เคยไหมรักใครมากๆ แต่เราก็ไม่เคยบอกเค้าเลย จนเราต่างคนต่างหายไปจากกันและกัน เรามีเรื่องสมัยมัธยมมาเล่าให้เพื่อนๆฟังอ่ะนะ มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งปีเต็มๆที่เราต้องทำกิจกรรมร่วมกับเค้า ซึ่งก็เรียกได้ว่าเกือบจะทั้งปี เพราะเราได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน แข่งวงดนตรี ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะแข่งเราก็ต้องไปซ้อมทุกวันๆเลย และแล้วเราก็ได้เจอเค้า
แรกๆเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือรู้สึกดีใจอะไรทั้งสิ้น เพราะเรากับเค้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เค้าเป็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีเก่งมากๆคนนึงเลยแหละ หลังจากนั้นเราก้ได้เข้าเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งมีอาจารย์เป็นคนควบคุมทุกๆอย่าง ตอนนั้นเราซ้อมหนักมากผสมกับการเรียนในชั้นม.6และการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าอะไรต่างๆด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งเราต้องสอบเต้นลีลาศ (เราเชื่อว่าเกือบทุกโรงเรียนต้องเรียนอ่ะนะ) เราไม่มีคู่ลีลาศค่า แต่อาจารย์อนุญาตให้เอาเพื่อนห้องอื่นมาสอบกับเราได้ เราจึงไปขอให้เค้ามาเป็นคู่ลีลาศให้กับเรา ตอนแรกเค้าก้ปฎิเสธเพราะเค้าบอกว่าเค้าก้เต้นไม่เก่ง แต่เราก็ขยั้นขยอเค้าจนสำเร็จ หลังจากนั้นเราก็ต้องซ้อมด้วยกันทุกวัน ทั้งเล่นดนตรี และลีลาศ หลังเล่นดนตรีเสร็จก็เกือบๆจะ18.00น.เราก็ต้องมาซ้อมลีลาศกันอีก เราทำอย่างนี้กันทุกวันจนมันเหมือนเป็นกิจวัตรของเราไปซะแล้ว จากเมื่อก่อนที่เราไม่ค่อยสนิทกัน เราก็สนิทกันมากขึ้น เราสามารถใช้คำว่ากูได้กับเค้าแต่เราไม่รู้หรอกว่าหัวใจของเราสนิทกันบ้างหรือเปล่า
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่กับเค้า เรามีความสุขมากๆ บางครั้งเราทะเลาะกับคนอื่น แต่เค้าก็จะเป็นคนวิ่งมากอดเรามาปลอบเราทุกครั้ง จนผ่านไปๆนานๆเข้าเราก็ไม่รู้ว่าเรารักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยสัญชาตญาณของผู้หญิง ถ้ารักใครก็เหมือนว่าอยากที่จะงี่เง่าใส่เค้ายังไงก็ไม่รู้ หัวใจมันอ่อนแอ อยากอ้อนอยากงอแงใส่เค้า ซึ่งเราก็ใช้นิสัยแบบนั้นกับเค้า เรางอลเค้ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยากให้เค้าง้อเรา อยากให้เค้าสนใจ ยังไงก็ไม่รู้ แต่เค้าก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหนเลย
จนถึงวันที่เราต้องประกวดจริงๆ วันนั้นเหมือนอะไรหลายๆอย่างจะไม่เป็นใจให้กับพวกเราสักเท่าไหร่เลย เล่นออกมาไม่ดี ไม่เหมือนตอนที่เราซ้อมกันไว้เลย เราก็ยอมรับความจริงได้นะ กับผลที่มันออกมา แต่ทุกคนก็ดูเศร้าๆนอยด์ๆเพราะเราก็ซ้อมกันมาหนักมากๆเหมือนกัน แต่คนที่ฉันคิดว่าเค้าจะเข้มแข็ง ตอนนี้เค้าอ่อนแอซะแล้ว เค้าน้ำตาซึม ไม่พูดกับใคร ฉันก็ไม่ได้เข้าไปคุยกับเค้า เพราะคิดว่าเค้าอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ เราขึ้นรถกลับไปที่โรงเรียน ในระหว่างทางฉันก็แอบดีใจที่เค้าซบไหล่ของฉัน ฉันก็ได้แต่ลูบหัวเค้าเบาๆแล้วบอกกับเค้าว่าไม่เป็นไรแล้วนะ ที่ผ่านมาถือว่าใช้เวลาดีๆร่วมกัน ฉันเริ่มรู้สึกได้แล้ว่านี่แหละคือความรัก ฉันรักเค้า รักเค้าเข้าแล้วจริงๆ ด้วยระยะเวลาหนึ่งปีที่เราทั้งทุกข์และสุขร่วมกันมามันมากมายจริงๆและเราก็รู้สึกว่าเค้าก็อาจจะมีใจให้เราบ้างก็ได้ และแล้วเรื่องมันก็เกิด มันเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่อยากจะจดจำเลย เพราะวันที่ฉันจะไปบอกกับเค้า ฉันกลับพบว่ามันสายเกินไปแล้ว เค้าขึ้นสถานะคบกับผู้หญิงคนหนึ่งในวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าเค้ากับฉันเราอาจจะคิดเหมือนกัน ทั้งการมอง กริยาท่าทางอะไรต่างๆมันชัดเจนจนคนรอบตัวเราก็สังเกตได้ แต่สุดท้ายมันก็กลับกลายเป็นว่าเราคิดไปเองทั้งนั้น หลังจากนั้นมา เราทั้งคู่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ฉันได้แต่มองเค้าอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้ ไม่สนิทกันเหมือนเดิม เค้ายังคงเป็นนักดนตรีที่เล่นกีต้าร์เก่งที่สุดในใจของฉัน แต่ความทรงจำต่างๆมันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งการมอง สถานที่ต่างๆที่เราเคยไปด้วยกัน มือที่เคยจับ รอยยิ้มที่เคยให้กัน แต่ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรเลย
หลังจากฉันได้เจอกับเพื่อนเก่าฉันอีกครั้งหนึ่งเราก็ได้มานั่งลื้อฟื้นความหลัง เล่าเรื่องเก่าๆกัน แต่เรื่องที่เข้ามาเกี่ยวด้วยก็เรื่องของทิว(นามสมมุต) แต่ฉันก็ไม่ได้บอกใครว่าฉันเองก็ยังรักเค้า ลืมเค้าไม่ได้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่โคตรอึดอัด ความสัมพันธ์ที่รักเค้ามากแค่ไหนก็บอกให้เค้ารู้ไม่ได้ เพราะว่าสุดท้ายเราก็เป็นได้แค่เพื่อน(เคย)สนิทกันอยู่ดี
เคยไหมแบบว่ารักเค้ามานานแต่ก็บอกไม่ได้ สุดท้ายก็ปล่อยให้มันเป็นแค่ความทรงจำ
แรกๆเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือรู้สึกดีใจอะไรทั้งสิ้น เพราะเรากับเค้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เค้าเป็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีเก่งมากๆคนนึงเลยแหละ หลังจากนั้นเราก้ได้เข้าเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งมีอาจารย์เป็นคนควบคุมทุกๆอย่าง ตอนนั้นเราซ้อมหนักมากผสมกับการเรียนในชั้นม.6และการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าอะไรต่างๆด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งเราต้องสอบเต้นลีลาศ (เราเชื่อว่าเกือบทุกโรงเรียนต้องเรียนอ่ะนะ) เราไม่มีคู่ลีลาศค่า แต่อาจารย์อนุญาตให้เอาเพื่อนห้องอื่นมาสอบกับเราได้ เราจึงไปขอให้เค้ามาเป็นคู่ลีลาศให้กับเรา ตอนแรกเค้าก้ปฎิเสธเพราะเค้าบอกว่าเค้าก้เต้นไม่เก่ง แต่เราก็ขยั้นขยอเค้าจนสำเร็จ หลังจากนั้นเราก็ต้องซ้อมด้วยกันทุกวัน ทั้งเล่นดนตรี และลีลาศ หลังเล่นดนตรีเสร็จก็เกือบๆจะ18.00น.เราก็ต้องมาซ้อมลีลาศกันอีก เราทำอย่างนี้กันทุกวันจนมันเหมือนเป็นกิจวัตรของเราไปซะแล้ว จากเมื่อก่อนที่เราไม่ค่อยสนิทกัน เราก็สนิทกันมากขึ้น เราสามารถใช้คำว่ากูได้กับเค้าแต่เราไม่รู้หรอกว่าหัวใจของเราสนิทกันบ้างหรือเปล่า
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่กับเค้า เรามีความสุขมากๆ บางครั้งเราทะเลาะกับคนอื่น แต่เค้าก็จะเป็นคนวิ่งมากอดเรามาปลอบเราทุกครั้ง จนผ่านไปๆนานๆเข้าเราก็ไม่รู้ว่าเรารักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยสัญชาตญาณของผู้หญิง ถ้ารักใครก็เหมือนว่าอยากที่จะงี่เง่าใส่เค้ายังไงก็ไม่รู้ หัวใจมันอ่อนแอ อยากอ้อนอยากงอแงใส่เค้า ซึ่งเราก็ใช้นิสัยแบบนั้นกับเค้า เรางอลเค้ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยากให้เค้าง้อเรา อยากให้เค้าสนใจ ยังไงก็ไม่รู้ แต่เค้าก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหนเลย
จนถึงวันที่เราต้องประกวดจริงๆ วันนั้นเหมือนอะไรหลายๆอย่างจะไม่เป็นใจให้กับพวกเราสักเท่าไหร่เลย เล่นออกมาไม่ดี ไม่เหมือนตอนที่เราซ้อมกันไว้เลย เราก็ยอมรับความจริงได้นะ กับผลที่มันออกมา แต่ทุกคนก็ดูเศร้าๆนอยด์ๆเพราะเราก็ซ้อมกันมาหนักมากๆเหมือนกัน แต่คนที่ฉันคิดว่าเค้าจะเข้มแข็ง ตอนนี้เค้าอ่อนแอซะแล้ว เค้าน้ำตาซึม ไม่พูดกับใคร ฉันก็ไม่ได้เข้าไปคุยกับเค้า เพราะคิดว่าเค้าอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ เราขึ้นรถกลับไปที่โรงเรียน ในระหว่างทางฉันก็แอบดีใจที่เค้าซบไหล่ของฉัน ฉันก็ได้แต่ลูบหัวเค้าเบาๆแล้วบอกกับเค้าว่าไม่เป็นไรแล้วนะ ที่ผ่านมาถือว่าใช้เวลาดีๆร่วมกัน ฉันเริ่มรู้สึกได้แล้ว่านี่แหละคือความรัก ฉันรักเค้า รักเค้าเข้าแล้วจริงๆ ด้วยระยะเวลาหนึ่งปีที่เราทั้งทุกข์และสุขร่วมกันมามันมากมายจริงๆและเราก็รู้สึกว่าเค้าก็อาจจะมีใจให้เราบ้างก็ได้ และแล้วเรื่องมันก็เกิด มันเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่อยากจะจดจำเลย เพราะวันที่ฉันจะไปบอกกับเค้า ฉันกลับพบว่ามันสายเกินไปแล้ว เค้าขึ้นสถานะคบกับผู้หญิงคนหนึ่งในวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าเค้ากับฉันเราอาจจะคิดเหมือนกัน ทั้งการมอง กริยาท่าทางอะไรต่างๆมันชัดเจนจนคนรอบตัวเราก็สังเกตได้ แต่สุดท้ายมันก็กลับกลายเป็นว่าเราคิดไปเองทั้งนั้น หลังจากนั้นมา เราทั้งคู่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ฉันได้แต่มองเค้าอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้ ไม่สนิทกันเหมือนเดิม เค้ายังคงเป็นนักดนตรีที่เล่นกีต้าร์เก่งที่สุดในใจของฉัน แต่ความทรงจำต่างๆมันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งการมอง สถานที่ต่างๆที่เราเคยไปด้วยกัน มือที่เคยจับ รอยยิ้มที่เคยให้กัน แต่ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรเลย
หลังจากฉันได้เจอกับเพื่อนเก่าฉันอีกครั้งหนึ่งเราก็ได้มานั่งลื้อฟื้นความหลัง เล่าเรื่องเก่าๆกัน แต่เรื่องที่เข้ามาเกี่ยวด้วยก็เรื่องของทิว(นามสมมุต) แต่ฉันก็ไม่ได้บอกใครว่าฉันเองก็ยังรักเค้า ลืมเค้าไม่ได้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่โคตรอึดอัด ความสัมพันธ์ที่รักเค้ามากแค่ไหนก็บอกให้เค้ารู้ไม่ได้ เพราะว่าสุดท้ายเราก็เป็นได้แค่เพื่อน(เคย)สนิทกันอยู่ดี