บ้านเราเป็นร้านขายของไม่ใหญ่มากครับ อาศัยอยู่กับภรรยา เรามีหน้าที่ขายส่วนภรรยาเราทำงานนอกบ้าน เป็นร้านที่เจ้าของเก่าเซ้งแล้วภรรยาเราซื้อให้เพราะเราไม่มีงานทำ เพิ่งลาออกจากงานเก่า เจ้าของเก่าเซ้งเพราะย้ายบ้านไปต่างจังหวัดไปอยู่กับญาตินะครับ ไม่ได้เซ้งเพราะขาดทุน ผมดูแลร้านมาเรื่อยๆจนปีนี้เข้าปีที่ 3 ไม่มีคู่แข่งเลย ร้านโชห่วยแบบเดียวกันที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็อยู่ห่างออกไป 10 โล ร้านผมไม่มีลูกน้อง ผมดูคนเดียว ภรรยาเลิกงานตอนเย็นถึงจะได้มาช่วยขายตอน4โมงเย็น ร้านปิด 4 - 5 ทุ่ม ภรรยามีหน้าที่นับตังค์ รายได้พอกินแต่ไม่เยอะครับ ส่วนมากภรรยาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายประจำวันให้ (ผมนี่แมงดาจริงๆ)
ทีนี้ปัญหาคือ ร้านมันสร้างไว้ลึก ลูกค้ามาซื้ออยากได้ของบางอย่างที่อยู่ในๆร้าน ผมจะให้ลูกค้าเดินไปหยิบเองถ้ามันอยู่ไม่ลึกมาก แต่ถ้าอยู่ในสุดของร้าน ผมจะล็อกกุญแจเก๊ะใส่ตังค์ เพราะกลัวขโมย จะเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอว ก็กลัวโดนดึง เจ้าของเก่าเล่าให้ฟังว่าเคยโดนดึงแต่กระเป๋าไม่ขาดออก โชคดีมาก พักหลังผมเริ่มไม่กล้าให้ลูกค้าไปหยิบของเองในร้านแล้ว ถึงแม้ตอนจะลุกไปหยิบของให้ลูกค้า ผมจะล็อกเก๊ะทุกครั้งก็ตาม แต่ก็อดห่วงไม่ได้ กลัวโดนทุบเก๊ะหอบตังค์ไป ดูเหมือนผมคิดมากขี้กังวลใช่มั้ยครับ? จะไม่ให้คิดมากได้ไง ถ้าปล่อยให้ลูกค้าไปหยิบของเองในร้าน คนหน้าเดิมๆก็จะขโมย โดยเฉพาะขนมเล็กๆ ทุกคืนเช็คของ ต้องมีหายตลอด หายมากหายน้อยแล้วแต่ดวง ไม่ถึงกับขาดทุนนะครับ แต่ขโมยแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหว เลยติดป้ายขู่ ขโมยของจับได้ปรับ 10 เท่า ก็ไม่ได้ผลอ่ะครับ ผมเดาออกว่าใครที่ขโมยหรือไม่ขโมย ถ้าเป็นเด็กผมจะขู่ บางคนกลัวก็ไม่มาอีกเลย แต่เด็กบางคนก็ไม่กลัวแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ จะเอาไม้เรียวมาขู่ก็กลัวเด็กไปฟ้องพ่อแม่ พ่อแม่เด็กอาจจะมาหาเรื่องผมเอา ถ้าเป็นผู้ใหญ่เข้ามาขโมยขนมเล็กๆ ผมไม่กล้าพูดเลย ยิ่งเด็กบางคนมากับพ่อ ขโมยทั้งพ่อทั้งลูก ผมยิ่งไม่กล้าขู่เด็กเลย ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ภรรยาเขาบอกจะออกเงินติดกล้องวงจรปิดให้ แต่ผมไม่อยากให้ติดตั้ง ไม่ใช่เพราะผมเกรงใจภรรยานะครับ แต่ตอนที่ซื้อร้านนี้มาก็เสียเงินไปมากแล้ว ขายมา2ปียังคืนทุนไม่ได้เลย ยังไม่อยากลงทุนติดกล้องตอนนี้ สุดท้ายภรรยาผมไปติดต่อร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ามาติดกล้องเลยครับ มาแบบไม่ถามความสมัครใจผมเลย
กล้องก็ติดไว้ให้เห็นจะๆชัดๆเลยนะครับ ติดไว้ขู่เต็มที่ หน้าร้านก็มีจอ 2 จอ จอนึงผมนั่งดูตรงโต๊ะ กับอีกจอ หันออกไปหน้าร้าน อวดให้ลูกค้าเห็นว่าร้านนี้มีกล้องวงจรแล้วนะจ๊ะ ห้ามขโมยนะจ๊ะ ____ ไม่ได้ผมครับพี่น้อง ขโมยคนเดิมที่ไม่กลัวผม ถึงรู้ว่ามีกล้อง ยังไงก็กล้าขโมยอยู่ดี ผมจำได้เลย ลูกค้าคนแรกที่เข้าร้าน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ20ต้นๆ คนนี้ชอบเข้ามากับเด็กผู้หญิงอีก 3 - 4 คน มากันเยอะๆคุยกันเสียงดัง ทำเนียนเหมือนเข้ามาดูของเฉยๆ แต่ไม่ซื้อ และช่วยกันขโมยคนละเล็กละน้อย คราวนี้ผมด่ามันเลย มันก็ปฏิเสธหน้าตาย ผมชี้ไปที่จอ มีหลักฐาน หรือจะให้เปิดดูย้อนหลัง กรูเห็นจะๆคาตากรูเลย หลังจากนั้นกลุ่มเด็กกลุ่มนี้ก็ไม่กล้ามาร้านผมอีกเลย ยังไม่หมดครับ มีผู้ใหญ่อีกหลายคน บางคนที่เห็นกล้องแล้วสำนึกได้ ก็ขโมยน้อยลง เริ่มจ่ายเงินบ่อยกว่าขโมย ผมเบื่อที่จะด่า เพราะมันบ่อยมากจนไม่รู้ผมจะด่ายังไงแล้ว
วันที่15กค.58 ผมทะเลาะกับภรรยาเรื่องเอาผ้าขาวไปซักปนกับผ้าตกสี ภรรยาก็ออกไปทำงานอย่างหงุดหงิด ผมก็นั่งขายของอารมณ์ไม่ดีแต่เช้า ไอ่ขโมยคนเดิมเข้ามาอีกละ คราวนี้ผมเอามือถือผมถ่ายคลิปจากจอ ดักไว้เลย พอมันเดินมาจ่ายตังค์ ผมถามว่าเมื่อกี้หยิบโอวัลตินซองมา ทำไมไม่เอาออกมาจ่ายเงิน เหน็บไว้ในสะโหร่งทำไม มันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมเอาคลิปให้มันดู มันก็ทำหน้าโมโห ผมเลยบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ได้จังหวะ เอามือถือถ่ายรูปหน้ามันเลย มันก็ด่าผมเป็นภาษาของมัน ผมเป็นคนต่างถิ่นเลยฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่องครับ ผมปิดร้านเลย ทะเลาะกับเมียก็อารมณ์เสียมากพอละ เอารูปกับหลักฐานคลิปตอนมันขโมยไปโรงพัก วันนั้นไม่ได้ขายของเลย แล้ววันที่17ตำรวจที่มาร้านผมบ่อยๆคนนึง มาซื้อกาแฟกินทุกเที่ยง ก็บอกว่าตามตัวคนขโมยได้แล้ว ไอ่คนนี้โดนจับบ่อย แจ้งความไปมันก็ไม่กลัวไม่หลาบจำหรอก สมัยที่เจ้าของร้านคนเดิมอยู่ก็ทะเลาะกับคนนี้บ่อย ตำรวจให้ผมระวังมันจะมาเอาคืน ปรากฏว่าจริงครับ เมื่อวานนี้เอง(18กค.) มันมาเป็นพวกเลย ด่าผมยับเลยทีนี้ มากับลูก ปล่อยให้ลูกเข้าไปหยิบของไม่จ่ายตังค์หน้าตาเฉย ผมนี่โมโหจนปวดหัวแต่แสดงสีหน้าไม่ได้ พูดไม่ได้สักคำ กลัวมาก มันอาจไม่กล้าทำอะไรผมจริง แต่ถ้าเกิดมันกล้าขึ้นมาหล่ะ ผมอาจถึงเสียชีวิตได้เลยนะ
ไม่ใช่แค่เรื่องขโมยของนะครับ เรื่องบ้วนน้ำหมากด้วย คนแถวนี้เคี้ยวหมากแล้ว
น้ำลายแดงๆออกมา เปื้อนหน้าบ้านผมเต็มไปหมด จะด่าก็ไม่กล้า แล้วก็เรื่องสุเหร่าข้างหลังร้านผมด้วย ตอนตี 4 - 5 ผมนอนไม่ได้เลย ภรรยายิ่งเป็นหนักกว่าผม เสียงตามสายดังขึ้นมาปุ๊บภรรยาผมตะโกนโวยวายเลย ผมไม่กล้าไปขอให้เขาเบาเสียงเพราะผมเป็นคนต่างศาสนิกเพียงหลังคาเรือนเดียวที่อาศัยตรงนั้น เจ้าของร้านเก่าเป็นคนพุทธเคยแจ้งเทศบาลให้ประสานงานไปหาสุเหร่าให้เบาเสียงลง แต่เทศบาลโดนด่าเช็ดกลับมาเลย ผมยังต้องอยู่ที่นี่อีก2ปี เพราะต้องรอภรรยาทำงานให้ครบ5ปี ถึงจะทำเรื่องย้ายได้ตามระเบียบราชการเขา ผมไม่มีความสุขเลย ชาวพันทิพพอจะมีคำแนะนำดีๆบ้างไหมครับ หรือว่าผมต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้
.พอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำไม ร้านโชห่วยคู่แข่งผมถึงไม่มีเลย
เปิดโชห่วยคนชอบขโมยของ จับได้พาไปส่งตำรวจ แต่โดนพวกขู่ฆ่า
ทีนี้ปัญหาคือ ร้านมันสร้างไว้ลึก ลูกค้ามาซื้ออยากได้ของบางอย่างที่อยู่ในๆร้าน ผมจะให้ลูกค้าเดินไปหยิบเองถ้ามันอยู่ไม่ลึกมาก แต่ถ้าอยู่ในสุดของร้าน ผมจะล็อกกุญแจเก๊ะใส่ตังค์ เพราะกลัวขโมย จะเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอว ก็กลัวโดนดึง เจ้าของเก่าเล่าให้ฟังว่าเคยโดนดึงแต่กระเป๋าไม่ขาดออก โชคดีมาก พักหลังผมเริ่มไม่กล้าให้ลูกค้าไปหยิบของเองในร้านแล้ว ถึงแม้ตอนจะลุกไปหยิบของให้ลูกค้า ผมจะล็อกเก๊ะทุกครั้งก็ตาม แต่ก็อดห่วงไม่ได้ กลัวโดนทุบเก๊ะหอบตังค์ไป ดูเหมือนผมคิดมากขี้กังวลใช่มั้ยครับ? จะไม่ให้คิดมากได้ไง ถ้าปล่อยให้ลูกค้าไปหยิบของเองในร้าน คนหน้าเดิมๆก็จะขโมย โดยเฉพาะขนมเล็กๆ ทุกคืนเช็คของ ต้องมีหายตลอด หายมากหายน้อยแล้วแต่ดวง ไม่ถึงกับขาดทุนนะครับ แต่ขโมยแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหว เลยติดป้ายขู่ ขโมยของจับได้ปรับ 10 เท่า ก็ไม่ได้ผลอ่ะครับ ผมเดาออกว่าใครที่ขโมยหรือไม่ขโมย ถ้าเป็นเด็กผมจะขู่ บางคนกลัวก็ไม่มาอีกเลย แต่เด็กบางคนก็ไม่กลัวแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ จะเอาไม้เรียวมาขู่ก็กลัวเด็กไปฟ้องพ่อแม่ พ่อแม่เด็กอาจจะมาหาเรื่องผมเอา ถ้าเป็นผู้ใหญ่เข้ามาขโมยขนมเล็กๆ ผมไม่กล้าพูดเลย ยิ่งเด็กบางคนมากับพ่อ ขโมยทั้งพ่อทั้งลูก ผมยิ่งไม่กล้าขู่เด็กเลย ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ภรรยาเขาบอกจะออกเงินติดกล้องวงจรปิดให้ แต่ผมไม่อยากให้ติดตั้ง ไม่ใช่เพราะผมเกรงใจภรรยานะครับ แต่ตอนที่ซื้อร้านนี้มาก็เสียเงินไปมากแล้ว ขายมา2ปียังคืนทุนไม่ได้เลย ยังไม่อยากลงทุนติดกล้องตอนนี้ สุดท้ายภรรยาผมไปติดต่อร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ามาติดกล้องเลยครับ มาแบบไม่ถามความสมัครใจผมเลย
กล้องก็ติดไว้ให้เห็นจะๆชัดๆเลยนะครับ ติดไว้ขู่เต็มที่ หน้าร้านก็มีจอ 2 จอ จอนึงผมนั่งดูตรงโต๊ะ กับอีกจอ หันออกไปหน้าร้าน อวดให้ลูกค้าเห็นว่าร้านนี้มีกล้องวงจรแล้วนะจ๊ะ ห้ามขโมยนะจ๊ะ ____ ไม่ได้ผมครับพี่น้อง ขโมยคนเดิมที่ไม่กลัวผม ถึงรู้ว่ามีกล้อง ยังไงก็กล้าขโมยอยู่ดี ผมจำได้เลย ลูกค้าคนแรกที่เข้าร้าน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ20ต้นๆ คนนี้ชอบเข้ามากับเด็กผู้หญิงอีก 3 - 4 คน มากันเยอะๆคุยกันเสียงดัง ทำเนียนเหมือนเข้ามาดูของเฉยๆ แต่ไม่ซื้อ และช่วยกันขโมยคนละเล็กละน้อย คราวนี้ผมด่ามันเลย มันก็ปฏิเสธหน้าตาย ผมชี้ไปที่จอ มีหลักฐาน หรือจะให้เปิดดูย้อนหลัง กรูเห็นจะๆคาตากรูเลย หลังจากนั้นกลุ่มเด็กกลุ่มนี้ก็ไม่กล้ามาร้านผมอีกเลย ยังไม่หมดครับ มีผู้ใหญ่อีกหลายคน บางคนที่เห็นกล้องแล้วสำนึกได้ ก็ขโมยน้อยลง เริ่มจ่ายเงินบ่อยกว่าขโมย ผมเบื่อที่จะด่า เพราะมันบ่อยมากจนไม่รู้ผมจะด่ายังไงแล้ว
วันที่15กค.58 ผมทะเลาะกับภรรยาเรื่องเอาผ้าขาวไปซักปนกับผ้าตกสี ภรรยาก็ออกไปทำงานอย่างหงุดหงิด ผมก็นั่งขายของอารมณ์ไม่ดีแต่เช้า ไอ่ขโมยคนเดิมเข้ามาอีกละ คราวนี้ผมเอามือถือผมถ่ายคลิปจากจอ ดักไว้เลย พอมันเดินมาจ่ายตังค์ ผมถามว่าเมื่อกี้หยิบโอวัลตินซองมา ทำไมไม่เอาออกมาจ่ายเงิน เหน็บไว้ในสะโหร่งทำไม มันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมเอาคลิปให้มันดู มันก็ทำหน้าโมโห ผมเลยบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ได้จังหวะ เอามือถือถ่ายรูปหน้ามันเลย มันก็ด่าผมเป็นภาษาของมัน ผมเป็นคนต่างถิ่นเลยฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่องครับ ผมปิดร้านเลย ทะเลาะกับเมียก็อารมณ์เสียมากพอละ เอารูปกับหลักฐานคลิปตอนมันขโมยไปโรงพัก วันนั้นไม่ได้ขายของเลย แล้ววันที่17ตำรวจที่มาร้านผมบ่อยๆคนนึง มาซื้อกาแฟกินทุกเที่ยง ก็บอกว่าตามตัวคนขโมยได้แล้ว ไอ่คนนี้โดนจับบ่อย แจ้งความไปมันก็ไม่กลัวไม่หลาบจำหรอก สมัยที่เจ้าของร้านคนเดิมอยู่ก็ทะเลาะกับคนนี้บ่อย ตำรวจให้ผมระวังมันจะมาเอาคืน ปรากฏว่าจริงครับ เมื่อวานนี้เอง(18กค.) มันมาเป็นพวกเลย ด่าผมยับเลยทีนี้ มากับลูก ปล่อยให้ลูกเข้าไปหยิบของไม่จ่ายตังค์หน้าตาเฉย ผมนี่โมโหจนปวดหัวแต่แสดงสีหน้าไม่ได้ พูดไม่ได้สักคำ กลัวมาก มันอาจไม่กล้าทำอะไรผมจริง แต่ถ้าเกิดมันกล้าขึ้นมาหล่ะ ผมอาจถึงเสียชีวิตได้เลยนะ
ไม่ใช่แค่เรื่องขโมยของนะครับ เรื่องบ้วนน้ำหมากด้วย คนแถวนี้เคี้ยวหมากแล้วน้ำลายแดงๆออกมา เปื้อนหน้าบ้านผมเต็มไปหมด จะด่าก็ไม่กล้า แล้วก็เรื่องสุเหร่าข้างหลังร้านผมด้วย ตอนตี 4 - 5 ผมนอนไม่ได้เลย ภรรยายิ่งเป็นหนักกว่าผม เสียงตามสายดังขึ้นมาปุ๊บภรรยาผมตะโกนโวยวายเลย ผมไม่กล้าไปขอให้เขาเบาเสียงเพราะผมเป็นคนต่างศาสนิกเพียงหลังคาเรือนเดียวที่อาศัยตรงนั้น เจ้าของร้านเก่าเป็นคนพุทธเคยแจ้งเทศบาลให้ประสานงานไปหาสุเหร่าให้เบาเสียงลง แต่เทศบาลโดนด่าเช็ดกลับมาเลย ผมยังต้องอยู่ที่นี่อีก2ปี เพราะต้องรอภรรยาทำงานให้ครบ5ปี ถึงจะทำเรื่องย้ายได้ตามระเบียบราชการเขา ผมไม่มีความสุขเลย ชาวพันทิพพอจะมีคำแนะนำดีๆบ้างไหมครับ หรือว่าผมต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้
.พอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำไม ร้านโชห่วยคู่แข่งผมถึงไม่มีเลย