"ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ทำสำนวนไม่ได้ ส่งฟ้องไม่ได้" จบนะ!

เรื่องมันเกิดขึ้นจาก คนเผาอ้อยข้างที่ดินของผม ตามปกติก่อนจะตัดอ้อยขายมันจะเผาก่อน
เเล้วพอมันเผาไฟก็ลามมาเข้าสวนผม เผาต้นไม้วายวอดไปกว่าครึ่งสวน ข้างๆสวนก็มีบ้านคนเรียงราย
กันอยู่เขาก็เข้ามาช่วยกันดับไฟให้เพราะกลัวไฟมันจะลามไปเผาบ้านเขาด้วย

เราพอทราบเรื่องก็ไปดู เเต่คนเผาอ้อยมันก็ไปกันหมดเเล้ว ผมก็เลยไปเเจ้งความเพื่อดำเนินคดี
คิดว่าถ้าส่งฟ้องได้ ศาลท่านคงพิจารณาได้จากวัตถุพยานว่า น่าเชื่อถือได้ว่าสวนผมที่ไฟไหม้นั้นมีเหตุอันเกิดจาก
ความไม่ระมัดระวังรอบคอบในการจุดไฟทำให้ลามมาไหม้สวนผมทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พอไปเเจ้งความผ่านไป
1 เดือน ตำรวจมันก็เรียกไปคุยเพื่อตกลงกับคุ่กรณี

คนเผาอ้อยมันก็มาเจรจาตกลงค่าเสียหาย ตอนเเรกๆก็ทำท่าว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ส่วนหนึ่งจากที่เราเรียกร้อง พอไปๆมาๆ
ทนายมันก็ตามมาสมทบ ทำมาถามว่า "ตอนเขาเผาคุณเห็นหรือเปล่า ได้บันทึกภาพอะไรไว้บ้างไหม" ผมก็บอกไปว่า
ไม่เห็นเพราะบ้านเเละสวนมันอยู่กันคนละที่ไม่ได้อยุ่ในที่เดียวกัน มันก็ถามต่อว่า "เเล้วมีพยานรู้เห็นไหมว่าคนนี้เป็นคนเผา
เเล้วไฟมันลามมา" ชาวบ้านที่อยุ่บ้านใกล้เรือนเคียงก็เป็นชนชั้นระดับ ไทบ้าน(ทางอีสานคือชาวบ้านธรรมดาๆหาเช้ากินค่ำ
ยังชีพอยู่ด้วยรายได้น้อยไปวันๆ) เขาก็คงไม่กระทำในเเบบที่ว่า "อยู่ดีดีไม่ว่าดีหาเรื่องเอามือไปซุกหีบ" หรือ "เนื้อไม่ได้กิน
หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาเเขวนคอ" พอถึงตอนนี้คนเผาอ้อยมันก็บอกว่า "หนูไม่ได้ทำ หนุไม่ได้ทำจริงๆ" (กลืนน้ำลาย
ตัวเองซะอย่างงั้น พอมาตอนเเรกบอกจะจ่ายให้เท่านั้นเท่านี้) ตำรวจมันก็เลยบอกว่า "ไปหาหลักฐาน ไปหาพยานมาสิ เดี๋ยว
จะทำสำนวนให้" (ส่วนนี้นี่มันหน้าที่ของท่านป่ะ มาให้ผมทำเองซะงั้น ไม่ยอมออกไปสืบสวน หรือทำอะไรทั้งสิ้น ไปดูที่ก็ไม่ไป )

พอผมไปสอบถามหาคนมาเป็นพยานก็เลยไม่มีใครรับ ไม่มีใครช่วย ทั้งๆที่เขาก็รุ้เขาก็เห็น เเต่เขาก็ไม่เข้ามาอยากยุ่งด้วย
(เรื่องนี้ผมเข้าใจ ไม่ได้โทษอะไรพวกเขา)เเละเรื่องการเผาอ้อยจนไฟลามไปเผาที่คนอื่นนี่มันเกิดอยู่เป็นประจำในภาคอีสานอยู่เเล้ว
พูดง่ายๆว่า เเค่ไทบ้านขับรถผ่านมาเห็นสวนอ้อยกับสวนผมไหม้ดำอยู่ มันก็รู้ได้เลยทันทีว่าไอ้สวนอ้อยนี่มันเผาอ้อยเเล้วไฟลามไป
เข้าที่เขาเเน่นอน

ดังนั้นในที่สุด ผมก็เลยไม่มีพยานหลักฐานที่จะไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เลยเเม้เเต่บาทเดียว
ตำรวจมันก็เลยสรุปว่า "ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ผมก็ทำสำนวนคดีให้ไม่ได้" จบนะ เอ้อดีเนอะบ้านเมืองเป็นกันเเบบนี้
เลยอยากเอามาบอกให้ทุกท่านที่มีที่ดินอยุ่ที่อื่น(ไม่ได้มีบ้านพักอาศัยอยุ่ในที่ดินนั้น) ว่าขอให้ระวังให้ดี ว่ามีป่าอ้อย
อยุ่ใกล้ๆกับที่ดินที่ท่านปลูกต้นไม้ไว้หรือไม่ เเล้วมันใกล้จะเผาเมื่อไหร่ ให้รีบหาคนไปเฝ้า ไม่งั้นก็จะเจอเเบบผมเเน่นอน

เเละคนที่มีทั้งบ้านมีทั้งต้นไม้อยู่ใกล้กับป่าอ้อย ท่านจงระวัง ถ้าตอนเผาไฟมันลามเข้ามาเเล้วท่านอยู่บ้านก็อาจจะจับ
มันได้เเบบคาหนังคาเขา เเละตามดับเพลิงมาช่วยดับไฟได้ทัน เเต่ถ้าเกิดท่านมีธุระต้องออกจากบ้านไปเเล้วเสร็จธุระ
กลับมาพบกับ บ้านเเละต้นไม้วอดวาย อันตรธานหายไปไม่เหลือเเม้เเต่ซาก(พอเริ่มการเผาอ้อย ไฟก็จะลุกสูงเเละลม
ก็จะโหมมาจากทุกทิศทุกทาง ลมจะหมุนวนรอบกองไฟจนหมุนพัดเอาลูกไฟ หรือ เสวียนไฟลอยขึ้นมา ถ้ามันลอยไป
ตกที่ไหน ที่นั่นก็ต้องวินาศด้วยอัคคีภัยเเน่นอนเพราะลูกมันไม่ใช่เล็กๆ อันนี้หลักการทางวิทยาศาสตร์เลยนะครับผมไม่
ได้ว่าเอาเอง)

ท่านก็เตรียมพบกับการเจรจาตามเเบบของเจ้าหน้าที่ของไทยได้เลย คือ

"ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ทำสำนวนคดีไม่ได้ก็ส่งฟ้องไม่ได้" เข้าใจนะ คุณจะให้ผมทำยังไง จบนะ

บ้านหลังหนึ่งไม่ใช่หลังละบาทหามาด้วยน้ำพักน้ำเเรงกว่าครึ่งชีวิต ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไม่ได้โตใหญ่สูง
ขึ้นมาได้ในวันเดียว ทุกอย่างหายไปหมดในกองเพลิง พร้อมกับ การไม่สามารถเอาผิด รับเงินเยียวยา
ฟ้องร้องเอาอะไรกับใครได้เลย เพราะคำพูดที่สุดจะคลาสสิค

"ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ทำสำนวนไม่ได้ ส่งฟ้องไม่ได้" จบนะ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่