เมื่อกล่าวถึง TED ทุกท่านก็คงจะคิดถึงหมีเท็ดดี้แบร์จอมถ่อย ที่วันๆเอาแต่สูบกัญชา กินเหล้าเมายาไปวันๆ
หลายท่านคงเห็นแบบนั้น นั่นคือภาพลักษณ์ที่เราติดตามาจาก TED ภาคแรก (ถ่อยได้ทุกอณู) แต่นั่นคือภาคแรก
แต่ภาคสองที่เพิ่งเข้าฉายวันนี้นี่สิ กระชากภาพหมีจอมถ่อยตัวนั้นได้เลย(แต่ก็ยังถ่อยอยู่ดี)
แนวหนัง : Comedy
ผู้กำกับ : Seth MacFarlane
นักแสดง : Mark Wahlberg, Seth MacFarlane, Amanda Seyfried
วันเข้าฉาย : 23 กรกฎาคม 2015 ( 26 กรกฎาคม 2015 อเมริกา )
ภาคสองนั้นคือเจ้าหมีในบทบาทผู้นำครอบครัว แสดงออกถึงวุฒิภาวะที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้นำครอบครัว
และสิ่งนั้นนำมาซึ่งการปกป้องสิทธิ์การเป็นมนุษย์(ตามที่ตนเชื่อ) โดยที่ทางการได้ให้คำจำกัดความของ TED คือสิ่งของ
ในหนังเรื่องนี้ให้อารมณ์ของการต่อสู้คล้ายๆ กับเรื่อง Any Day Now แต่ไม่ดราม่าถึงเรื่องนั้น และยังคงความเป็นคาแร็คเตอร์ของตนเอง
การต่อสู้ครั้งนี้ของTED แสดงออกให้เห็นถึงว่า ณ จุดๆหนึ่งของผู้ชายนั้น เมื่อต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อครอบครัวได้ อยากที่เราจะเห็นในตอนต้น ในงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ที่ เฟลซ กอร์ดอน มาชวนไปเล่นยา แต่เท็ดปฎิเสธ แม้เมื่อก่อนจะเป็นคนเอ่ยปากชวน เนื่องจากว่าเขาเห็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือภรรยาของเขา(ผู้หญิงนี่ทำให้ผู้ชายดีขึ้นได้จริงๆ) นั่นเป็นฉากหนึ่งที่แสดงให้ว่าเท็ดในภาคนี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในภาคนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการต่อสู้คดีของเท็ดล้วนๆ และ หนังภาคนี้ก็โฟกัสที่ตัวเขาเต็มๆซึ่งต่างจากภาคแรก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เสียดสีสังคมได้แสบมากกกกกก เสียดสีวงการยุติธรรมได้เด็ดจริงๆ สื่อผ่านตัวละครที่สังคมเห็นว่าเขาเป็นแค่ตุ๊กตา เป็นแค่สิ่งของ เปรียบเสมือน พลเมืองชั้นสอง หรือชนกลุ่มน้อย ที่สังคมตราหน้าว่าเขาไร้ซึ่งสิทธิ์ในการเรียกร้องแต่หลงลืมไปว่า แม้เขาเหล่านั้นจะไม่มีสิทธิ์ในสังคม แต่เขามีสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์เท่ากับคนทั่วไปในสังคม หนังเรื่องนี้เราจะเห็นกัญชาบ่อยมาก อย่างที่รู้กันว่าอเมริกาใหลายๆรัฐกัญชานั้นถูกกฎหมายแล้ว แต่ที่เราเห็นในเรื่องนี้คือ การสูบกัญชาของเขาจะกระทำการนั้นก็ต่อเมื่อ อยู่ในสถานที่ส่วนตัวไม่ใช่สาธารณะ(ถึงจะมีหลุดมาบ้างก็เถอะขอนิดหนึ่ง55555)
จิกกัดได้แสบทรวง จิกกัดว่าเท็ดเป็นเด็กเห่อห_อยชื่อดังคนหนึ่ง (คำนี้แรงมากใครโดนด่าเป็นเด็กคนนี้555555) แต่เท็ดก็พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งออกมาดีที่สุด
เท็ดจะงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่การใช้ชีวิตของคนเรามันจะต้องมีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่อย่างน้อยก็กลับเข้ามาได้ หากเท็ดเป็นคนจริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเราแหละครับ ที่ไม่ว่าเราจะเป๋ไปแค่ไหน อย่างน้อยๆข้างกายเราก็ยังมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยทอดทิ้งเราไปไหน จอห์น ผู้ที่ไม่เคยทิ้งเท็ด และเท็ดอง ก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน สมกับเป็นคู่หูสายฟ้า
สำหรับผมแล้วผมไม่ใช่คนที่จะสามารถวิจารณ์หนังได้แต่อย่างใด แต่สำหรับผมหนังเรื่องนี้คุ้มค่ามากครับ สนุกและมีสาระไปในตัว ไม่น่าเบื่อ หนังจะแผงนัยยะตลอดเวลา เรื่องนี้คำคมและประโยคดีๆมีเยอะมาก อีกอย่างคือเรื่องนี้ ใช้ ฟักเปลืองมากครับบอกก่อน (5555555) ไม่เหมาะกับคนมองโลกสวยงามฟรุ้งฟริ้งครับบอกได้เลย (จะพาคู่เดตไปดูต้องรู้จักธรรมชาติของคู่เดตด้วยนะครับ) เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นมากครับสำหรับเท็ดภาคนี้
ปล.แนะนำให้ดู Soundtrack นะครับไม่ควรดูพากย์ไทยไม่งั้นจะกร่อยทันทีเลย ขนาด Subtitle ยังทำให้กร่อยนิดหน่อยเลยครับ
TED 2 การปกป้องสิทธิ์ในสังคมปัจจุบัน
เมื่อกล่าวถึง TED ทุกท่านก็คงจะคิดถึงหมีเท็ดดี้แบร์จอมถ่อย ที่วันๆเอาแต่สูบกัญชา กินเหล้าเมายาไปวันๆ
หลายท่านคงเห็นแบบนั้น นั่นคือภาพลักษณ์ที่เราติดตามาจาก TED ภาคแรก (ถ่อยได้ทุกอณู) แต่นั่นคือภาคแรก
แต่ภาคสองที่เพิ่งเข้าฉายวันนี้นี่สิ กระชากภาพหมีจอมถ่อยตัวนั้นได้เลย(แต่ก็ยังถ่อยอยู่ดี)
แนวหนัง : Comedy
ผู้กำกับ : Seth MacFarlane
นักแสดง : Mark Wahlberg, Seth MacFarlane, Amanda Seyfried
วันเข้าฉาย : 23 กรกฎาคม 2015 ( 26 กรกฎาคม 2015 อเมริกา )
ภาคสองนั้นคือเจ้าหมีในบทบาทผู้นำครอบครัว แสดงออกถึงวุฒิภาวะที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้นำครอบครัว
และสิ่งนั้นนำมาซึ่งการปกป้องสิทธิ์การเป็นมนุษย์(ตามที่ตนเชื่อ) โดยที่ทางการได้ให้คำจำกัดความของ TED คือสิ่งของ
ในหนังเรื่องนี้ให้อารมณ์ของการต่อสู้คล้ายๆ กับเรื่อง Any Day Now แต่ไม่ดราม่าถึงเรื่องนั้น และยังคงความเป็นคาแร็คเตอร์ของตนเอง
การต่อสู้ครั้งนี้ของTED แสดงออกให้เห็นถึงว่า ณ จุดๆหนึ่งของผู้ชายนั้น เมื่อต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อครอบครัวได้ อยากที่เราจะเห็นในตอนต้น ในงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ที่ เฟลซ กอร์ดอน มาชวนไปเล่นยา แต่เท็ดปฎิเสธ แม้เมื่อก่อนจะเป็นคนเอ่ยปากชวน เนื่องจากว่าเขาเห็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือภรรยาของเขา(ผู้หญิงนี่ทำให้ผู้ชายดีขึ้นได้จริงๆ) นั่นเป็นฉากหนึ่งที่แสดงให้ว่าเท็ดในภาคนี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในภาคนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการต่อสู้คดีของเท็ดล้วนๆ และ หนังภาคนี้ก็โฟกัสที่ตัวเขาเต็มๆซึ่งต่างจากภาคแรก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เสียดสีสังคมได้แสบมากกกกกก เสียดสีวงการยุติธรรมได้เด็ดจริงๆ สื่อผ่านตัวละครที่สังคมเห็นว่าเขาเป็นแค่ตุ๊กตา เป็นแค่สิ่งของ เปรียบเสมือน พลเมืองชั้นสอง หรือชนกลุ่มน้อย ที่สังคมตราหน้าว่าเขาไร้ซึ่งสิทธิ์ในการเรียกร้องแต่หลงลืมไปว่า แม้เขาเหล่านั้นจะไม่มีสิทธิ์ในสังคม แต่เขามีสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์เท่ากับคนทั่วไปในสังคม หนังเรื่องนี้เราจะเห็นกัญชาบ่อยมาก อย่างที่รู้กันว่าอเมริกาใหลายๆรัฐกัญชานั้นถูกกฎหมายแล้ว แต่ที่เราเห็นในเรื่องนี้คือ การสูบกัญชาของเขาจะกระทำการนั้นก็ต่อเมื่อ อยู่ในสถานที่ส่วนตัวไม่ใช่สาธารณะ(ถึงจะมีหลุดมาบ้างก็เถอะขอนิดหนึ่ง55555)
จิกกัดได้แสบทรวง จิกกัดว่าเท็ดเป็นเด็กเห่อห_อยชื่อดังคนหนึ่ง (คำนี้แรงมากใครโดนด่าเป็นเด็กคนนี้555555) แต่เท็ดก็พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งออกมาดีที่สุด เท็ดจะงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่การใช้ชีวิตของคนเรามันจะต้องมีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่อย่างน้อยก็กลับเข้ามาได้ หากเท็ดเป็นคนจริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเราแหละครับ ที่ไม่ว่าเราจะเป๋ไปแค่ไหน อย่างน้อยๆข้างกายเราก็ยังมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยทอดทิ้งเราไปไหน จอห์น ผู้ที่ไม่เคยทิ้งเท็ด และเท็ดอง ก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน สมกับเป็นคู่หูสายฟ้า
สำหรับผมแล้วผมไม่ใช่คนที่จะสามารถวิจารณ์หนังได้แต่อย่างใด แต่สำหรับผมหนังเรื่องนี้คุ้มค่ามากครับ สนุกและมีสาระไปในตัว ไม่น่าเบื่อ หนังจะแผงนัยยะตลอดเวลา เรื่องนี้คำคมและประโยคดีๆมีเยอะมาก อีกอย่างคือเรื่องนี้ ใช้ ฟักเปลืองมากครับบอกก่อน (5555555) ไม่เหมาะกับคนมองโลกสวยงามฟรุ้งฟริ้งครับบอกได้เลย (จะพาคู่เดตไปดูต้องรู้จักธรรมชาติของคู่เดตด้วยนะครับ) เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นมากครับสำหรับเท็ดภาคนี้
ปล.แนะนำให้ดู Soundtrack นะครับไม่ควรดูพากย์ไทยไม่งั้นจะกร่อยทันทีเลย ขนาด Subtitle ยังทำให้กร่อยนิดหน่อยเลยครับ