[Spoil] Tokyo Ghoul :re ตอน 37 - ภาพหลุดจากตอนนี้

กลับมาเจอกันอีกสัปดาห์นะครับ

อาทิตย์นี้ Spoil Text ปล่อยเร็วกว่าปกติเป็นครึ่งวันเลยแฮะ เพราะงั้นจะขอลง Spoil Text พร้อมกับภาพหลุดบางส่วนไปเลยละกัน


ว่าแล้วก็ไปชมกันได้เลยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้






- ต่อจากตอนก่อนที่ไอ้ฟันแหลม ไซโกะ กับทาเคโอมิแวะมากินของว่างในร้านเบเกอรี่แล้วเจอโยริโกะมาทำงานเป็นเด็กในร้านอยู่

- ระหว่างที่นั่งกินกันอยู่นั้น พวกไอ้ฟันแหลมก็ได้ฟังเรื่องราวสมัยเด็กระหว่างทาเคโอมิกับโยริโกะ โดยทาเคโอมิกับโยริโกะนั้นสมัยเรียนประถมเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน (ทาเคโอมิเล่าเพิ่มเติมด้วยว่าเนื่องจากพ่อตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนกูล ตัวเองสมัยเด็กจึงต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อไปโน่นมานี่บ่อยๆ จนแทบไม่มีเพื่อน ก็มีโยริโกะนี่แหละที่อยู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันอยู่หลายปีจนย้ายไป)

- โยริโกะเล่าเรื่องทาเคโอมิให้พวกไอ้ฟันแหลมฟังหลายเรื่อง ทั้งเรื่องหน้าตากับบุคลิกยังเหมือนสมัยประถมไม่เปลี่ยน ทั้งเรื่องความสามารถด้านร่างกายที่โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยประถม รวมถึงเรื่องนิสัยจริงจังไม่เคยดูถูกหรือเอาเปรียบใครด้วย ซึ่งข้อหลังนี้โยริโกะเล่าว่าสมัยประถมตอนแข่งกีฬาสี ตัวเองเคยลงแข่งวิ่งผลัดร่วมกับทาเคโอมิมาก่อน โดยตัวเองเป็นไม้สาม ส่วนทาเคโอมิเป็นไม้สุดท้าย แต่ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้นโยริโกะพลาดหกล้มจนโดนห้องอื่นแซงไปหมด พวกเพื่อนร่วมชั้นเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงบ่นไม่พอใจที่โยริโกะพลาด มีแต่ทาเคโอมิเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจเหมือนคนอื่น ยังเก๊กหน้าจริงจังรอไม้จากโยริโกะเหมือนเดิม โยริโกะเห็นแบบนั้นเลยมีกำลังใจลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปส่งไม้ให้ทาเคโอมิต่อได้ โดยหลังจากได้รับไม้ ทาเคโอมิก็แสดงพลัง วิ่งรวดเดียวแซงไม้สุดท้ายของห้องอื่นที่นำไปก่อนเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งได้ในพริบตา

- พวกไอ้ฟันแหลมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเหงื่อตก และเล่าให้โยริโกะฟังบ้างว่าตอนนี้ทาเคโอมิเป็นถึงระดับเจ้าหน้าที่สืบสวนระดับหนึ่งแล้วนะ (ในเรื่องบอกว่าอายุเฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ที่ได้เลื่อนยศเป็นระดับหนึ่งนั้นอยู่ที่ 27 ปี ดังนั้นการที่ทาเคโอมิได้เลื่อนยศถึงระดับนี้ทั้งที่อายุเพิ่งจะ 20 ต้นๆ จึงถือว่าน่าตกใจมาก) โยริโกะได้ฟังดังนั้นก็แสดงทีท่าว่าชื่นชม

- ด้านทาเคโอมิก็ถามเรื่องงานของโยริโกะบ้าง โยริโกะก็เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนตัวเองเคยอยากเป็นกุ๊ก แต่ต่อมาก็คิดได้ว่าตัวเองชอบทำขนมปัง อยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ก็เลยเลือกมาทำงานที่ร้านขนมปังเพื่อเรียนรู้งาน

- กำลังคุยกันเพลินๆ ก็มีเงาคนท่าทางเป็นเจ้าของร้านถือขนมปังฝรั่งเศสขยับออกมาจากในครัว โยริโกะหันไปเห็นก็รีบขอตัวกลับไปทำงานต่อทันที เพราะเวลาเจ้าของร้านหยิบขนมปังฝรั่งเศสมาถือนั้นคือสัญญาณเตือนว่าให้รีบกลับมาทำงานได้แล้ว ไม่งั้นโดนดีแน่

- แต่ก่อนโยริโกะจะไป ทาเคโอมิก็หันไปออกปากชมว่าขนมปังอร่อยมากเลย โยริโกะก็ยิ้มเขินๆ แล้วบอกว่าครั้งหน้าแวะมาอีกนะ ก่อนจะกลับเข้าหลังร้านไป




- ฉากตัดไปทางไอ้ตากบที่นอนยกน้ำหนักแบบเบนช์เพรสอยู่ในยิม (อนึ่ง จากตรงนี้ไปผมจะอธิบายตามความเข้าใจตัวเองส่วนหนึ่งนะครับ เพราะตรงนี้ศัพท์เทคนิคในเรื่องเยอะ มีส่วนที่ยังข้องๆ อยู่พอสมควร)

- ตรงนี้จะมีอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีของพวกครึ่งคนครึ่งกูลอย่างไฮเสะหรือพวกหน่วยควิงส์ว่าร่างกายของพวกนี้จะมีอวัยวะที่เรียกว่า "ท่อนำ RC เซล" ซึ่งเชื่อมต่อกับคาคุโฮอยู่ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่นำ RC เซลไปยังส่วนต่างๆ และทำหน้าที่ปล่อย RC เซลออกมาเพื่อสร้างคากุเนะ ซึ่งหากในร่างกายมีท่อนำ RC เซลอยู่มาก สมรรถภาพร่างกายก็จะยิ่งสูง (ตรงนี้ในเรื่องไม่ได้บอกไว้ชัด แต่เหมือนการบาดเจ็บหนักๆ จะเป็นตัวกระตุ้นให้คาคุโฮส่ง RC เซลมาเสริมร่างกายส่วนที่บาดเจ็บ ทำให้มีการสร้างท่อนำ RC เซลมากขึ้น)

- โดยในเรื่องนำเอาภาพเอ็กซเรย์ของไฮเสะมากางให้ดู ซึ่งในภาพจะเห็นได้ชัดว่ามีกระจุกขาวๆ อยู่ที่บริเวณท้องซึ่งเป็นตำแหน่งของคาคุโฮ และบริเวณใบหน้าที่เคยโดนอาริมะจิ้มตาโบ๋มาก่อน ซึ่งกระจุกขาวๆ เหล่านั้นนั่นแหละคือท่อนำ RC เซลที่เพิ่มขึ้นจากการบาดเจ็บในครั้งต่างๆ

- ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพวกครึ่งคนครึ่งกูลนั้น ยิ่งบาดเจ็บมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งได้มากเท่านั้น

- ซึ่งไอ้ตากบก็เอาทฤษฎีนี้ไปประยุกต์ใช้กับทฤษฎีเสริมสร้างร่างกายตามหลักการ "การฟื้นตัวระดับสุดยอด" (หลักการเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ว่าเมื่อออกกำลังกายหนักๆ กล้ามเนื้อจะเสียหายจากการออกแรงนั้น และเมื่อพักฟื้นร่างกายจนกล้ามเนื้อฟื้นฟูกลับมาใหม่ กล้ามเนื้อที่ฟื้นฟูนั้นจะขยายใหญ๋และแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม...จำมาคร่าวๆ จากเรื่องอายชีลด์ 21 แฮะ) เพื่อกระตุ้นให้คาคุโฮสร้างท่อนำ RC เซลมากขึ้น ความสามารถทางร่างกายจะได้เพิ่มสูงขึ้น และผลงานก็ออกมาให้เห็นเป็นลำดับ เมื่อไอ้ตากบรู้สึกได้ว่าตัวเองสามารถยกเบนช์เพรสได้หนักขึ้นเรื่อยๆ




- ฉากตัดไปทางฝั่งมุทสึกิที่มาประชุมกับหน่วยจูโซเรื่องต่างๆ โดยหัวข้อที่เน้นเป็นพิเศษในครั้งนี้คือเรื่องของแก๊งค์ตัวตลก รวมถึงความเกี่ยวข้องระหว่างแก๊งค์ตัวตลกกับอาโอกิริ

- มุทสึกิสะกิดใจกับคำพูดของอุตะที่บอกตัวเองในงานประมูลว่า "ปฏิบัติการจะล้มเหลว ความช่วยเหลือจะไม่มา" และนึกสงสัยว่าข่าวเรื่องปฏิบัติการอาจรั่วออกไปก็ได้ จึงลองคุยเรื่องนี้กับจูโซกับลูกหน่วยดู ลูกหน่วยคนหนึ่งก็ออกความเห็นว่าถึงจะไม่รู้ว่าพวกตัวตลกมีเครือข่ายข่าวสารกว้างขนาดไหน แต่ถ้าลองสาวรอยตามเส้นทางข้อมูลไปก็อาจตามตัวแก๊งค์ตัวตลกเกรียนเจอก็ได้

- หลังประชุมกันเสร็จ มุทสึกิก็ถามจูโซว่าเรื่องที่คุยกันวันนี้เอาไปบอกไฮเสะได้มั้ย จูโซก็อนุญาต

- คุยกันพักนึง จูโซก็ถามมุทสึกิว่าทำไมถึงเรียกไฮเสะว่า "อาจารย์" ตลอดเลยล่ะ มุทสึกิก็ตอบว่าเพราะตัวเองเคยเป็นลูกศิษย์ของไฮเสะมาก่อน เนื่องจากไฮเสะนั้นเคยรับหน้าที่เป็นวิทยากรรับเชิญที่สถาบัน CCG ที่ 2 ซึ่งมุทสึกิเคยเรียนอยู่มาก่อน (สถาบันเดียวกับที่จูโซกับสองแฝดเรียน) มุทสึกิเลยเรียกไฮเสะว่าอาจารย์จนติดปาก


- ฉากตัดไปทางฝั่งไฮเสะที่วันนี้ไปเป็นวิทยากรรับเชิญที่สถาบัน CCG ที่ 2 อีก โดยระหว่างเดินในเขตสถาบันก็มีนักเรียนมากมายเข้ามาทักทายด้วยอย่างสนิทสนม

- กำลังเดินๆ อยู่ก็มีเสียงเรียกดังมาจากด้านหนึ่ง ไฮเสะหันไปดู ก็เจอชายหัวโล้นหน้าตาน่ากลัวมีแผลเป็นเบ้อเริ่มพาดใบหน้าคนหนึ่งยืนอยู่

- ชายคนนี้คือ "โทคาเงะ โกมาสะ" อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวประจำสถาบัน CCG ที่ 2




- ทั้งสองต่างทักทายกัน คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปตามปกติ (ระหว่างนี้จะได้รู้จากเนื้อหาที่สองคนนี้คุยกัน ว่าพวกเด็กๆ ของโรงเรียนนี้นั้นส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีปัญหาทั้งนั้นด้วย) จนมาถึงจุดหนึ่งที่โทคาเงะถามถึงมุทสึกิขึ้นมา และเปรยๆ ขึ้นมาทำนองว่า "เด็กนั่นก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนี่น้า"

- ได้ยินคนมาพูดดูถูกลูกน้องแบบนั้น ไฮเสะก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แต่ยังระงับอารมณ์ไว้ได้แล้วตอบกลับไปอย่างสุภาพว่าไม่เลย เขาเก่งจะตายไป ตอนนี้ได้จูโซช่วยฝึกอะไรให้หลายอย่างอยู่ ฝ่ายโทคาเงะได้ยินชื่อจูโซปุ๊บก็ชะงักไปเหมือนกัน แต่ก็ยังรักษาสีหน้าไว้ได้ไม่มีอะไรเปลี่ยน

- ระหว่างนั้นก็มีบรรยายถึงประวัติของโทคาเงะผ่านบท monologue ของไฮเสะ โดยโทคาเงะนั้นเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทรมานและสอบสวนในคุกขังกูลมาก่อน โดยขึ้นชื่อด้านสอบสวนกูลอย่างดุดันและเหี้ยมเกรียม แต่เคยพลาดปล่อยให้กูลตนหนึ่งที่ตัวเองทรมานเล่นงานบาดเจ็บและหนีไปได้ ซึ่งกูลที่หนีไปตนนั้นภายหลังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในนาม "เจสันแห่งเขต 13"

- ต่อมาก็ออกจากคุกขังกูลมารับตำแหน่งครูฝึกศิลปะป้องกันตัวที่สถาบันที่ 2 โดยรับหน้าที่ฝึกนักเรียนอย่างเข้มงวดจนพวกนักเรียนหลายคนไม่ชอบหน้าเท่าไหร่

- คุยกันอยู่พักหนึ่ง โทคาเงะก็ปลีกตัวจากไป โดยระหว่างที่ปลีกตัวไปนั้น ยังทำท่าหักนิ้วชี้อันเป็นสัญลักษณ์โคตรคุ้นตาให้ไฮเสะเห็นแว่บหนึ่งด้วย


- ฉากตัดอีกครั้ง ไปทางฝั่งคานาเอะที่นัดพบกับจิเอะในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

- คานาเอะถามจิเอะเรื่องวิธีช่วยนักชิมที่จิเอะเคยบอก จิเอะก็ตอบว่าวิธีการที่ว่านั้นแสนจะง่าย นั่นคือบอกนักชิมไปว่า "คาเนกิยังไม่ตาย" แค่นี้ก็เรียบร้อย

- ได้ยินดังนั้น คานาเอะก็โมโหขึ้นมา ตะคอกถามจิเอะว่าเรื่องแค่นี้เขาก็คิดได้ แล้วจะมาทำเป็นลีลายึกยังอยู่ทำไม จิเอะก็ย้อนว่าคิดได้แต่ทำไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคิดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ก็น่าจะรู้นี่ว่าทำไมนักชิมถึงตรอมใจจนกลายเป็นแบบนั้น

- คานาเอะได้ยินดังนั้นก็ชะงักเถียงไม่ออก จิเอะก็บอกต่อว่าแต่การทำแบบนั้นถือว่ามีปัจจัยเสี่ยงสูง เพราะตอนนี้คาเนกิไม่ใช่คาเนกิคนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็น "ซาซากิ ไฮเสะ ครึ่งคนครึ่งกูลที่เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนกูล" เท่ากับมีฐานะเป็นศัตรูของกูลโดยตรง ดังนั้นถ้านักชิมรู้เรื่องไฮเสะคือคาเนกิแล้วเคลื่อนไหวผิดท่าละก็อาจต้องชนกับ CCG ทั้งก๊กเลยก็ได้ ยิ่งนิสัยนักชิมเป็นพวกบ้าพลังเกินพิกัดอยู่แล้วด้วย และอธิบายปิดท้ายว่าวิธีการช่วยนักชิมที่ตัวเองพูดถึงนั้นคือ "ช่วยให้นักชิมกลับมาแฟบูลัสอีกครั้ง" แต่หลังนักชิม "กลับมาแฟบูลัสแล้วจะเป็นยังไง" นั้นตัวเธอก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

- ได้ยินคำอธิบายลึกซึ้งของจิเอะดังนั้น คานาเอะก็ถึงกับอึ้ง มองจิเอะใหม่ขึ้นมาแว่บนึงจากที่เคยดูถูกว่าเป็นแค่สัตว์ฟันแทะไร้ความรับผิดชอบ

- คานาเอะถามจิเอะว่าทำไมถึงยึดติดกับนักชิมแบบนั้น จิเอะก็ตอบว่าตัวเธอนั้นเห็นแบบนี้แต่จริงๆ แล้วกลัวตายเป็นที่สุด ดังนั้นจึงต้องทำทุกเวลาของตัวเองให้เป็นช่วงเวลาที่ "ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต" จิเอะจึงพยายามหาอะไรสนุกๆ มาเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา และสำหรับจิเอะ นักชิมก็คือส่วนหนึ่งในความสนุกสนานนั้น




- ได้ฟังความรู้สึกในใจของจิเอะแบบนั้น คานาเอะจึงตกลงทำตามแผนของจิเอะโดยไม่สงสัยอะไรอีก และถามว่าตัวเขาต้องทำอะไรบ้าง

- จิเอะก็หยิบเอาซองจดหมายเขียนหมายเลขตั้งแต่ 1 - 6 ออกมาวางต่อหน้าคานาเอะ 6 ซอง แล้วบอกคานาเอะให้เอาภาพถ่ายในซองนั้นให้นักชิมดู โดยจะให้ดูภาพไหนนั้นจิเอะจะเป็นคนบอกเอง

- จิเอะ "ฉันอยากให้คานาเอะคุงช่วยทสึกิยามะคุง ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรก็ตาม รับปากฉันได้มั้ยว่าจะเคารพ "เจตจำนงของทสึกิยามะคุง" เป็นอันดับแรกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารับปากได้ ก็เอาภาพในซองหมายเลข 1 ไปให้ทสึกิยามะคุงดูได้เลย"


- ฉากตัดอีกครั้ง กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลทสึกิยามะ คานาเอะเอาภาพในซองหมายเลข 1 ที่ได้จากจิเอะให้นักชิมดู

- โดยภาพในซองนั้นคือภาพของไฮเสะแบบเห็นหน้าชัดๆ เต็มตา

- ทันทีที่เห็นภาพไฮเสะ นักชิมก็ตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะหันไปบอกคานาเอะให้เล่ารายละเอียดทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้










ถือเป็นตอนที่คุยกันยาวโคตรๆ เลยแฮะ แถมช่วงไอ้ตากบยังเป็นศัพท์เทคนิคซะเยอะจนอ่านแล้วงงอีก ถ้าพลาดตรงไหนไปก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ

เรื่องโยริโกะนี่ท่าจะมีแนวโน้มให้ลากตัวไฮเสะมาจ๊ะเอ๋กับโยริโกะผ่านทางทางทาเคโอมิได้แล้วแฮะ อุตส่าห์ชวนกันโต้งๆ ให้แวะมาอีกแบบนั้น เกิดมาพร้อมกับไฮเสะด้วยนี่สงสัยได้เห็นอะไรสนุกๆ แน่

ส่วนไอ้ครูหน้าบากนั่น...เห็นประวัติแว่บแรกผมนึกขึ้นมาเลยแฮะว่า "ไอ้เวรตัวนี้นี่เอง" ต้นตอแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดที่เกิดกับทั้งคาเนกิทั้งจูโซ อยากเห็นมันโดนจัดหนักแบบตายโหดๆ จริงแฮะ (เผลอๆ อาจมีคดีกับมุทสึกิอีกคนด้วย ฟังจากที่มันพูดถึงชื่อมุทสึกิขึ้นมาแบบนั้นแล้ว)

และสุดท้ายนี้...ในที่สุดข่าวเรื่องไฮเสะก็ไปถึงหูนักชิมจนได้ แบบนี้คงอีกไม่นานแล้วที่เราจะได้เห็นนักชิมกลับมาออกลีลาแฟบูลัสอีกครั้ง

แต่จะเมื่อไหร่คงต้องรอดูกันต่อไปละครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่