เทวดาชั้นดุสิตเล่าเรื่องสวรรค์..(1),
บอกเล่าโดยเทพวิชิต ธรรมรังษี
..เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ ผู้เขียนไม่ได้แต่งสรรค์ หรือเติมข้อความใดๆลงไปเลย ขอยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่ท่านเทพวิชิต ธรรมรังษี ได้พูดออกมาเองทั้งหมด ผ่านร่างทรงคือ "............." ต่อหน้าประจักพยานนับพันคน จะจริงแท้ประการใด หวังว่าท่านคงไม่คิดว่า เทวดาชั้นดุสิตจะมาปั้นเรื่องโกหกท่านหรอกนะ
เทพวิชิต : สวัสดีครับ ท่านพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา เหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ผมมีความยินดีเป็นอย่างมากครับ ที่มีเกียรติมาพูดที่ห้องประชุมชั้น 2 มีความลำบากใจมาก เพราะว่าองค์ปาฐกที่จะต้องมานั่งบนเค้าเตอร์นี้ ล้วนมีความแตกฉานชำนาญในการพูด ทั้งวิชาการและความรอบรู้ต่าง ๆ ฉะนั้นผม เทวดาผู้น้อย ได้เล่าเรียนมายังไม่เพียงพอ ได้ถูกเชิญให้ขึ้นมาพูดบนนี้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก ทั้งในความจริงผมก็ได้คลุกคลีคุ้นเคยกับท่านอยู่เสมอ อาจแทบพูดได้ว่าแทบจะทุกวันก็ได้
อาจารย์"..........." ได้ตั้งชื่อเรื่องว่า นรก สวรรค์ อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ จะพิสูจน์ได้อย่างไร ผมผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใน ณ ที่นั่นคือสวรรค์ จึงจะมาขอพูดเรื่องสวรรค์ให้ฟัง เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะเวลามีไม่มาก ก็ขอเกริ่นข่าวเล่าความว่า ก่อนที่เราจะฟังเรื่องนรกสวรรค์นั้น เราจะต้องรู้ว่า ความสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่ฝัง อยู่ภายใต้จิตใจของท่าน ผู้ที่เป็นมนุษย์ทั้งหลายและเป็นผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายของผมด้วย ไม่มีอะไรเกินไปกว่าไม่มีปัญญา ในปัญหาของเรื่องชีวิต และเมื่อเราไม่มีปัญญาแล้ว ต่างคนต่างก็นึกคิดเอาง่ายๆว่า ตายแล้วไม่เกิด เกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว
เมื่อมีความคิดเช่นนี้แล้ว ก็ก่อกรรม ทำพฤติกรรมออกไปทางกาย วาจา และใจได้โดยง่าย แต่ด้วยการไม่รู้เหตุไม่รู้ผล ไม่รู้จักตน และไม่รู้จักประมาณ ไม่รู้จักกาล ไม่รู้จักชุมชน และไม่รู้จักเลือกคบคน สิ่งเหล่านี้จึงนำชีวิตของท่านให้ตกอยู่ภายใต้ความประมาทพลาดถลำอยู่ตลอดเวลา กระผมในฐานะเป็นตัวแทนมาจากชั้นดุสิต มีความยินดีมากที่จะพูดเรื่องสวรรค์ให้ท่านฟัง
ในเรื่องสวรรค์มีทั้งหมด ชั้นที่ 1 คือ ชั้นจาตุมหาราชิกา ชั้นที่ 2 คือ ตาวตึงสา 3 ยามา 4 ดุสิตา 5 นิมมานรดี 6 ปรนิมมิตวสวัตตี 7 รูปพรหม อรูปพรหม ทั้งนี้ท่านก็ไม่สามารถมองเห็นได้ จะเล่าให้ฟัง เพราะผมเองก็เคยเกิดชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่1 ในพื้นของสวรรค์ชั้นที่1 นั้นมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากมายนัก ก็เปรียบเสมือนท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ กับคนที่อยู่ในชนบท ความมีฐานะที่แตกต่างกัน ยากจน แล้วความเป็นอยู่อัตคัตกว่าเรา เราเปรียบได้อย่างนั้น แต่ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทวดานั้นก็คือ กายหยาบกับกายละเอียด
ในชั้นจาตุมหาราชิกานั้น มีความน่าสมเพชมาก(ชั้นล่างสุด) ฉะนั้น ท่านจะเป็นเทวดาก็ต้องไปให้ดี ไปให้พ้นชั้นจาตุต่ำๆ เพราะว่าที่นั่นมีการทำนา เดี๋ยวฟังนะครับอย่าเพิ่งตกใจ มีการทำนา มีการเกี่ยวพืชไร่ มีขอทาน มีสารพัด เพราะอะไรครับ เพราะเทวดาในชั้นนั้นเกิดด้วยกุศลอันมีกำลังอ่อน และเหมือนมนุษย์ที่มาเกิดเป็นลูกขอทาน ยาจก เพราะว่าอดีตชาติให้ทานไว้น้อย จึงเกิดมาไม่สมบูรณ์ใน เงินทอง ข้าวของต่างๆ เช่นเดียวกันกับเทวดา เพราะการเกิดเป็นเทวดานี่ง่ายมาก
เช่นเราตายจากมนุษย์นี้ นึกคิดไปในเรื่องดี เช่นเห็นพระเห็นอะไร อย่างที่เขาเห็นกัน จิตจับอารมณ์ดีแล้ว อันนั้นก็เป็นสตินำเกิดเป็นเทวดา แต่ด้วยกำลังกุศลที่มีกำลังที่ผลักดัน ได้รับผลของกุศลมิได้มากมาย จึงเสวยทิพย์สมบัติ เกิดเป็นเทวาชั้นจตุมหาราชิกา ฉะนั้น ในชั้นจาตุมหาราชิกาไม่มีแตกต่างกับมนุษย์มากเท่าใดนัก ต่างกันก็คือมองไม่เห็นแล้วเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาเกลื่อนมากคือ มิจฉาทิฎฐิ และเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาส่วนมาก 90% ตายจากเทวดาก็เกิดในอบายภูมมิหรือตกนรกทันที
เพราะอะไร เพราะว่าเช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย ในมนุษย์นี้ ท่านเป็นมนุษย์ก็มองไม่เห็นสวรรค์ ท่านจึงไม่เชื่อ ใช่ไหมครับ ไม่เห็นเทวดาลอยบนฟ้า ให้ท่านเห็น ท่าจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง ฟังเขาเล่ามันเป็นเพียงนิทาน ฉันใดก็ฉันนั้น
อาจารย์พราหมณ์เหลิม มาไกลจังเลย ...
เทพวิชิต ผู้แทนจากเทวดาชั้นดุสิต เป็นใครครับ ?
บอกเล่าโดยเทพวิชิต ธรรมรังษี
..เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ ผู้เขียนไม่ได้แต่งสรรค์ หรือเติมข้อความใดๆลงไปเลย ขอยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่ท่านเทพวิชิต ธรรมรังษี ได้พูดออกมาเองทั้งหมด ผ่านร่างทรงคือ "............." ต่อหน้าประจักพยานนับพันคน จะจริงแท้ประการใด หวังว่าท่านคงไม่คิดว่า เทวดาชั้นดุสิตจะมาปั้นเรื่องโกหกท่านหรอกนะ
เทพวิชิต : สวัสดีครับ ท่านพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา เหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ผมมีความยินดีเป็นอย่างมากครับ ที่มีเกียรติมาพูดที่ห้องประชุมชั้น 2 มีความลำบากใจมาก เพราะว่าองค์ปาฐกที่จะต้องมานั่งบนเค้าเตอร์นี้ ล้วนมีความแตกฉานชำนาญในการพูด ทั้งวิชาการและความรอบรู้ต่าง ๆ ฉะนั้นผม เทวดาผู้น้อย ได้เล่าเรียนมายังไม่เพียงพอ ได้ถูกเชิญให้ขึ้นมาพูดบนนี้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก ทั้งในความจริงผมก็ได้คลุกคลีคุ้นเคยกับท่านอยู่เสมอ อาจแทบพูดได้ว่าแทบจะทุกวันก็ได้
อาจารย์"..........." ได้ตั้งชื่อเรื่องว่า นรก สวรรค์ อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ จะพิสูจน์ได้อย่างไร ผมผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใน ณ ที่นั่นคือสวรรค์ จึงจะมาขอพูดเรื่องสวรรค์ให้ฟัง เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะเวลามีไม่มาก ก็ขอเกริ่นข่าวเล่าความว่า ก่อนที่เราจะฟังเรื่องนรกสวรรค์นั้น เราจะต้องรู้ว่า ความสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่ฝัง อยู่ภายใต้จิตใจของท่าน ผู้ที่เป็นมนุษย์ทั้งหลายและเป็นผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายของผมด้วย ไม่มีอะไรเกินไปกว่าไม่มีปัญญา ในปัญหาของเรื่องชีวิต และเมื่อเราไม่มีปัญญาแล้ว ต่างคนต่างก็นึกคิดเอาง่ายๆว่า ตายแล้วไม่เกิด เกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว
เมื่อมีความคิดเช่นนี้แล้ว ก็ก่อกรรม ทำพฤติกรรมออกไปทางกาย วาจา และใจได้โดยง่าย แต่ด้วยการไม่รู้เหตุไม่รู้ผล ไม่รู้จักตน และไม่รู้จักประมาณ ไม่รู้จักกาล ไม่รู้จักชุมชน และไม่รู้จักเลือกคบคน สิ่งเหล่านี้จึงนำชีวิตของท่านให้ตกอยู่ภายใต้ความประมาทพลาดถลำอยู่ตลอดเวลา กระผมในฐานะเป็นตัวแทนมาจากชั้นดุสิต มีความยินดีมากที่จะพูดเรื่องสวรรค์ให้ท่านฟัง
ในเรื่องสวรรค์มีทั้งหมด ชั้นที่ 1 คือ ชั้นจาตุมหาราชิกา ชั้นที่ 2 คือ ตาวตึงสา 3 ยามา 4 ดุสิตา 5 นิมมานรดี 6 ปรนิมมิตวสวัตตี 7 รูปพรหม อรูปพรหม ทั้งนี้ท่านก็ไม่สามารถมองเห็นได้ จะเล่าให้ฟัง เพราะผมเองก็เคยเกิดชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่1 ในพื้นของสวรรค์ชั้นที่1 นั้นมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากมายนัก ก็เปรียบเสมือนท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ กับคนที่อยู่ในชนบท ความมีฐานะที่แตกต่างกัน ยากจน แล้วความเป็นอยู่อัตคัตกว่าเรา เราเปรียบได้อย่างนั้น แต่ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทวดานั้นก็คือ กายหยาบกับกายละเอียด
ในชั้นจาตุมหาราชิกานั้น มีความน่าสมเพชมาก(ชั้นล่างสุด) ฉะนั้น ท่านจะเป็นเทวดาก็ต้องไปให้ดี ไปให้พ้นชั้นจาตุต่ำๆ เพราะว่าที่นั่นมีการทำนา เดี๋ยวฟังนะครับอย่าเพิ่งตกใจ มีการทำนา มีการเกี่ยวพืชไร่ มีขอทาน มีสารพัด เพราะอะไรครับ เพราะเทวดาในชั้นนั้นเกิดด้วยกุศลอันมีกำลังอ่อน และเหมือนมนุษย์ที่มาเกิดเป็นลูกขอทาน ยาจก เพราะว่าอดีตชาติให้ทานไว้น้อย จึงเกิดมาไม่สมบูรณ์ใน เงินทอง ข้าวของต่างๆ เช่นเดียวกันกับเทวดา เพราะการเกิดเป็นเทวดานี่ง่ายมาก
เช่นเราตายจากมนุษย์นี้ นึกคิดไปในเรื่องดี เช่นเห็นพระเห็นอะไร อย่างที่เขาเห็นกัน จิตจับอารมณ์ดีแล้ว อันนั้นก็เป็นสตินำเกิดเป็นเทวดา แต่ด้วยกำลังกุศลที่มีกำลังที่ผลักดัน ได้รับผลของกุศลมิได้มากมาย จึงเสวยทิพย์สมบัติ เกิดเป็นเทวาชั้นจตุมหาราชิกา ฉะนั้น ในชั้นจาตุมหาราชิกาไม่มีแตกต่างกับมนุษย์มากเท่าใดนัก ต่างกันก็คือมองไม่เห็นแล้วเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาเกลื่อนมากคือ มิจฉาทิฎฐิ และเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาส่วนมาก 90% ตายจากเทวดาก็เกิดในอบายภูมมิหรือตกนรกทันที
เพราะอะไร เพราะว่าเช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย ในมนุษย์นี้ ท่านเป็นมนุษย์ก็มองไม่เห็นสวรรค์ ท่านจึงไม่เชื่อ ใช่ไหมครับ ไม่เห็นเทวดาลอยบนฟ้า ให้ท่านเห็น ท่าจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง ฟังเขาเล่ามันเป็นเพียงนิทาน ฉันใดก็ฉันนั้น
อาจารย์พราหมณ์เหลิม มาไกลจังเลย ...