สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ข้อความที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ท่านใดจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ท่าน
หากท่านมีความเชื่อเดิมๆแบบผิดๆ ก็เป็นสิทธิของท่าน
แต่ถ้าท่านพร้อมจะรับสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องนี้ ก็ขอให้ท่านดำเนินการได้เลย
การที่เราเป็นผู้เช่าซื้อนั้น สิทธิครอบครองอยู่กับเรา
ส่วนไฟแนนซ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่ไม่ได้ครอบครองรถ
ดังนั้นต้องแยกกันระหว่าง ผู้มีกรรมสิทธิ์ กับ ผูมีสิทธิครอบครอง
ในทางกฎหมาย ทังเจ้าของกรรมสิทธิ์ และ ผู้ครอบครอง
ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายทั้งสิ้น
เมื่อผู้มีผู้ใดมายักยอกทรัพย์ของผู้มีสิทธิครอบครอง
ผู้ครอบครองย่อมเป็นผู้เสียหาย ย่อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ยักยอกทรัพย์นั้นได้
...
กรณีตามปัญหานี้ เมื่อ พ่อ จขกท นำรถยนต์ซึ่งตัวเองมีเพียงสิทธิครอบครองนำไปจำนำไว้กับผู้อื่น
หากการจำนำนั้น ไม่ใช่เป็นการจำนำแบบไม่คิดจะไถ่คืน (คือจำนำชั่วคราว)
แม้พ่อ จขกท ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็ย่อมมีสิทธิจำนำได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
และไม่ถือว่าได้กระทำการเบียดบังโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไปได้
เมื่อพ่อ จขกท นำเงินไปไถ่จากผู้รับจำนำแล้ว ผู้รับจำนำไม่ให้ไถ่โดยอ้างว่ารถหายไป
หากได้ความว่ารถหายจริงๆโดยมิใช่เกิดจากการเบียดบังของผู้รับจำนำ
ผู้รับจำนำย่อมต้องรับผิดชดใช้ราคารถยนต์นี้ได้แก่พ่อ จขกท ซึ่งเป็นเรื่องในทางแพ่ง
แต่ถ้าผู้รับจำนำเบียดบังเอารถไปโดยทุจริต แต่กลับอ้างว่ารถได้หายไปแล้ว
กรณีนี้ผู้รับจำนำมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
พ่อ จขกท ย่อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับจำนำได้
ในทางกฎหมายมีคำพิพากษาศาลฎีกาเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า
ผู้ครอบครองเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และมีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์
ให้ดำเนินคดีกับผู้รับจำนำในกรณีนี้ได้
..
แต่ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่า
พ่อ จขกท จำนำขาด และไม่คิดจะไถ่เลย
การกระทำเช่นนี้ คือการเบียดบังไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
สำหรับผู้รับจำนำ ก็จะกลายเป็นผู้กระทำผิดฐานรับของโจร
โดยผู้มีอำนาจดำเนินคดีนี้ได้คือ ไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ดังกล่าว
ดังนั้นเรื่องนี้จะตอบคำถามได้ หรือ ดูว่าพ่อ จขกท ดำเนินการได้แค่ไหน
อยู่ที่เงินที่จะเอาไปไถ่ และ เจตนาจำนำว่า จำนำขาด หรือ จำนำชั่วคราว
หากจำนำชั่วคราว ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับจำนำได้ทั้งสิ้น
หากท่านมีความเชื่อเดิมๆแบบผิดๆ ก็เป็นสิทธิของท่าน
แต่ถ้าท่านพร้อมจะรับสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องนี้ ก็ขอให้ท่านดำเนินการได้เลย
การที่เราเป็นผู้เช่าซื้อนั้น สิทธิครอบครองอยู่กับเรา
ส่วนไฟแนนซ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่ไม่ได้ครอบครองรถ
ดังนั้นต้องแยกกันระหว่าง ผู้มีกรรมสิทธิ์ กับ ผูมีสิทธิครอบครอง
ในทางกฎหมาย ทังเจ้าของกรรมสิทธิ์ และ ผู้ครอบครอง
ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายทั้งสิ้น
เมื่อผู้มีผู้ใดมายักยอกทรัพย์ของผู้มีสิทธิครอบครอง
ผู้ครอบครองย่อมเป็นผู้เสียหาย ย่อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ยักยอกทรัพย์นั้นได้
...
กรณีตามปัญหานี้ เมื่อ พ่อ จขกท นำรถยนต์ซึ่งตัวเองมีเพียงสิทธิครอบครองนำไปจำนำไว้กับผู้อื่น
หากการจำนำนั้น ไม่ใช่เป็นการจำนำแบบไม่คิดจะไถ่คืน (คือจำนำชั่วคราว)
แม้พ่อ จขกท ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็ย่อมมีสิทธิจำนำได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
และไม่ถือว่าได้กระทำการเบียดบังโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไปได้
เมื่อพ่อ จขกท นำเงินไปไถ่จากผู้รับจำนำแล้ว ผู้รับจำนำไม่ให้ไถ่โดยอ้างว่ารถหายไป
หากได้ความว่ารถหายจริงๆโดยมิใช่เกิดจากการเบียดบังของผู้รับจำนำ
ผู้รับจำนำย่อมต้องรับผิดชดใช้ราคารถยนต์นี้ได้แก่พ่อ จขกท ซึ่งเป็นเรื่องในทางแพ่ง
แต่ถ้าผู้รับจำนำเบียดบังเอารถไปโดยทุจริต แต่กลับอ้างว่ารถได้หายไปแล้ว
กรณีนี้ผู้รับจำนำมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
พ่อ จขกท ย่อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับจำนำได้
ในทางกฎหมายมีคำพิพากษาศาลฎีกาเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า
ผู้ครอบครองเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และมีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์
ให้ดำเนินคดีกับผู้รับจำนำในกรณีนี้ได้
..
แต่ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่า
พ่อ จขกท จำนำขาด และไม่คิดจะไถ่เลย
การกระทำเช่นนี้ คือการเบียดบังไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
สำหรับผู้รับจำนำ ก็จะกลายเป็นผู้กระทำผิดฐานรับของโจร
โดยผู้มีอำนาจดำเนินคดีนี้ได้คือ ไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ดังกล่าว
ดังนั้นเรื่องนี้จะตอบคำถามได้ หรือ ดูว่าพ่อ จขกท ดำเนินการได้แค่ไหน
อยู่ที่เงินที่จะเอาไปไถ่ และ เจตนาจำนำว่า จำนำขาด หรือ จำนำชั่วคราว
หากจำนำชั่วคราว ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับจำนำได้ทั้งสิ้น
แสดงความคิดเห็น
ช่วยด้วย !!!!!!จำนำรถแล้วไถ่คืนไม่ได้ เขาบอกว่ารถเราหาย ทำไงดี????