เพราะโดนกระทู้
http://ppantip.com/topic/33927479 บิวท์ซะแบบว่า เอ่อ ต้องดูละ ก็เลยไปจัดมาเรียบร้อยแล้วครับ อย่าเรียกว่าวิจารณ์เลยครับ เรียกว่ารีวิวจะดีกว่า เพราะว่าผมไม่ได้มีความรู้ทางด้านภาพยนตร์ขนาดนั้น อาศัยว่าดูมาเยอะหน่อยเท่านั้นเอง
เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ว่ามันเป็นหนังเพศที่สามก็จริง แต่มันถูกเล่าโดยมุมมองของคนอื่นที่เป็นคนใกล้ชิดครับ ตรงนี้แหละที่ผมว่ามันน่าสนใจมาก เพราะหนังเพศทางเลือกส่วนใหญ่มันมักจะเล่าโดยพระเอก หรือ นายเอก หรือทั้งสองคน ประมาณว่ามาเจอกันยังไง ผ่านอะไรกันมาบ้าง โดนกระทำจากสังคมยังไง รู้สึกยังไง แต่กลับไม่ค่อยมีหนังที่เล่าเหตุการณ์พวกนี้จากบุคคลอื่นที่เป็นคนใกล้ตัวครับ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวที่เป็นชายจริงหญิงแท้ (หรือเปล่า ?) ว่าพวกเค้ามีความรู้สึกกับคนใกล้ตัวที่เป็นเพศทางเลือกยังไง โจทย์นี้สำหรับผมถือว่าแหวกมาก
เรื่องย่อ พี่น้องสองคนเอกกับโอ๊ทเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก จึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ โดยเอกที่เป็นพี่ชายจะเป็นคนทำงานหาเงินเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านและเป็นคนที่ดูแลน้องชายด้วย เอกมีแฟนเป็นผู้ชาย และโอ๊ทรวมถึงคนอื่นๆ ก็รู้เรื่องนี้ดีและอยู่กันมาอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งเอกโดนหมายเรียกไปเกณฑ์ทหาร ชีวิตของทุกคนจึงเปลี่ยนไป
เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าเลยครับ แต่ไม่โหดมาก ผู้กำกับพยายามที่จะไม่ทำให้มันหนักหน่วงเกินไป ทำให้มันดูสบายๆ ขึ้น หนังเพศทางเลือกส่วนมากมักจะเสนอความบีบคั้นในอารมณ์ อย่างเช่น Lan Yu หรือ Amphetamine นี่ต้องสายแข็งหน่อยครับ ดูแล้วหายใจแทบไม่ออก ไม่ใช่หนังไม่ดีนะ แต่มันเป็นดราม่าที่หนักหน่วงอ่ะ ส่วน “พี่ชาย My Hero” พยายามเสนอประเด็นที่มันเล็กลงมา ไม่หนักหน่วงเท่า และก็เว้นช่องว่างหลายๆ ส่วนให้เราได้คิดตามครับ เป็นหนังอินดี้ที่ผมว่าลงตัวเรื่องนึงเลยนะ
นอกจากนี้ยังพยายามใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อสื่อความหมาย เข่น หมากฮอส มอเตอร์ไซค์ อุโมงค์ ส่วนแต่ละอย่างจะสื่อถึงอะไรนั้น อันนี้ต้องไปพิสูจน์เองครับ เพราะเราอาจจะเห็นไม่เหมือนกันก็ได้ ในส่วนของ แสง สี เสียง ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานครับ ไม่ได้เด่นมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่จนมันเด้งออกมาก โดยส่วนตัวผมว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ
อวยมาอย่างเยอะ มีที่ติมั่งมั้ย คำตอบคือมีครับ ในหลายๆ จังหวะที่บทมันดูบังเอิญไปหน่อย จงใจไปนิด ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเนียนไปกับเนื้อหาส่วนใหญ่น่ะครับ แต่ก็ช่างมันเถอะเนอะ
สรุปว่า เป็นหนังดราม่าสายกลางที่จะนำเสนอความคิดของคนทั่วไปที่มีต่อเพศทางเลือกในสไตล์ที่แตกต่างออกไปครับ ภาพรวมถือว่าทำได้ดีในเกือบทุกส่วนครับ หนังสั้นไปนิดนึงแต่ก็ยาวพอที่จะเล่าเรื่องที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอออกมาได้หมด แต่ถ้ามันยาวกว่านี้สัก 10 นาที มันน่าจะเนียนกว่านี้นะ โดยส่วนตัวผมถือว่าเกินคุ้มครับ สำหรับค่าตั๋วและเวลาที่เสียไป เรื่องนี้พิสูจน์ว่าหนังไทยดีๆ ยังมีอยู่ครับ (หนังไทยจริงมั้ย ? ทีมงานดูสหประชาชาติเหลือเกิน แต่หนังพูดภาษาไทยก็นับเป็นหนังไทยละกันครับ)
[CR] ไก่การีวิว : พี่ชาย My Hero (No Spoil)
เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ว่ามันเป็นหนังเพศที่สามก็จริง แต่มันถูกเล่าโดยมุมมองของคนอื่นที่เป็นคนใกล้ชิดครับ ตรงนี้แหละที่ผมว่ามันน่าสนใจมาก เพราะหนังเพศทางเลือกส่วนใหญ่มันมักจะเล่าโดยพระเอก หรือ นายเอก หรือทั้งสองคน ประมาณว่ามาเจอกันยังไง ผ่านอะไรกันมาบ้าง โดนกระทำจากสังคมยังไง รู้สึกยังไง แต่กลับไม่ค่อยมีหนังที่เล่าเหตุการณ์พวกนี้จากบุคคลอื่นที่เป็นคนใกล้ตัวครับ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวที่เป็นชายจริงหญิงแท้ (หรือเปล่า ?) ว่าพวกเค้ามีความรู้สึกกับคนใกล้ตัวที่เป็นเพศทางเลือกยังไง โจทย์นี้สำหรับผมถือว่าแหวกมาก
เรื่องย่อ พี่น้องสองคนเอกกับโอ๊ทเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก จึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ โดยเอกที่เป็นพี่ชายจะเป็นคนทำงานหาเงินเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านและเป็นคนที่ดูแลน้องชายด้วย เอกมีแฟนเป็นผู้ชาย และโอ๊ทรวมถึงคนอื่นๆ ก็รู้เรื่องนี้ดีและอยู่กันมาอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งเอกโดนหมายเรียกไปเกณฑ์ทหาร ชีวิตของทุกคนจึงเปลี่ยนไป
เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าเลยครับ แต่ไม่โหดมาก ผู้กำกับพยายามที่จะไม่ทำให้มันหนักหน่วงเกินไป ทำให้มันดูสบายๆ ขึ้น หนังเพศทางเลือกส่วนมากมักจะเสนอความบีบคั้นในอารมณ์ อย่างเช่น Lan Yu หรือ Amphetamine นี่ต้องสายแข็งหน่อยครับ ดูแล้วหายใจแทบไม่ออก ไม่ใช่หนังไม่ดีนะ แต่มันเป็นดราม่าที่หนักหน่วงอ่ะ ส่วน “พี่ชาย My Hero” พยายามเสนอประเด็นที่มันเล็กลงมา ไม่หนักหน่วงเท่า และก็เว้นช่องว่างหลายๆ ส่วนให้เราได้คิดตามครับ เป็นหนังอินดี้ที่ผมว่าลงตัวเรื่องนึงเลยนะ
นอกจากนี้ยังพยายามใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อสื่อความหมาย เข่น หมากฮอส มอเตอร์ไซค์ อุโมงค์ ส่วนแต่ละอย่างจะสื่อถึงอะไรนั้น อันนี้ต้องไปพิสูจน์เองครับ เพราะเราอาจจะเห็นไม่เหมือนกันก็ได้ ในส่วนของ แสง สี เสียง ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานครับ ไม่ได้เด่นมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่จนมันเด้งออกมาก โดยส่วนตัวผมว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ
อวยมาอย่างเยอะ มีที่ติมั่งมั้ย คำตอบคือมีครับ ในหลายๆ จังหวะที่บทมันดูบังเอิญไปหน่อย จงใจไปนิด ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเนียนไปกับเนื้อหาส่วนใหญ่น่ะครับ แต่ก็ช่างมันเถอะเนอะ
สรุปว่า เป็นหนังดราม่าสายกลางที่จะนำเสนอความคิดของคนทั่วไปที่มีต่อเพศทางเลือกในสไตล์ที่แตกต่างออกไปครับ ภาพรวมถือว่าทำได้ดีในเกือบทุกส่วนครับ หนังสั้นไปนิดนึงแต่ก็ยาวพอที่จะเล่าเรื่องที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอออกมาได้หมด แต่ถ้ามันยาวกว่านี้สัก 10 นาที มันน่าจะเนียนกว่านี้นะ โดยส่วนตัวผมถือว่าเกินคุ้มครับ สำหรับค่าตั๋วและเวลาที่เสียไป เรื่องนี้พิสูจน์ว่าหนังไทยดีๆ ยังมีอยู่ครับ (หนังไทยจริงมั้ย ? ทีมงานดูสหประชาชาติเหลือเกิน แต่หนังพูดภาษาไทยก็นับเป็นหนังไทยละกันครับ)