สวัสดีครับ บทความนี้เป็นการเขียนรีวิวครั้งเเรกของผม หากผิดพลาดตรงส่วนใดขออภัยด้วยนะครับ
ขอเกริ่นก่อนสักนิดว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องที่สามในชีวิตของผม เครื่องเเรก Nokia 3500 หลังจากใช้มานานก็เริ่มก้าวเข้าวงการเเอนดรอยด์ด้วย Galaxy S3 ซึ่งก็ใช้งานได้ดีในระดับนึงเเต่พอมาหลังๆเริ่มจะงอเเงชาร์จไม่ค่อยเข้าเเล้วก็เริ่มดูด้อยลงบ้างเมื่อเทียบกับพวกรุ่นใหม่ๆก็เลยคิดในใจ เอาวะคงถึงเวลาเปิดบ้านรับสมาชิกใหม่ซะที
รุ่นที่ดูๆไว้หลายตัวเเต่ก็มีเพียงเเอนดรอยด์(ชอบที่ระบบจัดการไฟล์ค่อนข้างสะดวก ประกอบกับมี iPad อยู่เเล้วเลยชอบใช้ควบคู่ทั้งสองระบบเลย) จนสุดท้ายมาสะดุดตากับ Mi Note Pro ความจริงก็เเอบติดตาม Xiaomi มาตั้งเเต่ทำรอม MIUI พอเริ่มทำมือถือก็คิดไว้ว่าสักวันคงไม่เเคล้วที่ได้เจอกันเเน่ๆ ติดเพียงอย่างเดียวคือไม่มีศูนย์ไทย เเต่คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะตั้งเเต่ใช้มือถือมายังไม่เคยใช้ประกันเลยสักครั้ง55 สุดท้ายเลยตัดสินใจชี้ตัวผู้โชคดี Mi Note Pro!
มาถึงขั้นตอนหาซื้อตัดสินใจอยู่นานระหว่างร้าน Hatyai4G กับ House of MDroid สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อร้านหลังด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ค่อยมั่นใจกับการส่งสินค้าราคาสูงทางไปรษณีย์เท่าไหร่ เลยจัดเเจงติดต่อร้าน นัดรับของ พร้อมสอยเคส ฟิล์ม เเบตสำรอง หูฟัง เเละอื่นๆมาด้วยเลย
[เเกะกล่อง]
ตัวกล่องเป็นสีดำเรียบๆ ไม่มีลายอะไรนอกจากโลโก้ MI บนฝากล่อง ส่วนด้านหลังจะเป็นข้อมูลของตัวเครื่องทั้งสเปคคร่าวๆ เลข IMEI, SN
เปิดฝากล่องออกมาก็จะเจอพระเอกของงาน "Xiaomi Mi Note Pro" นอนรอผู้ใช้ยกออกมาเชยชม
อุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วย
- สาย Micro USB
- หัว Adapter ซึ่งรองรับระบบ Quick Charge 2.0
- กล่องใส่คู่มือ, ใบประกัน, เข็มจิ้มถาดซิม
จะสังเกตได้ว่า Xiaomi นั้นไม่ได้เเถมตัวหูฟังมาให้ด้วย เเละประกอบกับว่าหูฟังเก่าที่เคยมีนั้นยับเยินได้ที่เลยถอย Piston V2 มาด้วยเลย
พอเอาออกมาจากกล่องก็ต้องหาเสื้อมาใส่ให้ซะหน่อย ผมเลือกเคสเเบบใสมาเพราะว่าไม่ค่อยชอบเคสฝาปิดเนื่องจากทำให้การใช้งานด้วยมือข้างเดียวค่อนข้างลำบากเเต่ต้องระวังเรื่องทำตกหน่อยนะครับฮ่าๆ คราวนี้มาดูรอบๆตัวเครื่องกันดีกว่าครับ
ด้านบน - ไม่โครโฟนเเละช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ด้านล่าง - ลำโพงเเละพอร์ต Micro USB
ด้านข้าง - ทางขวาของตัวเครื่องจะมีถาดซิม ส่วนทางซ้ายเป็นปุ่ม Power เเละปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ด้านหน้า - จอขนาด 5.7 นิ้ว มีกล้องหน้า ลำโพงโทรศัพท์ ไฟเเจ้งเตือนสถานะ เเละ Proximity Sensor ส่วนใต้จอจะมีปุ่มเเบบสัมผัสอยู่สามปุ่ม (Recents - Home - Back)
[การออกเเบบ]
สัดส่วนเครื่อง 155.1 x 77.6 x 6.95 มม. น้ำหนัก 161 กรัม หน้าจอ Gorilla Glass 3 โดยทางด้านหน้าจะโค้ง 2.5D (โค้งตรงมุมนิดๆ) ทางด้านหลังของตัวเครื่องจะโค้ง 3D รอบๆตัวเครื่องประกอบด้วยขอบโลหะสีทอง โดยส่วนตัวเเล้วผมชอบขอบสีทองกับความโค้งทางด้านหลังของเครื่องเพราะทำให้ดูมีระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนกระจกโค้งทำให้ตอนถือรู้สึกกระชับดีครับ
ภาพตอนถือเครื่อง สำหรับตัวผมขนาดเครื่องเเบบนี้คิดว่ากำลังดี เเต่สำหรับท่านใดที่มือเล็กอาจจะใช้งานลำบากนิดหน่อยครับอิอิ
[สเปคเครื่อง]
อ้างอิงจากเว็บ www.gsmarena.com ครับ
ให้กำลังขับโดย Snapdragon 810 เวอร์ชัน 2.1 การ์ดจอ Adreno 430 เเรมปริมาณ 4 กิ๊ก ส่วนความจำของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 64 GB ครับ มาพร้อม MIUI 6 ซึ่งเป็น Android Lollipop 5.0.1(ปัจจุบันอัพเป็น 5.0.2 เเล้ว) ซึ่งสเปคของมือถือเรือธงเเต่ละเเบรนด์น่าจะประมาณนี้ซึ่งผมคิดว่าก็มากเกินพอสำหรับการใช้งานของผมเเล้วครับ
หากได้ติดตามข่าวเเล้วหลายๆท่านคงทราบเรื่องปัญหาความร้อนของ Snapdragon 810 ตามฉายามังกรพ่นไฟ เเต่ในส่วนนี้ทาง Xiaomi ก็ได้ออกมาชี้เเจง(เหมือนหลายๆยี่ห้อ)ว่าได้เเก้ไขเรื่องความร้อนด้วยระบบระบายความร้อนต่างๆซึ่งผมจะกล่าวถึงอีกทีในส่วนของการใช้งานว่าได้ผลเป็นเช่นไร ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบสเปคกับรุ่นต่างๆผมอาจจะไม่ได้พูดถึงมากนักเนื่องด้วยผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านการดูสเปคเท่าไหร่ครับ
[จอเเสดงผล]
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 515 ppi
ต้องบอกก่อนว่าผมเองเป็นคนที่ชอบมือถือหน้าจอใหญ่อยู่เเล้ว ผมชอบจอของ Mi Note Pro เพราะความคมชัด สีที่ดูเป็นธรรมชาติ เเล้วก็ขนาดจอนี่เเหละครับบึ้มกำลังพอดี
เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการปรับ Contrast, สีของหน้าจอไปในเเนวใด มี Reading Mode ซึ่งจะปรับให้หน้าจออมเหลืองๆ(ตัดเเสงสีฟ้าออก) เพื่อความสบายตามากขึ้น คล้ายๆกับเเอพ Bluelight Filter ครับ
หากใครใช้งานจอใหญ่ๆมือเดียวไม่สะดวกก็มีฟังก์ชัน One-handed mode ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการขนาดเท่าใด(3.5, 4.0, 4.5 นิ้ว)เเละเลือกได้ทั้งฝั่งซ้าย, ขวา การเปิดใช้งานโหมดนี้ให้ลากนิ้วจากปุ่ม Home ไปที่ปุ่มติดกันตามด้านที่ต้องการ
[กล้อง]
กล้องหน้า 4 MP UltraPixel, กล้องหลัง 13 MP เป็นเซนเซอร์จาก SONY พร้อมระบบกันภาพสั่น(OIS) เเละเเฟลชเเบบ two-tone ตัวอย่างภาพผมอาจจะมีน้อยเพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปน่ะครับ พยายามหาวิว โมเดลสวยๆมาให้ได้เเค่นี้
ปาดหน้าจอไปทางขวาจะเป็นโหมดกล้องมีค่อนข้างครบทั้ง Panorama, Refocus เเละมีโหมด Manual ให้เลือกปรับเเต่งค่าได้ในระดับหนึ่งเลย
ปาดไปทางซ้ายจะเห็น Filters ที่มีมาให้เลือกค่อนข้างเยอะ ที่ชอบคือ Fish Eye, Mirror, Mosaic ครับ
[การใช้งาน]
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 6 ซึ่งตอนนี้อัพเดตเป็น Android 5.0.2 Lollipop เรียบร้อยเเล้ว โดยปัจจุบันผมใช้ Developer rom ด้วยสาเหตุที่ว่าต้องการสิทธิ Root เเละเป็นโรคชอบอัพเดตบ่อยๆครับฮ่าๆ
หน้าตาของ MIUI ดูเรียบง่ายเเต่ก็เปี่ยมไปด้วยลูกเล่นต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดเด่นของ MIUI เลยก็ว่าได้ครับ อีกทั้งความเสถียรเเละความลื่นไหลทำให้ผมประทับใจได้ไม่น้อยเลย เมื่อเทียบกับเเอนดรอยด์ตัวอื่นๆส่วนตัวผมชอบตัวนี้มากที่สุดครับ
ตัวอย่างฟังก์ชัน, ลูกเล่นต่างๆบน MIUI:
1. การจัดการเเอพ - MIUI ไม่มีหน้าเมนูเเอพทำให้เเอพต่างๆกองไว้ในหน้า Homescreen เหมือนกับทาง iOS เเต่ในด้านการปรับเเต่งเเล้วผมยกให้ MIUI เหนือกว่าครับเพราะหลายๆฟังก์ชันนั้นทำให้สะดวกขึ้นจริงๆ เช่น การย้ายเเอพหลายๆตัวในคราวเดียว, Effects ในการเลื่อนหน้าจอ, Widgets เเละอื่นๆ
2. ระบบ Themes - ปรับเเต่งได้หลากหลายพอสมควร สามารถผสมส่วนต่างๆเข้าด้วยกันทั้ง หน้าจอ Lockscreen, icon, Font ต่างๆ, Dial pad, Boot Animation เเละอื่นๆซึ่งมีทั้งเเบบฟรีเเละใช้ Mi credit
3. รายละเอียดที่เพิ่มสีสันให้ MIUI - เช่น อนิเมชั่นตอนถอนการติดตั้งเเอพซึ่งจะระเบิดออกโดยมีสีตามเเอพนั้นๆ, ในเเอพนาฬิกามีการเเสดงผลเป็นสามมิติ
- เเอพทั่วไป: ถือว่าเร็วเเละการเปลี่ยนระหว่างเเอพทำได้ไม่มีสะดุด
- เกม: ทดสอบเกมต่างๆทั้ง Implosion, Dead Trigger 2, Asphalt 8, Modern Combat 5, เเละเกมอื่นๆ เล่นได้ลื่นไหลไม่ติดขัดใดๆซึ่งจุดนี้ผมมองว่าคงไม่ต่างอะไรมากกับมือถือรุ่นอื่นๆที่สเปคอาจจะต่ำกว่านี้เล็กน้อย ที่ต่างอาจจะเป็นความเร็วในการโหลดเกมซึ่ง Mi Note Pro ก็ทำได้ดีพอสมควร รวมถึงการสลับเเอพเเม้จะเป็นเกมหนักๆเเต่ก็กลับมาเล่นต่อได้ถือเป็นข้อดีของเเรม 4 GB
- เพลง, หนัง: ทอสอบกับหูฟัง Piston V2 เสียงเพลงถือว่าทำได้ดีมากในเกณฑ์ของผมครับอิอิ เสียงร้องนุ่มชัด เบสก็โอเค ลองทดสอบดูหนังเสียงก็กระหึ่มดีทั้งจากหูฟังเเละลำโพงครับ
- สัญญาณโทรศัพท์, เน็ต: Mi Note Pro รองรับการใช้งานสองซิมโดยจะเป็นซิมขนาด Micro เเละ Nano เเต่ผมยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบครับ สัญญาณโทรศัพท์ใไม่มีปัญหาอะไร เสียงตอนคุยดังชัดเจน ส่วนเรื่องเน็ตรองรับการใช้งาน 4G 2100 ครับ
ทดสอบความเร็ว Wi-Fi ที่บ้าน
ทดสอบความเร็ว 4G True
- ความร้อน: ช่วงเเรกๆหลังซื้อรู้สึกถึงความร้อนซึ่งบางครั้งก็เพิ่มเกิน 50 องศาตอนเล่นเกมหนักๆ เเต่หลังจากอัพเดตรอมเเล้วรู้สึกว่ามีการเเก้ไขเรื่องการจัดการความร้อนได้ดีขึ้นมาก ล่าสุดทดสอบเล่นเกม Dead Trigger 2, Asphalt 8, NOVA รวมเกือบครึ่งชั่วโมงอุณหภูมิขึ้นมาราวๆ 50 องศา ไม่ได้รู้สึกร้อนเท่าก่อนอัพเดต เเละการระบายความร้อนก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เดียว
- เเบต: มีระบบการจัดการเเบตคือเราสามารถเลือก Profile การใช้งานเเบตที่ต้องการได้ เเละสามารถตั้งตารางไว้ว่าจะให้เปลี่ยน Profile ตอนเเบตเหลือเท่านี้ๆ หรือระบุเป็นเวลาก็ได้เช่นกัน
เรื่องอายุการใช้งาน จากการทดสอบชาร์จเต็ม 100% ตอนประมาณเที่ยงคืน ตื่นมาตอน 9 โมงเช้าลดลงเหลือ 96%(ตั้งเป็น Sleep Profile ตอนนอน) ใช้งานทั่วๆไปตั้งเเต่ Facebook, Line, Whatsapp, โทร เล่นเกมสักพักนึง ตกเย็นเหลือ 20% ซึ่งวันก่อนลองใช้งานเเบบประหยัดๆก็ลดน้อยลงนะครับเหลือประมาณ 40% ในช่วงดึกๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างพอใจกับส่วนนี้ครับ ส่วนระบบ Quick Charge จากการทดสอบเริ่มชาร์จที่ 15% ผ่านมา 30 นาทีเพิ่มเป็น 52% เเละชาร์จเต็มในเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
[สรุป]
Mi Note Pro ถือว่าตอบโจทย์ผมได้ดีพอสมควรทั้งในด้านการเล่นเกม ดูหนัง อ่าน PDF เเละ Social network ต่างๆ เมื่อเเก้ไขความร้อนได้เเล้วก็นับเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับจองอีกตัวนึงเลยครับ ส่วนข้อเสียรวมๆเเล้วคือ สั่นเบา, ใส่ SD ไม่ได้, เเบตน้อยไปนิด ที่เหลือชอบหมดเลยครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่อ่านมาตั้งนานนะครับอิอิ
[CR] รีวิว & เเกะกล่อง Xiaomi Mi Note Pro ครั้งเเรกกับ Xiaomi
ขอเกริ่นก่อนสักนิดว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องที่สามในชีวิตของผม เครื่องเเรก Nokia 3500 หลังจากใช้มานานก็เริ่มก้าวเข้าวงการเเอนดรอยด์ด้วย Galaxy S3 ซึ่งก็ใช้งานได้ดีในระดับนึงเเต่พอมาหลังๆเริ่มจะงอเเงชาร์จไม่ค่อยเข้าเเล้วก็เริ่มดูด้อยลงบ้างเมื่อเทียบกับพวกรุ่นใหม่ๆก็เลยคิดในใจ เอาวะคงถึงเวลาเปิดบ้านรับสมาชิกใหม่ซะที
รุ่นที่ดูๆไว้หลายตัวเเต่ก็มีเพียงเเอนดรอยด์(ชอบที่ระบบจัดการไฟล์ค่อนข้างสะดวก ประกอบกับมี iPad อยู่เเล้วเลยชอบใช้ควบคู่ทั้งสองระบบเลย) จนสุดท้ายมาสะดุดตากับ Mi Note Pro ความจริงก็เเอบติดตาม Xiaomi มาตั้งเเต่ทำรอม MIUI พอเริ่มทำมือถือก็คิดไว้ว่าสักวันคงไม่เเคล้วที่ได้เจอกันเเน่ๆ ติดเพียงอย่างเดียวคือไม่มีศูนย์ไทย เเต่คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะตั้งเเต่ใช้มือถือมายังไม่เคยใช้ประกันเลยสักครั้ง55 สุดท้ายเลยตัดสินใจชี้ตัวผู้โชคดี Mi Note Pro!
มาถึงขั้นตอนหาซื้อตัดสินใจอยู่นานระหว่างร้าน Hatyai4G กับ House of MDroid สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อร้านหลังด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ค่อยมั่นใจกับการส่งสินค้าราคาสูงทางไปรษณีย์เท่าไหร่ เลยจัดเเจงติดต่อร้าน นัดรับของ พร้อมสอยเคส ฟิล์ม เเบตสำรอง หูฟัง เเละอื่นๆมาด้วยเลย
[เเกะกล่อง]
ตัวกล่องเป็นสีดำเรียบๆ ไม่มีลายอะไรนอกจากโลโก้ MI บนฝากล่อง ส่วนด้านหลังจะเป็นข้อมูลของตัวเครื่องทั้งสเปคคร่าวๆ เลข IMEI, SN
เปิดฝากล่องออกมาก็จะเจอพระเอกของงาน "Xiaomi Mi Note Pro" นอนรอผู้ใช้ยกออกมาเชยชม
อุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วย
- สาย Micro USB
- หัว Adapter ซึ่งรองรับระบบ Quick Charge 2.0
- กล่องใส่คู่มือ, ใบประกัน, เข็มจิ้มถาดซิม
จะสังเกตได้ว่า Xiaomi นั้นไม่ได้เเถมตัวหูฟังมาให้ด้วย เเละประกอบกับว่าหูฟังเก่าที่เคยมีนั้นยับเยินได้ที่เลยถอย Piston V2 มาด้วยเลย
พอเอาออกมาจากกล่องก็ต้องหาเสื้อมาใส่ให้ซะหน่อย ผมเลือกเคสเเบบใสมาเพราะว่าไม่ค่อยชอบเคสฝาปิดเนื่องจากทำให้การใช้งานด้วยมือข้างเดียวค่อนข้างลำบากเเต่ต้องระวังเรื่องทำตกหน่อยนะครับฮ่าๆ คราวนี้มาดูรอบๆตัวเครื่องกันดีกว่าครับ
ด้านบน - ไม่โครโฟนเเละช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ด้านล่าง - ลำโพงเเละพอร์ต Micro USB
ด้านข้าง - ทางขวาของตัวเครื่องจะมีถาดซิม ส่วนทางซ้ายเป็นปุ่ม Power เเละปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ด้านหน้า - จอขนาด 5.7 นิ้ว มีกล้องหน้า ลำโพงโทรศัพท์ ไฟเเจ้งเตือนสถานะ เเละ Proximity Sensor ส่วนใต้จอจะมีปุ่มเเบบสัมผัสอยู่สามปุ่ม (Recents - Home - Back)
[การออกเเบบ]
สัดส่วนเครื่อง 155.1 x 77.6 x 6.95 มม. น้ำหนัก 161 กรัม หน้าจอ Gorilla Glass 3 โดยทางด้านหน้าจะโค้ง 2.5D (โค้งตรงมุมนิดๆ) ทางด้านหลังของตัวเครื่องจะโค้ง 3D รอบๆตัวเครื่องประกอบด้วยขอบโลหะสีทอง โดยส่วนตัวเเล้วผมชอบขอบสีทองกับความโค้งทางด้านหลังของเครื่องเพราะทำให้ดูมีระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนกระจกโค้งทำให้ตอนถือรู้สึกกระชับดีครับ
ภาพตอนถือเครื่อง สำหรับตัวผมขนาดเครื่องเเบบนี้คิดว่ากำลังดี เเต่สำหรับท่านใดที่มือเล็กอาจจะใช้งานลำบากนิดหน่อยครับอิอิ
[สเปคเครื่อง]
อ้างอิงจากเว็บ www.gsmarena.com ครับ
ให้กำลังขับโดย Snapdragon 810 เวอร์ชัน 2.1 การ์ดจอ Adreno 430 เเรมปริมาณ 4 กิ๊ก ส่วนความจำของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 64 GB ครับ มาพร้อม MIUI 6 ซึ่งเป็น Android Lollipop 5.0.1(ปัจจุบันอัพเป็น 5.0.2 เเล้ว) ซึ่งสเปคของมือถือเรือธงเเต่ละเเบรนด์น่าจะประมาณนี้ซึ่งผมคิดว่าก็มากเกินพอสำหรับการใช้งานของผมเเล้วครับ
หากได้ติดตามข่าวเเล้วหลายๆท่านคงทราบเรื่องปัญหาความร้อนของ Snapdragon 810 ตามฉายามังกรพ่นไฟ เเต่ในส่วนนี้ทาง Xiaomi ก็ได้ออกมาชี้เเจง(เหมือนหลายๆยี่ห้อ)ว่าได้เเก้ไขเรื่องความร้อนด้วยระบบระบายความร้อนต่างๆซึ่งผมจะกล่าวถึงอีกทีในส่วนของการใช้งานว่าได้ผลเป็นเช่นไร ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบสเปคกับรุ่นต่างๆผมอาจจะไม่ได้พูดถึงมากนักเนื่องด้วยผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านการดูสเปคเท่าไหร่ครับ
[จอเเสดงผล]
หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 515 ppi
ต้องบอกก่อนว่าผมเองเป็นคนที่ชอบมือถือหน้าจอใหญ่อยู่เเล้ว ผมชอบจอของ Mi Note Pro เพราะความคมชัด สีที่ดูเป็นธรรมชาติ เเล้วก็ขนาดจอนี่เเหละครับบึ้มกำลังพอดี
เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการปรับ Contrast, สีของหน้าจอไปในเเนวใด มี Reading Mode ซึ่งจะปรับให้หน้าจออมเหลืองๆ(ตัดเเสงสีฟ้าออก) เพื่อความสบายตามากขึ้น คล้ายๆกับเเอพ Bluelight Filter ครับ
หากใครใช้งานจอใหญ่ๆมือเดียวไม่สะดวกก็มีฟังก์ชัน One-handed mode ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการขนาดเท่าใด(3.5, 4.0, 4.5 นิ้ว)เเละเลือกได้ทั้งฝั่งซ้าย, ขวา การเปิดใช้งานโหมดนี้ให้ลากนิ้วจากปุ่ม Home ไปที่ปุ่มติดกันตามด้านที่ต้องการ
[กล้อง]
กล้องหน้า 4 MP UltraPixel, กล้องหลัง 13 MP เป็นเซนเซอร์จาก SONY พร้อมระบบกันภาพสั่น(OIS) เเละเเฟลชเเบบ two-tone ตัวอย่างภาพผมอาจจะมีน้อยเพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปน่ะครับ พยายามหาวิว โมเดลสวยๆมาให้ได้เเค่นี้
ปาดหน้าจอไปทางขวาจะเป็นโหมดกล้องมีค่อนข้างครบทั้ง Panorama, Refocus เเละมีโหมด Manual ให้เลือกปรับเเต่งค่าได้ในระดับหนึ่งเลย
ปาดไปทางซ้ายจะเห็น Filters ที่มีมาให้เลือกค่อนข้างเยอะ ที่ชอบคือ Fish Eye, Mirror, Mosaic ครับ
[การใช้งาน]
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 6 ซึ่งตอนนี้อัพเดตเป็น Android 5.0.2 Lollipop เรียบร้อยเเล้ว โดยปัจจุบันผมใช้ Developer rom ด้วยสาเหตุที่ว่าต้องการสิทธิ Root เเละเป็นโรคชอบอัพเดตบ่อยๆครับฮ่าๆ
หน้าตาของ MIUI ดูเรียบง่ายเเต่ก็เปี่ยมไปด้วยลูกเล่นต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดเด่นของ MIUI เลยก็ว่าได้ครับ อีกทั้งความเสถียรเเละความลื่นไหลทำให้ผมประทับใจได้ไม่น้อยเลย เมื่อเทียบกับเเอนดรอยด์ตัวอื่นๆส่วนตัวผมชอบตัวนี้มากที่สุดครับ
ตัวอย่างฟังก์ชัน, ลูกเล่นต่างๆบน MIUI:
1. การจัดการเเอพ - MIUI ไม่มีหน้าเมนูเเอพทำให้เเอพต่างๆกองไว้ในหน้า Homescreen เหมือนกับทาง iOS เเต่ในด้านการปรับเเต่งเเล้วผมยกให้ MIUI เหนือกว่าครับเพราะหลายๆฟังก์ชันนั้นทำให้สะดวกขึ้นจริงๆ เช่น การย้ายเเอพหลายๆตัวในคราวเดียว, Effects ในการเลื่อนหน้าจอ, Widgets เเละอื่นๆ
2. ระบบ Themes - ปรับเเต่งได้หลากหลายพอสมควร สามารถผสมส่วนต่างๆเข้าด้วยกันทั้ง หน้าจอ Lockscreen, icon, Font ต่างๆ, Dial pad, Boot Animation เเละอื่นๆซึ่งมีทั้งเเบบฟรีเเละใช้ Mi credit
3. รายละเอียดที่เพิ่มสีสันให้ MIUI - เช่น อนิเมชั่นตอนถอนการติดตั้งเเอพซึ่งจะระเบิดออกโดยมีสีตามเเอพนั้นๆ, ในเเอพนาฬิกามีการเเสดงผลเป็นสามมิติ
- เเอพทั่วไป: ถือว่าเร็วเเละการเปลี่ยนระหว่างเเอพทำได้ไม่มีสะดุด
- เกม: ทดสอบเกมต่างๆทั้ง Implosion, Dead Trigger 2, Asphalt 8, Modern Combat 5, เเละเกมอื่นๆ เล่นได้ลื่นไหลไม่ติดขัดใดๆซึ่งจุดนี้ผมมองว่าคงไม่ต่างอะไรมากกับมือถือรุ่นอื่นๆที่สเปคอาจจะต่ำกว่านี้เล็กน้อย ที่ต่างอาจจะเป็นความเร็วในการโหลดเกมซึ่ง Mi Note Pro ก็ทำได้ดีพอสมควร รวมถึงการสลับเเอพเเม้จะเป็นเกมหนักๆเเต่ก็กลับมาเล่นต่อได้ถือเป็นข้อดีของเเรม 4 GB
- เพลง, หนัง: ทอสอบกับหูฟัง Piston V2 เสียงเพลงถือว่าทำได้ดีมากในเกณฑ์ของผมครับอิอิ เสียงร้องนุ่มชัด เบสก็โอเค ลองทดสอบดูหนังเสียงก็กระหึ่มดีทั้งจากหูฟังเเละลำโพงครับ
- สัญญาณโทรศัพท์, เน็ต: Mi Note Pro รองรับการใช้งานสองซิมโดยจะเป็นซิมขนาด Micro เเละ Nano เเต่ผมยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบครับ สัญญาณโทรศัพท์ใไม่มีปัญหาอะไร เสียงตอนคุยดังชัดเจน ส่วนเรื่องเน็ตรองรับการใช้งาน 4G 2100 ครับ
ทดสอบความเร็ว Wi-Fi ที่บ้าน
ทดสอบความเร็ว 4G True
- ความร้อน: ช่วงเเรกๆหลังซื้อรู้สึกถึงความร้อนซึ่งบางครั้งก็เพิ่มเกิน 50 องศาตอนเล่นเกมหนักๆ เเต่หลังจากอัพเดตรอมเเล้วรู้สึกว่ามีการเเก้ไขเรื่องการจัดการความร้อนได้ดีขึ้นมาก ล่าสุดทดสอบเล่นเกม Dead Trigger 2, Asphalt 8, NOVA รวมเกือบครึ่งชั่วโมงอุณหภูมิขึ้นมาราวๆ 50 องศา ไม่ได้รู้สึกร้อนเท่าก่อนอัพเดต เเละการระบายความร้อนก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เดียว
- เเบต: มีระบบการจัดการเเบตคือเราสามารถเลือก Profile การใช้งานเเบตที่ต้องการได้ เเละสามารถตั้งตารางไว้ว่าจะให้เปลี่ยน Profile ตอนเเบตเหลือเท่านี้ๆ หรือระบุเป็นเวลาก็ได้เช่นกัน
เรื่องอายุการใช้งาน จากการทดสอบชาร์จเต็ม 100% ตอนประมาณเที่ยงคืน ตื่นมาตอน 9 โมงเช้าลดลงเหลือ 96%(ตั้งเป็น Sleep Profile ตอนนอน) ใช้งานทั่วๆไปตั้งเเต่ Facebook, Line, Whatsapp, โทร เล่นเกมสักพักนึง ตกเย็นเหลือ 20% ซึ่งวันก่อนลองใช้งานเเบบประหยัดๆก็ลดน้อยลงนะครับเหลือประมาณ 40% ในช่วงดึกๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างพอใจกับส่วนนี้ครับ ส่วนระบบ Quick Charge จากการทดสอบเริ่มชาร์จที่ 15% ผ่านมา 30 นาทีเพิ่มเป็น 52% เเละชาร์จเต็มในเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
[สรุป]
Mi Note Pro ถือว่าตอบโจทย์ผมได้ดีพอสมควรทั้งในด้านการเล่นเกม ดูหนัง อ่าน PDF เเละ Social network ต่างๆ เมื่อเเก้ไขความร้อนได้เเล้วก็นับเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับจองอีกตัวนึงเลยครับ ส่วนข้อเสียรวมๆเเล้วคือ สั่นเบา, ใส่ SD ไม่ได้, เเบตน้อยไปนิด ที่เหลือชอบหมดเลยครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่อ่านมาตั้งนานนะครับอิอิ