โหมดซึ้งซ้าาาาาาาาาาาผ่านไป เข้าโหมด " โหดมันส์ฮา" มั่งดีกว่า
จำได้ว่าปีนั้น เป็นอันหยังก็บ่ฮู้ จากที่ไปรับ ๆน้องกันที่ต่างจังหวัด จุฬาฯกลับจัดรับน้องที่มหา'ลัยซะงั้น โดยใช้ชื่อซะเท่ทึ่งว่า " เที่ยวบินน้องใหม่" ไม่รู้สิ เราว่าโลกมหา'ลัย เนี่ยมันมีเสน่ห์ล้ำลึกอย่างบอกไม่ถูกทีเดียวเชียว มันทั้งโหดทั้งมันส์ทั้งฮาสดใสร่าเริงคึกคักคักคึกระคนระทึกตึ๊กตั๊กเต็มไปทั่วทุกหย่อมทุกหม่องเชียวแหละ อย่างว่าอะเนาะ เมื่อคนวัยพลังล้นมาเจอกัน ก็ต้องระเบิดเถิดเทิงเป็นธรรมดาอยู่แล้น ว่ามั้ย
ที่ตรึงใจไม่ลืมเลยก็คือ " เกมชิปปี้ชิป" ที่นั่งขัดสมาธิล้อมวงกันติด ๆแล้วร้องว่า " ชิปปี้ชิป อะชิปปี้ชิปปี้ชิป" อะไรเทือกนั้นน่ะ แล้วก็จะมีคนนำท่าให้ทุกคนทำตาม พอจบ คนที่นั่งติดกันต้องเริ่มท่าใหม่ทันที ใครช้าเพราะคิดท่าแปลก ๆไม่ทัน เกิดชะงักงันหรือไปทำท่าซ้ำ ก็จะโดนสำเร็จโทษที่มีตั้งแต่โดดกัดหูตัวเอง ...เดินเป็ด...ปั่นจิ้งหรีด ฯลฯ แรก ๆท่าก็จะออกแนวพื้น ๆง่าย ๆ เล่น ๆไปท่ามันก็จะวิจิตรพิสดารพันลึกมากขึ้น ๆจนเรียกว่า " ทำท่ากันไป ฮากระจายกันไป" นั่นเลย
เราว่าสมัยเนี้ยนะ พวกหลาน ๆเหลน ๆของเรามันต้องลุกขึ้นเต้นท่าเกาหลีกันเป็นวรรคเป็นเวรกันแหงม ๆเชื่อดิ ว่าแล้ว ชักอยากเอากลับมาเล่นกันอีกซักครั้งนึงเหมียนกันนะ เอ้า " ชิปปี้ ๆชิป..." ทำท่าตามที่เราบอกเลยนะ เอาเท้าซ้ายขึ้นมาเกาหูขวา เอาเท้าขวาขึ้นมาเกาหูซ้าย นั่นล่ะ ๆใช่เลย ส่วนมีเกมอะไรเล่นกันอีกมั่งในตอนนั้น ตอนนี้ก็นึกไม่ออกแล้วอะ ที่จำได้อีกก็คือ ได้เข้าไปนั่งในห้องประชุม ดูรายการบันเทิงทั้งหลายแหล่ มีคนออกมาร้องเพลงกระบี่ไร้เทียมทานพร้อม ๆไปกับเพลงนักสู้ผู้พิชิตพร้อม ๆกันด้วย เป็นอะไรที่ฮาดีเหมือนกัน ติดตาติดตรึงอีกช็อตก็ตอนที่วง cu band ออกมาเล่น แล้วเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ในชุดขาวล้วนลุกขึ้นมาเป่าทรัมเป็ต " ป๊าด ๆๆ"พร้อมกับหล่อระดับตัวประกอบอีก 3-4 คน
คิดในใจเลยว่า " โหย ใครว้า โคตะระเท่ หล่อ เก่ง หุ่นดี มีเสน่ห์สุด ๆเลยอะ" สาว ๆงี้จ้องกันแต่ว่า เมื่อไหร่จะถึงท่อน " ป๊าด ๆๆอีกนะ " และในใจคงคิดกันว่า เออ ตัดช่วงอื่นออกไปเลยก็ได้ เอาแต่ช่วง " ป๊าด ๆๆ" อย่างเดียวก็พอ แล้วก็ตัดพวกหล่อตัวประกอบออกไปด้วยซะเลย ก็แหมบังซะ คิดดูดิ ขนาดมาดแมนไม่มีเม้มอย่างเรา ยังแอบเคลิ้มไปกับ " พี่แต๋ง ภูษิต ไล้ทอง" อยู่ตั้งนานสองนานทีเดียวเชียว หลังจากวันนั้น เราก็เลยแอบแวบ ๆไปที่ชมรม cu band ว่าจะไปสมัครเป็นสมาชิกซักหน่อย ทว่า ดู ๆแล้วไม่ใช่แนวหรือทางของเรานี่แหละ เลยขอบายดีกว่า
ส่วนเพื่อนอีกคน มันชวนไปเข้าชมรมยูโด นัยว่าไปติดใจรุ่นพี่สาวสวยคนนึง เราก็เฟิร์มอะนะว่าสวยอย่างที่มันว่า แถมมีหนวดเขียว ๆจาง ๆอีกตะหาก ตัดกับผิวขาวอมชมพูของพี่เค้าแล้ว โห เสน่ห์เหลือร้ายเลย แต่เวลาจับผู้ชายทุ่มที เสียงดังปั้ก ๆ ไอ้เพื่อนคนนี้ มันก็ยอมพร้อมใจให้เค้าจับทุ่มซะด้วยดิ แบบว่าคงไม่มีวิธีไหนจะได้สัมผัสใกล้ชิดพี่เค้าได้เร็วลัดขนาดนี้แน่ ๆ เอ่อ ตามบายเถอะพวก บังเอิญไขข้อไม่ค่อยดีว่ะ สงสัยตอนเด็ก ๆจะซัดแมงกีนูนมากไปหน่อย
ก่อนจะไหลไปเรื่องชมรม ขอพาไปงานรับน้องที่คณะสักกนิดนึงเถอะ คณะวิดยาจะมีน้องเข้าใหม่ปีละ 400 คน เลยแบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ป ตามเกณฑ์ที่ละเอียดยิบสุด ๆทีเดียวเชียว " จับสลาก" เราจับได้กรุ๊ป 2 ตอนรับน้องที่กรุ๊ปก็มีเรื่องหนุกหนานระคนระทึกชวนเสียวอยู่หลายช็อตอีกด้วย
พวกพี่กรุ๊ปก็ช่างสรรหาอะไรโหด ๆมาแกล้งพวกเราดีนักแล อย่างจับพวกเราไปนั่งทับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่งี้ กะจะทำตูดแช่เย็นส่งขายซาอุรึไงพี่ แล้วก็มีแบบว่าเอาประทัดมาให้เราอมตอนปิดตาอยู่ แล้วก็จุดไฟ ที่จริง พี่เค้าไม่ได้ซาดิสต์อะไรหรอก เพราะเค้าจะเอาไส้ดินปืนหรือดินปะสิวข้างในออกแล้ว มันเลยออกแนวกรี๊ด ๆ กลัว ๆขำ ๆ ก๊าก ๆ ซะมากกว่า
ทีนี้ อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดน่ะแหละ ประทัดที่เตรียมไว้ดันหมด พี่คนนึงเลยใช้ให้อีกคนไปเอามาเพิ่ม แล้วสื่อสารกันยังไงไม่รู้ มันดั๊นไปหยิบไอ้ที่ยังมีไส้เต็ม ๆมาซะได้ ก็เลยบึ้มคาปากเพื่อนของเราขึ้นมาสิทีนี้ รู้สึกว่ามันจะชื่อสมบัตินะ พี่แอ๊ดของเราเลยปากห้อยบวมขึ้นมาทันตาเห็น ดีที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ แต่ก็ต้องรีบรี่ส่งโรงพยาบาลจุฬาฯในทันที พวกราไปเยี่ยมมันหลังจากนั้น บอกตรง ๆ ถึงจะนึกสงสารเพื่อน แต่เห็นปากห้อยบวมแบบตัวการ์ตูนของมันแล้ว อดขำไม่ได้จริง ๆอะ ขอก๊ากซัก 10 วิแล้วกันนะ เรื่องนี้ลงข่าวไทยรัฐหน้าหนึ่งด้วยนะ แต่เค้าเขียนแค่ว่า " มหา'ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง" ตามระเบียบชาติไทยที่รักของเรานั่นแล
ขอชแว้บต่อเรื่องอุบัติภัยหน่อยเนาะ ตอนหลังมีงานแข่งกีฬาระหว่างกรุ๊ป 2 กะ 4 ที่อยู่ติดกันล่ะมัง ตอนแข่งชักกะเย่อ พี่กรุ๊ปคนนึง ด้วยความเผลอเรอรึไงไม่รู้ เกิดไปยืนเหยียบเชือกด้วยเท้าทั้งสองข้างซะงั้น ( ที่จริงต้องเหยียบแค่เท้าเดียว พอให้กลางเชือกติดพื้นเพื่อเตรียมเริ่มการดึง ) พอนกหวีดเป่าปรี๊ดเท่านั้น ทุกคนก็เลยได้เห็น " จรวดมนุษย์" พุ่งปรี๊ดขึ้นไปกลางอากาศ สูงซัก 3-4 เมตรเห็นจะได้ แล้วก็ตกลงมากระแทกพื้นดัง เง้ง จะบ้าเหรอ ตุ้บ ตะหาก ปรากฏว่า สลบเหมือด ต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลหลายวันเชียวล่ะ เอ้า น้อง ๆที่อ่านอยู่ ลองเอาไปทดลองทำดูนะ ไปหลอกไอ้อ้วนขาใหญ่ที่มันชอบตบกบาลแกล้งเรานั่นแหละมายืน 555 ( ผู้ปกครองควรชี้แนะในการอ่าน )
เอ้า กลับมารับน้องกรุ๊ปกันต่อ ตรงหน้าตึกที่อยู่หน้ากรุ๊ปเรามีสระเล็ก ๆ อยู่สระนึง รุ่นพี่เลยเอาเชือกมาห้อยกับต้นไม้ แล้วให้น้อง ๆผู้ชายจับเชือกโหนเหวี่ยงจากฟากนึงข้ามไปอีกฟาก พวกเราก็ไปยืนรอบ ๆสระคอยเชียร์เพื่อนที่ข้ามได้บ้างไม่ได้บ้างตามอานิสงส์ผลแรงกล้ามที่ สั่งสมกันมาของแต่ละคน และแล้วขณะที่เรากำลังหัวเราะร่วนขำเพื่อนที่ตกน้ำอยู่นั่นเอง ก็ ตูมมมมมมมมมสนั่น ไม่รู้ใครหน้าไหนมันถีบเราพุ่งตกลงไปในสระซะได้ มองขึ้นมา เห็นพวกมันท้องคัดท้องแข็งกันยกใหญ่เลยแหละ ที่แน่ ๆกว่าจะช่วยกันงมแว่นกลับมาได้ เล่นเอาลุ้นกันอยู่นานเลย และที่แน่ ๆๆๆๆๆๆกว่านั้นคือ ไม่ว่าจะถามพวกมันยังไง ก็ไม่มีใคคซักคนยอมเผยว่า ใครเป็นเจ้าของเท้าลึกลับนั่น และทำกับชายผู้หล่อเหลาคนนี้ด้วยเหตุใดกัน ผ่านมาก็เกือบ 30 ปีเข้าแล้ว ก็ยังไม่มีใครปริปากในเรื่องนี้ เลย หลังสุดที่เจอพวกมันราว 10 ปีที่แล้ว มันบอกว่า จะงำไว้เป็นความลับของจักรวาลไปชั่วกัปกัลป์นั่นเลยล่ะ ดูพวกมันดิ
ที่ตลกอีกอย่างคือ เพื่อนชื่อหน่อยที่เทพศิรินทร์ มันสอบเทียบแล้วก็เข้ามาเป็นรุ่นพี่เราปีนึงที่นี่ด้วย ส่วนบรรดาเพื่อน ๆร่วมรุ่นก็มีแต่อายุน้อยกว่าเราทั้งนั้นเลย เพราะเราเข้าโรงเรียนช้ากว่าชาวบ้าน 2-3 ปีเห็นจะได้ เพื่อนบางคนก็เรียนเร็วมั่ง ตามเกณฑ์มั่ง สอบเทียบมั่ง เฉลี่ยพวกมันก็เกิดกันราว ๆ 2507-2509 โน่นแน่ะ ไอ้เรา 2505 พี่จ้อจากสวนกุหลาบก็สอบเทียบ 2 ชั้นมั้ง เกิด 09 แต่อยู่ปี 2 แล้วอะ ด้วยความเก๋าและแก่ บวกรวมกับที่ไอ้หน่อยแอบเสริมส่ง จึ่งมีวันนึง ทั้ง ๆที่เรายืนกรานเป็นมั่นเหมาะหลายครั้งแล้วว่า เราไม่รับตำแหน่งหัวหน้ากรุ๊ปปีหนึ่งกรุ๊ป 2อย่างหัวเด็ดตีนขาด แต่แล้ววันที่เลือกหัวหน้ากรุ๊ป เราเกิดติดธุระ ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม รุ่งขึ้น เพื่อน ๆมันบอกว่า " เฮ้ย ไอ้ต๋อง เมื่อวานพวกเราเลือก
เป็นหัวหน้ากรุ๊ปแล้วว่ะ ยินดีด้วยนะ" เราเลยต้องรับหัวโขนมาสวมอย่างจำใจนับแต่นั้นมาด้วยประการฉะนี้
บันทึกชีวิต แง้มนิด ปิดหน่อยของคนชื่อต๋อง-29/49 โหด มันส์ ฮา และปริศนาแห่งเท้าข้างนั้น
โหมดซึ้งซ้าาาาาาาาาาาผ่านไป เข้าโหมด " โหดมันส์ฮา" มั่งดีกว่า
จำได้ว่าปีนั้น เป็นอันหยังก็บ่ฮู้ จากที่ไปรับ ๆน้องกันที่ต่างจังหวัด จุฬาฯกลับจัดรับน้องที่มหา'ลัยซะงั้น โดยใช้ชื่อซะเท่ทึ่งว่า " เที่ยวบินน้องใหม่" ไม่รู้สิ เราว่าโลกมหา'ลัย เนี่ยมันมีเสน่ห์ล้ำลึกอย่างบอกไม่ถูกทีเดียวเชียว มันทั้งโหดทั้งมันส์ทั้งฮาสดใสร่าเริงคึกคักคักคึกระคนระทึกตึ๊กตั๊กเต็มไปทั่วทุกหย่อมทุกหม่องเชียวแหละ อย่างว่าอะเนาะ เมื่อคนวัยพลังล้นมาเจอกัน ก็ต้องระเบิดเถิดเทิงเป็นธรรมดาอยู่แล้น ว่ามั้ย
ที่ตรึงใจไม่ลืมเลยก็คือ " เกมชิปปี้ชิป" ที่นั่งขัดสมาธิล้อมวงกันติด ๆแล้วร้องว่า " ชิปปี้ชิป อะชิปปี้ชิปปี้ชิป" อะไรเทือกนั้นน่ะ แล้วก็จะมีคนนำท่าให้ทุกคนทำตาม พอจบ คนที่นั่งติดกันต้องเริ่มท่าใหม่ทันที ใครช้าเพราะคิดท่าแปลก ๆไม่ทัน เกิดชะงักงันหรือไปทำท่าซ้ำ ก็จะโดนสำเร็จโทษที่มีตั้งแต่โดดกัดหูตัวเอง ...เดินเป็ด...ปั่นจิ้งหรีด ฯลฯ แรก ๆท่าก็จะออกแนวพื้น ๆง่าย ๆ เล่น ๆไปท่ามันก็จะวิจิตรพิสดารพันลึกมากขึ้น ๆจนเรียกว่า " ทำท่ากันไป ฮากระจายกันไป" นั่นเลย
เราว่าสมัยเนี้ยนะ พวกหลาน ๆเหลน ๆของเรามันต้องลุกขึ้นเต้นท่าเกาหลีกันเป็นวรรคเป็นเวรกันแหงม ๆเชื่อดิ ว่าแล้ว ชักอยากเอากลับมาเล่นกันอีกซักครั้งนึงเหมียนกันนะ เอ้า " ชิปปี้ ๆชิป..." ทำท่าตามที่เราบอกเลยนะ เอาเท้าซ้ายขึ้นมาเกาหูขวา เอาเท้าขวาขึ้นมาเกาหูซ้าย นั่นล่ะ ๆใช่เลย ส่วนมีเกมอะไรเล่นกันอีกมั่งในตอนนั้น ตอนนี้ก็นึกไม่ออกแล้วอะ ที่จำได้อีกก็คือ ได้เข้าไปนั่งในห้องประชุม ดูรายการบันเทิงทั้งหลายแหล่ มีคนออกมาร้องเพลงกระบี่ไร้เทียมทานพร้อม ๆไปกับเพลงนักสู้ผู้พิชิตพร้อม ๆกันด้วย เป็นอะไรที่ฮาดีเหมือนกัน ติดตาติดตรึงอีกช็อตก็ตอนที่วง cu band ออกมาเล่น แล้วเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ในชุดขาวล้วนลุกขึ้นมาเป่าทรัมเป็ต " ป๊าด ๆๆ"พร้อมกับหล่อระดับตัวประกอบอีก 3-4 คน
คิดในใจเลยว่า " โหย ใครว้า โคตะระเท่ หล่อ เก่ง หุ่นดี มีเสน่ห์สุด ๆเลยอะ" สาว ๆงี้จ้องกันแต่ว่า เมื่อไหร่จะถึงท่อน " ป๊าด ๆๆอีกนะ " และในใจคงคิดกันว่า เออ ตัดช่วงอื่นออกไปเลยก็ได้ เอาแต่ช่วง " ป๊าด ๆๆ" อย่างเดียวก็พอ แล้วก็ตัดพวกหล่อตัวประกอบออกไปด้วยซะเลย ก็แหมบังซะ คิดดูดิ ขนาดมาดแมนไม่มีเม้มอย่างเรา ยังแอบเคลิ้มไปกับ " พี่แต๋ง ภูษิต ไล้ทอง" อยู่ตั้งนานสองนานทีเดียวเชียว หลังจากวันนั้น เราก็เลยแอบแวบ ๆไปที่ชมรม cu band ว่าจะไปสมัครเป็นสมาชิกซักหน่อย ทว่า ดู ๆแล้วไม่ใช่แนวหรือทางของเรานี่แหละ เลยขอบายดีกว่า
ส่วนเพื่อนอีกคน มันชวนไปเข้าชมรมยูโด นัยว่าไปติดใจรุ่นพี่สาวสวยคนนึง เราก็เฟิร์มอะนะว่าสวยอย่างที่มันว่า แถมมีหนวดเขียว ๆจาง ๆอีกตะหาก ตัดกับผิวขาวอมชมพูของพี่เค้าแล้ว โห เสน่ห์เหลือร้ายเลย แต่เวลาจับผู้ชายทุ่มที เสียงดังปั้ก ๆ ไอ้เพื่อนคนนี้ มันก็ยอมพร้อมใจให้เค้าจับทุ่มซะด้วยดิ แบบว่าคงไม่มีวิธีไหนจะได้สัมผัสใกล้ชิดพี่เค้าได้เร็วลัดขนาดนี้แน่ ๆ เอ่อ ตามบายเถอะพวก บังเอิญไขข้อไม่ค่อยดีว่ะ สงสัยตอนเด็ก ๆจะซัดแมงกีนูนมากไปหน่อย
ก่อนจะไหลไปเรื่องชมรม ขอพาไปงานรับน้องที่คณะสักกนิดนึงเถอะ คณะวิดยาจะมีน้องเข้าใหม่ปีละ 400 คน เลยแบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ป ตามเกณฑ์ที่ละเอียดยิบสุด ๆทีเดียวเชียว " จับสลาก" เราจับได้กรุ๊ป 2 ตอนรับน้องที่กรุ๊ปก็มีเรื่องหนุกหนานระคนระทึกชวนเสียวอยู่หลายช็อตอีกด้วย
พวกพี่กรุ๊ปก็ช่างสรรหาอะไรโหด ๆมาแกล้งพวกเราดีนักแล อย่างจับพวกเราไปนั่งทับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่งี้ กะจะทำตูดแช่เย็นส่งขายซาอุรึไงพี่ แล้วก็มีแบบว่าเอาประทัดมาให้เราอมตอนปิดตาอยู่ แล้วก็จุดไฟ ที่จริง พี่เค้าไม่ได้ซาดิสต์อะไรหรอก เพราะเค้าจะเอาไส้ดินปืนหรือดินปะสิวข้างในออกแล้ว มันเลยออกแนวกรี๊ด ๆ กลัว ๆขำ ๆ ก๊าก ๆ ซะมากกว่า
ทีนี้ อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดน่ะแหละ ประทัดที่เตรียมไว้ดันหมด พี่คนนึงเลยใช้ให้อีกคนไปเอามาเพิ่ม แล้วสื่อสารกันยังไงไม่รู้ มันดั๊นไปหยิบไอ้ที่ยังมีไส้เต็ม ๆมาซะได้ ก็เลยบึ้มคาปากเพื่อนของเราขึ้นมาสิทีนี้ รู้สึกว่ามันจะชื่อสมบัตินะ พี่แอ๊ดของเราเลยปากห้อยบวมขึ้นมาทันตาเห็น ดีที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ แต่ก็ต้องรีบรี่ส่งโรงพยาบาลจุฬาฯในทันที พวกราไปเยี่ยมมันหลังจากนั้น บอกตรง ๆ ถึงจะนึกสงสารเพื่อน แต่เห็นปากห้อยบวมแบบตัวการ์ตูนของมันแล้ว อดขำไม่ได้จริง ๆอะ ขอก๊ากซัก 10 วิแล้วกันนะ เรื่องนี้ลงข่าวไทยรัฐหน้าหนึ่งด้วยนะ แต่เค้าเขียนแค่ว่า " มหา'ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง" ตามระเบียบชาติไทยที่รักของเรานั่นแล
ขอชแว้บต่อเรื่องอุบัติภัยหน่อยเนาะ ตอนหลังมีงานแข่งกีฬาระหว่างกรุ๊ป 2 กะ 4 ที่อยู่ติดกันล่ะมัง ตอนแข่งชักกะเย่อ พี่กรุ๊ปคนนึง ด้วยความเผลอเรอรึไงไม่รู้ เกิดไปยืนเหยียบเชือกด้วยเท้าทั้งสองข้างซะงั้น ( ที่จริงต้องเหยียบแค่เท้าเดียว พอให้กลางเชือกติดพื้นเพื่อเตรียมเริ่มการดึง ) พอนกหวีดเป่าปรี๊ดเท่านั้น ทุกคนก็เลยได้เห็น " จรวดมนุษย์" พุ่งปรี๊ดขึ้นไปกลางอากาศ สูงซัก 3-4 เมตรเห็นจะได้ แล้วก็ตกลงมากระแทกพื้นดัง เง้ง จะบ้าเหรอ ตุ้บ ตะหาก ปรากฏว่า สลบเหมือด ต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลหลายวันเชียวล่ะ เอ้า น้อง ๆที่อ่านอยู่ ลองเอาไปทดลองทำดูนะ ไปหลอกไอ้อ้วนขาใหญ่ที่มันชอบตบกบาลแกล้งเรานั่นแหละมายืน 555 ( ผู้ปกครองควรชี้แนะในการอ่าน )
เอ้า กลับมารับน้องกรุ๊ปกันต่อ ตรงหน้าตึกที่อยู่หน้ากรุ๊ปเรามีสระเล็ก ๆ อยู่สระนึง รุ่นพี่เลยเอาเชือกมาห้อยกับต้นไม้ แล้วให้น้อง ๆผู้ชายจับเชือกโหนเหวี่ยงจากฟากนึงข้ามไปอีกฟาก พวกเราก็ไปยืนรอบ ๆสระคอยเชียร์เพื่อนที่ข้ามได้บ้างไม่ได้บ้างตามอานิสงส์ผลแรงกล้ามที่ สั่งสมกันมาของแต่ละคน และแล้วขณะที่เรากำลังหัวเราะร่วนขำเพื่อนที่ตกน้ำอยู่นั่นเอง ก็ ตูมมมมมมมมมสนั่น ไม่รู้ใครหน้าไหนมันถีบเราพุ่งตกลงไปในสระซะได้ มองขึ้นมา เห็นพวกมันท้องคัดท้องแข็งกันยกใหญ่เลยแหละ ที่แน่ ๆกว่าจะช่วยกันงมแว่นกลับมาได้ เล่นเอาลุ้นกันอยู่นานเลย และที่แน่ ๆๆๆๆๆๆกว่านั้นคือ ไม่ว่าจะถามพวกมันยังไง ก็ไม่มีใคคซักคนยอมเผยว่า ใครเป็นเจ้าของเท้าลึกลับนั่น และทำกับชายผู้หล่อเหลาคนนี้ด้วยเหตุใดกัน ผ่านมาก็เกือบ 30 ปีเข้าแล้ว ก็ยังไม่มีใครปริปากในเรื่องนี้ เลย หลังสุดที่เจอพวกมันราว 10 ปีที่แล้ว มันบอกว่า จะงำไว้เป็นความลับของจักรวาลไปชั่วกัปกัลป์นั่นเลยล่ะ ดูพวกมันดิ
ที่ตลกอีกอย่างคือ เพื่อนชื่อหน่อยที่เทพศิรินทร์ มันสอบเทียบแล้วก็เข้ามาเป็นรุ่นพี่เราปีนึงที่นี่ด้วย ส่วนบรรดาเพื่อน ๆร่วมรุ่นก็มีแต่อายุน้อยกว่าเราทั้งนั้นเลย เพราะเราเข้าโรงเรียนช้ากว่าชาวบ้าน 2-3 ปีเห็นจะได้ เพื่อนบางคนก็เรียนเร็วมั่ง ตามเกณฑ์มั่ง สอบเทียบมั่ง เฉลี่ยพวกมันก็เกิดกันราว ๆ 2507-2509 โน่นแน่ะ ไอ้เรา 2505 พี่จ้อจากสวนกุหลาบก็สอบเทียบ 2 ชั้นมั้ง เกิด 09 แต่อยู่ปี 2 แล้วอะ ด้วยความเก๋าและแก่ บวกรวมกับที่ไอ้หน่อยแอบเสริมส่ง จึ่งมีวันนึง ทั้ง ๆที่เรายืนกรานเป็นมั่นเหมาะหลายครั้งแล้วว่า เราไม่รับตำแหน่งหัวหน้ากรุ๊ปปีหนึ่งกรุ๊ป 2อย่างหัวเด็ดตีนขาด แต่แล้ววันที่เลือกหัวหน้ากรุ๊ป เราเกิดติดธุระ ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม รุ่งขึ้น เพื่อน ๆมันบอกว่า " เฮ้ย ไอ้ต๋อง เมื่อวานพวกเราเลือกเป็นหัวหน้ากรุ๊ปแล้วว่ะ ยินดีด้วยนะ" เราเลยต้องรับหัวโขนมาสวมอย่างจำใจนับแต่นั้นมาด้วยประการฉะนี้