“สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ชื่อนี้อาจจะโดดเด่นอยู่ในวงการฟุตบอลไทยเพียงแค่ไม่นาน
นั่นเพราะเป็นชื่อใหม่ ที่เพิ่งเปลี่ยนจากชื่อเดิม
“โกสินทร์ หทัยรัตนกุล” โดยถือฤกษ์งามยามดี เมื่อวันที่
9 เดือน
9 ปี
2009
ในช่วงแรกๆ จึงยังมีแฟนบอลจำนวนหนึ่ง งุนงงและสงสัย ว่า
“สินทวีชัยคือใคร และเป็นอะไรกับโกสินทร์”
ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อจริงเท่านั้น ที่สร้างความสับสน ชื่อเล่นก็ไม่ต่างกัน
ทุกวันนี้ ยังมีคนเรียกสินทวีชัยสั้นๆว่า
“บอล” ทำให้หลายคนสงสัย ว่า
“บอลคือใคร และเป็นอะไรกับตี๋”
คำตอบเป็นคำตอบเดียวกันกับคำถามด้านบน คือ
“เป็นคนคนเดียวกัน”
“บอล” เป็นชื่อเล่นที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้ ส่วน
“ตี๋” เป็นชื่อที่ถูกเรียกในภายหลัง โดยคุณวิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ เนื่องจากชื่อเล่นเดิมนั้น มัน
“โหลมาก”
(แซวเรื่องชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ผิดกาลเทศะมั๊ยเนี่ย ...
หากเป็นการกล่าวล่วงเกิน กราบขออภัยคุณพ่อคุณแม่ของสินทวีชัยไว้ ณ นี้ด้วยนะคะ)
เดิมที ดิฉันมีความเข้าใจว่า สินทวีชัย เป็นคนชลบุรีโดยกำเนิด
เพราะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และค้าแข้งอยู่กับสโมสรชลบุรีมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่
โกสินทร์ เด็กชายจากจังหวัดสกลนคร ออกเดินทางตามหาความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ตั้งแต่อายุยังน้อย
ด้วยการจากบ้านเกิด ไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในโครงการช้างเผือก
เรื่องราวในช่วงเวลานั้น ดิฉันเองก็ไม่ทราบแน่ชัดนัก
เคยอ่านสกู๊ปหนึ่ง ระบุเอาไว้ว่า สินทวีชัยเดินทางจากจังหวัดสกลนครเพียงลำพัง มาใช้ชีวิตอยู่ไกลบ้าน ตัวคนเดียว
(เนื้อความในสกู๊ป เขียนไว้คร่าวๆ ในทำนองนี้)
อ่านแล้วรู้สึกทึ่งและยอมรับในความกล้าหาญของ "เด็กชายโกสินทร์ หทัยรัตนกุล" คนนี้มาก
ด้วยเชื่อว่า เด็กทุกคนล้วนมีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่จะมีเด็กเพียงแค่บางคนเท่านั้น ที่กล้าตามหาและไล่ล่าความฝัน ของตัวเอง
โดยเฉพาะการที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนและครอบครัว ตั้งแต่อายุยังน้อย
นับว่าเป็นการออกเดินทางเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนักเตะอาชีพที่น่าทึ่งและน่าประทับใจจริงๆ
(เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีเด็กซักคน เดินมาถามดิฉันว่า “ป้าครับ ผมอยากเป็นนักเตะทีมชาติไทย ผมควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี”
ดิฉันมักจะแนะนำเด็กๆเหล่านั้น ให้ลองศึกษาเส้นทางของสินทวีชัย และชนาธิป สรงกระสินธ์
มีความเชื่อมั่นว่า นักเตะทั้ง 2 คนนี้ น่าจะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจที่ดี)
ข้ามมามองสินทวีชัย ในวัย 33 ปี (เกิด 23 มีนาคม พ.ศ. 2525)
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นความโชคดีของการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่ทำให้สินทวีชัยอยู่บนถนนสายลูกหนังได้อย่างยาวนาน
และที่สำคัญ ยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย
ฟอร์มการเล่นของสินทวีชัยในช่วงหลัง มีทั้งแบบที่ดีจนได้รับคำชื่นชมในวงกว้าง และผิดพลาดจนถูกตำหนิ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน ชลบุรีเสมอบางกอกกลาส 2 – 2 ... ฟอร์มการเล่นของสินทวีชัยในนัดนั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบ
(ขออนุญาตยกตัวอย่าง
และขอโน้ตเอาไว้ว่า ในการยกตัวอย่าง ดิฉันไม่ได้มีเจตตาที่ไม่ดีต่อท่านเจ้าของความคิดเห็น เพียงแค่ยกตัวอย่างประกอบข้อมูลด้านบนเท่านั้น)
แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ชื่อของสินทวีชัยถูกหยิบขึ้นมากล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อทีมชาติไทยต้องการผู้รักษาประตูฝีมือดี ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
กระแสในเวลานั้น มีทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย
แต่สุดท้ายแล้ว สินทวีชัย ก็เป็นผู้รักษาประตูคนหนึ่ง ที่มีรายชื่อในทีม ร่วมกับฉัตรชัย บุตรพรม ที่โชว์ฟอร์มได้ดี
(แต่มีกระแสสังคมในด้านลบ เกี่ยวกับการแนวเล่นและการแสดงทัศนคติ ... บรรทัดนี้ กล่าวถึงถึงฉัตรชัย)
และก็เป็นสินทวีชัย ที่ได้รับความไว้วางใจจากโค้ช คว้าตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติไทย
โดยฟอร์มการเล่นในช่วงเวลานั้น ต้องบอกว่า “ดี”
และดีจนฮือฮา จากการอ่านเกมขาดและสามารถออกมาตัดเกมได้สำเร็จถึง 2 ครั้ง จนแฟนบอลให้ฉายา
“นอยเออร์เมืองไทย”
เรียกว่า เป็นการกลับมาทวงตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติไทยที่สวยงามและสมศักดิ์ศรีทีเดียว
เกริ่นมาซะยืดยาว ... มาเข้าเรื่องเข้าประเด็นกันซะที อิอิ
สิ่งที่มองเห็นได้จากในเกม คือ “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” เป็นผู้รักษาประตูฝีมือดี บุคลิกดี
(มีภาวะความเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ในบทบาทกัปตันทีมได้อย่างยอดเยี่ยม)
รู้สึกว่า ชอบและอยากรู้จักตัวตนของนักเตะคนนี้จัง ทั้งที่ก็รู้ดีว่า ถ้าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็คงจะเป็นเรื่องยาก ที่จะรู้จักตัวตนของเค้า
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
ในยุคข้อมูลข่าวสารและโซเชียลมีเดียเข้าถึงทุกคนแบบนี้ ลองไปทำความรู้จักสินทวีชัย (ข้างเดียว) ผ่านการใช้เฟซบุ๊ค ดูดีกว่า
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก ที่แอบติดตามความเคลื่อนไหวของสินทวีชัยผ่านเฟซบุ๊ค แต่กลับรู้สึกว่า เริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของสินทวีชัย
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้รักษาประตูที่ฝีเท้าและบุคลิกดี ท่าทางจะเป็นคนอัธยาศัยและทัศนคติดีด้วย
ขอถือโอกาสนี้ แชร์ความเป็น “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ให้ทุกคนได้ลองทำความรู้จัก ผ่านรูปภาพและข้อความจากเฟซบุ๊คของสินทวีชัยเอง
(ร่วมกับความคิดเห็นของดิฉันด้วย)
เพื่อความสะดวกและไม่ซับซ้อน จะไล่เรียงสิ่งที่พบเห็นจากการไปเกาะติดเฟซบุ๊คสินทวีชัยแบบม้วนเดียวจบ
แล้วสรุปความคิดเห็นของตัวเองด้านล่างก็แล้วกัน
(ขออนุญาต สินทวีชัย ในการนำภาพและข้อความจากเฟซบุ๊คมาแชร์ในกระทู้นี้ด้วยนะคะ
พิจารณาจากการที่โพสต์เป็น Public จึงถือวิสาสะเอามาเผยแพร่ โดยไม่ได้ขอและรอการอนุญาต เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวน
และเป็นการเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดี)
เพื่อนๆลองอ่าน แล้วคิดเอาไว้ในใจ ว่าความรู้สึกต่อตัวตนของสินทวีชัย จะเหมือนหรือแตกต่างจากดิฉันมากน้อยแค่ไหนนะคะ
เริ่มเลยละกัน คัดมาบางส่วนนะ ... จับภาพและตัดภาพแค่นี้ บอกตรงๆว่ามือหงิกและนิ้วล็อค 555
จากการเข้าไปทำความรู้จักสินทวีชัย ผ่านทางเฟซบุ๊ค สรุปออกมาในส่วนของตัวเองแบบสั้นๆง่ายๆ และน่าจะได้ใจความ ว่า
* สินทวีชัย เป็นคนยิ้มง่าย อารมณ์ดี และมีอารมณ์ขัน
* สินทวีชัย เป็นคนมีน้ำใจ ใช้ความเป็นนักเตะในการช่วยเหลือผู้อื่น และยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถของตนเอง ไปสู่เด็กและเยาวชน
* สินทวีชัย เป็นคนที่มีความกตัญญู ทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่ โรงเรียนเก่า โค้ชผู้รักษาประตู และอื่นๆ
แม้แต่ในความสำเร็จของตนเอง สินทวีชัยมักจะให้เครดิตบุคคลที่เกี่ยวข้องเสมอ
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่เห็นความสำคัญของแฟนบอล
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่มีความรับผิดชอบและความทุ่มเท ทั้งต่อสโมสรและทีมชาติ
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่มีวุฒิภาวะ มีทัศนคติต่อการเตะฟุตบอลและการใช้ชีวิตที่ดี ถูกต้องและเหมาะสม
เนื่องด้วย ดิฉันไม่สามารถที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอทั้งหมดได้ จึงขอนำเสนอไปทีละประเด็น ในความคิดเห็นด้านล่าง
หากท่านยังมีความสนใจที่จะรู้จัก “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ให้มากกว่านี้ โปรดติดตามต่อด้านล่าง
พร้อมกันนี้ ขอทิ้งคำถามไว้ล่วงหน้าหนึ่งคำถาม ว่า
“ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักสินทวีชัย เหมือนกันรึป่าว”
(สังเกตหลายครั้งแล้ว หลายๆคนมักจะอ่านเฉพาะเนื้อความในหัวข้อกระทู้ ไม่ได้อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของความคิดเห็น)
✿ ยิ่งรู้จัก ยิ่งรัก “สินทวีชัย”
“สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ชื่อนี้อาจจะโดดเด่นอยู่ในวงการฟุตบอลไทยเพียงแค่ไม่นาน
นั่นเพราะเป็นชื่อใหม่ ที่เพิ่งเปลี่ยนจากชื่อเดิม “โกสินทร์ หทัยรัตนกุล” โดยถือฤกษ์งามยามดี เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009
ในช่วงแรกๆ จึงยังมีแฟนบอลจำนวนหนึ่ง งุนงงและสงสัย ว่า “สินทวีชัยคือใคร และเป็นอะไรกับโกสินทร์”
ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อจริงเท่านั้น ที่สร้างความสับสน ชื่อเล่นก็ไม่ต่างกัน
ทุกวันนี้ ยังมีคนเรียกสินทวีชัยสั้นๆว่า “บอล” ทำให้หลายคนสงสัย ว่า “บอลคือใคร และเป็นอะไรกับตี๋”
คำตอบเป็นคำตอบเดียวกันกับคำถามด้านบน คือ “เป็นคนคนเดียวกัน”
“บอล” เป็นชื่อเล่นที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้ ส่วน “ตี๋” เป็นชื่อที่ถูกเรียกในภายหลัง โดยคุณวิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ เนื่องจากชื่อเล่นเดิมนั้น มัน “โหลมาก”
(แซวเรื่องชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ผิดกาลเทศะมั๊ยเนี่ย ... หากเป็นการกล่าวล่วงเกิน กราบขออภัยคุณพ่อคุณแม่ของสินทวีชัยไว้ ณ นี้ด้วยนะคะ)
เดิมที ดิฉันมีความเข้าใจว่า สินทวีชัย เป็นคนชลบุรีโดยกำเนิด
เพราะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และค้าแข้งอยู่กับสโมสรชลบุรีมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่
โกสินทร์ เด็กชายจากจังหวัดสกลนคร ออกเดินทางตามหาความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ตั้งแต่อายุยังน้อย
ด้วยการจากบ้านเกิด ไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในโครงการช้างเผือก
เรื่องราวในช่วงเวลานั้น ดิฉันเองก็ไม่ทราบแน่ชัดนัก
เคยอ่านสกู๊ปหนึ่ง ระบุเอาไว้ว่า สินทวีชัยเดินทางจากจังหวัดสกลนครเพียงลำพัง มาใช้ชีวิตอยู่ไกลบ้าน ตัวคนเดียว
(เนื้อความในสกู๊ป เขียนไว้คร่าวๆ ในทำนองนี้)
อ่านแล้วรู้สึกทึ่งและยอมรับในความกล้าหาญของ "เด็กชายโกสินทร์ หทัยรัตนกุล" คนนี้มาก
ด้วยเชื่อว่า เด็กทุกคนล้วนมีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่จะมีเด็กเพียงแค่บางคนเท่านั้น ที่กล้าตามหาและไล่ล่าความฝัน ของตัวเอง
โดยเฉพาะการที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนและครอบครัว ตั้งแต่อายุยังน้อย
นับว่าเป็นการออกเดินทางเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนักเตะอาชีพที่น่าทึ่งและน่าประทับใจจริงๆ
(เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีเด็กซักคน เดินมาถามดิฉันว่า “ป้าครับ ผมอยากเป็นนักเตะทีมชาติไทย ผมควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี”
ดิฉันมักจะแนะนำเด็กๆเหล่านั้น ให้ลองศึกษาเส้นทางของสินทวีชัย และชนาธิป สรงกระสินธ์
มีความเชื่อมั่นว่า นักเตะทั้ง 2 คนนี้ น่าจะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจที่ดี)
ข้ามมามองสินทวีชัย ในวัย 33 ปี (เกิด 23 มีนาคม พ.ศ. 2525)
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นความโชคดีของการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่ทำให้สินทวีชัยอยู่บนถนนสายลูกหนังได้อย่างยาวนาน
และที่สำคัญ ยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย
ฟอร์มการเล่นของสินทวีชัยในช่วงหลัง มีทั้งแบบที่ดีจนได้รับคำชื่นชมในวงกว้าง และผิดพลาดจนถูกตำหนิ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน ชลบุรีเสมอบางกอกกลาส 2 – 2 ... ฟอร์มการเล่นของสินทวีชัยในนัดนั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบ
(ขออนุญาตยกตัวอย่าง
และขอโน้ตเอาไว้ว่า ในการยกตัวอย่าง ดิฉันไม่ได้มีเจตตาที่ไม่ดีต่อท่านเจ้าของความคิดเห็น เพียงแค่ยกตัวอย่างประกอบข้อมูลด้านบนเท่านั้น)
แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ชื่อของสินทวีชัยถูกหยิบขึ้นมากล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อทีมชาติไทยต้องการผู้รักษาประตูฝีมือดี ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
กระแสในเวลานั้น มีทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย
แต่สุดท้ายแล้ว สินทวีชัย ก็เป็นผู้รักษาประตูคนหนึ่ง ที่มีรายชื่อในทีม ร่วมกับฉัตรชัย บุตรพรม ที่โชว์ฟอร์มได้ดี
(แต่มีกระแสสังคมในด้านลบ เกี่ยวกับการแนวเล่นและการแสดงทัศนคติ ... บรรทัดนี้ กล่าวถึงถึงฉัตรชัย)
และก็เป็นสินทวีชัย ที่ได้รับความไว้วางใจจากโค้ช คว้าตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติไทย
โดยฟอร์มการเล่นในช่วงเวลานั้น ต้องบอกว่า “ดี”
และดีจนฮือฮา จากการอ่านเกมขาดและสามารถออกมาตัดเกมได้สำเร็จถึง 2 ครั้ง จนแฟนบอลให้ฉายา “นอยเออร์เมืองไทย”
เรียกว่า เป็นการกลับมาทวงตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติไทยที่สวยงามและสมศักดิ์ศรีทีเดียว
เกริ่นมาซะยืดยาว ... มาเข้าเรื่องเข้าประเด็นกันซะที อิอิ
สิ่งที่มองเห็นได้จากในเกม คือ “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” เป็นผู้รักษาประตูฝีมือดี บุคลิกดี
(มีภาวะความเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ในบทบาทกัปตันทีมได้อย่างยอดเยี่ยม)
รู้สึกว่า ชอบและอยากรู้จักตัวตนของนักเตะคนนี้จัง ทั้งที่ก็รู้ดีว่า ถ้าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็คงจะเป็นเรื่องยาก ที่จะรู้จักตัวตนของเค้า
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
ในยุคข้อมูลข่าวสารและโซเชียลมีเดียเข้าถึงทุกคนแบบนี้ ลองไปทำความรู้จักสินทวีชัย (ข้างเดียว) ผ่านการใช้เฟซบุ๊ค ดูดีกว่า
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก ที่แอบติดตามความเคลื่อนไหวของสินทวีชัยผ่านเฟซบุ๊ค แต่กลับรู้สึกว่า เริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของสินทวีชัย
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้รักษาประตูที่ฝีเท้าและบุคลิกดี ท่าทางจะเป็นคนอัธยาศัยและทัศนคติดีด้วย
ขอถือโอกาสนี้ แชร์ความเป็น “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ให้ทุกคนได้ลองทำความรู้จัก ผ่านรูปภาพและข้อความจากเฟซบุ๊คของสินทวีชัยเอง
(ร่วมกับความคิดเห็นของดิฉันด้วย)
เพื่อความสะดวกและไม่ซับซ้อน จะไล่เรียงสิ่งที่พบเห็นจากการไปเกาะติดเฟซบุ๊คสินทวีชัยแบบม้วนเดียวจบ
แล้วสรุปความคิดเห็นของตัวเองด้านล่างก็แล้วกัน
(ขออนุญาต สินทวีชัย ในการนำภาพและข้อความจากเฟซบุ๊คมาแชร์ในกระทู้นี้ด้วยนะคะ
พิจารณาจากการที่โพสต์เป็น Public จึงถือวิสาสะเอามาเผยแพร่ โดยไม่ได้ขอและรอการอนุญาต เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวน
และเป็นการเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดี)
เพื่อนๆลองอ่าน แล้วคิดเอาไว้ในใจ ว่าความรู้สึกต่อตัวตนของสินทวีชัย จะเหมือนหรือแตกต่างจากดิฉันมากน้อยแค่ไหนนะคะ
เริ่มเลยละกัน คัดมาบางส่วนนะ ... จับภาพและตัดภาพแค่นี้ บอกตรงๆว่ามือหงิกและนิ้วล็อค 555
จากการเข้าไปทำความรู้จักสินทวีชัย ผ่านทางเฟซบุ๊ค สรุปออกมาในส่วนของตัวเองแบบสั้นๆง่ายๆ และน่าจะได้ใจความ ว่า
* สินทวีชัย เป็นคนยิ้มง่าย อารมณ์ดี และมีอารมณ์ขัน
* สินทวีชัย เป็นคนมีน้ำใจ ใช้ความเป็นนักเตะในการช่วยเหลือผู้อื่น และยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถของตนเอง ไปสู่เด็กและเยาวชน
* สินทวีชัย เป็นคนที่มีความกตัญญู ทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่ โรงเรียนเก่า โค้ชผู้รักษาประตู และอื่นๆ
แม้แต่ในความสำเร็จของตนเอง สินทวีชัยมักจะให้เครดิตบุคคลที่เกี่ยวข้องเสมอ
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่เห็นความสำคัญของแฟนบอล
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่มีความรับผิดชอบและความทุ่มเท ทั้งต่อสโมสรและทีมชาติ
* สินทวีชัย เป็นนักเตะที่มีวุฒิภาวะ มีทัศนคติต่อการเตะฟุตบอลและการใช้ชีวิตที่ดี ถูกต้องและเหมาะสม
เนื่องด้วย ดิฉันไม่สามารถที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอทั้งหมดได้ จึงขอนำเสนอไปทีละประเด็น ในความคิดเห็นด้านล่าง
หากท่านยังมีความสนใจที่จะรู้จัก “สินทวีชัย หทัยรัตนกุล” ให้มากกว่านี้ โปรดติดตามต่อด้านล่าง
พร้อมกันนี้ ขอทิ้งคำถามไว้ล่วงหน้าหนึ่งคำถาม ว่า “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักสินทวีชัย เหมือนกันรึป่าว”
(สังเกตหลายครั้งแล้ว หลายๆคนมักจะอ่านเฉพาะเนื้อความในหัวข้อกระทู้ ไม่ได้อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของความคิดเห็น)