ทูตนรกล้านปี ภาค 5 หนอนนรกกลับมาแล้ว!! Tremors 5: Bloodlines


     ยังจำกันได้ไหมเอ่ยชาวไทย สัตว์ประหลาดอันโด่งดังแห่งยุค 90's  หนอนยักษ์ใต้ผืนทรายแห่งรัฐเนวาดา ปีนี้จะกลับคืนสู่จอทีวีแล้วครับบบบ  หนังภาคต่อของแฟรนไชส์สัตว์ประหลาดชื่อดัง Tremors หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาไทยว่า "ทูตนรกล้านปี"  ในเดือนตุลาคมปี 2015 ที่จะถึงนี้เหล่าหนอนยักษ์ล้านปีจะกลับมาอีกครั้งใน Tremors 5: Bloodlines!!!! น่าเสียดายที่จะไม่เข้าโรงแต่ออกเป็นหนังแผ่นเลย แต่ออกแผ่นบลูเรย์,ดีวีดีด้วยแน่นอนครับ

     และแน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพระเอกนักล่า Graboid ของเรา Burt Gummer รับบทโดย ไมเคิล กรอส คนเก่า วัยเก๋าเลยครับ 68 แล้วแต่ปู่บอกว่ายังวิ่งไหวอยู่ (รู้สึกว่าจะต้องวิ่งกันเยอะเลยล่ะครับ แอบสงสารแกเหมือนกัน) ในภาคที่ 5 นี้ เบิร์ท กัมเมอร์จะไปล่า Graboid ที่ประเทศ South Africa ผมล่ะแอบคิดถึงเมือง Perfection จังเลย แต่ไม่เป็นไรครับ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นักแสดงเก่าจากภาคก่อนๆคงมีแค่คนเดียวเท่านั้นครับ ถ้านำนักแสดงชายคนหลักๆจากภาคแรกๆ เช่น Fred Ward ไม่น่าจะวิ่งไหวแล้ว ส่วน Kevin Bacon ยังไหวอยู่แต่รายนั้นก็เล่นแค่ภาคแรกแล้วก็ไม่มีอีกครับ
     ภาคนี้เราจะได้คู่หูคนใหม่มาช่วยปู่เบิร์ทด้วยคือนาย Travis Welker รับบทโดย Jamie Kennedy เพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ไฮ-เทคต่างๆมากมาย ใน Tremors 5: Bloodlines เราจะได้เห็นทั้ง Graboid และ Assblaster เลยนะครับ (Assblaster คือตัวที่เป็นขั้นล่าสุดของ Graboid เหมือนเป็นผีเสื้อโตเต็มวัยน่ะครับ graboid ก็เปรียบเสมือนหนอนผีเสื้อ ปรากฏใน Tremors 3 ครับ ก็ไอตัวที่มีเจ็ทที่ตูดนั่นแหละ ปู้ด! บรึ้ม! บินไปเลยยย!! )
     

     Tremors 5 นี่นะครับห่างจากภาค 4 ถึง 11 ปีเลยทีเดียว ซึ่ง Tremors 4: The Legend Begins ออกเป็นแผ่นเมื่อปี 2004 ถ้าให้ผมเรียงเป็น Timeline มันควรจะเป็นภาคต่อของ Tremors 3: Back to Perfection ครับ เพราะภาคที่สี่มันเป็นเนื้อเรื่องต้นกำเนิดย้อนไปยุคบรรพบุรุษของ Burt Gummer นู้นครับ (เดี๋ยวมีรีวิวตั้งแต่ภาคแรกในกระทู้นี้แน่นอนครับ)
     มุมวิจารณ์
     ขณะนี้เราแค่ทราบข่าวนะครับว่า Tremors 5: Bloodlines จะออกเป็นแผ่นเดือนตุลาคมนี้ แต่เนื้อเรื่องย่อนี่ยังไม่มาเลย ยังไม่มี Trailer และ Teaser ใดๆทั้งสิ้น ในแฟนเพจ Tremors บนเฟสบุ๊คก็มีแต่รูปภาพของ Burt Gummer และคู่หูของเขาเท่านั้น ยังไม่โชว์สัตว์ประหลาดให้ได้เห็นกันเลยซึ่งมันค่อนข้างน่าสงสัยว่า CG ยังไม่เสร็จหรือเปล่า? หรืออยากเก็บไว้เซอไพรส์แฟนๆ มันจะกากกว่าภาคแรกๆไหมหว่า? (ไม่ว่าหนังเรื่องอะไร ส่วนใหญ่สู้ภาคแรกของตัวเองไม่ได้หรอกครับ) ส่วนตัวผมก็ไม่ทราบว่าคนไทยรู้จักและชอบเจ้าหนอนนี่กันไหม แต่มันเป็นหนังเรื่องโปรดของผมสมัยเด็กๆเลยล่ะ แล้วการที่หนังทำออกแผ่นเลยแสดงว่าเขาใช้ทุนต่ำ ไม่แน่อาจจะได้เห็นหนอนยักษ์เป็น CGI หมดเลยไม่ใช่หุ่นแบบสมัยก่อนที่ใช้กันซึ่งมันค่อนข้างน่าผิดหวังครับ แต่ที่กังวลในตอนนี้ที่สุดคือทำไมยังไม่มีตัวอย่างหนังออกเสียทีเพราะว่ามันควรจะปล่อยออกมาได้แล้ว อาจจะต้องรออีกสักเดือนละมั้งครับ

     เอาเป็นว่าเราพักเรื่อง Tremors 5 ไว้ก่อนละกันครับ เพราะว่าต้นทางก็ยังไม่มีอะไรเผยแพร่ออกมาเลย ได้ดูแต่รูปในเฟสบุ้คซึ่งทำได้เพียงออกมากระตุ้นแฟนๆตั้งแต่ยุค 90 นู้นนนให้รู้ว่าหนังสัตว์ประหลาดรุ่นเก๋าจะกลับมาอีกครั้ง แล้วก่อนที่จะพรีวิวหนังแต่ละภาค (แม้จะผ่านมาเป็นทศววรษ) เรามาทำความรู้จักกับกราบอยด์ Graboid หนอนวายร้ายกันดีกว่าาา


     ในจักรวาลของแฟรนไชส์นี้ ไอเจ้าหนอน Graboid นี่น่ะครับมันเป็นสัตว์บนโลกใบนี้นี่แหละครับ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีชีวิตตั้งแต่ยุคแรกของโลกคือยุคพรีแคมเบรียน เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์มาก (ซึ่งจริงๆมันโอเว่อร์ไปหน่อยนะครับ เพราะยุคนัน้มันมีแต่สัตว์เซลล์เดียวอะไรเทือกนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนแบบนี้ ที่นี่ในภายหลังจาก Tremors: The Series (2003) ก็มีข้อมูลอัพเดทว่า ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมว่าจริงๆมันเป็นไปไม่ได้ที่กราบอยด์จะเกิดในยุคนั้น เพราะมันไม่มีอะไรให้มันล่าเลย จึงมีการสันนิษฐานขึ้นมาใหม่ว่ามันควรจะอยู่ในยุคดีโวเนียน ซึ่งเป็นยุคก่อนหน้าไดโนเสาร์หลายยุคมากแต่ว่า เริ่มมีปลา มีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเกิดขึ้นแล้ว กราบอยด์อาจจะล่าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในยุคนั้นเป็นอาหารและวิวัฒนาการครับ ซึ่งแบบนี้มันสมเหตุสมผลกว่ามากเลยครับ)
     วงจรชีวิตของ Graboid นี่จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันครับ กราบอยด์จะมีรูปร่างแตกต่างกันเป็นระยะๆในวงจรชีวิตของมันเหมือนพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหลายชนิดครับ เช่น กบ เขียด แต่เจ้าพวกนี้มันไม่ใช่สัตว์ครึ่งบกครึงน้ำนะ ถ้าไม่นับไข่กราบอยด์ในหนังที่ปรากฏจะมี 4 รูปร่าง และ 3 ระยะของวงจรชีวิต 1. อยู่ใต้ดิน 2. มีสองขาเดินบนบก 3. บินได้ เราค่อยๆไล่ไปทีละสเตปตามวงจรชีวิตของมันดีกว่านะครับจะได้ไม่งง

     นี่คือกราบอยด์ในวัยเด็กครับ คือเกิดออกจากไข่ก็แบบนี้เลย ตัวเล็กครับ มีความยาวแค่ 120 เซนติเมตรเท่านั้น อาศัยอยู่ดินนิ่มๆ ไม่มีตา แต่ประสาทการรับความรู้สึกของการสั่นสะเทือนและคลื่นเสียงอะไรนี้ ดีมากๆ แค่เดินย่ำไปบนพื้นมันก็รู้แล้ว เจ้าตัวนี้ปรากฏอยู่ในหนัง Tremors 4 เท่านั้นครับ โดยตัวละครในสมัยนั้นขนานนามมันว่า "มังกรดิน" ภาษาอังกฤษเขาใช้ชื่อว่า "Dirt Dragon" แฟนหนังต่างชาติตั้งชื่อมันว่า "Shooter" ครับเพราะว่าไอ Dirt Dragon นี่เนี่ยมันพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดินได้เร็วมากๆเหมือนกระสุนปืนเลย แม้ตัวจะเล็กแต่หนามแหลมๆที่มีอยู่รอบตัวนี่แหละที่มันใช้ในการพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยช่วงนี้จะเป็นระยะตั้งแต่เป็นไข่จนเป็นกราบอยด์ขนาดโตเต็มที่จะเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุด ไข่ใช้เวลานานถึง 300 ปีกว่าจะฟักแต่สามารถถูกระตุ้นจากภายนอกให้ฟักได้ด้วยความรวดเร็วเช่น ความร้อน (ภาคที่ 4 ไข่ของกราบอยด์ฟักออกมาเพราะอยู่ใกล้น้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน กราบอยด์จึงฟักออกจากไข่และออกล่าเหยื่อทันที)

     นี่คือ Graboid ที่โตเต็มที่ครับ จะมีขนาดใหญ่มากๆ ตรงนี้เราจะนับว่ายังเป็นร่างแรกอยู่นะครับเพียงแต่มันโตขึ้นผมเลยอยากให้เห็นว่ามันแตกต่างกับตอนออกจากไข่ยังไง แต่ Dirt Dragon กับ graboid ถือเป็นระยะเดียวกันก็คือตัวอ่อนนั่นเอง (นี่ขนาดตัวอ่อนนะ) พอกราบอยด์มันเริ่มโตนะครับ ก็จะมีสามลิ้นอยู่ในปาก แล้วแต่ละลิ้นของมันนี่มีชีวิตอีกนะ มีหรือไม่มีไม่รู้ แต่ผมว่ามันคงมีชีวิตจิตใจเป้นของตัวเองแน่ๆล่ะ แต่ Host คือตัวกราบอยด์เอง

     Graboid ที่โตเต็มที่ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากๆ ยาวได้ถึง 9 เมตร และลำตัวกว้างประมาณ 1.8 เมตรครับวัดจากช่วงลำตัวที่หนาที่สุด มีน้ำหนักราว 10-20 ตัน ปากบนจะเป็นจงอยที่ใหญ่ที่สุดและปากล่างจะเป็นจงอยปากเล็กๆสามส่วน มีเดือยหนามตามลำตัวเพื่อใช้ถีบส่งตัวเองเวลาเคลื่อนที่ใต้ดิน แต่ก็เร็วจนแบบ ไล่รถทันกันเลยทีเดียว (เดือยบ้าอะไรของมัน) กราบอยด์ยักษ์ก็ยังเหมือนกราบอยด์น้อยครับ ไม่มีตาเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ แต่มีประสาทการได้ยินและรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ดีมากขอแค่มีอะไรมาสะกิดที่พื้นดิน มันรู้หมด เพราะความไวต่อเสียงนี้แหละ ทำให้มันทนเสียงระเบิดที่อยู่ใกล้ๆไม่ได้ครับเสียงที่เสียดประสาทจะสร้างความทรมานให้กับมันมากๆเลยล่ะครับ พอมันมีขนาดใหญ่แบบมหึมาขึ้นมากๆ มันก็กระโดดแบบตอนยังเป็น Dirt Dragon ไม่ได้แล้วจึงพัฒนาให้มีลิ้นสามลิ้นที่ยาวที่ 3 เมตร ใช้ในการดึงเหยื่อลงไปใต้ดินมันมีแรงเยอะมากๆนะครับ ขนาดดึงรถลงไปได้ทั้งคัน สัตว์พวกนี้มันสุดติ่งก็ตรงที่เวลามันล่าอะไรไม่สำเร็จ มันจะฉลาดขึ้นครับ มันเรียนรู้ได้ไวและวางแผนเป็น เริ่มไม่ติดกับดักง่ายๆ หรือขุดหลุมดักให้คนมาตกลงไปคือพวกนี้เจอแล้วต้องรีบฆ่าพวกมันให้หมดครับ อย่าให้มันเรียนรู้ที่จะจัดการกับคนได้ เบิร์ท กัมเมอร์ได้กล่าวไว้ ฮ่าๆๆๆ ถึงยังไงก็เถอะพวกนี้มันมีจุดบอดเยอะครับ ตรงที่ร่างกายบอบบาง เลื้อยไปชนหิน ชนคอนกรีตทีนึง ร่างแหลกเลยครับ หนอนผีเสื้อยังหนังเหนียวกว่าเลยมั้ง -.- ที่มันชนหินแล้ว ชนคอนกรีตแล้วตายคงเป้นเพราะเคลื่อนด้วยความเร็วมากๆน่ะครับ เหมือนขับรถชนกำแพง ก็แหลกเป็นธรรมดา ว่ากันว่าเจ้ากราบอยด์เคลื่อนที่ในดินได้เร็วพอๆกับฉลามที่ว่ายในทะเลครับ กราบอยด์และร่างอื่นๆของพวกมันจะมีเลือดสีส้มสดครับ และเจ้าพวกนี้มีกลิ่นตัวที่เหม็นมากๆ

     ตัวต่อมานี้เป็นร่างที่ผมชอบที่สุดเลยล่ะครับ สัตว์ประหลาดตัวโปรดตลอดกาลในจอหนังเลย มันปรากฏตัวครั้งแรกใน Tremors 2: Aftershock ตอนนั้นมันยังไม่มีชื่อเรียก จนภาคสามมันถูกตั้งชื่อว่า Shrieker ครับ shriek แปลว่ากรีดร้อง มันได้ชื่อนี้เพราะว่าเวลามันเจอเหยื่อทีไรมันกรีดร้องออกมาเสียงดังมากๆ แล้วปล่อยความร้อนออกจากร่างกายด้วย เจ้าตัวชรีคเกอร์นี่นะครับ เป็นระยะที่สองในวงจรชีวิตของกราบอยด์ แล้วจากกราบอยด์หนอนยักษ์กลายมาเป็นเจ้านี่ได้อย่างไร? กล่าวคือ ตัวอ่อนของชรีคเกอร์จะฝังอยู่ในตัวกราบอยด์ครับ เมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง พวกกราบอยด์จะรู้โดยสัญชาตญาณว่าชรีคเกอร์ที่อยู่ในท้องจะแหวกออกมา โดยกราบอยด์ 1 ตัว จะมีชรีคเกอร์อยู่ในท้อง 3 ตัวครับ แต่ Tremors 3: Back to Perfection กราบอยด์หนึ่งตัวแตกตัวเป็นชรีคเกอร์ได้ตั้ง 6 ตัวเชียวครับ เมื่อเหล่าชรีคเกอร์แหวกท้องกราบอยด์ออกมา เจ้าหนอนยักษ์ก็จะตายไปโดยปริยาย ตรงนี้จึงทำให้ไม่ทราบว่าตกลงชรีคเกอร์เป็นลูกหรือเป็นรูปร่างใหม่ของกราบอยด์กันแน่ แต่ในภาพยนต์บอกไว้ว่ามันเปลี่ยนแปลงรูปร่างครับ กระบวนการนี้เรียกว่า "Metamorphosis" ครับ

     เจ้าชรีคเกอร์ก็ยังคงรูปร่างบางส่วนเหมือนกราบอยด์ครับ คือจงอยปากบนและล่างจะเหมือนกันเลย ไม่ตาในการมองเห็น ไม่มีหู และลิ้นของชรีคเกอร์จะมีเพียงลิ้นเดียวครับและเป็นลิ้นเฉยๆเท่านั้นแล้ว เอาไว้รับรสชาติเท่านั้นครับแต่ก็ยังคงมีลิ้นที่ยาว และยาวถึง 90 เซนติเมตร ชรีคเกอร์จะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับกราบอยด์ มันสูงแค่ 120 เซนติเมตรเท่านั้นครับ แต่ก็ยังใหญ่พอๆกับแกะตัวนึงเลยนะครับ ชรีคเกอร์จะมีสองขาสามารถที่จะวิ่งบนพื้นดินได้แล้ว หางของชรีคเกอร์จะแบนๆเหมือนโดนทับ ยังคงไม่ทราบว่ามีไว้ใช้ทำอะไร เหมือนเดิมเลยครับไอพวกสัตว์ประหลาดนี่มันฉลาดเป็นกรดเลยล่ะครับ แรกๆมันก็ยังไม่ได้ฉลาดมากมายหรอกครับแต่มันเรียนรู้ได้เร็วมากจนน่ากลัว ไม่เชื่อลองไปหาดูภาคสองได้เลยครับว่าชรีคเกอร์มันทำอะไรกับเหยื่อที่เอื้อมไม่ถึง

     จุดเด่นของชรีคเกอร์คือมันอวัยวะไว้จับความร้อนบนกะโหลกของมันนี่แหละครับ ถึงแม้มันจะไม่มีตา แต่มันก็สามารถมองเห็นเหยื่อผ่านทางนี้ โดยบนกะโหลกของมันจะมีผิวหนังแข็งๆ แต่เป็นแผ่นบางๆประกบเอาไว้อยู่ เมื่อเปิดอ้าออกเราจะเห็นอวัยวะคล้ายๆสมอง ชรีคเกอร์จะจับภาพเป็นรังสีอินฟาเรด ตรงนี้แหละครับที่อำนวยความสะดวกให้แก้มันมากๆ บางทีมันเห็นอะไรร้อนๆ ก็กินได้ หรือเลียไปโดนอะไรที่ชอบก็กินเข้าไป ในระยะที่ 2 ของวงจรชีวิตนี้ชรีคเกอร์จะต้องกินๆๆๆให้ได้มากที่สุด เพราะว่าเมื่อไรมันกินอิ่มมันจะขย้อนลูกชรีคเกอร์ตัวใหม่ออกมาทันที มันออกลูกโดยไม่ต้องผสมพันธุ์ครับ เรียกได้ว่ากราบอยด์ขยายพันธุ์ได้ตั้งแต่ระยะนี้แล้ว ซึ่งผมถือว่าร่างชรีคเกอร์นี้เป็นร่างที่สำคัญที่สุดครับ เพราะมันเป็นช่วงที่ขยายพันธุ์ได้เร็วมากๆ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่