อเมริกาไปเจริญเอาตอนไหนครับ ทั้งๆที่ประวัติศาสตร์อารยธรรมก็ไม่ได้มีมานานเหมือนชาติอื่นเขา

อยากทราบว่า ทำไมชาติที่แม้แต่อดีตเคยตกเป็นเมืองขึ้นเขา ชาติที่ไม่ได้มีอารยธรรมยาวนาน ดั่งจีน อินเดีย กรีก และอื่นๆ ถึงกลายมาเป็นชาติมหาอำนาจอำดับต้นๆของโลกได้?
สิ่งไหนคือจุดเปลี่ยน ที่ทำให้อเมริกาก้าวมาอยู่ ณ จุดๆนี้ได้ครับ
ทำไม อารยธรรมดั้งเดิมที่เคยก้าวหน้าอย่างเมโสโปเตเมีย จึง ไม่ทำให้บริเวณอิรักในปัจจุบันยิ่งใหญ่ เกรียงไกร
ทำไม บริเวณอารยธรรมอียิปต์ที่เคย รุ่งเรือง ในอดีต ไม่ได้ทำให้อียิปต์ในปัจจุบันยิ่งใหญ่
หรือแม่แต่ อังกฤษ ฝรั่งเศษโปรตุเกษ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นเจ้าอณานิคมมาก่อน ถึงโดนอเมริกาแซงได้
หรือแม้แต่สิงคโปร์ ที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่าไหร่เลย จึงกลายมาเป็นประเทศพัฒนาอันดับต้นๆของโลก ต่างกับไทยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาเกือบพันปี ทำไมถึงยังตามหลังชาติที่เกิดมาใหม่?
ช่วยทำให้หายสงสัยทีครับ ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
http://www.toptenz.net/top-10-reasons-to-be-proud-of-the-united-states.php
http://townhall.com/columnists/johnhawkins/2014/04/01/the-7-reasons-america-became-a-great-power-n1817340/page/full
http://www.quora.com/How-did-America-became-such-a-rich-and-powerful-country-in-the-first-place

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

http://ppantip.com/topic/32323372

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

http://news.voicetv.co.th/thailand/78436.html
http://news.voicetv.co.th/thailand/183438.html

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 5
เจริญเพราะคนยุโรปไปอยู่ ก็เอาทุกอย่างแบบยุโรปไป ทั้งอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย
แต่อเมริกามีคนเก่งๆไปอยู่มากหน่อย
และประเทศใหม่ไม่ต้องมากังวล มารักษาอะไรเก่าๆ วัฒนธรรมเก่าๆ เดินหน้าพ้ฒนาได้เต็มที่
เหมือนทางเอเซีย ประเทศไหม่ที่คนจีนไปอยู่ก็เจริญทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง ใต้หวัน
ความคิดเห็นที่ 33
เผย..สุนทรพจน์ของหัวหน้าเผ่าซีแอตเติล ค.ศ.1857 หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง เจ้าของแผ่นดินอเมริกา ได้กล่าวสุนทรพจน์ตอบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ขอซื้อดินแดนจากเผ่าอินเดียนแดง สุนทรพจน์ครั้งนั้น มีความหมายลึกซึ้งและคมคายมาก จนได้รับการยกย่องว่า “เป็นการบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยปรากฎ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
หัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า...ท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันได้แจ้งมาว่าเขาต้องการที่จะซื้อดินแดนของพวกเรา เรารู้ดีว่า มิตรภาพจากเรานั้น ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรสำหรับเขาเลยเพราะเรารู้ว่า ถ้าเราไม่ขาย พวกคนขาวก็อาจจะขนปืนมายึดดินแดนของพวกเราอยู่ดี แต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้น เขาซื้อขายกันได้อย่างไร ??
ความคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเรา หากความสดชื่นของอากาศ และความใสสะอาดของธารน้ำนั้น มิได้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเราแล้วท่านจะซื้อสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้อย่างไร ?? ทุกส่วนของแผ่นดินนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ต่อชนเผ่าของเราใบสนทุกใบ หาดทรายทุกแห่ง ป่าไม้ ทุ่งโล่ง และแมลงเล็กๆ ทุกตัว คือความทรงจำ
คือประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เรา อดีตของชาวอินเดียนแดงนั้น
ไหลซึมวนเวียนอยู่ในยางไม้ทั่วทั้งป่านี้ วิญญานของคนขาวนั้น "ไม่มีความผูกพันกับถิ่นกำเนิดของเขา" แต่วิญญานของพวกเรา "ไม่มีวันรู้ลืมแผ่นดินอันแสนงดงาม" และเปรียบเสมือนเป็นแม่ของชาวอินเดียนแดง "เราเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน และแผ่นดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน"
กลิ่นหอมของดอกไม้นั้น เปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเรา สัตว์ต่างๆ เช่น กวาง นกอินทรี คือพี่น้องของเรา ขุนเขาและความชุ่มชื้นของทุ่งหญ้า และไออุ่นจากม้าที่เราเลี้ยงไว้ ก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกัน ดังนั้น การที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตัน ขอซื้อดินแดนของเรา จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ใหญ่หลวงนัก เขาแจ้งมาว่า เขาจะจัดที่อยู่ใหม่ให้พวกเราอยู่ตามลำพังอย่างสุขสบาย และเขาจะทำตัวเสมือนพ่อ และเราก็จะเป็นเหมือนลูกๆ ของเขา
ดังนี้ข้อเสนอที่ท่านขอซื้อแผ่นดินของเรา แต่ไม่ใช่ของง่าย เพราะแผ่นดินนี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา กระแสน้ำระยิบระยับ ที่ไหลไปตามลำธารแม่น้ำ และทะเลสาบที่ใสสะอาดนั้น เต็มไปด้วยอดีตและความทรงจำ ของชาวอินเดียนแดง เสียงกระซิบแห่งน้ำคือเสียงของบรรพบุรุษของเรา แม่น้ำคือสายเลือดของเราๆ อาศัยเป็นทางสัญจร เป็นที่ดับกระหาย และเป็นแหล่งอาหารสำหรับลูกหลานของเรา
ถ้าเราขายดินแดนนี้ให้ท่าน ท่านจะต้องจดจำและสั่งสอนลูกหลานของท่านด้วยว่าแม่น้ำคือสายเลือดของเราและท่าน ท่านจะต้องปฏิบัติกับแม่น้ำเสมือนเป็นญาติพี่น้องของท่าน ชาวอินเดียนแดงมักจะหลีกทางให้กับคนผิวขาวเสมอมา "เหมือนกับหมอกบนขุนเขาที่ร่นหนีแสงแดดในยามรุ่งอรุณ" แต่เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เป็นสิ่งซึ่งเราสักการะบูชา และหลุมฝังศพของท่านเหล่านั้นเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับเทือกเขาและป่าไม้ เทพเจ้าประทานแผ่นดินส่วนนี้ไว้ให้กับพวกเรา เรารู้ดีว่า "คนผิวขาวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเรา สำหรับเขาแล้ว แผ่นดินไหนๆ ก็ตามก็เหมือนกันหมด" เพราะพวกเขาคือคนแปลกถิ่น ที่เข้ามา "กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากได้" คนผิวขาวไม่ได้ถือว่าแผ่นดินเป็นเลือดเนื้อของเขา แต่เป็นศัตรู และ "เมื่อเขาเอาชนะได้แล้วเขาก็จะทิ้งแผ่นดินนั้นไป"
แล้วก็ทิ้งเถ้าถ่านเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี เถ้าถ่านบรรพบุรุษและถิ่นกำเนิดของลูกหลาน ไม่มีอยู่ในความทรงจำของพวกคนผิวขาว เขาปฏิบัติต่อผู้ให้กำเนิด ญาติพี่น้อง แผ่นดิน และท้องฟ้า เสมือนสิ่งของที่มีไว้ซื้อขายได้ มันเป็นราวกับฝูงแกะหรือสายลูกประคำความหิวกระหายของคนผิวขาว จะสูบความอุดมสมบูรณ์จากแผ่นดิน และเหลือไว้แต่ทะเลทรายอันแห้งผาก
ในบ้านของคนผิวขาวไม่มีที่ใดเลยที่เงียบสงบ ไม่มีที่ที่จะได้ฟังเสียงใบไม้พัดด้วยกระแสลมในฤดูใบไม้ผลิ หรือเสียงปีกแมลงที่บินไปมา ชีวิตจะมีความหมายอะไร เมื่อปราศจากเสียงนกและเสียงกบเขียด ร้องโต้ตอบกันในยามค่ำคืน ข้าฯ เป็นอินเดียนแดง ข้าฯ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ ชาวอินเดียนแดงรักที่จะอยู่กับเสียงและกลิ่นของสายลม ฝนและกลิ่นไอของป่าได้
"ท่านต้องสอนให้ลูกหลานของท่านให้รู้ว่า แผ่นดินที่เขาเหยียบอยู่ คือ เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เพื่อเขาจะได้เคารพแผ่นดินนี้ บอกลูกหลานของท่านด้วยว่าโลกนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิต อันเป็นญาติพี่น้อง ของพวกเรา สั่งสอนลูกหลานของท่านเช่นเดียวกับที่เราสอนลูกหลานของเราเสมอมาว่า "โลกนี้ คือ แม่ ของเรา ความวิบัติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก ก็จะเกิดขึ้นกับเราด้วย หากมนุษย์ถ่มน้ำลายรดแผ่นดิน ก็เท่ากับมนุษย์ถ่มน้ำลายรดตัวเอง"
เรารู้ดีว่า โลกนี้ไม่ได้เป็นของมนุษย์ แต่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับสายเลือด ที่สร้างความผูกพันใน ครอบครัวทุกสิ่งทุกอย่าง มีส่วนผูกพันต่อกัน ความวิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกนี้ จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้างเส้นใย แห่งมวลชีวิต แต่มนุษย์เป็นเพียงเส้นใยเส้นหนึ่งเท่านั้น หากเขาทำลายเส้นใยเหล่านี้ เขาก็ทำลายตัวเอง"
นี้คือคำกล่าวของหัวชนเผ่าอินเดียนแดง ที่ไม่ได้เรียนจบสูงใดๆ เมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว เมื่อเอาคำกล่าวนี้มาพิจารณาอย่าละเอียดพบว่า "ยังคงเป็นจริงและทันสมัยอยู่เสมอถึงปัจจุบันนี้" ไม่มีชาวต่างชาติใด ที่เขาจะจริงใจกับคนไทยแน่นอน พวกเขาเพียงต้องการมาตักตวงผลประโยชน์จากแผ่นดินของเราเท่านั้น แล้วเขาก็ทำลายแผ่นดินของเราและจากไปหาแหล่งแผ่นดินใหมฺ่.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่