แชร์พฤติกรรมผู้ชายเจ้าชู้ (แบบม้วนเดียว(เจ็บ...แต่...จบ)

สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ
อาจจะมีข้อผิดพลาดประการในเรียบเรียงบ้างนะคะ
เพราะไม่เคยตั้งกระทู้เลย ^^

วันนี้เลยอยากแชร์ประสบการณ์พฤติกรรมผู้ชายเจ้าชู้ที่เคยประสบพบเจอมา
เรื่องนี้ประสบการณ์จริงเมื่อ 6 ปีก่อนของเราเองค่ะ

ตอนนั้นเพิ่งเข้าปีหนึ่ง เฟรชชี่ไสยๆ ในมอแห่งหนึ่งใกล้พระราชวัง ก็เฮฮาตามประสาเด็กปีหนึ่งค่ะ
มีคอนเสิร์ตมีกิจกรรมอะไรไปร่วมหมด จนวันนึงเพื่อนชวนเพื่อนของมัน ขอแทนว่า เอ ละกันนะคะ
เอ เป็นผู้ชายหน้าตาดีคิ้วเข้ม ผิวขาว อ่ะจัดว่าหล่อระดับหนึ่งเลย อายุรุ่นเดียวกัน แต่เรียนคนละมอ (แต่จังหวัดเดียวกัน)
เพื่อนเราก้แนะนำเรากับเอให้รู้จักกัน
เราก็เออเคๆ เพื่อนของเพื่อน รู้จักไว้ไม่เสียหายอะไร (ตอนนั้นไม่ได้ชอบหรืออะไรเลยนะ สาบาน555)
เพราะตอนนั้นแอบชอบอีกคนอยู่ ซึ่งวันนั้นเค้าก็มาแสดงคอนเสิร์ตที่มอด้วย (เรียนคณะดนตรี ของมอ)
เราก็ดูคอนเสิร์ตแบบไม่วางตา ตอนนั้นเอก็นั่งดูคอนข้าง ๆ เรา เอก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมต้องไปสนใจคนที่ไม่ชอบตัวเองด้วยล่ะ"
เราหันควับตาขวางเลยค่ะ แบบเห้ยยย ..ไมอ่ะเราก็ชอบของเรานี่
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ออกไป
จนมีคนเอาแหวนไฟฉายมาขาย เอมันก้หันไปซื้อแล้วเอามาให้เราบอกว่า “อ่ะ เราให้ได้เอาไว้ส่องคนอื่นบ้าง” ตอนนั้นก็เอะใจนะ แต่ก็สนใจคอนเสิร์ตมากกว่าตอนนั้น
พอคอนเสิร์ตจบ แยกย้ายต่างคนต่างกลับหอไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นเราไปเรียนปกติ เพื่อนเราบอกว่า “เห้ย เอขอเบอร์อ่ะ ได้ป่ะ?”
เราก็สงสัย “ขอไปไมอ่ะ มันก็รู้ไม่ใช่อ่อว่าเราชอบใคร”
สรุปก็เล่นตัวพักนึงเราก็ให้เบอร์ไป จนได้พูดคุยกัน
พอพูดคุยกันได้สักสองเดือนเราก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันค่ะ
ด้วยความที่อยู่คนละมอ แต่เจอกันทุกวันเพราะมอเราอยู่จังหวัดเดียวกันเอก็เดินทางไปกลับบ้านอยู่แล้ว ซึ่งบ้านอยู่ตัวเมืองใกล้กับมอเรา บางครั้งเราก็ไปหาที่มอของเอ ด้วยความที่เพื่อนสนิทสมัยม.ปลายเราเรียนมอนี้กันทั้งนั้น ก็ถือโอกาสไปหาเพื่อนด้วย ไปนั่งรอเอเรียนบ้าง
ช่วงแรกที่คบกันไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ เอปากหวาน เอาใจใส่ดี มีเซอร์ไพรส์ในโอกาสพิเศษตลอด ๆ ในช่วงปีแรกนะคะ

มันมาพีคตอนขึ้นปี 2 เอต้องย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพ (บางคณะต้องไปเรียนแถวพญาไท) เอก็ต้องไปเช่าหอแถวนั้นอยู่
เราก็ไปหาเอตลอดบางทีเดินทางไปกลับมอ.เราไปกรุงเทพทุกวัน
เพื่อจะไปหา (ก็คิดว่าเออตอนปีหนึ่งเอก็มาหาเราเนอะ คราวนี้เราไปหาบ้าง ผลัดกันๆ 555)
ช่วงแรก ๆ เอเตะบอลจะชวนไปดูเตะบอลกับเพื่อนที่มอ เราก็ผู้หญิงทั่วไปอ่ะ ไม่ค่อยชอบดูบอล แต่ก็ไปนั่งดู  
พอหลัง ๆ ขอไปด้วยไม่ให้ไป กลับมืด เลิกเรียนแล้วไม่กลับทันที บอกงานเยอะทำแลป ไม่ต้องมาหานะ นู่นนี่
เราก็เชื่อนะ เออขึ้นปี2 คงเหนื่อยเนอะ แต่เวลามีการบ้านอะไรให้เราทำนะ ส่งมาให้ทำ
แล้วที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเปลีย่นแปลงไปคือ พักหลังหาเรื่องทะเลาะกันบ่อยมาก พอทะเลาะก็ไม่ง้อ ไม่ติดต่อมา ปิดเครื่อง
เอไม่โทรหาเราเป็นเวลาสองสามวัน เราเลยพูดกับเพื่อนว่า “กูว่าเอมีคนอื่นแน่เลยว่ะ” เพื่อนก็บอก “คิดมากไปป่าวเมิง”
เราก็แบบไม่รู้เหมือนกัน คือรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติอ่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ
จนวันหนึ่งแอบดูโทรศัพท์ เห็นชื่อหนึ่ง ส่งข้อความไปกลับกันแบบหวานแปลก ๆ
เราก็ถามเลยนะ ว่า “นี่ข้อความใครอ่ะ ทำไมส่งตอบกลับกันเยอะจัง”
เอก็ตอบกลับว่า “เพื่อนผู้ชายที่คณะนี่แหละ คุยกันเรื่องงาน ไม่มีอะไร”
เราก็เชื่อนะตอนนั้น แต่ดันเข้าไปหาในหนังสือรุ่นของคณะเอ
เปิดหาคนชื่อ ปป. จนเจอจี๊ดมากกกก ตรงที่ ปป.ไม่ใช่ผู้ชายจ้า เป็นผู้หญิงแค่เรียนคนละภาคกันเฉย ๆ
จนมาวันนึง เอเลิกเรียนแล้ว เราก็โทรตามว่า “เออเรามาถึงหอละนะ กลับยังอยากกินผัดไทยหน้าปากซอย”
เอก็บอก “อ่ะๆเดี๋ยวกลับละ แต่ไม่ต้องลงมากินหรอกเดี๋ยวซื้อเข้าไปให้”
ก็ยิ่งแปลกไปอี้กกกก เพราะปกตินะ มันใช้เราลงไปซื้อข้าว เราหากินเองตลอดไม่เคยมาถามว่าจะกินอะไรไหม จะซื้อขึ้นมาให้งี้ แปลกดิ แปลกมากกกก
พอเอมันกลับมาใช่ป่ะ มันก็รีบไปชาร์ตแบทซีกของเพื่อน (หอที่อยู่เป็นห้องแบ่งครึ่ง คือเออยู่กับเพื่อนอีกคน มีตู้กั้น)
เราก็ไม่ได้อะไร แล้วสักพักนึง โทรศัพท์มันก็ดัง แบบมีคนยิงมา มันก็รีบวิ่งไปที่โทรศัพท์เลย
แล้วคุยแบบเบา ๆ แอบคุย แต่เราก็พอได้ยินบทสนทนาเบา ๆ นะว่า “เราเห็นปป.ที่ห้องสมุด ว่าจะเข้าไปทักแต่ไม่กล้า เราเลยเดินกลับหอมาละ... นี่ปป.กลับยัง ฝนตกหนักเลย มีร่มไหม? ระวังเปียกนะ”
พอวางโทรศัพท์ใช่ป่ะ เราก็เริ่มถามเลยว่า “ใครยิงมาหรอ?”
เอบอกว่า “อ่อ แม่ยิงมา” เอิ่มมมมมมมม “เราเลยถามต่อว่าเดี๋ยวนี้ แม่ยิงมาหรอ? แม่ใช้โทรศัพท์บ้านยิงมาหรอออออ นึกว่าคนชื่อปป.ซะอีก ไหนว่าเพื่อนผู้ชายไง?”
เอก็หน้าเสียนิดนึงแล้วบอก “เพื่อนกันไม่มีไรหรอก” เราก็คิดแบบโกหกหรา
หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันหนักขึ้น เคยมีครั้งนึงเถียงกัน ทะเลาะกันรุนแรง เราก็เผลอผลักอกเอ เอก็ตบหน้าเรา
พอลงมือก็เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว แต่คือเราเสียความรู้สึกละ ขนของออกจากห้องไปได้แค่ป้ายรถเมล์ เอก็มาตามกลับ ขอโทษที่ลงไม้ลงมือ ที่ทำเพราะเราดันไปผลักอกมันด้วย พอกลับมาคบกันก็ทะเลาะกันเรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปหา เอก็ไม่ค่อยโทรมาหา
เหมือนห่างๆกันแต่ยังเป็นแฟนกันอยู่นะคะ คือไม่ได้เลิก
จนวันนึงเราแอบเอาเบอร์ปป.มา ก็โทรคุยกัน คือประเด็นเราคือเราอยากเคลียร์ อยากรู้ว่าปป.นี่เอจีบหรือปป.ตั้งใจมาเป็นมือที่สาม
เราโทรหาปป.สี่ทุ่มละ ก็คุยกันเคลียร์แบบแมน ๆ นะ ปป.ก็เล่าว่าเออ่ะบอกว่าเลิกกับเราแล้ว เอไม่มีแฟน แต่ปป.นี่ไม่ได้ชอบนะ เพราะเพื่อนก็เตือนว่าเอเจ้าชู้และกระล่อน พอคุยกันเข้าใจละ ผู้หญิงสองคนกำลังจะเคลียร์
ปป.ก็พูดขึ้นว่า “เทอ เอโทรมาหาเรา เป็นสายซ้อนอยู่ตอนนี้” เราก็บอกปป.ไปว่าประชุมสายเลยได้ไหม? ปป.ก็โอเค เราก็แอบฟังเอมันคุยจีบกับปป. พักนึง คือมันหยอดอยู่ฝ่ายเดียวเลยนะ จนมาถึงประโยคนึง เอบอกว่า ตอนอยู่ที่บ้านเอไม่เจอแต่เรื่องแย่ ๆ จนย้ายเข้ามาเรียนกทม.เจอปป. ได้เจอสิ่งดี ๆ”
เรานี่แอบฟังมานาน พูดโพล่งขึ้นมาเลย “หรอออ ชีวิตเมิงดีมากมะ?” เอตัดสายทิ้งเลยจ้า แล้วโทรเข้ามาหาเราอีก
เรารับปุ๊ปเราบอก “จะโทรมาพูดตอ..อะไรอีก จะเอาถ้วยมะ?” เอก็ขอโทษแล้วก็บอกจะไม่ทำอีกแล้ว
เราก็ใจอ่อนอีก กลับไปคบกับเอ
แล้วพอเทอมสองปลาย ๆ เอต้องไปแข่งบอลที่ม.ดังที่เชียงใหม่ มีรุ่นพี่เราไปด้วย รุ่นพี่รร.เราก็บอกเออเห็นเอไปกินข้าวกับผู้หญิงที่นี่แหละ
เราก็ถามเอเลยว่าพี่บอกไปกินข้าว “ใครหรอ?” เอก็บอก “เพื่อนที่รร.นี่แหละมาเรียนที่นี่”
เราก็เอะใจนะว่าจริงหรอ จะโกหกอีกรึป่าวเนี่ยย แต่ใจคิดว่าน่าจะโกหกแต่จับไม่ได้มันก็ดิ้นไปเรื่อย
พอเอกลับมาจากแข่งบอล เอก็เปลี่ยนไปเลย ไม่โทรหา ไม่มาหา ไม่ให้ไปหาด้วย ยุคนั้นเพิ่งเปลี่ยนจากไฮไฟว์มาเป็นเฟสบุคค่ะ
เราก็เป็นคนนึงที่เริ่มเล่นเฟสบุค แล้วเราก็ชวนเอเล่น แต่เอไม่ยอมเล่นบอกไม่มีเวลา งั้นงี้
จนวันนึงพี่ขอเอที่เรารู้จักก็มาทักเราว่า เออนี่เอเล่นเฟสนะรู้ไหม? เราก็ เอไม่เล่นนี่พี่ ไม่เห็นรู้เลย ถ้างั้นขอลิ้งได้ไหมคะ
พี่เค้าก็ส่งลิงค์มาให้ปรากฏว่า เข้าไม่ได้ค่ะ เหมือนโดนบล็อก เราก็เลยไปถามตรง ๆ อีกว่าเล่นแล้วทำไมต้องปิดบัง แล้วบล็อกด้วย
เอก็บอกเล่นไม่เป็นกดผิดมั้ง นู่นนี่ เราก็เข้าไปดูในเฟส (เอปลดบล็อกเราแล้วนะคะ) เห็นผู้หญิงคนนึงมาโพสหวาน ๆ ตลอด
เราก็เอะใจละ ประเด็นนี้ก็กลายมาเป็นหัวข้อให้เราทะเลาะกันรุนแรงอีกครั้ง จนไม่โทรหากัน ไม่คุยกัน แต่ไม่ได้บอกเลิกกันนะคะ
แล้วอยู่ๆเราโทรไปหาเอ ตอนตีสอง แต่เรากลายเป็นสายซ้อนค่ะคุณผู้โช้มมม ทีนี้ไม่รับสายเราก็โทรใหญ่เลย สักพักรับค่ะ เอก็เหมือนประชุมสายอ่ะ
พูดทำนองว่า “เลิกยุ่งกับเอได้แล้ว อย่าตามมาตอแยอีก เราเลิกกันแล้ว เราก็บอกประชุมสายละพูดให้ตัวเองดูดี โคตะระเลวเลยนะ ผู้ชายแบบเมิงนี่”
เราก็วางแล้วเอาของทุกอย่างที่มันให้โยนทิ้งไปเลยจ้า แล้วเอกับผญคนนั้นก็คบกันเปิดเผย โดยที่เพื่อนของเอรู้เห็นเป็นใจด้วยกันมาตลอด

เราไม่รู้หรอกนะว่าเอไปพูดกับเพื่อนยังไงเรื่องเรา แต่นี่คือครั้งสุดท้ายแล้วเราก็เลิกกันขาด
เรายอมรับว่าตอนนั้นเราเฮิทหนักมาก ข้าวไม่กิน นอนไม่หลับ ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง จากไม่เคยออกไปเที่ยวไหนกับเพื่อนก็ออกไปดื่มไปกิน เพื่อให้ลืมรักครั้งนั้นไป
ตอนนี้เรื่องผ่านมาได้6ปีแล้ว เรามานั่งย้อนคิดไป เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
แล้วทำไมเราต้องมานั่งเสียใจให้คนแบบนี้ เราคบกับเอได้เกือบสองปี แต่แทบจะไม่มีความสุขเลย ตลอดที่คบกันสองปี กับผญ สองคน ไม่คุ้มเลยย

วันนี้เรามีความรักที่ดีมากก กับผู้ชายที่ดีมาก ๆ คนนึงค่ะจุ๊บๆ มองย้อนไปเราไม่ได้โง่หรอกค่ะ เราแค่เชื่อมั่นเชื่อใจในตัวมันมากเกินไปเอง

อยากเป็นกำลังใจทุกคนที่เจอเรื่องแย่ ๆ คนแย่ ๆ ร้องไห้ให้พอค่ะ แล้วปาดน้ำตาหันมาดูแลตัวเองให้คนที่ทิ้งเราไปเสียใจเล่นดีกว่า 55555

เมื่อไม่นานมานี้ เอมาถามเราว่า ถ้าเอเลิกกับแฟนเราจะกลับไปไหม?
เราตอบไปว่า ไม่กลับหรอก ยังมีหน้ามาถาม ตอนนี้ชั้นมีความรักที่ดีมากกก แฮปปี้ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่