Lose & Found ( เรื่องราวของน้องหมา เท็ดดี้ )

กระทู้สนทนา
Lose &  Found (  เรื่องราวของน้องหมา เท็ดดี้ )
                                                      
1.
ทุกวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด  หากไม่มีธุระอะไรแล้วละก้อ  เราสองคนตายาย  จะขับรถไป  Ocean Springs  เมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากบ้านพักขับรถไปแค่สิบกว่านาที
แฟนจะไปวิ่งบนสะพานบิลอกซี่  ( Biloxi Bay Bridge)   วิ่งไปวิ่งกลับ  ก็หลายไมล์อยู่  ส่วนฉันที่ไม่ได้ท็อปฟอร์มอย่างเขา  ก็แค่เดินเลียบชายหาด   ดูบ้านสวยงามที่ขนานไปกับหาดทรายสีขาว  ท้องฟ้าสีคราม  นกนางนวล (sea gull)   บินอยู่เหนือน้ำเพื่อรอโฉบจับปลา

บางครั้งเราจะจอดรถที่สถานีรถไฟเก่า ที่เลิกทำการที่ตั้งอยู่หัวถนน   แล้วเดินเลียบร้านค้า  ภัตตาคาร  บาร์   ผับ  ร้านขายของที่ระลึก  แกลเลอรีที่มีรูปวาดน่าสนใจ
แต่บางทีเราก็ขับรถไปจอดที่ชายหาดที่อยู่สุดถนนด้านใน   เรียกว่าจะจอดที่ไหน  สุดแล้วแต่อารมณ์ของเราในยามนั้นจะบงการ

วันนี้  เราจอดรถที่ลานจอดของสถานีรถไฟ  จอดเสร็จก็พากันเดินไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน  ตอนแรกเราก็เดินไปด้วยกัน แต่ตอนหลังเขานำโด่ง   เพราะฉันมัวแต่มองภาพวาดสวยๆ กับงานฝีมือที่โชว์อยู่ที่ตู้กระจกหน้าร้าน   และขณะที่ฉันกำลังจะผ่านร้านของของที่ระลึกร้านนั้น  มีอันชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นป้ายประกาศ ที่แปะไว้ที่เสาไฟหน้าร้าน  

“ประกาศสุนัขหาย “
ประกาศที่ว่า  ทำให้คนรักน้องหมาอย่างฉันไม่รอช้า  รี่ไปดู    เผื่อว่าฉันไปเจอน้องหมาในประกาศ จะได้นำไปให้เจ้าของเขา  เร็วเท่าความคิด ฉันไปหยุดยืนที่หน้าเสาไฟ    อ่านข้อความในประกาศ  
กระดาษเก่าๆ  ลายมือโย้เย้   ไม่มีรูปภาพประกอบ
                            

“Lost Dog “
3 Lags, Blind   in  one Eye
Missing Right  Ear
Tail Brocken          
Recently Castrated
Answers to  the name of  Lucky  

ฉันอ่านทวนไปมาอยู่หลายครั้ง ให้แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันอ่านนั้นถูกต้อง  เพราะภาษาอังกฤษ  เป็นภาษาที่สอง  
English  is my Second  Language   ถ้าเป็นภาษาไทย  ก็ไปอย่าง   จะได้อ่านครั้งเดียวไม่ต้องแปล

ประกาศตรงหน้า  มันทำให้ฉันตีบตันที่คอหอย พูดอะไรไม่ออก  หัวใจน้อยๆ  ถูกความเศร้าครอบคลุม  

น้องหมา  ชื่อโชคดี  แต่ดันโชคร้าย
มีสามขา   ตาข้างหนึ่งบอด
หูข้างขวาแหว่ง   หางด้วน
โดนตอนเรียบวุธ ไม่เหลือความเป็นชาย

ฉันถอนใจออกมาแรงๆ อย่างสลด   ลำพัง แค่น้องหมาหลงทาง   ก็รันทดหดหู่พอทน   แล้วนี่ยังจะมาพิกลพิการเสียอีก
ยิ่งหลับตาเห็นภาพ ลัคกี้   เดินคลำทางบนถนน  ตากแดด ตากฝน   ถูกคนใจร้าย หรือเพื่อนหมาด้วยกันรังแก ขอบตาทั้งสองข้างของฉันก็ร้อนผ่าว  จะร้องไห้เสียให้ได้  
แต่แค่จะ  ยังไม่ทันจะร้อง  แฟนที่เดินนำหน้าไปไกล  หันมาไม่เห็นฉัน เลยย้อนมาตาม  พอมาถึง ก็ถามอย่างหงุดหงิด  

“เกิดอะไร  เดินไปด้วยกันดีๆ  หันมาอีกทีหายไปไหนก็ไม่รู้ “
“คุณดูประกาศนี่ซิ   หมาหลงทาง  น่าสงสารจังเลย  ” ฉันร้องบอกเขา  เขาเลิกคิ้วสูง   อย่างจะถาม อะไร  ฉันไม่พูด  เอานิ้วจิ้มประกาศแผ่นนั้น เขามองตามมือ  อ่านประกาศข้อความที่ว่า   สักครู่ ก็หันมามองฉัน ที่กำลังทำตาแดงๆ    ไม่พูด แต่มองนิ่งๆ  ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะดังลั่น

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”  

“บ้าหรือเปล่า  หมาหายทั้งตัว แทนที่จะสงสาร กลับหัวเราะชอบใจ “  ฉันตะคอกดังๆ  ขึงตาใส่   แต่เขาไม่สนใจทั้งตา และคำขู่ของฉัน พูดไปหัวเราะไป

“ถามจริงๆ ไม่รู้เหรอ  ประกาศนี่นะ   มันเป็นแค่โจ๊กขำๆ “
“โจ๊ก”    (ที่ไม่ใช่ข้าวต้ม  แต่เป็นเรื่องตลก )
“ใช่  เขาทำเป็นป้าย  ขายให้เกร่อ  ราคาแค่ไม่เหรียญ    ”

“เหอ”  ( งง )
“ฮ่าๆๆๆๆ”

“แต่นี้มันเป็นกระดาษ  ไม่ใช่ป้าย  แล้วก็เป็นลายมือคนเขียน  ไม่ได้พิมพ์สักหน่อย ”  ฉันแย้งเสียงอ่อย  แฟนไม่พูดอะไร ชี้มือไปที่ร้านขายของที่ระลึก   แล้วทำหน้าล้อเลียน  

ฉันไม่พูดสักคำ  ( พูดไม่ออก)   หมุนตัวกลับเดินคอตกนำหน้า  สุดที่รักเดินตามหลัง  ถ้าเดินเฉยๆจะไปว่าอะไร นี่เดินไปล้อไป หัวเราะไป  ตอกย้ำในความไร้เดียงสาของฉัน  จนไปถึงชายหาด ก็ยังไม่หยุด
กรรม!!!!


2.
คุณบิลล์  เพื่อนบ้านแสนดี ที่บ้านอยู่ติดกัน ไปจับปู  ปลามาได้  ก็เรียกเราสองคน  รวมทั้งเพื่อนบ้านทุกคนไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเขา

ฉันก็คิดว่า แค่ทอดปลา ต้มปู  กินกันแค่ไม่กี่คน  ที่ไหนได้  พอไปถึงเข้าจริงๆ   แขกเหรื่อเต็มไปหมด   รวมทั้งเจ้าหมาพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์   (golden retriever )  แขกที่ไม่ได้รับเชิญตัวนั้นด้วย
ตอนแรกฉันก็ไม่สนใจมันหรอก   เพราะคิดว่ามันเป็นหมาของแขก คนใดคนหนึ่งที่เดินสวนกันไปให้ไขว่   และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  มากมายจนไม่รู้ใครเป็นใคร

ฉันมาสนใจมันจริงๆ  ก็ตอนที่มันเดินขากะเผลกๆ ผ่านหน้าฉันที่นั่งจิบเครื่องดื่ม คุยกับเพื่อนบ้านที่เก้าอี้สวนสีสวยสดเข้าชุดบนเทอเรสหินอ่อน  ไปยังบันไดหินสี่ขั้นมีประตูเหล็กเล็กๆกั้นระเบียงยาวที่ต่อยื่นออกมาจากบ้าน   เจ้าตูบขึ้นไปได้ก็ พยามเอาขาหน้าตะกุย ประตูที่กั้นไว้   จะเข้าไปข้างใน   ทำอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ  แถมโชคร้าย  แขกที่มางานเดินขึ้นเดินลง เห็นมันขวางทางก็ไล่มัน   มันก็เลยต้องมายืนหันรีหันขวางใกล้ๆกับโต๊ะที่ฉันกับเพื่อนบ้าน  ตอนนั้นเรากำลังคุยกันอย่างออกรส

พวกเรามองหน้ากันไปมา สลับกับเจ้าตูบ ที่นั่งจ๋องอยู่ตรงหน้า   ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะถามขึ้นมา ในคำถามที่ฉันอยากจะถาม แต่ไม่ได้ถามเพียงแต่คิดอยู่ในใจ  

“หมาใคร ? “

พอคนหนึ่งเริ่มสนใจ   คนอื่นก็เลยหันมาสนใจบ้าง  ถามกันไปถามกันมา  
“หมาของคุณหรือเปล่า  ?”
ก่อนจะได้คำตอบ  ที่เหมือนๆกัน  
ไม่ใช่  

“มีปลอกคอด้วย  ไหนมาดูหน่อยซิว่า บ้านอยู่ไหน ชื่ออะไร  จะได้เอาไปส่งบ้านถูก”   คนพูดเป็นหนุ่มใหญ่แปลกหน้า  ที่ฉันเพิ่งจะเห็นก็วันนี้   พูดจบก็ขยับไปหา  ยื่นมือไปจะจับปลอกคอ   เจ้าตูบแง่งใส่  ถอยกรูดไปนั่งใกล้บันได  มองมาอย่างไม่ไว้ใจ  

“เล่นตัวนัก ไม่ยุ่งก็ได้เว้ย ”  เขาพูดยิ้มๆ หัวเราะเบาๆ ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบ  คนอื่นหัวเราะตาม  ก่อนจะวกเข้าเรื่องที่ค้างไว้  และพอมีสมาชิกคนใหม่เข้ามาร่วมวง   บทสนทนาเพิ่มขึ้น  น่าสนใจขึ้น   ถึงตอนนี้ไม่มีใครสนแล้วว่า  มันเป็นหมาของใคร   มาจากไหน และจะไปไหน    
กะอีแค่หมาหลงทางตัวหนึ่ง จะต้องไปสนใจทำไม

จะมีก็แต่ฉัน ที่ตอนนี้แยกตัวออกจากสมาชิกคนอื่น  มานั่งรับลมใกล้น้ำพุห่างจากโต๊ะมาหน่อย  ยังคงมองมันอยู่  มันเองก็มองฉัน    ฉันกับมันต่างคุมเชิงกันอยู่  
แต่พอเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่  วิ่งเอาปืนแก๊ปวิ่งไล่ยิงกันใกล้ๆมัน   เจ้าตูบก็วิ่งปรูดมาหมอบอยู่ใกล้ๆเท้าฉัน   ครางหงิงๆเนื้อตัวสั่นเทา

ฉันสงสาร เลยก้มลงไปหา  เอามือลูบหัวมันไปมา   พร้อมกับปลอบ
“ใจเย็นๆ   เขาไม่ทำอะไรแกหรอก  ถ้าเขาทำอะไรแก  เดี๋ยวฉันจัดการเขาเอง ไม่ต้องห่วง“ ฉันพูดกับมันขำๆ  มันจะฟังฉันรู้เรื่องหรือไม่ฉันไม่สน  เห็นมันมองฉันตาแป๋ว  ได้ที ก็เลยซักประวัติมันเสียเลย

ชื่ออะไรล่ะเรา ?
มาจากไหน ?  
เจ้าของไปไหน   เราถึงได้มาเพ่นพ่านแถวนี้?  

“เดี๋ยวนี้เลิกพูดกับคน หันมาพูดกับหมาแทนแล้วเหรอ”  สุดที่รักที่เดินผ่านมาพอดี   หยุดถามฉันยิ้มๆ  ก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าตูบ  
“กำลังคุยกันอยู่ ไม่รู้เรื่องหรอก  คุณช่วยคุยกับมันหน่อยซิ  หมาใครก็ไม่รู้  น่าสงสารจัง”  แฟนได้ยินฉันพูดอย่างนั้น  ก็เลยทรุดตัวลงนั่งยองๆใกล้ๆมัน    ยื่นมือไปลูบหัวมัน  จับปลอกคอดูเนมแท็ก  ( names tags )

“ไหนขอดูหน่อยซิ  ชื่อเสียงเรียงนามอะไร  คงไม่ได้ชื่อ  ลัคกี้หรอกนะ”  แฟนพูดยิ้มๆ หันมาหลิ่วตาให้ฉัน  

“ถามจริงๆ เกิดมาไม่เคยทำอะไรผิดเลยหรือไง ? ” ฉันถาม เพราะตั้งแต่ฉันปล่อยไก่คราวนั้น แฟนก็ล้อฉันเรื่อยมา  
“เคยซิ ทำไมจะไม่เคย  เพียงแต่ไม่ได้ผิดมากกมายอย่างคุณ  เท่านั้นแหละ ” แฟนตอบยิ้มๆ  แล้วหันกลับไปพูดกับ ลัคกี้ เอ๊ย หมาน้อย  


“แท็ดดี้   ชื่อเข้าท่าดีนี่  ไม่ต้องกลัวนะ เท็ดดี้   มีเบอร์โทร. อย่างนี้   เดี๋ยวฉันจะส่งแกกลับบ้านเอง ” เขาบอกกับมัน ที่กระดิกหางไปมา  แล้วจัดแจงโทร.หาเจ้าของเจ้าเท็ดดี้ทันที  แต่ไม่มีคนรับสาย  เขาเลยทิ้งข้อความเอา   ขณะนี้เจ้าท็ดดี้  อยู่ที่…  ปลอดภัยดีทุกอย่าง  มารับได้เลย

แฟนบอกให้ฉัน  ดูเเท็ดดี้ไว้ก่อน  ส่วนเขาจะกลับไปคุยธุระกับเพื่อนบ้านต่อ   คุยเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะมาจัดการมันเอง  
เขายกหน้าที่ พี่เลี้ยงเด็ก ให้กับฉัน   ฉันก็รับตำแหน่งนั้นมาอย่างเต็มใจ  แล้วก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

ฉันไปหาน่องไก่ทอดกรอบเหลืองอร่ามสองน่องใหญ่ๆ  กับน้ำในถ้วยโฟม มาให้มัน   เจ้าเท็ดดี้  ได้น่องไก่ กับน้ำไปหน่อย  ก็กระดิกหางดิกๆ  ท่าทีเซื่องซึม หงอยเหงาก่อนหน้า ไม่หลงเหลืออีกเลย

แฟนฉัน หายไปนาน  จนฉันลืม เพราะมัวแต่คุยกับเพื่อนบ้าน  และพูดกับเจ้าเท็ดดี้ ที่ตอนนี้มาหมอบข้างๆไม่ไปไหน  เขากระหืดกระหอบมาหา   พร้อมกับข่าวดี
“เจ้าของแท็ดดี้ กำลังจะมารับตัวเท็ดดี้  บอกว่าอีกห้านาทีจะมาถึง  ”    

เราพาเจ้าแท็ดดี้  ไปรอเจ้าของที่ริมถนนหน้าบ้านคุณบิลล์  นอกจากฉันกับ แฟน  คุณบิลล์เจ้าของบ้านแล้ว  ก็ยังมีเด็กๆหลายคนตามมาส่งเจ้าเท็ดดี้   ทุกคนตื่นเต้นที่เท็ดดี้  จะได้พบกับเจ้าของมัน

รถแวนสีดำ แล่นปาดมาจอดตรงหน้าที่พวกเรายืนอยู่  คนขับเป็นสตรี กระชากประตูเปิดออกมาเร็วๆ กระโดดลงจากรถ  ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นเจ้าเท็ดดีนั่งจ๋อง เอียงคอมอง

“มาย เท็ดดี้ แบร์   “ หล่อนเรียกดังๆ   กางแขนทั้งสองออกกว้าง    (  เพิ่งจะรู้ว่าเท็ดดี้ มีชื่อเต็มๆว่า เจ้าหมีน้อย   Teddy bear  )  
หล่อนร้องเรียกมันซ้ำๆ   วิ่งมาหาเจ้าเท็ดดี้   ที่เอียงคอมอง กระดิกหาง   แต่ก่อนที่หล่อนจะมาถึงมัน   มันก็กระโจนไปหา  
ภาพตรงหน้า  ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนสนาม  ล้มลุกคลุกคลานไปตามกัน    ฉันเห็นแล้วซาบซึ้ง น้ำตาจะไหลเสียให้ได้     (เซนซิทีฟ  ผิดมนุษย์มนา  คราวลัคกี้ก็ทีหนึ่งแล้ว   )

“คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะท็ดดี้  อย่าหนีออกจากบ้านอีกนะ   ที่ขากะเผลกนี่ คงโดนรถชนเอาละซิ  “ หล่อนพูดกับเท็ดดี้เรียบร้อย   ก็หันมาบอกกับพวกเรา

“บ้านฉันอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมัน ฝังตรงข้าม    ที่บ้านมีแค่ฉัน  กับเท็ดดี้    เมื่อเช้าฉันไปหาญาติ ให้หลานมาดูแลเจ้าเท็ดดี้    ตกเย็นหลานโทร.ไปบอก  ปล่อยเท็ดดี้วิ่งเล่นที่สนาม  ตัวเองเข้าไปเอากาแฟในบ้าน ออกมาเท็ดดี้  หายไปซะแล้ว  ฉันได้ฟังข่าวลมจะใส่  ให้หลานไปตามหาแถวบ้านให้ทั่ว  แต่หลานหาจนทั่วแต่ไม่เจอ  โชคดีที่คุณเจอมัน  ไม่อยากคิดจริงๆ  อะไรจะเกิดกับเท็ดดี้  ถ้ามันเตลิดไปไกล  แล้วไม่ได้พวกคุณช่วยเอาไว้  “

“ขอบคุณทุกคนนะคะ  ที่ช่วยเท็ดดี้แบร์ ของฉันเอาไว้  ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกคุณ  ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” หล่อนให้ศีลให้พร  พร้อมกับขอบคุณซ้ำๆ   ก่อนจะร่ำลา

และทันทีที่หล่อนเปิดประตูรถตอนหน้าด้านคนนั่ง  เจ้าเท็ดดี้ ก็ไม่รอช้า  กระโดดพรวดขึ้นไปนั่งหน้าเป๋อเหรอ  คงจะดีใจมาก  เลยลืมไปว่าตัวเองขาเจ็บอยู่
รถแล่นออกไปแล้ว  ท่ามกลางรอยยิ้มของพวกเราที่ยืนมองอยู่ข้างหลัง   อย่างมีความสุข  กับความโชคดีของเท็ดดี้ที่ได้กลับบ้านมัน..  แต่ในเวลาเดียวกัน  ก็ยังมีน้องหมาโชคร้ายอีกมากมาย  ที่ยังหลงทางอยู่บนถนน    หาทางกลับบ้านไม่ถูก.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่