ให้ 8/10 นำเสนอชีวิตจริงของ 7 คนพี่น้องอังกูโล (แต่ลงรายละเอียดไปที่เด็กชาย 6 คน) ที่เติบโตขึ้นมาในอพาร์ตเมนต์ ฝั่ง East Side ของ New York จนเข้าสู่การเป็นวัยรุ่นแล้ว แต่แทบจะไม่เคยได้ออกมานอกห้องอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองเลยถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นพ่อ พวกเขาจึงได้แต่เรียนรู้โลกภายนอกผ่านการดูหนังที่ห้องเท่านั้น งานอดิเรกที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือการแสดงเป็นตัวละครต่างๆในหนังที่พวกเขาชื่นชอบ และแชร์ความฝันเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน
หนังสารคดีเรื่องนี้คว้าและชิงรางวัลมามากมายรวมไปถึงรางวัล Grand Jury Prize จากเทศกาล Sundance 2015 ผลงานกำกับเรื่องแรกของ Crystal Moselle ที่เริ่มต้นมาจากการพบเข้ากับเด็กหนุ่มทั้ง 6 คนโดยบังเอิญในวันที่พ่อของพวกเขาอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นในเมืองได้ แต่ที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาจากเด็กหนุ่มทั่วไปนั่นก็คือ ใบหน้าของชนเผ่าพื้นเมือง ผมยาวถึงกลางหลัง พูดจาและแต่งตัวด้วยชุดสูทใส่แว่นดำที่เหมือนหลุดออกมาจากหนัง Gangster ยุค 80 อย่างไงอย่างงั้น เธอจึงต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการตีสนิทจนกลายเป็นแขกคนแรกของครอบครัวที่ได้เหยียบเข้าไปในห้องอพาร์ตเมนต์ถ่ายทำหนังสารคดีนี้ และใช้เวลาร่วม 2 ปีในการตัดต่อจนเสร็จ เพราะเหตุการณ์ในครอบครัวอังกูลโลมีการเปลี่ยนแปลงตลอด
The Wolfpack เป็นหนังที่ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาในหัวและในใจมากมายทั้งก่อนชม ระหว่างชม และหลังชม เพราะหนังค่อนข้าง concern ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ที่ครอบคลุมไปถึงการหน่วงเหนี่ยวกักขัง สิทธิเสรีภาพในตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นสิทธิที่ผู้ปกครองพึงมีต่อบุตรทายาทในครอบครัวก็ตาม แต่ประด็นก็คือพวกเขามีสิทธินั้นมากน้อยแค่ไหน หรืออย่างไรถึงจะเรียกว่ามากหรือเรียกว่าน้อย หรือเป็นสิ่งที่ถูกควรหรือไม่ ที่กันไม่ให้ลูกๆออกสู่สังคมภายนอก
เมื่อถ้าดูผืนๆแล้วทุกคนในครอบครัวอังกูโลก็ดูมีความสุขดี จนคอหนังหลายๆคนอาจจะอิจฉาถึงการไม่ต้องออกไปเรียนหนังสือ หรือทำงาน ไม่ต้องมีภาระหน้าที่ ไม่ต้องรับผิดชอบ แถมยังได้นั่งดูหนังที่ตัวเองชอบทั้งวัน แต่ก็เกิดคำถามขี้นมาอีกว่า ความสุขนั้นแท้จริงแล้วสุขจริงหรือไม่ ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรง ที่มีปีกบินแต่ไม่สามารถบินออกไปท่องโลกได้ ด้วยความเชื่อเจ้าของนกที่ว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะปล่อยเจ้านกน้อยให้ออกไปเผชิญโลกกว้าง ด้วยความกลัวว่าเจ้านกน้อยอาจจะไม่อยู่รอดปลอดภัย หรือถ้าอยู่รอดแล้วจะไม่บินกลับมาอีก...
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะดูโหดร้ายเกินไปหน่อยกับเจ้านกน้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเป็นความหวังดี ความรัก เอาใจใส่ของเจ้าของนกทั้งสิ้น ในปริมาณที่อาจจะมากเกินไปหน่อย จนคิดให้แทนเสร็จสรรพก่อนที่เจ้านกน้อยทั้งหลายจะเรียนรู้ซะอีกว่ามีดินแดนอีกแห่งหนึ่ง... แต่เจ้าของนกมีสิทธิตัดสินใจแทนขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร เพราะไม่ว่านกตัวไหนก็คงอยากที่จะหัดบินออกไปสำรวจดินแดนแห่งนั้นด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่แค่มองผ่านหน้าต่าง มองผ่านกรงอันแข็งแกร่งออกไป แม้ว่าจะต้องเจอฝน พายุหรือเหยี่ยวอินทรีก็ตาม
The Wolfpack แม้จะเป็นหนังสารคดี ถ่ายทอดชีวิตของคนจริงๆ แต่ด้วยการที่เด็กชายทั้ง 6 มีทัศนะคติและบุคลิกภาพที่ดี จึงทำให้หนังมีความน่าสนใจในการติดตามเป็นอย่างมาก และให้ความรู้สึกกับคนดูเสมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้น ราวกับว่าเด็กทั้ง 6 คนเป็นกำลังพูดคุยกับเรา และคนเล่าเรื่องให้เราฟังด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือ หากได้ไปดูแล้วคุณจะพบว่าคุณรักพวกเขาเข้าเต็มๆ
เข้าฉายที่ SFW Central World
พฤหัส 16 - ศุกร์ 17 ก.ค. เวลา 15:00 / 17:00 / 21:20
เสาร์ 18 - อาทิตย์ 19 กค. เวลา 17:00 / 21:30
ปล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ค่ะ (แค่รักการดูหนังและอยากจะแชร์แลกเปลี่ยนความเห็นให้คนชอบดูหนังมาคุยกัน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ)
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[CR] รีวิวหนังเรื่อง The Wolfpack ชีวิตจริงของเด็ก 6 คนที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตในโลกภายนอกเลย
หนังสารคดีเรื่องนี้คว้าและชิงรางวัลมามากมายรวมไปถึงรางวัล Grand Jury Prize จากเทศกาล Sundance 2015 ผลงานกำกับเรื่องแรกของ Crystal Moselle ที่เริ่มต้นมาจากการพบเข้ากับเด็กหนุ่มทั้ง 6 คนโดยบังเอิญในวันที่พ่อของพวกเขาอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นในเมืองได้ แต่ที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาจากเด็กหนุ่มทั่วไปนั่นก็คือ ใบหน้าของชนเผ่าพื้นเมือง ผมยาวถึงกลางหลัง พูดจาและแต่งตัวด้วยชุดสูทใส่แว่นดำที่เหมือนหลุดออกมาจากหนัง Gangster ยุค 80 อย่างไงอย่างงั้น เธอจึงต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการตีสนิทจนกลายเป็นแขกคนแรกของครอบครัวที่ได้เหยียบเข้าไปในห้องอพาร์ตเมนต์ถ่ายทำหนังสารคดีนี้ และใช้เวลาร่วม 2 ปีในการตัดต่อจนเสร็จ เพราะเหตุการณ์ในครอบครัวอังกูลโลมีการเปลี่ยนแปลงตลอด
The Wolfpack เป็นหนังที่ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาในหัวและในใจมากมายทั้งก่อนชม ระหว่างชม และหลังชม เพราะหนังค่อนข้าง concern ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ที่ครอบคลุมไปถึงการหน่วงเหนี่ยวกักขัง สิทธิเสรีภาพในตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นสิทธิที่ผู้ปกครองพึงมีต่อบุตรทายาทในครอบครัวก็ตาม แต่ประด็นก็คือพวกเขามีสิทธินั้นมากน้อยแค่ไหน หรืออย่างไรถึงจะเรียกว่ามากหรือเรียกว่าน้อย หรือเป็นสิ่งที่ถูกควรหรือไม่ ที่กันไม่ให้ลูกๆออกสู่สังคมภายนอก
เมื่อถ้าดูผืนๆแล้วทุกคนในครอบครัวอังกูโลก็ดูมีความสุขดี จนคอหนังหลายๆคนอาจจะอิจฉาถึงการไม่ต้องออกไปเรียนหนังสือ หรือทำงาน ไม่ต้องมีภาระหน้าที่ ไม่ต้องรับผิดชอบ แถมยังได้นั่งดูหนังที่ตัวเองชอบทั้งวัน แต่ก็เกิดคำถามขี้นมาอีกว่า ความสุขนั้นแท้จริงแล้วสุขจริงหรือไม่ ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรง ที่มีปีกบินแต่ไม่สามารถบินออกไปท่องโลกได้ ด้วยความเชื่อเจ้าของนกที่ว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะปล่อยเจ้านกน้อยให้ออกไปเผชิญโลกกว้าง ด้วยความกลัวว่าเจ้านกน้อยอาจจะไม่อยู่รอดปลอดภัย หรือถ้าอยู่รอดแล้วจะไม่บินกลับมาอีก...
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะดูโหดร้ายเกินไปหน่อยกับเจ้านกน้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเป็นความหวังดี ความรัก เอาใจใส่ของเจ้าของนกทั้งสิ้น ในปริมาณที่อาจจะมากเกินไปหน่อย จนคิดให้แทนเสร็จสรรพก่อนที่เจ้านกน้อยทั้งหลายจะเรียนรู้ซะอีกว่ามีดินแดนอีกแห่งหนึ่ง... แต่เจ้าของนกมีสิทธิตัดสินใจแทนขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร เพราะไม่ว่านกตัวไหนก็คงอยากที่จะหัดบินออกไปสำรวจดินแดนแห่งนั้นด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่แค่มองผ่านหน้าต่าง มองผ่านกรงอันแข็งแกร่งออกไป แม้ว่าจะต้องเจอฝน พายุหรือเหยี่ยวอินทรีก็ตาม
The Wolfpack แม้จะเป็นหนังสารคดี ถ่ายทอดชีวิตของคนจริงๆ แต่ด้วยการที่เด็กชายทั้ง 6 มีทัศนะคติและบุคลิกภาพที่ดี จึงทำให้หนังมีความน่าสนใจในการติดตามเป็นอย่างมาก และให้ความรู้สึกกับคนดูเสมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้น ราวกับว่าเด็กทั้ง 6 คนเป็นกำลังพูดคุยกับเรา และคนเล่าเรื่องให้เราฟังด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือ หากได้ไปดูแล้วคุณจะพบว่าคุณรักพวกเขาเข้าเต็มๆ
เข้าฉายที่ SFW Central World
พฤหัส 16 - ศุกร์ 17 ก.ค. เวลา 15:00 / 17:00 / 21:20
เสาร์ 18 - อาทิตย์ 19 กค. เวลา 17:00 / 21:30
ปล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ค่ะ (แค่รักการดูหนังและอยากจะแชร์แลกเปลี่ยนความเห็นให้คนชอบดูหนังมาคุยกัน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ)
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker