จากมติชนออนไลน์
จากกรณี นายฉลาด กองสำลี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ว่า น้องโบว์ บุตรสาว วัย 18 ปี หายตัวออกไปจากบ้านเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ภายหลังรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านหายไป ต่อมาช่วงกลางคืนบุตรสาวได้โทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือบอกว่าอยู่บนรถคันหนึ่งมีผู้ชาย 3 คน อยู่ด้านหน้าและภายในรถมีผู้หญิงอีก 4 คน รวมตนเองเป็น 5 คน
ต่อมาได้แจ้งข้อมูลว่าถูกนำตัวมาพักอยู่สถานที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งนายฉลาดมั่นใจสาเหตุที่บุตรสาวถูกจับตัวไปครั้งนี้น่าจะมาจากการเล่นแคมฟร็อก ซึ่งวันหายตัวลูกสาวบอกว่าจะมีคนนำเงินมาให้ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าจัดรายการเป็นดีเจผ่านโปรแกรมแคมฟร็อก ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ภายหลังผู้ปกครองเข้าแจ้งเหตุที่ สภ.วาปีปทุม ก็ได้มีการประสานความช่วยเหลือไปทาง กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (สปพ.191) ให้ออกติดตามหาตัว นางสาววิชญาดา กองสำลี หรือน้องโบว์ จนทราบว่าพักอยู่กับนายวัลลภ กลิ่นดวงมาลย์ หรือนายเต้ อายุ 30 ปี ที่กรุงเทพฯ จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ก่อนติดต่อผู้ปกครองให้มารับที่กองกำกับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 จากนั้นจึงได้เดินทางกลับมายังจังหวัดมหาสารคาม
จากการสอบถามนางสาวโบว์ ทราบว่า ได้เดินทางออกจากบ้านไปขึ้นรถตู้ช่วงเย็นวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเดินทางเข้า กทม. ไปหานายเต้ ซึ่งเป็นดีเจในแคมฟร็อก ซึ่งรู้จักกันได้ประมาณ 2 เดือน และตกลงเป็นแฟนกันได้ 2 สัปดาห์ ก่อนจะกุเรื่องขึ้นมาว่าถูกลักพาตัวไป เนื่องจากเกรงว่าพ่อแม่จะดุด่า ซึ่งทางพ่อและแม่เข้าใจว่าลูกสาวถูกลักพาตัวไปจริง ๆ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.วาปีปทุม จากนั้นได้ประสานกับตำรวจ 191 ที่กรุงเทพฯ ให้ติดตามจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนางสาวโบว์ จนทราบว่าได้อาศัยอยู่กับนายเต้ ก่อนจะติดตามตัวจนพบและสามารถนำตัวกลับมาที่จังหวัดมหาสารคามได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ต.พินิต กล่าวต่อว่า นับว่ากรณีนี้ถือเป็นโชคดีของพ่อแม่ที่ได้ลูกสาวกลับคืนมา กรณีแบบนี้พบมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่บางรายอาจถูกล่อลวงไปชิงทรัพย์ ข่มขืน หรือทำมิดีมิร้ายได้ ซึ่งการพบเจอกันในโลกโซเชียล ถือเป็นสิ่งหลอกลวง ไม่ใช่เรื่องจริง ขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหาใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ต้องรอดูผู้ปกครองของนางสาวโบว์ก่อน ว่าติดใจเอาความกับฝ่ายชายหรือไม่ แต่เท่าที่สอบถาม ทางครอบครัวไม่ติดใจเอาความ
นายฉลาด กองสำลี บิดาของนางสาวโบว์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่พบตัวลูกสาว แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกสาวเป็นคนแบบนี้ เหมือนหลอกลวงคนทั้งประเทศ ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ก่อนหน้านี้เห็นลูกเล่นโทรศัพท์ ก็คิดว่าลูกเล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ธรรมดาเหมือนที่วัยรุ่นทั่วไปเล่นกัน แต่ไม่คิดว่าลูกจะเป็นดีเจในแคมฟร็อก โดยระยะหลังลูกสาวจะไม่ยอมออกไปไหนมาไหนด้วย คอยหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งต่อจากนี้ไปตนเองและภรรยา คงจะต้องดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นแคมฟร็อกอีกแล้ว พร้อมกับอยากจะเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็กเล่นอินเทอร์เน็ตมากเกินไป จะทำให้หมกมุ่นไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง และอาจเกิดอันตรายหรือเกิดปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมาได้ จากนี้ไปตนจะให้เวลากับลูกมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก เนื่องจากต้องทำมาหากิน
ส่วนน้องโบว์ ได้กล่าวขอโทษพ่อและทุกคน ที่ตนเองกุเรื่องขึ้นมาหลอกลวง ซึ่งไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตขนาดนี้ ทำไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องขอโทษพ่อ ขอโทษตำรวจ และขอโทษทุก ๆ คนด้วย ขณะอยู่ที่กรุงเทพฯในแต่ละวันก็นั่งเล่นแต่แคมฟร็อกกับแฟนหนุ่มไม่ค่อยได้ไปไหน ออกไปข้างนอกเพียงแต่รับประทานอาหารเท่านั้น ต่อไปตนก็จะปรับปรุงตัวไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก
พ่อช้ำใจลูกสาว"เด็กเลี้ยงแกะ"กุข่าวลักพาตัว ที่แท้เข้ากรุงหาแฟนหนุ่มคบกันแค่2สัปดาห์
จากกรณี นายฉลาด กองสำลี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ว่า น้องโบว์ บุตรสาว วัย 18 ปี หายตัวออกไปจากบ้านเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ภายหลังรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านหายไป ต่อมาช่วงกลางคืนบุตรสาวได้โทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือบอกว่าอยู่บนรถคันหนึ่งมีผู้ชาย 3 คน อยู่ด้านหน้าและภายในรถมีผู้หญิงอีก 4 คน รวมตนเองเป็น 5 คน
ต่อมาได้แจ้งข้อมูลว่าถูกนำตัวมาพักอยู่สถานที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งนายฉลาดมั่นใจสาเหตุที่บุตรสาวถูกจับตัวไปครั้งนี้น่าจะมาจากการเล่นแคมฟร็อก ซึ่งวันหายตัวลูกสาวบอกว่าจะมีคนนำเงินมาให้ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าจัดรายการเป็นดีเจผ่านโปรแกรมแคมฟร็อก ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ภายหลังผู้ปกครองเข้าแจ้งเหตุที่ สภ.วาปีปทุม ก็ได้มีการประสานความช่วยเหลือไปทาง กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (สปพ.191) ให้ออกติดตามหาตัว นางสาววิชญาดา กองสำลี หรือน้องโบว์ จนทราบว่าพักอยู่กับนายวัลลภ กลิ่นดวงมาลย์ หรือนายเต้ อายุ 30 ปี ที่กรุงเทพฯ จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ก่อนติดต่อผู้ปกครองให้มารับที่กองกำกับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 จากนั้นจึงได้เดินทางกลับมายังจังหวัดมหาสารคาม
จากการสอบถามนางสาวโบว์ ทราบว่า ได้เดินทางออกจากบ้านไปขึ้นรถตู้ช่วงเย็นวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเดินทางเข้า กทม. ไปหานายเต้ ซึ่งเป็นดีเจในแคมฟร็อก ซึ่งรู้จักกันได้ประมาณ 2 เดือน และตกลงเป็นแฟนกันได้ 2 สัปดาห์ ก่อนจะกุเรื่องขึ้นมาว่าถูกลักพาตัวไป เนื่องจากเกรงว่าพ่อแม่จะดุด่า ซึ่งทางพ่อและแม่เข้าใจว่าลูกสาวถูกลักพาตัวไปจริง ๆ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.วาปีปทุม จากนั้นได้ประสานกับตำรวจ 191 ที่กรุงเทพฯ ให้ติดตามจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนางสาวโบว์ จนทราบว่าได้อาศัยอยู่กับนายเต้ ก่อนจะติดตามตัวจนพบและสามารถนำตัวกลับมาที่จังหวัดมหาสารคามได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ต.พินิต กล่าวต่อว่า นับว่ากรณีนี้ถือเป็นโชคดีของพ่อแม่ที่ได้ลูกสาวกลับคืนมา กรณีแบบนี้พบมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่บางรายอาจถูกล่อลวงไปชิงทรัพย์ ข่มขืน หรือทำมิดีมิร้ายได้ ซึ่งการพบเจอกันในโลกโซเชียล ถือเป็นสิ่งหลอกลวง ไม่ใช่เรื่องจริง ขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหาใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ต้องรอดูผู้ปกครองของนางสาวโบว์ก่อน ว่าติดใจเอาความกับฝ่ายชายหรือไม่ แต่เท่าที่สอบถาม ทางครอบครัวไม่ติดใจเอาความ
นายฉลาด กองสำลี บิดาของนางสาวโบว์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่พบตัวลูกสาว แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกสาวเป็นคนแบบนี้ เหมือนหลอกลวงคนทั้งประเทศ ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ก่อนหน้านี้เห็นลูกเล่นโทรศัพท์ ก็คิดว่าลูกเล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ธรรมดาเหมือนที่วัยรุ่นทั่วไปเล่นกัน แต่ไม่คิดว่าลูกจะเป็นดีเจในแคมฟร็อก โดยระยะหลังลูกสาวจะไม่ยอมออกไปไหนมาไหนด้วย คอยหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งต่อจากนี้ไปตนเองและภรรยา คงจะต้องดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นแคมฟร็อกอีกแล้ว พร้อมกับอยากจะเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็กเล่นอินเทอร์เน็ตมากเกินไป จะทำให้หมกมุ่นไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง และอาจเกิดอันตรายหรือเกิดปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมาได้ จากนี้ไปตนจะให้เวลากับลูกมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก เนื่องจากต้องทำมาหากิน
ส่วนน้องโบว์ ได้กล่าวขอโทษพ่อและทุกคน ที่ตนเองกุเรื่องขึ้นมาหลอกลวง ซึ่งไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตขนาดนี้ ทำไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องขอโทษพ่อ ขอโทษตำรวจ และขอโทษทุก ๆ คนด้วย ขณะอยู่ที่กรุงเทพฯในแต่ละวันก็นั่งเล่นแต่แคมฟร็อกกับแฟนหนุ่มไม่ค่อยได้ไปไหน ออกไปข้างนอกเพียงแต่รับประทานอาหารเท่านั้น ต่อไปตนก็จะปรับปรุงตัวไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก