[Spoil] Domestic na Kanojo #59 - สังหรณ์

เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะไม่มีภาพเปิดตอน






- ต่อจากตอนก่อนที่คุณแม่ถามคนพี่เรื่องชอบพระเอกอยู่รึเปล่า เห็นหมู่นี้ท่าทางสนิทกันกว่าปกติน่าดูเลยนี่

- คนพี่โดนถามก็ตัวเย็นวาบ แต่ยังตะกุกตะกักแถไปว่าไม่จริงสักหน่อย เขาเป็นน้อง เป็นครอบครัวเดียวกันนะ แถมอายุห่างกันตั้ง 6 ปี จะไปรักกันแบบนั้นได้ไง ที่เห็นสนิทกันนั่นก็เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันแค่นั้นแหละ

- ได้ยินแบบนั้น คุณแม่ก็นิ่งไปพักนึงเหมือนคิดอะไรอยู่ แต่ลงเอยก็ทำท่าเหมือนไม่ติดใจอะไร แล้วบอกว่าถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แม่เองก็กังวลๆ อยู่เพราะเห็นเรา 3 คนไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็กังวลอยู่ว่าอาจเกิดเรื่องผิดพลั้งอะไรไปก็ได้

- เจอแม่พูดดักคอเข้าแบบนั้น คนพี่ก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าบอกความจริง ยิ่งมาเจอแม่ย้ำทิ้งท้ายประโยคว่า "แม่เชื่อใจลูกนะ" เข้าอีกก็ยิ่งน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกเข้าไปใหญ่ ได้แต่เก็บความกังวลใจไว้กับตัวเท่านั้น




- ตัดฉากไปวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน พระเอกได้รับเมลจากคนพี่นัดให้ไปหาที่อพาร์ทเมนต์ พระเอกไม่รู้เรื่องอะไรก็ดีใจมาก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เฝ้ารอเวลาเลิกเรียนอย่างใจจดจ่อเต็มที่

- ฉากตัดอีกครั้งไปยังช่วงเลิกเรียน คนน้องแวะไปที่ร้านหนังสือระหว่างกลับบ้าน

- กำลังเดินๆ ดูหนังสืออยู่เพลินๆ คนน้องก็สังเกตเห็นใครอีกคนยืนอ่านหนังสืออยู่ตรงแผงขายนิตยสาร ปรากฏว่าเป็นยัยหัวทองที่ตามสตอล์กอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมที่เคยมีเรื่องกัน คนน้องเลยเดินเข้าไปทัก

- ยัยหัวทองตกใจ นึกว่าคนน้องจะมาเอาเรื่องเรื่องที่เคยไปอาละวาดที่ชมรม แต่คนน้องบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษาด้วย ว่าจบก็จัดแจงลากตัวไปคุยกันที่ร้านกาแฟของตาอ้วนแว่นเอาดื้อๆ ไม่ถามความสะดวกอีกฝ่ายซักคำ

- โดยเรื่องที่คนน้องอยากปรึกษายัยหัวทองก็คือ "ต้องทำยังไงถึงจะเกลียดคนที่เคยรักได้"




- ยัยหัวทองงง คนน้องก็เล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ (แต่ไม่ได้บอกชื่อพระเอกจนหวิดโดนยัยหัวทองเข้าใจผิดว่าแอบชอบอาจารย์ที่ปรึกษาอีกคน) จนยัยหัวทองเข้าใจ

- ยัยหัวทองก็บอกว่า ตัวเองไม่เชื่อหรอกว่าจะเกลียดได้จริงๆ ถึงตอนโดนปฏิเสธจะโกรธแค้น จะรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งแค่ไหน แต่พอได้เจอได้ฟังคำพูดอ่อนโยนจากอีกฝ่ายอีกครั้ง ความรู้สึกโกรธแค้นทั้งหลายก็หายไปหมดไม่เหลืออยู่เลย และคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมด อาจเป็นเพราะตัวเองอยากเข้าไปอยู่ในใจของของอาจารย์ก็เป็นได้

- ยัยหัวทองบอกทำนองว่าที่ตัวเองพลาดไปในตอนนั้นก็เพราะทนรักเขาข้างเดียวไม่ไหวเลยฝืนสารภาพรักกับเขาไปดื้อๆ ทั้งที่บางทีหากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับเขาให้นานกว่านี้ ค่อยๆ ประคับประคองช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ ให้เขารับรู้ความรู้สึกรักของตัวเองด้วย "การกระทำ" ไม่ใช่กดดันด้วย "คำพูด" ทุกอย่างคงไม่ลงเอยอย่างเลวร้ายแบบนี้

- คนน้องได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบอยู่ไม่พูดอะไร


- ฉากตัดอีกครั้ง ไปทางฝั่งพระเอกที่วิ่งตัวปลิวไปหาคนพี่ถึงอพาร์ทเมนต์ทันทีที่เลิกเรียน

- ไปถึงอพาร์ทเมนต์ปุ๊บ คนพี่เปิดรับเสร็จก็โผเข้ากอดพระเอกไว้แน่นจนพระเอกตกใจว่าเป็นอะไรไป แต่คนพี่กลับเงยหน้ายิ้มหวานใส่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระเอกเลยนึกว่าไม่มีอะไร

- จากนั้นก็เข้าไปนั่งกะหนุงกะหนิงกันต่อในห้อง (มีมุกคนพี่ทำอาหารไม่เก่ง ทำเอาพระเอกเกือบอ้วกแตกนิดหน่อย)

- ระหว่างกะหนุงกะหนิงกันจะสังเกตได้ว่าคนพี่ดูจะอ้อนพระเอกมากกว่าปกติ ทั้งเข้ามากอด เข้ามากระแซะ เข้ามาขอจูบ (แบบเดียวกับพระเอกตอนอ้อนคนพี่ช่วงมีดราม่ากับคนน้อง) จนพระเอกรู้สึกผิดสังเกต

- หลังจูบกันเสร็จ คนพี่ก็เอนตัวซบอกพระเอกไว้ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ ว่า "พวกเราหนีไปอยู่ด้วยกัน 2 คนที่ไหนสักแห่งที่ไกลๆ ดีมั้ย?"








ฟังคำพูดของคุณแม่แล้วไม่กล้าคิดเลยแฮะ ว่าถ้าคุณแม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวตัวเองกับพระเอกแบบเต็มๆ นี่จะเป็นอีท่าไหน (เรื่องคนพี่นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ารู้เรื่องคนน้องด้วยนี่สงสัยพระเอกไม่เหลือแหงๆ)

ว่าแต่ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งเริ่มรู้สึกเหมือนคนน้องจะได้เกราะคุ้มกันจิตใจมาเพิ่มขึ้นทุกที ในขณะที่คนพี่ค่อยๆ แสดงความอ่อนแอทางจิตใจออกมามากขึ้นทุกทีแฮะ

เห็นแล้วยิ่งคิดไปใหญ่เลยแฮะว่าพระเอกนี่เลือกรักผิดคนจริงๆ

ส่วนดราม่าคราวนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ต่อไปหรือว่าจะจบลงง่ายๆ เหมือนทุกครั้ง คงต้องรอดูในตอนหน้าละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่