ช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า ท้อแท้ของทุกคนเกิดจากอะไรกันนะ?

กระทู้สนทนา
สำหรับเราความท้อแท้ เหนื่อยล้าทุกวันนี้เกิดจากโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน
   โรคนี้เป็นโรคที่ค่อนข้างรุนแรง โดยที่ไม่พบสาเหตุของโรค เราเป็นสะเก็ดเงินเล็กๆนิดเดียวจริงๆตอนอายุ 20 ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3
แล้วจู่ๆก็เกิดอาการปวดข้อ ปวดเท้า ปวดมือ บวมไปหมด ช่างอายุ 21 ปี ตอนเรียนปี 4 เราไปหาหมอตามคลีนิค หมอบอกคล้ายข้ออักเสบรูมตอยย์
แต่ไม่ใช่ เราก็ไปหาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงทางภาคเหนือ เจาะเลือด X-ray แต่ไม่เจาะระบุว่าเป็นโรคอะไร ตอนนั้นเราท้อแท้มากได้แต่พารามากิน เสียเงินหาหมอครั้งล่ะ 3-4,000 บาท แต่ก็ไม่สามารถระบุโรคได้
   จนมาอาการหนักมากบวมทั้งตัว เจ็บทุกข้อ กินไม่ได้ นอนไม่ได้ เข้าห้องน้ำก็ลำบาก แต่หมอก็ยังระบุสาเหตุของโรคไม่ได้ จ่ายแค่พารา
สุดท้ายอาการเริ่มทรงตัวมีสะเก็ดขึ้นที่ข้อ จึงระบุว่าเป็นข้ออักเสบสะเก็ดเงิน ได้ยามากินแต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง เราเลยย้ายมารักษารพ.เอกชนที่บ้าน
แต่การรักษาก็ไม่ดีขึ้น เราก็หยุดการรักษา (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดันเก่งกว่าหมอ) จนเรียนจบทำงานเข้าปีที่ 2 มีคนแนะนำคลีนิคที่จ.นครสวรรค์
เราเลยได้รักษาและทำกายภาพที่นั้น จนอาการดีขึ้น เราย้ายที่ทำงานมาทำที่ กทม. โดยรวมๆในเวลา 4 ปี เรารักษาต่อเนื่องแค่ 6 เดือน
จากนั้นเราก็ไม่ได้รับยาจนมาถึงปัจจุบันก็ประมาณ 1 ปีที่ขาดยา แล้วจู่ๆก็เกิดปาดเข่า ปวดเท้าขึ้นมาอีก คราวนี้เปิดGoogle หาว่าหมอที่ไหนรักษาดี อะไรบลาๆ
สรุป...หมอรพ.เลิดสินเก่งด้านนี้  เราลางานไปหาหมอ เดินทางไปหาแต่โดนพยาบาลด่าจนร้องไห้ หาว่าไม่มีโรคแบบนี้ คิดเองหรือยังไง บลาๆ
จนได้พบหมอกลับเป็นว่าต้องเป็นหมออายุรกรรมโรคข้อ ซึ่งที่นี้มีหมอแค่คนเดียว ได้คิวนัด 29/07/58 ซึ่งวันที่เราไปหาหมอคือวันที่ 3/07/58
เราท้อมาก เจ็บเท้า ปวดเข่า เขียวไปหมดแต่กลับไม่เจอหมอ

ตามสูตรเดิม Google ช่วยได้ หาหมอใหม่คราวนี้ดูที่อายุรกรรม เลยตัดสินใจไปรักษาที่ รพ.รามาฯ เราไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สูตรเดิมเลยส่งเราไปแผนกกระดูก แต่ที่นี้พยาบาลเก่งรู้จักโรคเลยบอกเราไปอายุรกรรม ABC ชั้น1 พอไปต่อแถวรอตรวจพยาบาลบอกต้องนัดและขอใบส่งตัว ซึ่งเราไม่มี
เราร้องไห้อีก TT พยาบาลก็เดินมาดูว่าเป็นตรงไหนบ้าง? และก็พยายามติดต่ออ.หมอกิตติ ว่ารับคนไข้ใหม่ไหม? สุดท้ายเราได้รักษาวันนั้นเลย ดีใจมาก เพราะเราก็แทบเดินไม่ไหวแล้ว
ถึงเวลาได้หาหมอ หมอบอกว่า
- โรคของเรามันควบกับรูมตอยย์อาจจะไม่ตอบสนองยา ตอนนี้ต้องดูกระดูกไขสันหลังว่าโรคลุกลามไปขนาดไหนแล้ว?
- การรักษาเพื่อป้องกันการพิการ หากพิการไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้
- หากมาช้ากว่านี้ตอนอายุ 30 อาจจะแก้ไขไม่ได้ (ตอนนี้เราอายุ 25)

ตอนนั้นเลยเราท้อมาก อยากบอกกับแฟนให้ไปมีคนอื่น รู้สึกเหมือนเป็นภาระไปหมด ช่วงรอหมอผิวหนังก็แอบน้ำตาไหล คิดไปต่างๆนาๆ
เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ น้ำอัดลม ขนมกรอบแก๊บไม่กิน ชอบทานผัก แต่ทำไม?เราต้องมาเป็นโรคร้าย รักษาไม่หาย มีแต่นับวันรอ...
ผิวหนังก็ไม่สวยงาม คัน แล้วยังจะมาเจ็บปวดข้ออีก แถมโรคนี้ห้ามเครียด!** บางทีเราทำงานมันก็ต้องมีเครียดบ้าง กดดันบ้าง
เราใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริงนิ เราไม่ได้รวย เที่ยวเล่น ไม่ต้องเครียดอะไร? พอเครียดสะเก็ดเงินก็ขึ้น เจ็บข้อมือข้อเท้า บลาๆคิดไปร้องไห้ไป
ใครถามก็ไม่อยากจะบอกว่าเป็นอะไร ใส่ชุดโรงพยาบาลX-ray เราก็บอกไปว่าเป็นฝ้าหมอห้ามใช้กวนอิม 555 ตลกไหลไป ไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วง
    เราก็เครียดเป็นแค่บางช่วงนะ ก็ช่วงที่มันกำเริบนั้นแหละ ถ้าไม่กำเริบอาการปกติดีเราก็ลั้นล้า เพราะปกติเราเฮฮาไม่ได้เป็นคนคิดมาก
คนรอบข้างก็เป็นห่วงและให้กำลังใจเราตลอด

อยู่บ้านนอกหมอต่างกันมาก ข้อปกติก็หยุดยาได้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่พอเจออาจารย์หมอเข้าไป โรคนี้น่ากลัวสุดๆความพิการคืบคลานมาทุกเวลา
แต่เมื่อมันเป็นไปแล้ว ก็ต้องยอมรับและทำใจให้ได้....แค่นั้น
สุดท้าย...อยากจะฝากไว้ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดูแลตัวเองดีๆ เราไม่รู้หรอกว่าอีก5 ปี 10 ปี เราจะเป็นโรคอะไร เพราะสุดท้ายเราก็เป็นภาระคนอื่นอยู่ดี  หากมีเรื่องอะไรที่พอเป็นกำลังใจกับเพื่อนมนุษย์ตาดำๆคนนี้ ก็แชร์กันได้นะค่ะ เป็นกำลังให้กันเนาะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่