"โลกไร้รสชาติ" .... 7 วันไม่รู้ลืมกับ "ลิ้น" ที่ไม่รับรู้อะไรเลย (เล่ารวดเดียวจบ พร้อมข้อมูลดีๆ)

กระทู้สนทนา
ขอมาบอกเล่าแบ่งปันความรู้สึกในช่วง 7 วันในโลกที่ "จืดสนิท" ของจขกท. ...พร้อมข้อมูลดีๆ การทำงานของ "ลิ้น" และการดูแล



เม่าบัลเล่ต์ เรื่องมีอยู่ว่า ...คืนหนึ่ง จขกท. ไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนมีดริ้งก์ไปสองสามแก้ว เพื่อนเลยบอกว่า อย่าขับรถกลับเลย นอนค้างที่บ้านแหละ พักนี้ด่านชุมยิ่งกว่ายุง ตอนนั้นก็ราวๆตีสองได้แล้ว ก็โอเคนอนก็นอน ก่อนนอนก็อยากแปรงฟัน น้ำไม่อาบไม่เป็นไร แต่ไม่อยากนอนอมน้ำลายบูดๆ เลยเดินไปหาแปรงสีฟันในรถ ปกติจะพกไว้ในรถเผื่อไปต่างจังหวัดแบบฉุกละหุก แต่คืนนั้นหาไม่เจอไม่รู้ลืมไปไว้ไหน

แฟนเพื่อนเลยบอกว่า ถ้าไม่มีแปรง พี่ก็ไปอมน้ำยาบ้วนปากละกัน อยู่ในห้องน้ำนะ เราก็โอเช เดินกลับเข้าบ้านเพื่อน ลัลล้าๆ ฮัมเพลงพี่บี้ เดอะสตาร์ไปด้วย เข้าห้องน้ำ ปิดประตู เปิดฝา เทใส่ปาก 1 ฝาเต็ม ยังไม่ทันกลั้วคอ ในหัวก็คิดขึ้นมาว่า!!! ....

".....เพื่อสุขอนามัยที่ดีของครอบครัว...."

หืออออออออออออ!!!!! เดทตอลลลลลลลลลลล  เต่าเอือม

จังหวะเดียวกันนั้น สมองสั่งการ บ้วนทิ้ง แล้วเอาปากจ่อก๊อกน้ำ ให้น้ำไหลผ่าน กลิ่นนี่ยังสะอาดตีขึ้นจมูกอยู่เลย "ลิ้นชา ปากชาสิคะ" รออะไรอยู่ เงยหน้าขึ้นไปดูที่บรรดาขวดที่วางไว้ตรงแถวก๊อกน้ำ แม่เจ้าประคู๊ณณณ หยิบผิดขวดคร่ะ!!! น้ำยาบ้วนปากวางอยู่ข้างๆกัน T_T เม่าตกใจ

เดินออกไปบอกเพื่อนกะแฟนเพื่อนว่า ฮือๆๆ เก๊าหยิบอมผิดขวด อมไปแล้ว ก็ยังขำกัน ว่าเราเพี้ยนขนาดนี้เลยหรอเนี่ย แบคทีเรียในปากคงตายเรียบ เพื่อนก็ขอโทษที่วางไว้ข้างกัน เราก็ขำนะไม่โทษเพื่อน นั่นมันบ้านเค้า เค้าจะวางตรงไหนก็ไม่ผิด เพื่อนก็ขอโทษ แต่เราผิดเองที่ไม่ดูให้ดี คว้าหมับเข้าปาก กลิ่นเกลิ่นนี่ไม่ได้รู้สึกเลยรึไง ป่ะๆๆไปนอนๆๆ เดี๋ยวต้องตื่นไปทำธุระแต่เช้า

ตอนนั้นปากกะลิ้นก็ชาๆๆไปนะ แต่เดินขึ้นห้อง ปิดไฟ ล้มตัวนอน คร่อก เม่าตาสว่าง เจออีกทีตอนสว่าง ขับรถออก ลัลล้าๆยังขำตัวเอง แต่ในตอนเช้าปากกับลิ้นหายชาแล้ว แวะไปทำธุระเรียบร้อย ฉกหมูปิ้งร้านประจำ เจ้มจ้นมากร้านนี้ พร้อมข้าวเหนียว 1 ถุง กลับเข้าบ้าน ตั้งใจว่าจะกินให้อิ่มก่อนละค่อยนอนต่อ อีกสักตื่น

ประจำที่เรียบร้อย เอาหมูเข้าปาก แจ๊บๆ ...."จืดสนิท"....ยังกะหมูแช่น้ำ เคี้ยวเหนียวตาม .... เห้อ วันนี้ไม่หร่อยเลย สงสัยฝีมือตก ไมจืดงี้ว้า สงสัยปิ้งนาน ไม่ได้ซื้อตอนร้อนๆ กินต่อไปครบ 6 ไม้ หมดเหนียว 1 ห่อ รู้สึกรสชาตินิดๆเบาๆแค่ตอนจะกลืนเท่านั้น อะ คลานขึ้นเตียง หลับยาวจนบ่าย 3 ไม่ได้สำนึกไรเล้ยยยยยย ....

ลืมตาตื่นปุ๊บ มีเวลานอนกลิ้งทบทวนนิดหน่อย เอ๊ะ ทำไมหมูมันจืด หรือเป็นผลจากเดทตอล? เม่านอนไม่หลับ แล้วก็คว้าน้ำเปล่ามากิน อึก อึก อึก ก็จืดปกติหนิหว่า -"_"- -ขึ้นเตียงหยิบแพดมาเสริท์กูเกิ้ลหาสิว่า ลิ้นไม่มีรสชาติ มีจริงรึเปล่า

ภายใน 0.48 วินาที ผลการค้นหาประมาณ 638,000 รายการ อันแรกเลย "ทำไงดีลิ้นไม่รับรส" .... ป้าดดด  มีจริงด้วยหรอ ส่วนใหญ่ก็บอกว่าเป็นผลจาก อาการเป็นหวัด กินไรขมไปหมด จำพวกนี้ ... ค้นไปค้นมา หันไปเห็นลูกอม fisherman's friend รสเชอรี่ มือไวกว่าสมอง คว้ามาเปิดซอง อมเลย!.... คูลลลลลทั้งปาก อ้า แต่รสชาติ "จืดสนิท"  ไม่หวาน ไม่ฮือหือรือ.... งานเข้าของจริงละจ้ะ เจ้าคิกคัก

เม่าเนิร์ด คราวนี้ตั้งใจเสริท์หาข้อมูลจริงจัง ทำยังไง คืออะไร หายได้ไม๊ เมื่อไหร่หาย พร้อมไลน์ไปถามน้าสาวที่เป็นพยาบาล.....??????

พูดตามตรง จขกท. ไม่ค่อยตื่นเต้น ไม่กลัว ไม่กังวล คิดตลอดว่า ถ้าเกิดไม่รับรสจริงๆ คงน่าเสียดายที่อดชิมของอร่อยตลอดชีวิต อดซดน้ำชาบูที่ชอบมาก อดกินกระเพราแซ่บๆ อดกินติมหวานๆ แต่ตั้งใจว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะได้งดปรุงอาหารไปเลย น่าจะดีกับชีวิตดีกับสุขภาพ กินไรก็จืดๆไป ไม่ต้องปรุงแต่ง... แต่คนรอบตัวกังวลมากให้ไปหาหมอ

ตกเย็นยังออกไปกินอาหารอิตาเลียนกับพี่ๆเพราะนัดไว้แล้ว กินไปขำไป กัดพิซซ่า ก็ต้องถามพี่ๆว่ารสชาติเป็นยังไง อร่อยไม๊ ซุปหล่ะ หวาน หรือเค็ม หรือยังไง มีบ้างบางจานที่รสเข้มจัดๆ ตอนกลืนจะรู้ได้ว่า อืมมมม เค็มๆนะ สั่งน้ำอัดลมมากินก็ อ้าาาาา ซ่า แต่จืด 55555 พี่ๆก็บอกว่า ไปหาหมอเถอะนะ อะก็ได้ ทานเสร็จก็ไปหาหมอกัน

ถึงโรงพยาบาล ไปแจ้งอาการตรงทะเบียนก็ไม่กล้าพูดดัง เค้าก็ถามย้ำเป็นอะไรมานะคะ เอิ่ม .."ขอหาหมอลิ้น อมเดทตอลมา ลิ้นไม่รู้รส" ห่ะ อะไรนะคะ เป็นอะไรมานะคะ (ถามไป 3 รอบจนพูดเสียงปกติ จนท. งงแล้วก็ขำ 555) ไปถึงอายุรกรรม พยาบาลถามแบบเดิม จขกท. ตอบแบบเดิม ห่ะแบบเดิม ขำแบบเดิม 5555 เข้าไปหาหมอ คราวนี้พูดเสียงปกติ เล่าให้หมอฟัง จขกท.ก็ขำ หมอก็ขำ ... คือเพี้ยน คือหยิบผิด อมไปแล้ว ไม่ได้กลืนนะ ลูกเต่าน้อย

หมอก็เช็คลิ้น กดๆเขี่ยๆลิ้นสักพัก หมอก็ยิ้มแล้วบอกว่า
"เท่าที่ดูปุ่มรับรสคงตายไปอะคะ 555 แต่ไม่มีแผลในปาก ไม่น่าห่วง"
...(หมอน่ารักและหัวเราะแบบเกรงใจมาก 555)
เราก็ขำ 555 "จะหายไม๊"
.... หายแหละ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ แล้วแต่สุขภาพของคนเราเลย หายเมื่อไหร่บอกหมอด้วยนะ เพิ่งเคยเจอเคสแบบนี้ อยากรู้เหมือนกัน นานไม๊กว่าจะหาย 5555....

หมอขำ คนไข้ก็ขำ พยาบาลก็ขำ ห้องนี้แดร๊กกัญชามากันหรอฮ่ะ 5555555 เม่าเริงร่า

....แล้ว ที่ผ่านมาจากงานวิจัยหรืออะไรพวกนี้ บอกไม๊ว่านานแค่ไหนจะหาย
หมอบอก...บ้างก็ว่า หายในไม่กี่วัน บ้างก็ว่า เป็นปีๆแล้วยังไม่หาย
.... (หาาาาาาา!!!) อะไรคือความต่างของเวลาที่จะหาย
...... ถ้าเป็นหวัดไม่นานก็หาย 2-3 วัน แต่พวกที่กินยาฆ่าตัวตาย แล้วไม่ตาย พวกปุ่มรับรสที่โดนน้ำยาไปก็ตายแบบคนไข้นี่แหละ แต่พวกนั้นอาการหนัก นานเป็นปีบางคนก็ยังไม่หาย....ของคนไข้แค่อมไป ยังไม่ทันจะกลั้วคอ ตรงโคนลิ้นก็ไม่เป็นไรนะ 5555
......มียาช่วยให้มันฟื้นอะไรแบบนี้ไม๊จ้ะ 5555
......ไม่มีอ่ะ เหมือนเราเป็นแผลในปาก ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟู หมอก็ไม่รู้จะให้ยาอะไร เอาวิตามินบำรุงปลายประสาทไปกินละกันนะ 55555

เดินออกนอกห้องยัง 5555 ไม่หยุด อะไรจะขำกันขนาดนี้ เม่านักช้อป เดินมาหาพี่สาว 2 คนเดินไปรอจ่ายตังค์รับยา ตอนจ่ายตังค์ จนท.ก็ถาม แล้วก็ขำ 555 เดินไปเบิกยา จนท.ก็ถามเป็นไรมา แล้วก็ 5555 อีก ...รพ.นี้อารมณ์ดีมาก ชอบๆ 55555

เยี่ยม+++++++++++



สรุปจากข้อมูลที่หามา ก็คือ ปกติลิ้นคนเราจะรับรู้รสแตกต่างกันในแต่ละจุด (ตามภาพประกอบ) เป็นปุ่มรับรสอาหารกระจายอยู่ทั่วไปในปาก เรียกว่า ปุ่ม Taste Bud หวาน-ปลายลิ้น ขม-โคนลิ้น เปรี้ยว-ข้างลิ้น เค็ม-ปลาย/ข้างลิ้น แต่ลิ้นไม่มีปุ่มรับรสเผ็ด ที่เราเผ็ดเพราะเกิดจากการระคายเคืองของเยื่อบุภายในปาก เมื่อเราทาน น้ำลายของเราจะไปทำปฏิกิริยากับอาหารและจะไปกระตุ้นปุ่มรับรสต่างๆ ให้ขยายตัวเพื่อให้รับรสได้ง่ายขึ้นและจะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อแปลความหมายว่ารสอะไรทำให้เรารับรู้รสอาหารนั่นเอง  

[[[[ เพิ่มเติมข้อมูลที่แตกต่างออกไปจาก คห.ที่ 3 แนะนำมา เรื่องความเข้าใจผิดเรื่องการรับรสของลิ้น ลองอ่านได้จาก http://www.vcharkarn.com/varticle/41515 ที่ จขกท.โพสไปไม่ได้มีเจตนายิ่งสร้างความเข้าใจผิดนะคะ ก็อาศัยอ่านสรุปจากข้อมูลที่เก็บได้จากการอ่านมา ]]]]

ลิ้น .... นับเป็นกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวได้อิสระมาก ตลบซ้าย สะบัดขวา ได้หมด
มีหน้าที่ช่วยกลืน รับรสอาหาร คลุกเคล้าส่วนผสมในปาก
และมีส่วนช่วยในการออกเสียงของมนุษย์
คนโบราณจะดูลักษณะและสีของลิ้น เพื่อบอกถึงสุขภาพ ทำนายโรคต่างๆ



ปุ่มรับรสหนึ่งปุ่มอาจรับได้หลายรส แต่จะไวเป็นพิเศษต่อรสใดรสหนึ่งเท่านั้น
ส่วนรสอื่นๆ เกิดจากความรู้สึกผสมผสานของแม่รสทั้ง 4 คล้ายการผสมแม่สี

ปุ่มรับรสที่อยู่บนลิ้นมีมากถึงประมาณ 3,700 ปุ่ม จากจำนวน จุดรับรส (taste receptor) ทั้งหมด 7,900 จุดในช่องปาก
โดยจุดรับรสที่เหลือไม่มีลักษณะเป็นปุ่ม แต่จะราบเรียบกระจายอยู่ทั่วไปที่โคนลิ้น คอหอย เพดานปาก และกระพุ้ง-แก้ม
ทุก 7-14 วัน เซลล์รับรสจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไป
ดังนั้น เมื่อกินอาหารร้อนจัดลิ้นพอง ซึ่งทำให้เซลล์ตาย ลิ้นจะชาไม่รับรู้รสอยู่หลายวันจนถึงรอบที่เซลล์ใหม่มาแทนที่

ในคนที่อายุเกิน 45 ปี ปุ่มรับรสจำนวนหนึ่งจะเริ่มเสื่อมสลายทำให้การรับรสลดลงไปเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น
ดังนั้น มักจะได้ยินผู้สูงอายุบ่นเสมอว่ากินอาหารไม่อร่อยเท่าตอนที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว
ลิ้นเป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้ออันละเอียดอ่อน สามารถเคลื่อนไหวได้ทุกทิศทาง ผิวของลิ้นจะขรุขระ
มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ คล้ายขนสากๆ จำนวนมาก ซึ่งก็คือปุ่มรับรส โดยปกติผิวของลิ้นจะเปียก ชุ่มชื้น
ลิ้นของเด็กทารกจะมีสีแดงหรือสีชมพูอ่อนๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นปุ่มรับรสจะค่อยๆ โตขึ้น
และอยู่ค่อนไปทางโคนลิ้น ขอบลิ้นและผิวใต้ลิ้นจะแดงกว่าส่วนอื่นๆ
บางคนอาจมีรอยแตกที่ผิวลิ้น และจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ



สิ่งหนึ่งที่เรามักจะหลงลืมไปในขณะทำความสะอาดปากก็คือการแปรงลิ้น
ลิ้นที่มีแต่คราบไม่สะอาด ประกอบไปด้วยเศษอาหาร เศษเซลล์ของลิ้นที่ตายแล้ว แบคทีเรีย
ซึ่งสภาพบนลิ้นนั้นเหมาะกับแบคทีเรีย สะสมและย่อยสารอินทรีย์ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปากได้เลย

การทำความสะอาดลิ้น
-ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน หรือใช้ช้อนที่ไม่มีขอบคม คว่ำช้อนลงแล้วรูดๆปาดๆ
-แลบลิ้นออกมาด้านหน้าช่วยให้แปรงได้ง่ายขึ้น แต่ถนัดท่าไหนใช้ท่านั้นได้
-แปรงลิ้นเบาไม่ต้องกดแรง การวางอะไรบนลิ้นแรงๆ ทางด้านหลัง ทำให้เกิดปฏิกริยา "แกก (gag reflex)" หรืออาการทำท่าจะอาเจียนออกมาได้
-แปรงจากด้านหลังออกไปด้านหน้าจนรู้สึกลิ้นสะอาด ทำวันละครั้งก็พอ

หัวใจ+++++++++++


กลับมาที่อาการ โชคดีของ จขกท. ปุ่มของ จขกท. ม่องเท่งไปราว 7 วัน ชุบชีวิตใหม่ด้วยเวลา การใช้ชีวิตแต่ละวันก็ดีมาก ประหยัดไปเยอะ กินไรก็ไม่อยากกินเท่าไหร่ รสชาติเดียวกันหมด กาแฟก็จืด ก๋วยเตี๋ยวก็จืด ต้มยำก็จืด แกงจืดก็จืด ...ดีจุงเลย กินไรก็ไม่ต้องปรุง เพื่อนชวนไปไหนก็ไปได้นะ กินปกติได้เลย แต่จินตนาการรสชาติเอา อาศัยถามคนไปกินด้วยว่ารสเป็นยังไง อะไรที่เคยกินแล้วก็นึกเองได้ ขำดี

แต่ที่รู้สึกได้มากที่สุดคือ กลิ่น มันฟุ้งจากปากขึ้นสมอง สั่งการว่ารสชาติน่าจะแบบนี้ กลิ่นเป็นประโยชน์มาก ช่วยได้เพลิดเพลินกับอาหารได้ทุกมื้อ

ประมาณวันที่ 7 ก็เริ่มได้รสชาติอ่อนๆ จนมาวันที่ 8 อาหารมื้อเที่ยงกินก๋วยเตี๋ยวหลอด แล้วก็ยังตักน้ำซอสที่ราดซดนะ แต่เอ๊ะ เค็มๆอะ เอาใหม่ หือ หวานๆด้วย .. เลยเรียกเพื่อนที่กินด้วยกันว่า รู้สึกรสแบบนี้อะ จิงเป่า ... เพื่อนตักชิม ก็อืม หวานๆเค็มๆนะ ห่ะ!!!

อร๊ายยยยย มันฟื้นคืนชีพแล้ววววววววว เม่ารักสัตว์

เป็น 7 วันที่น่าจดจำ สอนอะไรเยอะมาก "กินเพื่ออยู่ มากกว่า อยู่เพื่อกิน" กินแค่พออิ่มสบายท้อง ไม่ได้ตะบักตะบวยกินเพราะหลงรสชาติ แบบที่เคยเป็นๆมาตลอด กาแฟ น้ำอัดลม ขนมหวาน ไอติม ลูกอม ลดไปเยอะมาก น้ำหนักลดไป 2-3 โลได้ จนมีแต่คนแซวว่า เดทตอลช่วยลดความอ้วนได้ด้วยหรอ? 55555

สุดท้าย จขกท. ขอฝากว่า อะไรเอ่ยไม่เข้าพวก ก็เอาออกห่างๆจากของที่จะเอาเข้าปากได้นะจ้ะ
(เพื่อนๆน่ารัก ไม่ได้ตั้งใจ ไม่โกรธเพื่อน ตอนนี้เพื่อนบอกเอาเดทตอลไปแอบหลังส้วมแล้ว 555)


ขอขอบคุณหลายๆเว็บไซต์ที่จขกท.หาข้อมูลและรูปภาพเรื่องลิ้นมาทั้งหมดจากกูเกิ้ล
อาจไม่ได้ให้เครดิตเพราะมายำๆสรุปไว้ที่นี่


/////////////////////////////


ตลกดีที่มาโพสกระทู้พันทิปแต่ละครั้ง มีแต่เรื่องทั้งนั้นเลย
คราวก่อนก็ ขับรถมอไซต์ตกสะพานประวัติศาสตร์ ณ วังเวียง
http://ppantip.com/topic/33343838
ก่อนหน้านั้นก็ อุทาหรณ์ ห้องนอนไฟไหม้ เพราะปลั๊กสามตา
http://ppantip.com/topic/32442901

คราวล่าสุดนี้ก็อมเดทตอล 5555555 ขำได้นะ เล่าให้ใครฟังก็ขำกันหมดเลย ตอนนี้หายแล้ว กินอะไรก็ละเมียดชมรสเหมือนเดิมละ
ส่วนน้ำหนัก... อย่าไปพูดถึงเลย ผ่านไปไม่นาน ก็กลับมาครบแล้ว

อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่