวิตของเรา สิ่งเหล่านี้คือวิธีการยึดถือปฎิบัติของนักศึกษาภาควันอาทิตย์ตลอดระยะเวลาการเรียนจนสำเร็จ ซึ่งประกอบไปด้วย ความกตัญญู มิตรภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อีกทั้ง 3 สิ่งที่ต้องมีคือ ความขยัน ความอดทน ไม่ย่อท้อ
ความขยัน ขยันใฝ่เรียนใฝ่รู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทบทวนท่องตำรา
ความอดทน อดทนต่ออุปสรรคต่างๆปัญหารอบด้านทุกอย่างก้าวเมื่อเจอปัญหาเราค่อยๆก้าวฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้
ไม่ย่อท้อ บทสรุปของคนที่ย่อท้อถอดใจจะไม่ประสบความสำเร็จการเป็นนักศึกษาจะต้องไม่ย่อท้อหยัดยืนอย่างผู้แสวงหาความรู้คำว่าปัญญาชนจะต้องเป็นผู้ใช้สติเป็นที่ตั้งคิดทบทวนตัดสินใจให้ถี่ถ้วน
สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่นักศึกษาภาควันอาทิตย์ที่มีในตัวทุกคน จึงประสบความสำเร็จได้ เปรียบเสมือนดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ริมทางต่อให้ลมแรงพายุโหมกระหน่ำแดดร้อนหรือหนาวเยือกเย็นก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้โดยไม่หวั่นเกรง
ข้อมูลเพิ่มเติม http://education.okyesproperty.com/