ช่วงหลังจะเห็นว่ามีแนวๆ นักเตะที่เหลือสัญญาปีเดียว แล้วสโมสรก็ปล่อยคาราคาซัง จบไม่ลง ลากยาวมาจนเกือบจะครบสัญญา แล้วนักเตะก็ใช้เป็นข้อต่อรองในการอัพค่าเหนื่อยแบบสูงๆบ้าง บีบขอย้ายทีมไปในตัวบ้าง แล้วถ้ายอมปล่อย ค่าตัวที่สโมสรอาจไม่ได้สมน้ำสมเนื้อเท่าไร เพราะทีมอื่นที่อยากได้ เสนอมาค่าตัวประเมินแล้วอาจไม่เยอะตามที่ต้องการ แต่เมื่อตัวนักเตะอยากไป ก็คงต้องยอมรับเงินก้อนนั้น แต่หากสโมสรปฏิเสธไม่ขาย ก็ส่งผลเสีย เพราะนักเตะอาจจะไม่ต่อสัญญาด้วย แล้วสามารถย้ายทีมไปไหนก็ได้แบบไร้ค่าตัวในปีถัดไป ซึ่งก็จะไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ไม่พูดถึงกฏบอสแมนนะครับ ที่นักเตะเป็นอิสระจากสโมสรโดยไม่มีเงื่อนไข
อย่างในเคสที่ว่าขอยกดีล โทนี่ โครส กับ บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ สักหน่อย คือส่วนตัวเป็นแฟนบาเยิร์น ก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า ช่วงที่สัญญานักเตะใกล้หมด บอร์ดบริหารเขาตั้งใจไม่ต่อโดยตรงหรือพยายามต่อแล้ว แต่นักเตะไม่เอาด้วย เข้าใจว่าส่วนนี้ ณ ตอนนั้น นักเตะถือไพ่เหนือกว่าแล้วล่ะ สัญญาจะหมดลงเร็ววัน แต่ยังไม่ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่เลย ตัวนักเตะ เอเย่นเองก็อัพค่าเหนื่อยกันมหาศาล สโมสรก็มองว่ามันมากไป สุดท้ายก็เลยต้องขายกับสัญญาที่เหลือปีสุดท้าย คือถ้าจะแพลนสร้างทีมไปเรื่อยๆ ก็เซ็นสัญญายาวๆ ไปเลยตั้งแต่ตอนโน้นก่อนหน้านั้น ก่อนที่สัญญาจะเหลือเพียงน้อยนิด อาจใส่ release cause เข้าไปด้วย เผื่อนักเตะอยากจะย้ายทีมแต่ต้องจ่ายเท่านี้นะ เหมือนที่บาเยิร์นไปดึงเกิ๊ตเซ่มาจากดอร์ทมุนด์
ทั้งโครสและชไวนี่ ต่างเหลือสัญญาปีเดียว ปีก่อนโน้นเป็นโครสที่ย้ายไปมาดริด เขาต้องการอัพเลเวล ประกอบกับทีมในฝัน ก็โอเคนะ เค้าได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะมากหลายเท่า แต่ค่าตัวจริงๆน่าจะได้มากกว่านั้นสักหน่อย แฟนๆ หลายคนก็เสียดาย อายุยังน้อย พัฒนาได้อีกเยอะ ความหวังยาวๆ ส่วนปีนี้เป็นชไวนี่บ้าง รายนี้อายุเยอะกว่าโครส ค่าตัวก็อาจจะราวๆนี้ได้นะ แต่ในฐานะลูกหม้อของทีม แฟนๆก็คิดว่าจะแขวนที่บ้านเกิด สุดท้ายไม่ใช่ มีทีมในฝันคือแมนยูซะงั้น ก็ย้ายข้ามมาอังกฤษซะเลย แฟนๆอกหักกันเป็นแถบเพราะตอนนั้นแววว่าจะต่อสัญญากับทีมก็ยังมีโอกาสอยู่ บอร์ดบริหารก็ยื่นไปให้แล้ว ไม่ต่อสักที เสียดายแต่ไม่เสียใจนะ ออกจะงงๆ กับบอร์ดบริหารที่ปล่อยให้สัญญามันเหลือปีสุดท้ายได้ยังไง แต่สโมสรก็แถลงขอบคุณชไวนี่คงจากกันด้วยดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ลึกตื้น หนาบางของทีมเท่าไร เอาเป็นว่าเชียร์ต่อไป
ปล. แต่แอบเสียใจกับบทสัมภาษณ์ล่าสุดของชไวนี่นิดหน่อย จากไปไม่ทันไร เปลี่ยนไปอย่างคนละคนเลยนะเนี่ย
สงสัยว่าทำไมถึงไม่รีบต่อสัญญานักเตะออกไป หลังๆ เห็นนักเตะในทีมเหลือสัญญาปีเดียวแล้วโดนเตะถ่วงอัพค่าเหนื่อย ขอย้ายทีม??
อย่างในเคสที่ว่าขอยกดีล โทนี่ โครส กับ บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ สักหน่อย คือส่วนตัวเป็นแฟนบาเยิร์น ก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า ช่วงที่สัญญานักเตะใกล้หมด บอร์ดบริหารเขาตั้งใจไม่ต่อโดยตรงหรือพยายามต่อแล้ว แต่นักเตะไม่เอาด้วย เข้าใจว่าส่วนนี้ ณ ตอนนั้น นักเตะถือไพ่เหนือกว่าแล้วล่ะ สัญญาจะหมดลงเร็ววัน แต่ยังไม่ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่เลย ตัวนักเตะ เอเย่นเองก็อัพค่าเหนื่อยกันมหาศาล สโมสรก็มองว่ามันมากไป สุดท้ายก็เลยต้องขายกับสัญญาที่เหลือปีสุดท้าย คือถ้าจะแพลนสร้างทีมไปเรื่อยๆ ก็เซ็นสัญญายาวๆ ไปเลยตั้งแต่ตอนโน้นก่อนหน้านั้น ก่อนที่สัญญาจะเหลือเพียงน้อยนิด อาจใส่ release cause เข้าไปด้วย เผื่อนักเตะอยากจะย้ายทีมแต่ต้องจ่ายเท่านี้นะ เหมือนที่บาเยิร์นไปดึงเกิ๊ตเซ่มาจากดอร์ทมุนด์
ทั้งโครสและชไวนี่ ต่างเหลือสัญญาปีเดียว ปีก่อนโน้นเป็นโครสที่ย้ายไปมาดริด เขาต้องการอัพเลเวล ประกอบกับทีมในฝัน ก็โอเคนะ เค้าได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะมากหลายเท่า แต่ค่าตัวจริงๆน่าจะได้มากกว่านั้นสักหน่อย แฟนๆ หลายคนก็เสียดาย อายุยังน้อย พัฒนาได้อีกเยอะ ความหวังยาวๆ ส่วนปีนี้เป็นชไวนี่บ้าง รายนี้อายุเยอะกว่าโครส ค่าตัวก็อาจจะราวๆนี้ได้นะ แต่ในฐานะลูกหม้อของทีม แฟนๆก็คิดว่าจะแขวนที่บ้านเกิด สุดท้ายไม่ใช่ มีทีมในฝันคือแมนยูซะงั้น ก็ย้ายข้ามมาอังกฤษซะเลย แฟนๆอกหักกันเป็นแถบเพราะตอนนั้นแววว่าจะต่อสัญญากับทีมก็ยังมีโอกาสอยู่ บอร์ดบริหารก็ยื่นไปให้แล้ว ไม่ต่อสักที เสียดายแต่ไม่เสียใจนะ ออกจะงงๆ กับบอร์ดบริหารที่ปล่อยให้สัญญามันเหลือปีสุดท้ายได้ยังไง แต่สโมสรก็แถลงขอบคุณชไวนี่คงจากกันด้วยดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ลึกตื้น หนาบางของทีมเท่าไร เอาเป็นว่าเชียร์ต่อไป
ปล. แต่แอบเสียใจกับบทสัมภาษณ์ล่าสุดของชไวนี่นิดหน่อย จากไปไม่ทันไร เปลี่ยนไปอย่างคนละคนเลยนะเนี่ย