หลายคนอาจจะเคยไปเที่ยวต่างประเทศ โดยใช้วันหยุดหลายวัน แต่ทริปนี้ ผมใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น โดยใช้ค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด 1285 บาท โดยมีผู้ร่วมทริปอีก 2 คน โดยค่าใช้จ่าย (คนเดียว) มีดังนี้
ค่าอาหารมื้อเช้า 40 บาท (ไก่ย่างเขาสวนกวางและข้าวเหนียว)
ค่าอาบน้ำ 10 บาท (ที่สถานีรถไฟหนองคาย)
ค่ารถจากสถานีรถไฟไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 30 บาท
ค่ารถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 20 บาท
ค่าผ่านแดน 50 บาท (ความจริง 48 บาท แต่คิดเป็นเลขกลม)
ค่าใช้จ่ายในลาว 360 บาท (รวมค่ารถจากเวียงจันทน์ไปอุดรธานี ค่าอาหารกลางวัน ค่าเครื่องดื่ม ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว)
ค่าอาหารมื้อเย็น 80 บาท
ค่ารถแท็กซี่จากสถานีรถไฟไปสนามบิน 150 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air จากอุดรธานี มา ดอนเมือง 545 บาท
รวม 1285 บาท
ในการเดินทางขาไปนั้น ผมเลือกการเดินทางด้วยขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพ - หนองคาย ซึ่งเป็นรถไฟฟรีเพื่อประชาชน โดยผมเดินทางในคืนวันศุกร์ ซึ่งผมนั้นรอการโดยสารที่สถานีชุมทางบางซื่อ ซึ่งตามเวลารถจะออกจากสถานีชุมทางบางซื่อ 21.06 น. และถึงสถานีหนองคายในเวลา 08.35 น.
บรรยากาศภายในขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นรถไฟชั้น 3 ในตอนกลางคืน
และหลังจากนั้น ผมก็ได้พักผ่อน จนตื่นมาอีกที ขบวนรถก็เข้าสู่สถานีบ้านไผ่ ซึ่งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแล้ว
พอถึงสถานีเขาสวนกวาง ก็ได้มีแม่ค้าขึ้นมาขาย "ไก่ย่างเขาสวนกวาง" ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ในราคาไม้ละ 100 บาท ซึ่งหากรับประทานคนเดียว ไม่หมดแน่ เลยต้องซื้อมาเพียงแค่ 1 ไม้แล้วหารกันครับ
ขบวนรถก็ได้เข้าสู่สถานีกุมภวาปี ซึ่งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
บรรยากาศในขบวนรถตอนเช้าๆ
ขบวนรถเข้าสู่สถานีนาพู่ ซึ่งเป็นสถานีที่ใหม่ล่าสุดในบรรดาสถานีรถไฟทั่วประเทศไทย
และขบวนรถก็ได้เข้ามาถึงสถานีปลายทางหนองคายเรียบร้อย (ล่าช้าจากกำหนดเวลาเดิม 1 ชั่วโมง เพราะมีการปรับปรุงทาง)
หลังจากนั้นก็ปฏิบัติภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ และนั่งรถสามล้อไปยังสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ด้วยค่ารถคนละ 30 บาท
มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย แล้วก็ทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ตอนนี้ก็เข้ามาสู่ฝั่งประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ก็ทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง โดยเสียค่าผ่านแดนคนละ 48 บาท เนื่องจากเป็นวันหยุด
หลังจากนั้น ก็เดินมาขึ้นรถโดยสารประจำทาง เพื่อเข้าสู่ท่ารถตลาดเช้า ราคาคนละ 25 บาท ซึ่งเป็นรถปรับอากาศ
ภายในรถเป็นแบบนี้
หลังจากนั้น ผมก็ได้มารับประทานอาหารกลางวัน นั่นก็คือ เฝ๋อ
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ในเวียงจันทน์
และก็ได้มานั่งพักให้หายร้อนที่ร้านกาแฟ
และหลังจากนั้นก็เดินต่อ
ตอนนี้ก็เดินมาที่พิพิธภัณฑ์สีสะเกด ค่าเข้าชมคนละ 5000 กีบ ซึ่ง วัดสีสะเกด (Wat Sisaket) หรือวัดสะตะสะหัสสาราม (วัดแสน) เป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในนครเวียงจันทน์ สตสหัสส แปลว่า 100,000, อาราม แปลว่า วัด, วัดสตสหัสสาราม จึงแปลว่า วัดแสน ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ลาว) ศักดิ์ของวัดนี้เทียบเท่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ฯ ท่าเตียน ของไทย) เหตุที่ชื่อวัดแสนก็เพราะว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนชาวลาวในอดีต ทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ทั่ววัด 100,000 องค์ ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นว่าวัดแสน แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าองค์เท่านั้น ไกด์บางคนบอกว่ามี 6,000 กว่าองค์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วัดนี้ก็มียังมีพระพุทธรูปมากที่สุดในนครหลวงเวียงจันทน์
และหลังจากนั้น ก็เดินจากวัดสีสะเกดไปยังประตูไชย
ประตูชัย สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของปวงชนลาว พ้นจากการเป็นเมืองขึ้น โดยเลียนแบบ ประตูชัย ปารีส แต่ใช้ศิลปะลาว
ค่าขึ้นไปชมวิวบนประตูชัย คนละ 3000 กีบ
มุมมองจากด้านบน
ระหว่างทางขึ้นหรือลง จะมีร้านขายของทีระลึกด้วย
ด้านใต้ของประตูชัย
อาคารรัฐสภาลาว
น้ำพุหน้าประตูชัย
จริงๆ แล้ว ผมมีแผนจะไปอีกที่นึง นั่นก็คือ พระธาตุหลวง แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ ทำให้ต้องตัดสินใจไม่ไป และเดินกลับไปยังห้างตลาดเช้า
ตู้ไปรษณีย์
ได้เดินทางกลับมายังห้างตลาดเช้าเรียบร้อยแล้ว และก็อยู่ที่นี่ จนกว่าจะถึงเวลา 16.00 น. ซึ่งผมได้ซื้อตั๋วรถประจำทางจากเวียงจันทน์ไปยังอุดรธานีเที่ยวเวลา 16.30 น.
ตารางเวลาเดินรถจากเวียงจันทน์ไปอุดรธานี และจากเวียงจันทน์ไปหนองคาย
ตารางเวลาเดินรถจากเวียงจันทร์ไปยังกรุงเทพมหานคร และจากเวียงจันทน์ไปขอนแก่น
ซื้อตั๋วโดยสารเรียบร้อย คนละ 22000 กีบ จากเวียงจันทน์ไปยังจังหวัดอุดรธานี
รถประจำทางได้มาจอดรอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และหลังจากนั้นผมและสมาชิกที่เหลือก็ได้หลับพักผ่อน จนมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็ทำพิธีเหมือนขามาตามปกติ และก็เข้าสู่จังหวัดหนองคาย
ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวอีกครั้ง
ตอนนี้พวกเราก็ได้มาถึงจังหวัดอุดรธานีเรียบร้อย จึงได้หาอะไรรับประทานเป็นอาหารมื้อเย็น
ตัวเมืองอุดรธานียามค่ำคืน
และหลังจากนั้น ผมก็เดินมาที่สถานีรถไฟอุดรธานี เพื่อส่งสมาชิกที่ร่วมทริป ไปกับขบวนรถด่วนที่ 70
หลังจากนั้นผมก็เดินกลับไปยังศูนย์ท่ารถ เพื่อหารถแท็กซี่เข้าไปที่สนามบิน ซึ่งไฟท์บินผมออกจากอุดรธานีตอน 22.00 น. ระหว่างทางก็ถ่ายรูปเซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี
ตอนนี้ก็ได้มาถึงสนามบินอุดรธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และนี่คือไฟท์บินของผม ซึ่งไฟท์นี้ จองได้ในราคา 545 บาท
คนเยอะพอสมควรเหมือนกัน
ไฟท์บินที่ SL8611 จากอุดรธานี ไปยังสนามบินดอนเมือง พร้อมที่จะให้บริการแล้วครับ
มีฝนตกลงมาก่อนที่เครื่องจะ take off ที่สนามบินอุดรธานี
และก็ได้มาถึงสนามบินดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อย ในเวลา 23.25 น. ตามเวลาในตั๋วเลยครับ แต่มีดีเลย์ตอนออกจากสนามบินอุดรธานี 35 นาที เป็นอันว่าจบทริปการเดินทางเรียบร้อย แถมวันรุ่งขึ้นก็ได้มีเวลาพักผ่อนเต็มที่อีก 1 วันด้วย
[CR] ทริปเที่ยวเวียงจันทน์ เมืองหลวง ส.ป.ป.ลาว ในวันหยุดสุดสัปดาห์วันเดียว กับเงิน 1285 บาท
ค่าอาหารมื้อเช้า 40 บาท (ไก่ย่างเขาสวนกวางและข้าวเหนียว)
ค่าอาบน้ำ 10 บาท (ที่สถานีรถไฟหนองคาย)
ค่ารถจากสถานีรถไฟไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 30 บาท
ค่ารถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 20 บาท
ค่าผ่านแดน 50 บาท (ความจริง 48 บาท แต่คิดเป็นเลขกลม)
ค่าใช้จ่ายในลาว 360 บาท (รวมค่ารถจากเวียงจันทน์ไปอุดรธานี ค่าอาหารกลางวัน ค่าเครื่องดื่ม ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว)
ค่าอาหารมื้อเย็น 80 บาท
ค่ารถแท็กซี่จากสถานีรถไฟไปสนามบิน 150 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air จากอุดรธานี มา ดอนเมือง 545 บาท
รวม 1285 บาท
ในการเดินทางขาไปนั้น ผมเลือกการเดินทางด้วยขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพ - หนองคาย ซึ่งเป็นรถไฟฟรีเพื่อประชาชน โดยผมเดินทางในคืนวันศุกร์ ซึ่งผมนั้นรอการโดยสารที่สถานีชุมทางบางซื่อ ซึ่งตามเวลารถจะออกจากสถานีชุมทางบางซื่อ 21.06 น. และถึงสถานีหนองคายในเวลา 08.35 น.
บรรยากาศภายในขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นรถไฟชั้น 3 ในตอนกลางคืน
และหลังจากนั้น ผมก็ได้พักผ่อน จนตื่นมาอีกที ขบวนรถก็เข้าสู่สถานีบ้านไผ่ ซึ่งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแล้ว
พอถึงสถานีเขาสวนกวาง ก็ได้มีแม่ค้าขึ้นมาขาย "ไก่ย่างเขาสวนกวาง" ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ในราคาไม้ละ 100 บาท ซึ่งหากรับประทานคนเดียว ไม่หมดแน่ เลยต้องซื้อมาเพียงแค่ 1 ไม้แล้วหารกันครับ
ขบวนรถก็ได้เข้าสู่สถานีกุมภวาปี ซึ่งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
บรรยากาศในขบวนรถตอนเช้าๆ
ขบวนรถเข้าสู่สถานีนาพู่ ซึ่งเป็นสถานีที่ใหม่ล่าสุดในบรรดาสถานีรถไฟทั่วประเทศไทย
และขบวนรถก็ได้เข้ามาถึงสถานีปลายทางหนองคายเรียบร้อย (ล่าช้าจากกำหนดเวลาเดิม 1 ชั่วโมง เพราะมีการปรับปรุงทาง)
หลังจากนั้นก็ปฏิบัติภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ และนั่งรถสามล้อไปยังสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ด้วยค่ารถคนละ 30 บาท
มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย แล้วก็ทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ตอนนี้ก็เข้ามาสู่ฝั่งประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ก็ทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง โดยเสียค่าผ่านแดนคนละ 48 บาท เนื่องจากเป็นวันหยุด
หลังจากนั้น ก็เดินมาขึ้นรถโดยสารประจำทาง เพื่อเข้าสู่ท่ารถตลาดเช้า ราคาคนละ 25 บาท ซึ่งเป็นรถปรับอากาศ
ภายในรถเป็นแบบนี้
หลังจากนั้น ผมก็ได้มารับประทานอาหารกลางวัน นั่นก็คือ เฝ๋อ
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ในเวียงจันทน์
และก็ได้มานั่งพักให้หายร้อนที่ร้านกาแฟ
และหลังจากนั้นก็เดินต่อ
ตอนนี้ก็เดินมาที่พิพิธภัณฑ์สีสะเกด ค่าเข้าชมคนละ 5000 กีบ ซึ่ง วัดสีสะเกด (Wat Sisaket) หรือวัดสะตะสะหัสสาราม (วัดแสน) เป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในนครเวียงจันทน์ สตสหัสส แปลว่า 100,000, อาราม แปลว่า วัด, วัดสตสหัสสาราม จึงแปลว่า วัดแสน ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ลาว) ศักดิ์ของวัดนี้เทียบเท่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ฯ ท่าเตียน ของไทย) เหตุที่ชื่อวัดแสนก็เพราะว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนชาวลาวในอดีต ทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ทั่ววัด 100,000 องค์ ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นว่าวัดแสน แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าองค์เท่านั้น ไกด์บางคนบอกว่ามี 6,000 กว่าองค์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วัดนี้ก็มียังมีพระพุทธรูปมากที่สุดในนครหลวงเวียงจันทน์
และหลังจากนั้น ก็เดินจากวัดสีสะเกดไปยังประตูไชย
ประตูชัย สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของปวงชนลาว พ้นจากการเป็นเมืองขึ้น โดยเลียนแบบ ประตูชัย ปารีส แต่ใช้ศิลปะลาว
ค่าขึ้นไปชมวิวบนประตูชัย คนละ 3000 กีบ
มุมมองจากด้านบน
ระหว่างทางขึ้นหรือลง จะมีร้านขายของทีระลึกด้วย
ด้านใต้ของประตูชัย
อาคารรัฐสภาลาว
น้ำพุหน้าประตูชัย
จริงๆ แล้ว ผมมีแผนจะไปอีกที่นึง นั่นก็คือ พระธาตุหลวง แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ ทำให้ต้องตัดสินใจไม่ไป และเดินกลับไปยังห้างตลาดเช้า
ตู้ไปรษณีย์
ได้เดินทางกลับมายังห้างตลาดเช้าเรียบร้อยแล้ว และก็อยู่ที่นี่ จนกว่าจะถึงเวลา 16.00 น. ซึ่งผมได้ซื้อตั๋วรถประจำทางจากเวียงจันทน์ไปยังอุดรธานีเที่ยวเวลา 16.30 น.
ตารางเวลาเดินรถจากเวียงจันทน์ไปอุดรธานี และจากเวียงจันทน์ไปหนองคาย
ตารางเวลาเดินรถจากเวียงจันทร์ไปยังกรุงเทพมหานคร และจากเวียงจันทน์ไปขอนแก่น
ซื้อตั๋วโดยสารเรียบร้อย คนละ 22000 กีบ จากเวียงจันทน์ไปยังจังหวัดอุดรธานี
รถประจำทางได้มาจอดรอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และหลังจากนั้นผมและสมาชิกที่เหลือก็ได้หลับพักผ่อน จนมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็ทำพิธีเหมือนขามาตามปกติ และก็เข้าสู่จังหวัดหนองคาย
ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวอีกครั้ง
ตอนนี้พวกเราก็ได้มาถึงจังหวัดอุดรธานีเรียบร้อย จึงได้หาอะไรรับประทานเป็นอาหารมื้อเย็น
ตัวเมืองอุดรธานียามค่ำคืน
และหลังจากนั้น ผมก็เดินมาที่สถานีรถไฟอุดรธานี เพื่อส่งสมาชิกที่ร่วมทริป ไปกับขบวนรถด่วนที่ 70
หลังจากนั้นผมก็เดินกลับไปยังศูนย์ท่ารถ เพื่อหารถแท็กซี่เข้าไปที่สนามบิน ซึ่งไฟท์บินผมออกจากอุดรธานีตอน 22.00 น. ระหว่างทางก็ถ่ายรูปเซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี
ตอนนี้ก็ได้มาถึงสนามบินอุดรธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และนี่คือไฟท์บินของผม ซึ่งไฟท์นี้ จองได้ในราคา 545 บาท
คนเยอะพอสมควรเหมือนกัน
ไฟท์บินที่ SL8611 จากอุดรธานี ไปยังสนามบินดอนเมือง พร้อมที่จะให้บริการแล้วครับ
มีฝนตกลงมาก่อนที่เครื่องจะ take off ที่สนามบินอุดรธานี
และก็ได้มาถึงสนามบินดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อย ในเวลา 23.25 น. ตามเวลาในตั๋วเลยครับ แต่มีดีเลย์ตอนออกจากสนามบินอุดรธานี 35 นาที เป็นอันว่าจบทริปการเดินทางเรียบร้อย แถมวันรุ่งขึ้นก็ได้มีเวลาพักผ่อนเต็มที่อีก 1 วันด้วย