จินดามณี : ๑ โดย พาฝัน

กระทู้สนทนา
จินดามณี : ๑ โดย พาฝัน



คำโปรย “เมื่ออัญมณีศักดิ์สิทธิ์สูญหายไปพร้อมกับผู้ครอบครอง เทพธิดาน้อยจึงต้องแบกรับหน้าที่ออกตามหามิตรรักและของวิเศษยังโลกมนุษย์ เพื่อนำดวงแก้ววิเศษกลับคืนสู่สวรรค์อีกครั้ง ก่อนที่เทวาสุรสงครามจะสิ้นสุดลง!!!”

     “ดาวดึงส์” เป็นหนึ่งในสวรรค์ฉกามาพจร (ฉกามาพจร คือ สวรรค์ ๖ ชั้น ประกอบด้วย จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี) อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ๓๓๖,๐๐๐,๐๐๐ วา ตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ โดยมี “นครไตรตรึงษ์” เป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดา มีพระอินทร์เป็นเทวดาผู้ปกครอง ปราสาทที่พำนักของพระอินทร์มีชื่อเรียกว่า “ไพชยนต์มหาปราสาท” ตรงกลางมหาปราสาทเป็นที่ประดิษฐานแท่นบัณฑุกัมพลอันเป็นทิพยอาสน์ของพระอินทร์ แม้พระอินทร์จะเป็นเทวราชผู้อภิบาลโลก และพิทักษ์ธรรมให้แก่มวลมนุษย์ แต่ที่ผ่านมาก็หาสร้างความสงบสุขให้แก่เหล่าเทพและมนุษย์ได้ตลอดเวลาไม่ เพราะว่าบรรดาเทพทั้งหลายต้องทำสงครามกับเหล่าอสูรอยู่เป็นเนื่องนิตย์ สาเหตุเกิดจากแต่เดิมเหล่าอสูร คือ “เทพ” ที่พำนักอาศัยอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แต่แรก แต่ถูกพระอินทร์และเทพบริวารทำอุบายหลอกลวงให้ดื่มสุราจนเมามายไม่ได้สติ ก่อนจะถูกจับโยนลงมาอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ทำให้บรรดาเหล่าอสูรเกิดความแค้นพระอินทร์และเทพบริวารเป็นอันมาก จึงทำการยกทัพเข้ารุกรานเหล่าเทพอยู่ตลอดเวลา เพื่อหมายมั้นใคร่จะได้ “นครสุทัศน์” กลับคืน (ชื่อเดิมของนครไตรตรึงษ์) ก่อให้เกิด "เทวาสุรสงคราม" (สงครามระหว่างเทพกับอสูร) ขึ้น ซึ่งกินเวลาอยู่นานหลายขวบปีทิพย์ แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังมิรู้ผลแพ้ชนะ จวบจนกระทั่งล่วงถึงบัดนี้

     ณ สวนนันทวัน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เวลานี้เต็มไปด้วยเทพบุตร และเหล่านางฟ้าทั้งหลายที่ต่างออกมาชื่นชมความงามของพรรณไม้นานาชนิด บ้างต่างยืนชื่นความงาม บ้างต่างวิ่งไล่หัวเราะต่อกระซิบกันอย่างมีความสุข ชวนให้ผู้ที่ได้มาพบเห็นเกิดความรู้สึกรื่นเริง เบิกบาน สำราญใจ ขณะด้านหนึ่งของ สวนนันทวัน มีแต่ความสุขหรรษา เต็มไปด้วยเหล่าเทพบุตรและนางฟ้า เดินไปมากันขวักไขว้ แต่อีกด้านหนึ่งกลับเงียบสงบราวกับไม่มีผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาเป็นเวลานาน บริเวณสระ “จุลนันทาโบกขรณี” เงียบสงัด เหมือนมิต้องการแขกผู้ใด ช่างสันโดษและสงบเงียบ เหมาะแก่การนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาสร้างตบะบารมีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองดูเข้าไปในสระดังกล่าว ก็พลันพบนางฟ้ารูปร่างอรชรนางหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างของนางลอยเด่นอยู่เหนือแผ่นศิลา “นันทาปริถิปาสาณ” หากเพ่งพิศไปที่ใบหน้าของนางก็จะพบว่า แท้จริงแล้วนางเป็นนางฟ้าที่มีรูปโฉมงดงามราวกับหยกแกะสลัก ผิวพรรณขาวอมชมพูเหมือนกับอัญมณี ทั่วทั้งร่างกำลังห่อหุ้มไปด้วยแสงสว่างนวลตาเปล่งประกายสอดผสานรับกับอาภรณ์สีอำพันที่นางสวมใส่ ที่บริเวณกลางฝ่ามือปรากฏอัญมณีเปล่งแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ บางครั้งทอประกายแสงเรืองรองราวกับสายรุ้งออกมาอย่างน่าอัศจรรย์

“จินดามณี (แก้วสารพัดนึก)”

     มณีวิเศษแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นสิ่งวิเศษที่อยู่คู่กับสวรรค์แห่งนี้มานานแสนนาน แต่เดิมจินดามณีประดิษฐานอยู่บนยอดของ “จุฬามณีเจดีย์” คอยปกปักษ์รักษาดาวดึงส์ไม่ให้เกิดเภทภัยอันตรายใดๆ มีเทพหลายองค์และอสูรหลายตนต่างหมายที่จะครอบครองดวงแก้ววิเศษนี้ แต่จะหาผู้ใดที่มีความหาญกล้าพอที่จะครอบครองดวงแก้ววิเศษนี้ได้ไม่ ด้วยก็เพราะยามใดก็ตามที่มีผู้เข้าใกล้ดวงแก้ววิเศษดวงนี้จะต้องถูกประกายแสงอันร้อนแรงจากดวงแก้ววิเศษแผดเผาจนร่างแตกดับ จึงทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองดวงแก้ววิเศษนี้ได้

     แต่จะด้วยเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ ในคราวหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อจู่ๆ ดาวดึงส์ที่เคยสว่างไสวและสวยงาม พลันเกิดอาเพศเต็มไปด้วยความมืดมิด พร้อมกับมีสายฟ้าฟาดลงมานับร้อยสาย มิหนำซ้ำยังเกิดลมวิปโยค พัดทำร้ายเหล่าเทพบุตรและนางฟ้าที่อาศัยอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แห่งนี้ เหล่าเทพและนางฟ้าต่างหลบหนีเข้าไปในไพชยนต์มหาปราสาทด้วยความอกสั่นขวัญแขวน เพียงจากนั้นไม่นานดาวดึงส์ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดูคล้ายเหมือนแผ่นดินจะแยก ราวกับว่าดาวดึงส์กำลังจะพังทลายลงในชั่วพริบตา วินาทีนั้นเองดวงแก้วจินดามณีก็ทอประกายแสงสีรุ้งสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก่อนจะล่องลอยออกจากยอดของจุฬามณีเจดีย์ ประกายแสงของดวงแก้ววิเศษ ช่วยหยุดยั้งอาเพศดังกล่าวลง ความมืดมิดที่กำลังกลืนกินดาวดึงส์อยู่ค่อยๆ จางหาย ปรากฏแสงสว่างกลับคืนมาอีกครั้ง ลมพายุร้ายที่บ้าคลั่งก็อันตธานหายไปในชั่วพริบตา ดาวดึงส์ที่สั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาก็พลันกลับมาเป็นปกติเช่นดังเดิม ดวงแก้วจินดามณี ลอยคว้างอยู่เป็นเวลานานทอประกายแสงสาดส่องเหมือนขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากดินแดนแห่งสวรรค์ จนกระทั่งลำแสงค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ และร่วงหล่นลงมาสู่พื้นพิภพสวรรค์ นางฟ้าทิพย์อัปสร ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นห่วงว่าดวงแก้ววิเศษจะตกลงสู่พื้น นางจึงรีบเหาะไปรับเอาไว้โดยเร็ว เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่ดวงแก้วจินดามณีไม่ได้ทำอันตรายใดๆ แก่ นางฟ้าทิพย์อัปสร เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังกลับลอยเข้าสู่มือของนางเสียอีก สร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่าเทพทั้งหลายเป็นอันมาก และเป็นที่โจษจันไปทั่วสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางฟ้าทิพย์อัปสร จึงเป็นผู้ครอบครองและพิทักษ์ดวงแก้ววิเศษนี้ตลอดมา

“ทิพย์อัปสร ....ทิพย์อัปสร..... เจ้าอยู่ที่นี้ใช่หรือไม่?”

เสียงอันไพเราะอ่อนหวานแว่วดังมาแต่ไกล พร้อมกับเจ้าของร่างที่เดินเข้ามาใกล้ นางเป็นหญิงสาวรูปร่างอรชรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทิพย์อัปสร วงหน้างามหมดจด นุ่งห่มอาภรณ์สีเขียวมรกต ยามใดที่ร่างของนางต้องแสงจากสรวงสวรรค์ จะทำให้ผิวที่ขาวราวกับสำลีของนางสว่างไสวมากขึ้นกว่าเดิม

ทิพย์อัปสร ค่อยๆ ออกจากสมาธิและลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนรวบเก็บมณีจินดาไว้ในมือ แล้วจึงคอยเคลื่อนกายทิพย์ลงสู่พื้น

“ข้าอยู่นี้ เกสรมณฑา”

ทิพย์อัปสร เอ่ยขานรับก่อนเดินเยื้องย่างเข้าไปหาเกสรมณฑา

“ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี้” เกสรมณฑากำลังนึกอยู่ว่าหากหาทิพยอัปสรที่นี้ไม่พบ คงจะต้องไปตามหาที่สระนันทาโบกขรณีต่อ ไม่คาดคิดว่านางจะเลือกมาถูกที่ตั้งแต่แรก

“ทำไมเจ้าถึงรู้ได้ว่าข้ามานั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่นี้?” ทิพย์อัปสร สงสัย

“ความจริงข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าอยู่ที่นี้ แต่ข้าพอจะนึกออกแค่สถานที่สองแห่งนี้เท่านั้น ที่เจ้าพอจะใช้ในการบำเพ็ญตะบะบารมีได้ หากไม่ใช่ที่สระจุลนันทาโบกขรณีแห่งนี้ ก็เหลือเพียงสระนันทาโบกขรณี ข้าก็เลยลองเดินมาดูทางสระจุลนันทาโบกขรณีก่อน ไม่คิดว่าข้าจะโชคดีเจอเจ้าที่นี้แต่แรก” เกสรมณฑาตอบ พลางเพ่งมองดูทิพย์อัปสร นางยังคงสวยสง่าเช่นเดิม จะแตกต่างจากเมื่อก่อนก็ตรงที่ทุกครั้งที่เจอกันสีหน้าท่าทางของนางจะร่าเริงและสดใสอยู่เสมอ แต่เดี๋ยวนี้ใบหน้าของนางกลับไม่เคยปรากฏรอยยิ้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจำไม่ผิดนางเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ได้ดวงแก้วจินดามณีมาครอบครอง

“เจ้ามีเรื่องอันใด ถึงได้ตามหาตัวข้าเช่นนี้?” ทิพย์อัปสรเอ่ยถาม เนื่องด้วยไม่แน่ใจว่า เกสรมณฑา เรื่องสำคัญอะไรหรือไม่ ถึงได้ดั้นด้นตามหานางเช่นนี้ แม้ในบรรดาเหล่านางฟ้าทั้งหมดที่นางรู้จัก เกสรมณฑาเป็นคนที่นางสนิทมากที่สุดก็ตาม แต่ช่วงหลังพวกนางก็ไม่ค่อยจะได้พบกันบ่อยครั้งนัก

“ข้าไม่มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษหรอก แต่ข้ารู้สึกเป็นห่วงเจ้า ตั้งแต่เจ้าได้จินดามณีมาครอบครอง ข้ารู้สึกว่า เจ้าก็มิเคยร่าเริงดังเช่นเคย มิหนำซ้ำยังเก็บตัวอยู่เพียงผู้เดียว เจ้ามีเรื่องอันใดที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ ถึงได้มาหลบอยู่ที่นี้?”

ทิพย์อัปสร นิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนค่อยๆ ถอนหายใจออกมา นางเองมีเรื่องกังวลใจอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่ได้ครอบครองดวงแก้ววิเศษนี้มาไม่เคยเลยสักครั้งเดียวที่จิตใจของนางจะสงบลง ราวกับว่านางกำลังรู้ถึงภัยอันตรายอะไรบ้างอย่างที่คืบคลานใกล้เข้ามา แต่ก็เหมือนมีเมฆหมอกบังตาทำให้นางไม่สามารถรู้เห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าวได้

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เกสรมณฑา ข้าขอบอกตามตรงตั้งแต่เกิดอาเพศในวันนั้น จิตใจข้าก็รู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ เหมือนคล้ายกับว่าจินดามณีต้องการจะเตือนอะไรข้าบางอย่าง” ทิพย์อัปสรพูด พลางจ้องมองดวงแก้ววิเศษในมือของตัวเอง เหมือนใคร่จะถามดวงแก้ววิเศษว่าสิ่งที่นางกล่าวออกมาถูกต้องใช่หรือไม่

เกสรมณฑา ขมวดคิ้วเล็กน้อย นับตั้งแต่คบเป็นสหายกันมา น้อยครั้งนักที่ ทิพย์อัปสร จะมีสีหน้ากังวลเช่นนี้

“เจ้ากำลังคิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในดาวดึงส์สวรรค์แห่งนี้อย่างนั้นหรือ?”

ทิพย์อัปสร เองนางก็ตอบไม่ได้เต็มปากนัก

“ข้าเองก็ยังไม่ค่อยรู้แน่ชัด ข้าเพียรพยายามที่จะเข้าสู่ห้วงสมาธิอยู่หลายครั้ง เพื่อเพ่งมองดูเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ แต่ทุกครั้งที่ข้าเพ่งมองกลับพบแต่เมฆหมอกที่ดำมืดคอยรบกวนอยู่เสมอ ทำให้ข้าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ข้าเริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเสียแล้ว เกสรมณฑา บางทีนี้อาจจะเป็นลางร้ายก็ได้”

เกสรมณฑา มิได้โต้แย้งใดๆ นางค่อนข้างจะเชื่อ ทิพย์อัปสร เพราะทิพย์อัปสรได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาพยากรณ์ผู้แม่นยำนัก หากนางได้ลองพยากรณ์สิ่งใดแล้วย่อมเป็นจริงดังตาเห็น ผิดกับคราวนี้ที่นางกลับไม่รู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นและใกล้จะถึงตัว

“เจ้านำความเรื่องนี้บอกต่อท่านวิชุเทพบุตรแล้วหรือไม่?” เกสรมณฑาถาม ในเวลานี้คงอาจมีเพียงแต่วิชุเทพบุตรพี่ชายของทิพย์อัปสรเท่านั้นที่อาจจะพอช่วยคลี่คลายปมปัญหาที่ค้างคาใจนี้ได้

“ข้ายังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านพี่ของข้าฟัง เวลานี้ท่านพี่ของข้าอยู่กับองค์อินทรา ยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปรบกวน ” ทิพย์อัปสรเองก็รู้สึกอัดอั้นตันใจมานาน มีหลายครั้งที่อยากจะเข้าไปพบพี่ชาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้แก่เขา แต่ดูเหมือนช่วงนี้ทางวิชุเทพบุตรก็มีเรื่องที่วุ่นวายหนักสาหัสและต้องรีบเร่งจัดการอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

“ช่วงนี้ข้าเห็นท่านวิชุเทพบุตร เข้าเฝ้าองค์อินทร์อยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น ดูเหล่าเทพบุตรองค์อื่นเองก็ต่างมีเรื่องวุ่นวายอยู่มิใช่น้อยเช่นกัน ข้าเห็นเหล่าเทพบุตรพากันผลัดเข้าผลัดออกจากไพชยนต์มหาปราสาทมิว่างเว้น ทั้งๆ ที่ช่วงนี้ก็ยังมิถึงเวลาของการชุมนุมสมาคมเพื่อเข้าเฝ้าองค์อินทร์ตามปกติ” เกสรมณฑา เล่าตามที่นางเห็น เวลานี้เทพบุตรน้อยใหญ่ต่างพากันเข้าเฝ้าพระอินทร์อยู่ไม่ขาดสาย ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกติมากนัก

“ข้าเองก็เห็นองค์อินทรา ทรงมีพระพักตร์ที่เคร่งขรึม ไม่ทรงเบิกบานเหมือนเช่นเคย ดูลางแล้วน่าจะมีเรื่องราวที่ใหญ่โตอันใดเป็นแน่ เหล่าเทพบุตรทั้งน้อยใหญ่ถึงได้พร้อมใจเข้าเฝ้าองค์อินทราในเวลานี้” ทิพย์อัปสรกล่าว นางเองก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่ามีเรื่องอันใดกันแน่ ทำไมเหล่าเทพบุตรทั้งหลายจะต้องรีบเข้าเฝ้าพระอินทร์นัก

“หรือว่าบางที.....ที่เหล่าเทพบุตรพากันเข้าเฝ้าองค์อินทรา....อาจจะเกี่ยวข้องกับ......” ถ้าหากจะให้ เกสรมณฑา เดาคงนึกได้อยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

“.....ท้าวเวปจิตติ !!!!”

เพียงได้ยินชื่อ ท้าวเวปจิตติ ก็ทำให้ ทิพย์อัปสร ถึงกลับต้องหันขวับมามอง เกสรมณฑา ด้วยความตกใจ

“อะไรนะ....ท้าวเวปจิตติ!!!!...นี้เจ้ากำลังคิดว่าจะเกิด เทวาสุรสงคราม อย่างนั้นหรือ เกสรมณฑา?”
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่