แผนการโค่นล้ม คสช. ?
ปัจจุบันนี้
ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล
ด้วยการปล่อยข่าวในโลกอินเตอร์เน็ต
เพื่อโจมตี คสช.
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุการณ์เหล่านี้
เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเป็นแผนการ
ที่ถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดี
โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกัน
ก็คือโค่นล้มและโจมตี คสช.ให้ได้
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)
พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา
ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม
การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม
ทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.)
น.อ.สมศักดิ์ ชาวสุวรรณ
รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ร่วมแถลงการจับกุม
นางรินดา ปฤชาบุตร อายุ 44 ปี
ตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ
เลขที่ 25/2558 ลงวันที่ 9 ก.ค.2558
ผู้ที่โพสต์ข้อความข่าวลือ
กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และนางนราพร จันทร์โอชา ภรรยา
นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากธนาคาร
ในประเทศสิงคโปร์
และมีการเผยแพร่ ส่งข้อความดังกล่าว
ตามสื่อประเภทออนไลน์อย่างกว้างขวาง
จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 40/1299 ม.4
ต.คลองสาน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นางรินดา
เป็นผู้โพสต์ข้อความนั้นจริง
และตนได้บอกกับ นางรินดา
ว่าการกระทำของคุณ ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เพราะเมื่อทำผิดกฎหมาย
โดยเฉพาะกฎหมายอาญาจะยอมความไม่ได้
และเมื่อทำผิดกฎหมายแล้ว
เจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงการทำตามกฎหมายไม่ได้
แม้จะไม่เคยรู้จักหรือมีความบาดหมางกันมาก่อน
รวมทั้งฝากถึงกลุ่มนักศึกษาด้วย
วันนี้ที่ทำอาจเพราะว่าสนุกสนาน,อาจมีคนยุแยง
หรือมีค่าจ้าง
ควรไตร่ตรอง และใคร่ครวญ ว่าทำได้หรือไม่ ?
อยู่ภายใต้กฎหมายหรือไม่ ?
และแม้จะทำโดยสุจริตใจ
ก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นด้วย
ทั้งนี้ แผนผังการกระทำผิดที่ตำรวจนำมาแสดง
เป็นเพียงแนวทางการสืบสวน
นางรินดา มีสิทธิปฎิเสธอยู่แล้ว
หากข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง
ด้าน พล.ต.ต.ศิริพงษ์ กล่าวว่า
การจับกุมครั้งนี้
สืบเนื่องจากในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค
ได้มีการโพสต์ข้อความข่าวลือ
เรื่องการที่ นายกรัฐมนตรี และภริยา
นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากที่ธนาคารในสิงคโปร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม
เห็นว่าเป็นการโพสต์ข้อความ
ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
จึงมีคำสั่งให้ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ทหาร
และหน่วยงานความมั่นคง
ร่วมกันสืบสวนหาตัวผู้โพสต์ข่าวลือดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันสืบสวนและหาแหล่งที่มา
พร้อมรายละเอียดการกระทำความผิดในเรื่องนี้
จากการตรวจสอบพบว่า
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
มีที่มาจากการโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค
ชื่อ รินดา ตั้งศิริพรพิทักษ์
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2558
มีข้อความสรุปว่า
พล.อ.ประยุทธ และนางนราพร จันทร์โอชา
นำเงินหลายหมื่นล้าน
ไปฝากที่ธนาคารในประเทศสิงคโปร์
ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ
มีนางรินดา เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ค
ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
ได้ขออนุมัติหมายศาลทหารกรุงเทพ
และศาลอนุมัติหมายจับ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่า
ผู้ต้องหามีความสัมพันธ์
เชื่อมโยงกับกลุ่มทางการเมือง แนวร่วม(นปช.)
และคนเสื้อแดงปทุมธานีด้วย
ด้าน นางรินดา ปฤชาบุตร กล่าวว่า
ตนยอมรับว่าคัดลอกข้อความดังกล่าว
มาโพสต์ลงเฟซบุ๊คตนเองจริง
แต่ไม่ใช่คนเขียนข้อความนี้
และไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
แต่เห็นว่าในฐานะประชาชน
มีสิทธิวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม
ตนเชื่อว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ
แต่ต้องระมัดระวังในการทำผิด
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก
เพราะมีความอ่อนไหว
โดยยืนยันว่าข้อความในลักษณะนี้
คัดลอกมาโพสต์ครั้งแรก
ปกติจะโพสต์แค่เรื่องการเมืองนิดหน่อยเท่านั้น
และไม่เคยรู้จัก นายอเนก ซานฟราน
ตามชาร์ตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำขึ้นมาเลย
ข้อความนี้ นำมาจากไลน์ และตนก็เอามาโพสต์
ส่วนเฟซบุ๊คเป็นของสามีที่ใช้ชื่อตนเอง
ไปตั้งเป็นเฟซบุ๊ค
และเป็นเฟซบุ๊คเก่า ข้อความเก่ามากว่า 3 ปีแล้ว
ขณะนี้เฟซบุ๊คดังกล่าวไม่มีการเคลื่อนไหว
ซึ่งตนเองไม่มีความชำนาญการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
ต่อความมั่นคงของประเทศ
หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชน
ตาม ม.14(2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ,
กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา
หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำ
ภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ
หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต
เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน
หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร
ตาม ม.116 ประมวลกฎหมายอาญา
และแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือ
จนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ตาม ม.348
ประมวลกฎหมายอาญา
นำตัวส่งพนักงาน บก.ปอท.
ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
มีขบวนการปล่อยข่าวลือ
เพื่อที่จะดิสเครดิต คสช.มาแล้วหลายเหตุการณ์
โดยที่มาของข้อความ
และการปล่อยข่าวแทบทั้งหมด
ก็จะมาจากเว็ปไซต์
ที่เป็นการรวมตัวกันของคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา
ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
พร้อมตำรวจ สภ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
และทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1
เข้าควบคุมตัว นายกฤษณ์ บุตรดีจีน วัย 26 ปี
ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์
ที่เป็นผู้เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม
เป็นลำดับต้นๆ ก่อนมีการกระจายกัน
ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 ก.พ
ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยพบว่าผู้ต้องหา
เคยเป็นผู้ช่วยประธาน นปช. จังหวัดเพชรบูรณ์
และเคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้ง
ขณะที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโพสต์เอกสารดังกล่าวจริง
แต่ไม่ได้เป็นคนทำแถลงการณ์ขึ้นมา
โดยรับมาจากแนวร่วม นปช. อีกคน
และเจตนาโพสต์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อมูลใหม่
จึงต้องการเผยแพร่ไปยังสมาชิกในเฟซบุ๊ก
ที่มีอยู่กว่า 4 พันคนให้รับทราบ
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
กล่าวถึง การตรวจสอบหาตัวผู้โพสต์ข่าวลือ
การปฏิวัติซ้อนผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ว่า เรื่องการตรวจสอบเว็บไซต์ที่โพสต์ข้อความ
เรื่องปฏิวัติซ้อนนั้น พบว่าเป็นบุคคล
ที่เปิดเว็บไซต์ www.dangdd.com
ส่วนผู้โพสต์
ทราบว่าเป็นบุคคลที่ใช้เซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้น
เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองหรือไม่ ?
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่สามารถบอกได้
แต่ขอให้ไปดูที่ชื่อเว็บไซต์ว่าชื่ออะไรก็จะรู้ได้ทันที
วันที่ 23 มิ.ย.2558
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม
การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
หรือ บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยความมั่นคง
ร่วมกันจับกุม น.ส.ชญาภา โชคพรบุศศรี อายุ 49 ปี
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 2/2558
ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2558
พร้อมของกลางอุปกรณ์โน้ตบุ๊ก
แท็บเล็ต กล้องถ่ายวิดีโอ โทรศัพท์มือถือ
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 8/32 หมู่ 3
ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากระยะที่ผ่านมา
มีผู้โพสต์ข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน
เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวน
จนพบว่ามีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ chanisa B ...
เป็นผู้โพสต์ข่าวลือดังกล่าว
พร้อมแนบภาพ
การเคลื่อนย้ายรถถังเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.
จนเผยแพร่ไปยังสาธารณะเป็นวงกว้าง
เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัว น.ส.ชญาภา มาซักถาม
ซึ่ง น.ส.ชญาภา ให้การยอมรับ
ว่าเป็นผู้นำภาพการเคลื่อนย้ายรถถัง
ที่เผยแพร่ในไลน์คนเสื้อแดง
ซึ่งตนเป็นสมาชิกมาตกแต่งข้อความว่าปฏิวัติซ้อน
และอัปโหลดขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว
จากการสืบสวนยังพบว่า น.ส.ชญาภา
มีการใช้เฟซบุ๊กชื่อนี้
โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย
ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
ก็มีกระแสข่าวลือถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
มีอาการป่วยหนัก
ถึงกับต้องนำส่งโรงพยาบาลฉุกเฉิน
และได้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน
ทำให้นายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม
ต้องออกยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ซึ่งการปล่อยข่าวที่ออกมาตนไม่รู้ว่าหวังผลอะไร
ไม่อยากจะวิเคราะห์
เพราะมีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ
ในช่วงสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลง
จากเหตุการณ์ทั้งหมด
ที่เกิดขึ้นก็น่าพิจารณาว่าเป็นการปล่อยข่าว
ที่มีการตระเตรียมและมีการวางแผนร่วมกัน
ใช่หรือไม่ ?
และที่สำคัญ
จากข้อมูลที่ปรากฎยังพบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้
อาจจะมีความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มติดอาวุธ
ที่มีการเคลื่อนไหวและใช่อาวุธสงคราม
โจมตีสถานที่สำคัญต่างๆ
อย่างล่าสุดที่ประจักษ์ชัด
คือการลอบปาระเบิดเข้าใส่ศาลอาญา
ถนนรัชดาภิเษกโดยคำรับสารภาพ
ของนาย มหาหิน ขุนทอง
ได้สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผน
เตรียมการของกลุ่มคนร้าย
ที่มีรูปแบบการจัดตั้งอย่างเป็นรูปขบวน
จากสิ่งที่นายมหาหิน ขุนทอง
ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้คำว่า
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบสหพันธรัฐ
เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า
ปัจจุบันประเทศไทยปกครองในระบบไหน
และการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นถือเป็นการกระทำ
ที่เรียกว่า แบ่งแยกดินแดนใช่หรือไม่ ?
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช 2557
มาตรา 1 ประเทศไทย
เป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
มาตรา 2 ประเทศไทย
มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้บทบัญญัติของหมวด 2 พระมหากษัตริย์
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 ซึ่งยังคงมีผลใช้บังคับอยู่
ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 11/2557
ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ยังคงใช้บังคับต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญนี้
และภายใต้บังคับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง
ที่ใดในบทบัญญัติดังกล่าวอ้างถึงรัฐสภา
หรือประธานรัฐสภา ให้หมายถึง
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ตามรัฐธรรมนูญนี้ แล้วแต่กรณี
ส่วนการปกครองแบบสหพันธรัฐ
หรือการปกครองแบบรัฐบาลรวม หมายถึง
การที่มีรัฐบาลของประเทศเป็น 2 ระดับ
คือ รัฐบาลกลาง และรัฐบาลของรัฐ
รัฐบาลกลาง
ถือเป็นรัฐบาลของประเทศเป็นส่วนรวม
ส่วนรัฐบาลของรัฐ
มีอำนาจปกครองเฉพาะส่วนภูมิภาค
หรือส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง
จำนวนรัฐบาลของรัฐจะมีมากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับจำนวนของรัฐที่ประกอบกันขึ้น
เป็นประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ ประเทศที่มีการปกครองแบบสหพันธรัฐ
หรือ รัฐบาลรวม มักมีคำนำหน้าชื่อประเทศว่า
สหพันธรัฐ ,สมาพันธ์ , สหภาพ สุดแต่จะเรียก
แต่บางครั้ง ก็เรียกชื่อประเทศเฉยๆ
โดยไม่มีคำนำหน้าก็ได้
สำหรับ ประเทศในยุโรป
ที่มีการปกครองแบบรัฐบาลรวม 5 ประเทศ
ประกอบด้วยสาธารณรัฐออสเตรีย
สมาพันธรัฐสวิส
สหพันธ์สาธารณรัฐเช็คและสโลวัก
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย
และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ที่ผ่านมา แนวความคิด
ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของไทย
มีอยู่จริงในหมู่คนเสื้อแดง
เริ่มจากการชุมนุมเมื่อปี 2553
ได้มีการเผยแพร่สติ๊กเกอร์
“ประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร ประมุขรัฐไทยใหม่”
“รัฐไทยใหม่ ชัยชนะแดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณจงเจริญ”
มาแปะไว้ทั่วถนนสีลม และภายในพื้นที่ชุมนุม
ของกลุ่มคนเสื้อแดง
และในช่วงเดียวกันนั้น
ยังมีการเผยแพร่เอกสารชุดความคิด
เรื่องการต่อสู้เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างของประเทศ
โดย คู่มือดังกล่าว
มีชื่อว่าสงครามอภิมหาอมตะยุทธ์
ระหว่างเทวดากับไพร่สาระขัณฑ์
เปิดโปงแผนการ ของขบวนการโค่นล้มรัฐบาล คสช. จาก ?
ปัจจุบันนี้
ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล
ด้วยการปล่อยข่าวในโลกอินเตอร์เน็ต
เพื่อโจมตี คสช.
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุการณ์เหล่านี้
เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเป็นแผนการ
ที่ถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดี
โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกัน
ก็คือโค่นล้มและโจมตี คสช.ให้ได้
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)
พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา
ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม
การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม
ทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.)
น.อ.สมศักดิ์ ชาวสุวรรณ
รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ร่วมแถลงการจับกุม
นางรินดา ปฤชาบุตร อายุ 44 ปี
ตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ
เลขที่ 25/2558 ลงวันที่ 9 ก.ค.2558
ผู้ที่โพสต์ข้อความข่าวลือ
กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และนางนราพร จันทร์โอชา ภรรยา
นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากธนาคาร
ในประเทศสิงคโปร์
และมีการเผยแพร่ ส่งข้อความดังกล่าว
ตามสื่อประเภทออนไลน์อย่างกว้างขวาง
จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 40/1299 ม.4
ต.คลองสาน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นางรินดา
เป็นผู้โพสต์ข้อความนั้นจริง
และตนได้บอกกับ นางรินดา
ว่าการกระทำของคุณ ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เพราะเมื่อทำผิดกฎหมาย
โดยเฉพาะกฎหมายอาญาจะยอมความไม่ได้
และเมื่อทำผิดกฎหมายแล้ว
เจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงการทำตามกฎหมายไม่ได้
แม้จะไม่เคยรู้จักหรือมีความบาดหมางกันมาก่อน
รวมทั้งฝากถึงกลุ่มนักศึกษาด้วย
วันนี้ที่ทำอาจเพราะว่าสนุกสนาน,อาจมีคนยุแยง
หรือมีค่าจ้าง
ควรไตร่ตรอง และใคร่ครวญ ว่าทำได้หรือไม่ ?
อยู่ภายใต้กฎหมายหรือไม่ ?
และแม้จะทำโดยสุจริตใจ
ก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นด้วย
ทั้งนี้ แผนผังการกระทำผิดที่ตำรวจนำมาแสดง
เป็นเพียงแนวทางการสืบสวน
นางรินดา มีสิทธิปฎิเสธอยู่แล้ว
หากข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง
ด้าน พล.ต.ต.ศิริพงษ์ กล่าวว่า
การจับกุมครั้งนี้
สืบเนื่องจากในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค
ได้มีการโพสต์ข้อความข่าวลือ
เรื่องการที่ นายกรัฐมนตรี และภริยา
นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากที่ธนาคารในสิงคโปร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม
เห็นว่าเป็นการโพสต์ข้อความ
ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
จึงมีคำสั่งให้ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ทหาร
และหน่วยงานความมั่นคง
ร่วมกันสืบสวนหาตัวผู้โพสต์ข่าวลือดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันสืบสวนและหาแหล่งที่มา
พร้อมรายละเอียดการกระทำความผิดในเรื่องนี้
จากการตรวจสอบพบว่า
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
มีที่มาจากการโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค
ชื่อ รินดา ตั้งศิริพรพิทักษ์
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2558
มีข้อความสรุปว่า
พล.อ.ประยุทธ และนางนราพร จันทร์โอชา
นำเงินหลายหมื่นล้าน
ไปฝากที่ธนาคารในประเทศสิงคโปร์
ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ
มีนางรินดา เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ค
ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
ได้ขออนุมัติหมายศาลทหารกรุงเทพ
และศาลอนุมัติหมายจับ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่า
ผู้ต้องหามีความสัมพันธ์
เชื่อมโยงกับกลุ่มทางการเมือง แนวร่วม(นปช.)
และคนเสื้อแดงปทุมธานีด้วย
ด้าน นางรินดา ปฤชาบุตร กล่าวว่า
ตนยอมรับว่าคัดลอกข้อความดังกล่าว
มาโพสต์ลงเฟซบุ๊คตนเองจริง
แต่ไม่ใช่คนเขียนข้อความนี้
และไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
แต่เห็นว่าในฐานะประชาชน
มีสิทธิวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม
ตนเชื่อว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ
แต่ต้องระมัดระวังในการทำผิด
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก
เพราะมีความอ่อนไหว
โดยยืนยันว่าข้อความในลักษณะนี้
คัดลอกมาโพสต์ครั้งแรก
ปกติจะโพสต์แค่เรื่องการเมืองนิดหน่อยเท่านั้น
และไม่เคยรู้จัก นายอเนก ซานฟราน
ตามชาร์ตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำขึ้นมาเลย
ข้อความนี้ นำมาจากไลน์ และตนก็เอามาโพสต์
ส่วนเฟซบุ๊คเป็นของสามีที่ใช้ชื่อตนเอง
ไปตั้งเป็นเฟซบุ๊ค
และเป็นเฟซบุ๊คเก่า ข้อความเก่ามากว่า 3 ปีแล้ว
ขณะนี้เฟซบุ๊คดังกล่าวไม่มีการเคลื่อนไหว
ซึ่งตนเองไม่มีความชำนาญการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
ต่อความมั่นคงของประเทศ
หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชน
ตาม ม.14(2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ,
กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา
หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำ
ภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ
หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต
เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน
หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร
ตาม ม.116 ประมวลกฎหมายอาญา
และแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือ
จนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ตาม ม.348
ประมวลกฎหมายอาญา
นำตัวส่งพนักงาน บก.ปอท.
ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
มีขบวนการปล่อยข่าวลือ
เพื่อที่จะดิสเครดิต คสช.มาแล้วหลายเหตุการณ์
โดยที่มาของข้อความ
และการปล่อยข่าวแทบทั้งหมด
ก็จะมาจากเว็ปไซต์
ที่เป็นการรวมตัวกันของคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา
ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
พร้อมตำรวจ สภ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
และทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1
เข้าควบคุมตัว นายกฤษณ์ บุตรดีจีน วัย 26 ปี
ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์
ที่เป็นผู้เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม
เป็นลำดับต้นๆ ก่อนมีการกระจายกัน
ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 ก.พ
ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยพบว่าผู้ต้องหา
เคยเป็นผู้ช่วยประธาน นปช. จังหวัดเพชรบูรณ์
และเคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้ง
ขณะที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโพสต์เอกสารดังกล่าวจริง
แต่ไม่ได้เป็นคนทำแถลงการณ์ขึ้นมา
โดยรับมาจากแนวร่วม นปช. อีกคน
และเจตนาโพสต์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อมูลใหม่
จึงต้องการเผยแพร่ไปยังสมาชิกในเฟซบุ๊ก
ที่มีอยู่กว่า 4 พันคนให้รับทราบ
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
กล่าวถึง การตรวจสอบหาตัวผู้โพสต์ข่าวลือ
การปฏิวัติซ้อนผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ว่า เรื่องการตรวจสอบเว็บไซต์ที่โพสต์ข้อความ
เรื่องปฏิวัติซ้อนนั้น พบว่าเป็นบุคคล
ที่เปิดเว็บไซต์ www.dangdd.com
ส่วนผู้โพสต์
ทราบว่าเป็นบุคคลที่ใช้เซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้น
เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองหรือไม่ ?
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่สามารถบอกได้
แต่ขอให้ไปดูที่ชื่อเว็บไซต์ว่าชื่ออะไรก็จะรู้ได้ทันที
วันที่ 23 มิ.ย.2558
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม
การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
หรือ บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยความมั่นคง
ร่วมกันจับกุม น.ส.ชญาภา โชคพรบุศศรี อายุ 49 ปี
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 2/2558
ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2558
พร้อมของกลางอุปกรณ์โน้ตบุ๊ก
แท็บเล็ต กล้องถ่ายวิดีโอ โทรศัพท์มือถือ
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 8/32 หมู่ 3
ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากระยะที่ผ่านมา
มีผู้โพสต์ข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน
เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวน
จนพบว่ามีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ chanisa B ...
เป็นผู้โพสต์ข่าวลือดังกล่าว
พร้อมแนบภาพ
การเคลื่อนย้ายรถถังเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.
จนเผยแพร่ไปยังสาธารณะเป็นวงกว้าง
เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัว น.ส.ชญาภา มาซักถาม
ซึ่ง น.ส.ชญาภา ให้การยอมรับ
ว่าเป็นผู้นำภาพการเคลื่อนย้ายรถถัง
ที่เผยแพร่ในไลน์คนเสื้อแดง
ซึ่งตนเป็นสมาชิกมาตกแต่งข้อความว่าปฏิวัติซ้อน
และอัปโหลดขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว
จากการสืบสวนยังพบว่า น.ส.ชญาภา
มีการใช้เฟซบุ๊กชื่อนี้
โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย
ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
ก็มีกระแสข่าวลือถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
มีอาการป่วยหนัก
ถึงกับต้องนำส่งโรงพยาบาลฉุกเฉิน
และได้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน
ทำให้นายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม
ต้องออกยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ซึ่งการปล่อยข่าวที่ออกมาตนไม่รู้ว่าหวังผลอะไร
ไม่อยากจะวิเคราะห์
เพราะมีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ
ในช่วงสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลง
จากเหตุการณ์ทั้งหมด
ที่เกิดขึ้นก็น่าพิจารณาว่าเป็นการปล่อยข่าว
ที่มีการตระเตรียมและมีการวางแผนร่วมกัน
ใช่หรือไม่ ?
และที่สำคัญ
จากข้อมูลที่ปรากฎยังพบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้
อาจจะมีความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มติดอาวุธ
ที่มีการเคลื่อนไหวและใช่อาวุธสงคราม
โจมตีสถานที่สำคัญต่างๆ
อย่างล่าสุดที่ประจักษ์ชัด
คือการลอบปาระเบิดเข้าใส่ศาลอาญา
ถนนรัชดาภิเษกโดยคำรับสารภาพ
ของนาย มหาหิน ขุนทอง
ได้สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผน
เตรียมการของกลุ่มคนร้าย
ที่มีรูปแบบการจัดตั้งอย่างเป็นรูปขบวน
จากสิ่งที่นายมหาหิน ขุนทอง
ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้คำว่า
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบสหพันธรัฐ
เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า
ปัจจุบันประเทศไทยปกครองในระบบไหน
และการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นถือเป็นการกระทำ
ที่เรียกว่า แบ่งแยกดินแดนใช่หรือไม่ ?
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช 2557
มาตรา 1 ประเทศไทย
เป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
มาตรา 2 ประเทศไทย
มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้บทบัญญัติของหมวด 2 พระมหากษัตริย์
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 ซึ่งยังคงมีผลใช้บังคับอยู่
ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 11/2557
ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ยังคงใช้บังคับต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญนี้
และภายใต้บังคับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง
ที่ใดในบทบัญญัติดังกล่าวอ้างถึงรัฐสภา
หรือประธานรัฐสภา ให้หมายถึง
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ตามรัฐธรรมนูญนี้ แล้วแต่กรณี
ส่วนการปกครองแบบสหพันธรัฐ
หรือการปกครองแบบรัฐบาลรวม หมายถึง
การที่มีรัฐบาลของประเทศเป็น 2 ระดับ
คือ รัฐบาลกลาง และรัฐบาลของรัฐ
รัฐบาลกลาง
ถือเป็นรัฐบาลของประเทศเป็นส่วนรวม
ส่วนรัฐบาลของรัฐ
มีอำนาจปกครองเฉพาะส่วนภูมิภาค
หรือส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง
จำนวนรัฐบาลของรัฐจะมีมากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับจำนวนของรัฐที่ประกอบกันขึ้น
เป็นประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ ประเทศที่มีการปกครองแบบสหพันธรัฐ
หรือ รัฐบาลรวม มักมีคำนำหน้าชื่อประเทศว่า
สหพันธรัฐ ,สมาพันธ์ , สหภาพ สุดแต่จะเรียก
แต่บางครั้ง ก็เรียกชื่อประเทศเฉยๆ
โดยไม่มีคำนำหน้าก็ได้
สำหรับ ประเทศในยุโรป
ที่มีการปกครองแบบรัฐบาลรวม 5 ประเทศ
ประกอบด้วยสาธารณรัฐออสเตรีย
สมาพันธรัฐสวิส
สหพันธ์สาธารณรัฐเช็คและสโลวัก
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย
และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ที่ผ่านมา แนวความคิด
ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของไทย
มีอยู่จริงในหมู่คนเสื้อแดง
เริ่มจากการชุมนุมเมื่อปี 2553
ได้มีการเผยแพร่สติ๊กเกอร์
“ประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร ประมุขรัฐไทยใหม่”
“รัฐไทยใหม่ ชัยชนะแดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณจงเจริญ”
มาแปะไว้ทั่วถนนสีลม และภายในพื้นที่ชุมนุม
ของกลุ่มคนเสื้อแดง
และในช่วงเดียวกันนั้น
ยังมีการเผยแพร่เอกสารชุดความคิด
เรื่องการต่อสู้เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างของประเทศ
โดย คู่มือดังกล่าว
มีชื่อว่าสงครามอภิมหาอมตะยุทธ์
ระหว่างเทวดากับไพร่สาระขัณฑ์