บทความผมเอามาจากเฟสของนักธุรกิจคนนึงนะครับ ไม่ใช่กระผมเน้ออ เป็นเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจในมุมมองของเค้า คิดว่าคงมีประโยชน์ และทำให้ทุกคนรู้จักระวังกันมากขึ้นนะครับ ขออนุญาติ Copy ของพี่เค้านำมาแปะให้อ่านกันนะครับ ตามนี้เลยครับ.
"ความเห็น(ส่วนตัว)น่ะครับ...ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ แต่ขอให้เพื่อนๆทุกคนที่อ่านบทความนี้ระมัดระวังให้มากที่สุด"
ผมมั่นใจว่า "วิกฤติเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นแล้ว และจะชัดเจนขึ้นประมาณ 4-6 เดือนข้างหน้า (โดยส่วนตัวมั่นใจว่าวิกฤติครั้งนี้ลูกใหญ่มาก) หากใครได้ติดตามข่าวบ้าง ผมมั่นใจว่าในขณะนี้คุณกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
วิกฤติครั้งนี้! ทำให้ผมนึกถึง ปี 40 มีข่าวคนฆ่าตัวตายรายวัน ส่วนครอบครัวผมนั้นหมดเกือบทุกอย่างครับ ตอนนั้นทุกอย่างเปลี่ยนไปมากราวฟ้ากับเหว เราตกอยู่ในสถานะการณ์นั้นอยู่หลายปี และผมจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก...
สิ่งที่ผมพูดได้ในตอนนี้คือ ผมอยากให้เพื่อนๆทุกคนระมัดระวังการใช้จ่ายให้มากครับ อย่าเพิ่งสร้างหนี้ หรือเพิ่มภาระใดๆ ( ในส่วนตรงนี้! หากคุณยื่นขอสินเชื่อต่างๆแล้วไม่ผ่าน "ไม่ต้องแปลกใจน่ะครับ" เพราะตอนนี้ทุกธนาคารค่อนข้างเข้มงวดมากครับ
หากใครมีเงินสดสำรองอยู่บ้าง? คุณโชคดีมากครับ เพราะในขณะนี้จะเห็นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ บ้าน,ที่ดิน,คอนโด คลายออกมาเยอะมาก "เรียกว่ามีแต่ผู้ขาย แต่ไม่มีผู้ซื้อ" เพราะทุกคนต้องการจะกำเงินสด ที่มีสภาพคล่องสูงสุด...
หากใครกำลังตกงาน หรือมีแน้วโน้มจะตกงานจากนโยบายปลดพนักงานจากองค์กรของคุณ "อย่าเพิ่งท้อน่ะครับ" ลองหาอย่างอื่นทำดู ตรงนี้ผมนึกถึง "ตลาดนัดต่างๆ ซึ่งเฟื่องฟูมากช่วงปี 40" ลองไปหาประสบการณ์ดู เพราะผมก็เคยทำครับ...
หากใครปิดกิจการลงแล้ว หรือมีแนวโน้มจะปิดกิจการลง ผมรู้ว่าคุณสู้ถึงที่สุดแล้ว "เป็นกำลังใจให้" หาทางออกให้ดีและรวดเร็วที่สุดน่ะครับ ขอให้รับรู้ว่าไม่ใช่คุณคนเดียว เพราะมีผู้คนอีกมากมายที่ตกอยู่ในสถานะการณ์นี้ในตอนนี้ และปลายปีนี้คงมีบทสรุปได้อย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะธุรกิจระดับ SME ที่สายป่านไม่ยาวพอ...
สุดท้าย! ผมคงยังไม่สามารถลงรายละเอียดต่างๆได้มาก แต่ขอให้เพื่อนๆเตรียมรับมืออย่างมีสติน่ะครับ! ขอให้ทุกคนผ่านไปได้ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าไปน้อยใจเพื่อนหรือคนใกล้ตัว หากหยิบยืมใครแล้วเค้าไม่ให้ เพราะตอนนี้ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งนั้นครับ" ผมเป็นกำลังใจให้ครับ...
และมี คห.จากพี่เขาเพิ่มเติมคือ..
(เพิ่มเติมครับ) ที่ผมแจ้งว่าไม่สามารถลงรายเอียดต่างๆได้มากนัก เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมเป็นเพียงนักธุรกิจคนนึง ที่มีอายุงานแค่ 8 ปีเองด้วยซํ้า แต่ผมใช้ความรู้สึก และติดตามสถานะการณ์ รวมถึงประสบการณ์ที่เรียนรู้จากยุคคุณพ่อ "ครอบครัวเราล้มละลาย และมีหนี้สินเกือบ 60 ล้านบาทครับ" มันหนักมาก และผมจำได้ว่าพ่อผมดูซึมเศร้า จนคุณแม่กลัวว่าคุณพ่อจะฆ่าตัวตาย เพราะเราหมดเกือบทุกอย่าง...
ผมจึงชอบศึกษาเรื่องพวกนี้มาก และไม่อยากให้ใครต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้น สิ่งที่ทำได้คือ บอกเพื่อนและคนรอบข้างให้ระมัดระวังและมีสติมากที่สุด เพราะกำลังจะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ขึ้น และจะใช้เวลาพอสมควรครับ ซึ่งก็อยู่ที่เค้าจะเชื่อผมหรือไม่ แต่มันคือเจตนาอันดีของผม ที่อยากให้เตรียมรับมือ...
วิธีที่เราสามารถทำได้ คือ ระมัดระวังการใช้จ่าย , งดสร้างหนี้ทุกอย่าง อะไรชะลอได้ ชะลอออกไปก่อน ( ตรงนี้ใช้สติมากๆอย่าให้กิเลสนำทางครับ...ผมจะถือคติเดิมครับ! ใครมีปล่อยเค้าไปก่อน เราพร้อมค่อยมีก็ไม่สาย ) และสำคัญที่สุดสำรองเงินสดให้มาก (มันคือทรัพย์สินที่สภาพคล่องสูงสุด) รวมถึงวางแผนการใช้เงินให้รอบคอบที่สุด อย่างน้อย 1-2 ปี นับจากปลายปีนี้ครับ...
วิกฤติครั้งนี้! ทำให้ผมนึกถึง ปี 40 มีข่าวคนฆ่าตัวตายรายวัน ส่วนครอบครัวผมนั้นหมดเกือบทุกอย่างครับ...
"ความเห็น(ส่วนตัว)น่ะครับ...ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ แต่ขอให้เพื่อนๆทุกคนที่อ่านบทความนี้ระมัดระวังให้มากที่สุด"
ผมมั่นใจว่า "วิกฤติเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นแล้ว และจะชัดเจนขึ้นประมาณ 4-6 เดือนข้างหน้า (โดยส่วนตัวมั่นใจว่าวิกฤติครั้งนี้ลูกใหญ่มาก) หากใครได้ติดตามข่าวบ้าง ผมมั่นใจว่าในขณะนี้คุณกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
วิกฤติครั้งนี้! ทำให้ผมนึกถึง ปี 40 มีข่าวคนฆ่าตัวตายรายวัน ส่วนครอบครัวผมนั้นหมดเกือบทุกอย่างครับ ตอนนั้นทุกอย่างเปลี่ยนไปมากราวฟ้ากับเหว เราตกอยู่ในสถานะการณ์นั้นอยู่หลายปี และผมจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก...
สิ่งที่ผมพูดได้ในตอนนี้คือ ผมอยากให้เพื่อนๆทุกคนระมัดระวังการใช้จ่ายให้มากครับ อย่าเพิ่งสร้างหนี้ หรือเพิ่มภาระใดๆ ( ในส่วนตรงนี้! หากคุณยื่นขอสินเชื่อต่างๆแล้วไม่ผ่าน "ไม่ต้องแปลกใจน่ะครับ" เพราะตอนนี้ทุกธนาคารค่อนข้างเข้มงวดมากครับ
หากใครมีเงินสดสำรองอยู่บ้าง? คุณโชคดีมากครับ เพราะในขณะนี้จะเห็นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ บ้าน,ที่ดิน,คอนโด คลายออกมาเยอะมาก "เรียกว่ามีแต่ผู้ขาย แต่ไม่มีผู้ซื้อ" เพราะทุกคนต้องการจะกำเงินสด ที่มีสภาพคล่องสูงสุด...
หากใครกำลังตกงาน หรือมีแน้วโน้มจะตกงานจากนโยบายปลดพนักงานจากองค์กรของคุณ "อย่าเพิ่งท้อน่ะครับ" ลองหาอย่างอื่นทำดู ตรงนี้ผมนึกถึง "ตลาดนัดต่างๆ ซึ่งเฟื่องฟูมากช่วงปี 40" ลองไปหาประสบการณ์ดู เพราะผมก็เคยทำครับ...
หากใครปิดกิจการลงแล้ว หรือมีแนวโน้มจะปิดกิจการลง ผมรู้ว่าคุณสู้ถึงที่สุดแล้ว "เป็นกำลังใจให้" หาทางออกให้ดีและรวดเร็วที่สุดน่ะครับ ขอให้รับรู้ว่าไม่ใช่คุณคนเดียว เพราะมีผู้คนอีกมากมายที่ตกอยู่ในสถานะการณ์นี้ในตอนนี้ และปลายปีนี้คงมีบทสรุปได้อย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะธุรกิจระดับ SME ที่สายป่านไม่ยาวพอ...
สุดท้าย! ผมคงยังไม่สามารถลงรายละเอียดต่างๆได้มาก แต่ขอให้เพื่อนๆเตรียมรับมืออย่างมีสติน่ะครับ! ขอให้ทุกคนผ่านไปได้ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าไปน้อยใจเพื่อนหรือคนใกล้ตัว หากหยิบยืมใครแล้วเค้าไม่ให้ เพราะตอนนี้ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งนั้นครับ" ผมเป็นกำลังใจให้ครับ...
และมี คห.จากพี่เขาเพิ่มเติมคือ..
(เพิ่มเติมครับ) ที่ผมแจ้งว่าไม่สามารถลงรายเอียดต่างๆได้มากนัก เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมเป็นเพียงนักธุรกิจคนนึง ที่มีอายุงานแค่ 8 ปีเองด้วยซํ้า แต่ผมใช้ความรู้สึก และติดตามสถานะการณ์ รวมถึงประสบการณ์ที่เรียนรู้จากยุคคุณพ่อ "ครอบครัวเราล้มละลาย และมีหนี้สินเกือบ 60 ล้านบาทครับ" มันหนักมาก และผมจำได้ว่าพ่อผมดูซึมเศร้า จนคุณแม่กลัวว่าคุณพ่อจะฆ่าตัวตาย เพราะเราหมดเกือบทุกอย่าง...
ผมจึงชอบศึกษาเรื่องพวกนี้มาก และไม่อยากให้ใครต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้น สิ่งที่ทำได้คือ บอกเพื่อนและคนรอบข้างให้ระมัดระวังและมีสติมากที่สุด เพราะกำลังจะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ขึ้น และจะใช้เวลาพอสมควรครับ ซึ่งก็อยู่ที่เค้าจะเชื่อผมหรือไม่ แต่มันคือเจตนาอันดีของผม ที่อยากให้เตรียมรับมือ...
วิธีที่เราสามารถทำได้ คือ ระมัดระวังการใช้จ่าย , งดสร้างหนี้ทุกอย่าง อะไรชะลอได้ ชะลอออกไปก่อน ( ตรงนี้ใช้สติมากๆอย่าให้กิเลสนำทางครับ...ผมจะถือคติเดิมครับ! ใครมีปล่อยเค้าไปก่อน เราพร้อมค่อยมีก็ไม่สาย ) และสำคัญที่สุดสำรองเงินสดให้มาก (มันคือทรัพย์สินที่สภาพคล่องสูงสุด) รวมถึงวางแผนการใช้เงินให้รอบคอบที่สุด อย่างน้อย 1-2 ปี นับจากปลายปีนี้ครับ...