เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปชมการจำลองถวายผางประทีปเหมือนที่ แม่น้ำคงคา ประเทศอินเดีย ที่วัดพันเตา การจุดถ้วยประทีป (การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย ณ ดินแดนที่เป็นที่สุดแห่งความรุ่งเรือง สง่างามทางวัฒนธรรมมาแต่อดีต และถ่ายทอดเป็นมรดกสืบต่อกันมาถึงอนุชนรุ่นหลัง รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ไม่เคยถ่ายสักที ครั้งแรกที่มา ที่นี้มาแล้วก็รู้สึกประทับใจมากๆ กดๆถ่ายๆมาให้ชมกันประมารนี้ครับผม
[0] เณรนั่งสมาธิ
วัดพันเตา ตั้งอยู่ตำบลพระสิงห์ ย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ติดกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จัดเป็นวัดราษฎร์ ในสังกัดมหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๔๐ ตามตำนานกล่าวว่า วัดพันเตามีอายุเก่าแก่ใกล้เคียงร่วมสมัยเดียวกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
แต่เดิมวัดนี้ไม่ได้เรียกชื่อวัดว่า "พันเตา" อย่างในปัจจุบัน คนเมืองเชียงใหม่ในอดีตนิยมเรียกวัดนี้ว่า "วัดปันเต้า" หรือ "วัดพันเท่า" ซึ่งหมายถึง ปริมาณที่เพิ่มพูนขึ้นมากมาย เป็นร้อยเท่าพันเท่า เป็นการเขียนตามอักษรล้านนา แต่อ่านออกเสียงว่า “ปันเต้า” แล้วจึงกลายมาเป็น "พันเท่า" ทำบุญที่ วัดปันเต้า (พันเท่า) ทำบุญเพียง ๑ จะได้อานิสงส์มากกว่าพัน
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าได้ใช้สถานที่ของวัดนี้เป็นที่ตั้งเตาหลอม สำหรับหล่อพระอัฏฐารสในวิหารวัดเจดีย์หลวง จึงได้ชื่อว่าวัดพันเตา
[1] จัดเตรียมวางและจุด ผางประทีป
[2] "ผางประทีป"ที่วัดพันเตามีการออกแบบมาเพื่อให้จุดได้เป็นเวลานานประมาณ5-10ชั่วโมงโดยมีลักษณะเหมือนถ้วยที่ทำจากดินเผา ไม่แบนเหมือนที่นิยมจุดในวันลอยกระทง
[3] เตรียมจุดผางประทีบ
[4] ชาวล้านนานิยมจุดผางประทีปเป็นพุทธบูชา เห็นว่าสืบเนื่องมาตั้งแต่ตำนานพระทธเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคดมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และพระศรีอริยะเมตไตร ตามตำนานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์นั้นเกิดจากแม่กาเผือกวันหนึ่งแม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุทำให้ไข่ทั้งห้าฟองพลัดตกจากรังลงไปในแม่น้ำ และมีแม่ไก่ นาค เต่า โค และราชสีห์เก็บไปเลี้ยง จนไข่ฟักตัวออกมาเป็นมนุษย์เพศชาย และต่อมาได้บวชเป็นฤาษี เมื่อมาพบกันจึงได้สงสัยว่าใครเป็นแม่ที่แท้จริง จึงร่วมอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ที่แท้จริง ทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกลงมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฤาษีทั้งห้าฟัง และบอกว่าถ้าคิดถึงแม่็ให้นำด้ายดิบมาพันจุดเป็นประทีปในวันยี่เป็ง และด้วยอานิสสงส์จากการถวายผางประทีปจึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์
[5] วันวิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
[6] วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 3 ประการ คือ
วันประสูติ
ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ปรินิพพาน
[7] ความหมาย คำว่า “วิสาขบูชา” หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ย่อมาจาก “วิสา – ขบุรณมีบูชา” แปลว่า “การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ” ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน 7
[8]
[9]
[10] สถานที่แสงน้อย ถ่ายยากมากๆดัน iso สูงน้อยด์ก็แถมมาด้วย จะใช้น้อย ลากสปีดเอา เณรก็ไหว ได้เลือกเอา พี่วนัสคนในพื้นที่บอก สถานที่ปราบเซียน อิอิ
[11] การบรรยายมีถึง 3 ภาษาด้วยกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเข้าใจความหมายของการจุดผางประทีบและวันวิสาขบูชา
[12] เสร็จสิ้นพิธีการ
ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องก็แล้วกันนะครับ เขียนอธิบายไม่ค่อยเป็น อันนี้ก็ไปอ่านๆมาแล้วเอามาแปะๆไว้ ผมแค่อยากแชร์ความรู้สึก อยากให้คนอื่นได้เห็นในแบบที่ผมเห็น อยากให้รู้สึกและสัมผัสได้แบบผม อยากส่งต่อความประทับใจนั้นต่อผู้อื่น ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับผม
ติดตามข่าวสารวัดได้ที่
https://www.facebook.com/watpantao
พูดคุยทักทายกันได้ครับที่ เฟสบุ๊กผม
https://www.facebook.com/chanwit.whanset สวัสดีครับ
วันวิสาขบูชาที่วัดพันเตา จังหวัดเชียงใหม่
[0] เณรนั่งสมาธิ
วัดพันเตา ตั้งอยู่ตำบลพระสิงห์ ย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ติดกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จัดเป็นวัดราษฎร์ ในสังกัดมหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๔๐ ตามตำนานกล่าวว่า วัดพันเตามีอายุเก่าแก่ใกล้เคียงร่วมสมัยเดียวกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
แต่เดิมวัดนี้ไม่ได้เรียกชื่อวัดว่า "พันเตา" อย่างในปัจจุบัน คนเมืองเชียงใหม่ในอดีตนิยมเรียกวัดนี้ว่า "วัดปันเต้า" หรือ "วัดพันเท่า" ซึ่งหมายถึง ปริมาณที่เพิ่มพูนขึ้นมากมาย เป็นร้อยเท่าพันเท่า เป็นการเขียนตามอักษรล้านนา แต่อ่านออกเสียงว่า “ปันเต้า” แล้วจึงกลายมาเป็น "พันเท่า" ทำบุญที่ วัดปันเต้า (พันเท่า) ทำบุญเพียง ๑ จะได้อานิสงส์มากกว่าพัน
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าได้ใช้สถานที่ของวัดนี้เป็นที่ตั้งเตาหลอม สำหรับหล่อพระอัฏฐารสในวิหารวัดเจดีย์หลวง จึงได้ชื่อว่าวัดพันเตา
[1] จัดเตรียมวางและจุด ผางประทีป
[2] "ผางประทีป"ที่วัดพันเตามีการออกแบบมาเพื่อให้จุดได้เป็นเวลานานประมาณ5-10ชั่วโมงโดยมีลักษณะเหมือนถ้วยที่ทำจากดินเผา ไม่แบนเหมือนที่นิยมจุดในวันลอยกระทง
[3] เตรียมจุดผางประทีบ
[4] ชาวล้านนานิยมจุดผางประทีปเป็นพุทธบูชา เห็นว่าสืบเนื่องมาตั้งแต่ตำนานพระทธเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคดมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และพระศรีอริยะเมตไตร ตามตำนานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์นั้นเกิดจากแม่กาเผือกวันหนึ่งแม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุทำให้ไข่ทั้งห้าฟองพลัดตกจากรังลงไปในแม่น้ำ และมีแม่ไก่ นาค เต่า โค และราชสีห์เก็บไปเลี้ยง จนไข่ฟักตัวออกมาเป็นมนุษย์เพศชาย และต่อมาได้บวชเป็นฤาษี เมื่อมาพบกันจึงได้สงสัยว่าใครเป็นแม่ที่แท้จริง จึงร่วมอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ที่แท้จริง ทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกลงมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฤาษีทั้งห้าฟัง และบอกว่าถ้าคิดถึงแม่็ให้นำด้ายดิบมาพันจุดเป็นประทีปในวันยี่เป็ง และด้วยอานิสสงส์จากการถวายผางประทีปจึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์
[5] วันวิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
[6] วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 3 ประการ คือ
วันประสูติ
ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ปรินิพพาน
[7] ความหมาย คำว่า “วิสาขบูชา” หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ย่อมาจาก “วิสา – ขบุรณมีบูชา” แปลว่า “การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ” ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน 7
[8]
[9]
[10] สถานที่แสงน้อย ถ่ายยากมากๆดัน iso สูงน้อยด์ก็แถมมาด้วย จะใช้น้อย ลากสปีดเอา เณรก็ไหว ได้เลือกเอา พี่วนัสคนในพื้นที่บอก สถานที่ปราบเซียน อิอิ
[11] การบรรยายมีถึง 3 ภาษาด้วยกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเข้าใจความหมายของการจุดผางประทีบและวันวิสาขบูชา
[12] เสร็จสิ้นพิธีการ
ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องก็แล้วกันนะครับ เขียนอธิบายไม่ค่อยเป็น อันนี้ก็ไปอ่านๆมาแล้วเอามาแปะๆไว้ ผมแค่อยากแชร์ความรู้สึก อยากให้คนอื่นได้เห็นในแบบที่ผมเห็น อยากให้รู้สึกและสัมผัสได้แบบผม อยากส่งต่อความประทับใจนั้นต่อผู้อื่น ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับผม
ติดตามข่าวสารวัดได้ที่ https://www.facebook.com/watpantao
พูดคุยทักทายกันได้ครับที่ เฟสบุ๊กผม https://www.facebook.com/chanwit.whanset สวัสดีครับ