Recap: ครึ่งปีแรกที่ผ่านไปนั้น นับว่ามีภาพยนตร์หลากแนวที่ประสบความสำเร็จในด้านคำวิจารณ์ (และด้านรายได้) หลายเรื่องพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นหนังบ้าระห่ำบนนถนนโลกันตร์อย่าง Mad Max: Fury Road ที่โกยเสียงด้านบวกจากนักวิจารณ์ไปชนิดที่ว่าหนังซัมเมอร์เรื่องอื่น ๆ ต้องหักหลบซ้ายขวากัน หรืออย่าง Furious 7 ที่ได้รับเสียงแง่บวกไม่แพ้กัน แถมยังทำรายได้ถล่มทลายบน Box Office (อยู่อันดับ 3 ของภาพยนตร์รายได้สูงสุดตลอดกาล เป็นรองแค่ Avatar กับ Titanic เท่านั้น) ปีนี้ยังมีหนังเขย่าขวัญเรื่อง It Follows หรือหนังดิสนีย์ฟรุ้งฟริ้งอย่าง Cinderella (Kenneth Brannagh) ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี และยังรวมถึง Spy (Paul Feig) ที่หลายคนยกให้เป็นภาพยนตร์คอมเมดี้แห่งปีอีกด้วย
แน่นอนว่ามีภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อีกที่ได้รับการตอบรับในระดับปานกลางจนถึงแย่ (The Avagers: Age of Ultron, Jurassic World, Terminator Genysis เป็นต้น) ครึ่งปีหลังก็จะมีหนังทุนสูงจ่อคิวอีก (Mission Impossible: Rogue Nation, Ant-Man, Fantastic Four, Pan, Bond 24: Spectre, The Hunger Games: Mocking Jay II, The Martian และ Star Wars: Episode VII) -- เก็บตังค์ด่วน
รีวิวจะไม่มาบอกว่ามีหนังทุนสูงเรื่องไหนที่ควรหรือไม่ควรดูบ้าง แต่ผมขอเสนอภาพยนตร์ 10 เรื่องที่แอบ “ซุ่มเงียบ” ที่กำลังจะออกฉายตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม - มกราคม หรือพูดกันง่าย ๆ คือ หนังพวกนี้มีสิทธิ์กวาดรางวัลเวทีใหญ่ ๆ อย่าง Oscar มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง (ป.ล. ลิตส์ต่อไปนี้ ไม่จัดเรียงลำดับนะครับ)
อะไร: อิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ คศ. 1820 เมื่อเรือล่าปลาวาฬกลับกลายเป็นผู้ถูกล่าโดยปลาวาฬยักษ์สะเอง ส่งผลให้ลูกเรือต้องลอยค้างอยูากลางทะเล 90 วัน ห่างจากฝั่งนับพันๆไมล์
ใคร: Ron Howard กำกับ และได้ Chris Hemsworth (The Avengers), Cillian Murphy (Batman Begins) แสดง
ทำไม: Ron Howard ก็เป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่นับว่าไว้ใจได้เมื่อพูดถึงฤดูกาลรางวัล เพราะก่อนหน้านี้เคยฝากผลงานสองเรื่องที่ได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมากแล้วอย่าง A Beautiful Mind (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และ Frost/Nixon โดยส่วนตัวคิดว่าจุดแข็งของ Ron Howard คือเป็นผู้กำกับที่รับมือกับบทที่ตัวละครต้องฝ่าฟันอุปสรรคหรือมรสุมชีวิตอย่างหนัก ซึ่งจะเห็นชัดๆจาก Apollo 13 ครับ
ข้อเสีย: พอเอาเข้าจริงๆ หนังก็อาจจะถูกลืมก็ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ Frost/Nixon ซึ่งถือเป็นหนังที่สร้างด้วยความประณีต แต่ก็ไม่โดดเด่นบนเวทีออสการ์ปี 2009 เท่าไหร่นัก ครั้งสุดท้ายที่ Ron Howard ทำหนังได้เปรี้ยงที่สุดคือจาก A Beautiful Mind หรือย้อนกลับจนถึง Apollo 13 แต่เรื่องหลังพลาดรางวัลออสการ์ครับ
วันฉายในสหรัฐฯ : 11 ธ.ค. 2558
วันฉายในไทย: 10 ธ.ค. 2558
Trailer>>>>
https://www.youtube.com/watch?v=R_Vo8C-QH8c
อะไร: ช่วง 1950 พนักงานในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตกหลุมรักกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สรุปสั้นๆ มันคือหนังเลสเบี้ยน
ใคร: หนังเรื่องนี้กำกับโดย Todd Haynes (ผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์จากเรื่อง Far from Heaven) นำแสดงโดย Rooney Mara (The Girl with the Dragon Tattoo) และ Cate Blanchett (Blue Jasmine, Cinderella) อย่าลืมนะครับว่า Todd Haynes เคยส่งนักแสดงของตัวเองเข้าชิงเวทีใหญ่ๆมาแล้ว ทั้ง Julianne Moore ชิงนำหญิงออสการ์จากเรื่อง Far from Heaven, Cate Blanchett ชิงสมทบหญิงออสการ์จากเรื่อง I’m Not There และ Kate Winslet ชนะนำหญิงเวทีเอมมี่จากเรื่อง Mildred Pierce
ทำไม: หนังเปิดตัวที่เทศกาลหนังเมือง Cannes พร้อมกับเสียงตอบรับล้นหลามชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้เข้าชิง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ในเวที Oscar ปีหน้า คงช็อกหงายไปตามๆ กัน นอกจากนี้ นักวิจารณ์ยังยกนิ้วให้กับ Rooney Mara กับ Cate Blanchett ด้วย โดยรายแรกคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก Cannes มาครอง งานนี้ไม่ต้องแปลกใจหากทั้ง Rooney Mara กับ Cate Blanchett จะได้เข้าชิง Oscar ทั้งคู่ครับ
ข้อเสีย: ครั้งสุดท้ายที่หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศที่สามอย่าง Brokeback Mountain พลาดรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้กับ Crash ในปี 2006 เนื่องจากสมาชิกที่มีสิทธิ์ออกเสียงบนเวทีออสการ์บางคนค่อนข้างหัวอนุรักษ์นิยม แต่บางทีออสการ์อาจจะมองว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมอบรางวัลให้แก่หนังประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการผ่านร่างกฏหมายอนุญาตให้เพศที่สามสามารถแต่งงานกันได้ของสหรัฐฯ และทัศนคติที่มีต่อผู้คนเหล่านี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาในแนวทางที่ดีขึ้น หนังอาจจะเกากระแส Love wins คว้ารางวัลออสการ์มาครอง ใครจะไปรู้
วันฉายในสหรัฐฯ : 18 ธ.ค. 2558
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด
อะไร: เมื่อศิลปินหญิงชาวเดนมาร์ก วาดรูปสามีของตนเองในแบบผู้หญิง เมื่อภาพดังกล่าวโด่งดังขึ้น สามีของเธอตัดสินใจมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว ด้วยการผ่าตัดแปลงเพศครั้งแรกของโลก
ใคร: หนังกำกับโดย Tom Hooper (Les Miserables) และนำแสดงโดย Eddie Redmayne (The Theory of Everything) และ Alicia Vikander (Ex-Machina) ในบทสามีภรรยา Wegener แถมยังได้นักประพันธ์ดนตรีอย่าง Alexandre Desplat ที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์จากเรื่อง The Grand Budapest Hotel เมื่อปีที่แล้ว มาร่วมสร้างสกอร์เพลงด้วย
ทำไม: Tom Hooper เคยฝากผลงานอันยิ่งใหญ่มาแล้วอย่างเรื่อง The King Speech และ Les Miserables แถมยังส่งนักแสดงตัวเองเข้าชิงออสการ์มาแล้วทั้งหมด 5 คน ไม่ว่าจะเป็น Colin Firth, Helena Bonham Carter, Geoffrey Rush จากเรื่อง The King Speech (Colin Firth ชนะนำชายปี 2011) หรือ Hugh Jackman กับ Anne Hathaway จาก Les Miserables (Anne Hathaway ชนะสมทบหญิงยอดเยี่ยมปี 2012) แถมหนังที่กล่าวมาทั้งสองเรื่องยังได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีก เรื่องนี้ก็คงไม่พลาดอีกเช่นเคย เนื้อหาก็ดูเข้มข้นซะขนาดนี้ แถม Eddie Redmayne เพิ่งคว้าออสการ์นำชายมาหมาดๆ แถมบทบาทยังท้าทายพอๆกับ The Theory of Everything อีกด้วย
ข้อเสีย: เป็นอีกกรณีที่ขึ้นกับผู้กำกับ มีบทพร้อมรอให้รังสรรค์แล้ว แต่ถ้าพลาดก็อาจจะกลายเป็นหนังดราม่าธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง
วันฉายในสหรัฐฯ : 27 พ.ย. 2558
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด
อะไร: หนังสำรวจความคิดของเด็กหญิง เมื่อเธอกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ "วัยรุ่น" ผ่านความสุข ความกลัว ความโกรธ ความขยะแขยงและความเศร้าของวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
ใคร: หนังได้ผู้กำกับอย่าง Pete Docter ผู้อยู่เบื้องหลังบทภาพยนตร์อย่าง Toy Story, Wall-E และ UP แถมยังได้นักแสดงอย่าง Amy Pohler และ Mindy Kaling ที่หลายคนคงคุ้นเคยมาพากย์เสียงเป็น "ความสุข" และ "ความขยะแขยง" ด้วย
ทำไม: แค่บอกว่าเป็นหนังอนิเมชั่นที่ไม่ใช่ภาคต่อของ Pixar ก็น่าสนใจแล้วเอาจริง เวลาที่ค่ายนี้ทำหนังที่เป็น Original มักจะมีไอเดียที่น่าสนใจและเรียกเสียงวิจารณ์ดีแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่ Finding Nemo, Wall-E, UP, The Incredible, Toy Story จนมาถึง Monster Inc. นอกจากนี้หนังเปิดตัวที่เทศกาลหนัง Cannes เป็นที่เรียบร้อยและได้รับเสียงวิจารณ์แง่บวกแบบล้นหลาม (เช่นเดียวกับ Carol) ถึงขนาดมีสิทธิ์เข้าชิงสาขายักษ์อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยก็ได้ (ภาพยนตร์เรื่อง UP ทำมาแล้ว) ตอนนี้เรตติ้งอยู่ที่ 98% ใน Rottentomatoes และ 8.8 ใน IMDB (จากสองหมื่นกว่าคนแล้ว)
ข้อเสีย: แอบนึกข้อเสียไม่ออก หนังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ณ จุดๆ นี้คือคงได้รางวัลอนิเมชั่นยอดเยี่ยมไปนอนกอดเรียบร้อย
วันฉายในสหรัฐฯ : 19 มิ.ย. 2558
วันฉายในไทย : 12 ส.ค. 2558
Trailer>>>>
https://www.youtube.com/watch?v=ZL_STQ0tw24
อะไร: หนังสร้างจากเหตุการณ์จริง เมื่อพระเอกของเราตามแก้แค้นชายหนุ่มสองคน ที่ปล่อยให้ตัวเขาถูกหมีทำร้ายปางตาย
ใคร: หนังได้ผู้กำกับที่เพิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาหมาด ๆ อย่าง Alejandro González Iñárritu จาก Birdman และได้พระเอกฝีมือดี Leonardo Dicaprio รับบทนำเป็น Hugh Glass และ Tom Hardy มาเล่นสมทบ บวกกับ Cinematographer อย่าง Emmanuel Lubezki ที่เพิ่งคว้าออสการ์สองปีซ้อนมาจาก Gravity และ Birdman
ทำไม: ดูจากชื่อคนที่มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ละคนดูเหมือนจะมาล่ารางวัลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ Leonardo Dicaprio ที่ดูเหมือนจะมา “แก้แค้น” คนที่เคยแย่งออสการ์ไปจากเขา 4 ครั้งแล้ว Alejandro เคยส่งนักแสดงตัวเองเข้าชิงออสการ์มาแล้ว ล่าสุดคือ Michael Keaton จาก Birdman และ Rinko Kikuchi จาก Babel หรือ Javier Bardem จากเรื่อง Biutiful ช่วงหลัง ๆ มาทำอะไรก็ “คลิก” กับเวทีออสการ์สะหมด คราวนี้จาก The Revanant ถ้าจะพานักแสดงไปถึงฝันได้ก็ไม่แปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tom Hardy ซึ่งไม่เคยได้เข้าชิงออสการ์มาก่อนเลย
ข้อเสีย: หนังอาจจะ ‘ดาร์ค’ เกินไปสำหรับนักวิจารณ์หรือเวทีล่ารางวัล หลังจากที่ตัวผมเองอ่านนิยายเรื่องนี้ที่เขียนโดย Michael Punke แล้ว พบว่าและเนื้อหาของเรื่องราวเองก็ไม่ได้ถือว่าระดับ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” แต่คิดว่าด้วยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับจะทำให้ทุกอย่างยอดเยี่ยมเอง งานนี้ถ้า Leonardo จะชนะ ก็เป็นเพราะว่าต้องแสดงบทที่ต้องฝืนร่างกายเยอะ เพราะหลังจากถูกหมีทำร้ายร่างกายในเรื่องแล้ว พังตั้งแต่ศีรษะยันเท้า หลอดลมใช้การไม่ได้ Leonardo ของเราเลยจะมีบทพูดอีกทีในช่วงท้ายๆ เรื่องครับ
วันฉายในสหรัฐฯ : ยังไม่มีกำหนด
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด
โพสต์ต่อด้านล่างครับ ข้อความไม่พอ
[[ Movie Review ]] กระทู้ "หนังซุ่มเงียบ" รวม 10 หนังล่ารางวัลปลายปี 2015
แน่นอนว่ามีภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อีกที่ได้รับการตอบรับในระดับปานกลางจนถึงแย่ (The Avagers: Age of Ultron, Jurassic World, Terminator Genysis เป็นต้น) ครึ่งปีหลังก็จะมีหนังทุนสูงจ่อคิวอีก (Mission Impossible: Rogue Nation, Ant-Man, Fantastic Four, Pan, Bond 24: Spectre, The Hunger Games: Mocking Jay II, The Martian และ Star Wars: Episode VII) -- เก็บตังค์ด่วน
รีวิวจะไม่มาบอกว่ามีหนังทุนสูงเรื่องไหนที่ควรหรือไม่ควรดูบ้าง แต่ผมขอเสนอภาพยนตร์ 10 เรื่องที่แอบ “ซุ่มเงียบ” ที่กำลังจะออกฉายตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม - มกราคม หรือพูดกันง่าย ๆ คือ หนังพวกนี้มีสิทธิ์กวาดรางวัลเวทีใหญ่ ๆ อย่าง Oscar มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง (ป.ล. ลิตส์ต่อไปนี้ ไม่จัดเรียงลำดับนะครับ)
อะไร: อิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ คศ. 1820 เมื่อเรือล่าปลาวาฬกลับกลายเป็นผู้ถูกล่าโดยปลาวาฬยักษ์สะเอง ส่งผลให้ลูกเรือต้องลอยค้างอยูากลางทะเล 90 วัน ห่างจากฝั่งนับพันๆไมล์
ใคร: Ron Howard กำกับ และได้ Chris Hemsworth (The Avengers), Cillian Murphy (Batman Begins) แสดง
ทำไม: Ron Howard ก็เป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่นับว่าไว้ใจได้เมื่อพูดถึงฤดูกาลรางวัล เพราะก่อนหน้านี้เคยฝากผลงานสองเรื่องที่ได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมากแล้วอย่าง A Beautiful Mind (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และ Frost/Nixon โดยส่วนตัวคิดว่าจุดแข็งของ Ron Howard คือเป็นผู้กำกับที่รับมือกับบทที่ตัวละครต้องฝ่าฟันอุปสรรคหรือมรสุมชีวิตอย่างหนัก ซึ่งจะเห็นชัดๆจาก Apollo 13 ครับ
ข้อเสีย: พอเอาเข้าจริงๆ หนังก็อาจจะถูกลืมก็ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ Frost/Nixon ซึ่งถือเป็นหนังที่สร้างด้วยความประณีต แต่ก็ไม่โดดเด่นบนเวทีออสการ์ปี 2009 เท่าไหร่นัก ครั้งสุดท้ายที่ Ron Howard ทำหนังได้เปรี้ยงที่สุดคือจาก A Beautiful Mind หรือย้อนกลับจนถึง Apollo 13 แต่เรื่องหลังพลาดรางวัลออสการ์ครับ
วันฉายในสหรัฐฯ : 11 ธ.ค. 2558
วันฉายในไทย: 10 ธ.ค. 2558
Trailer>>>>https://www.youtube.com/watch?v=R_Vo8C-QH8c
อะไร: ช่วง 1950 พนักงานในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตกหลุมรักกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สรุปสั้นๆ มันคือหนังเลสเบี้ยน
ใคร: หนังเรื่องนี้กำกับโดย Todd Haynes (ผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์จากเรื่อง Far from Heaven) นำแสดงโดย Rooney Mara (The Girl with the Dragon Tattoo) และ Cate Blanchett (Blue Jasmine, Cinderella) อย่าลืมนะครับว่า Todd Haynes เคยส่งนักแสดงของตัวเองเข้าชิงเวทีใหญ่ๆมาแล้ว ทั้ง Julianne Moore ชิงนำหญิงออสการ์จากเรื่อง Far from Heaven, Cate Blanchett ชิงสมทบหญิงออสการ์จากเรื่อง I’m Not There และ Kate Winslet ชนะนำหญิงเวทีเอมมี่จากเรื่อง Mildred Pierce
ทำไม: หนังเปิดตัวที่เทศกาลหนังเมือง Cannes พร้อมกับเสียงตอบรับล้นหลามชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้เข้าชิง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ในเวที Oscar ปีหน้า คงช็อกหงายไปตามๆ กัน นอกจากนี้ นักวิจารณ์ยังยกนิ้วให้กับ Rooney Mara กับ Cate Blanchett ด้วย โดยรายแรกคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก Cannes มาครอง งานนี้ไม่ต้องแปลกใจหากทั้ง Rooney Mara กับ Cate Blanchett จะได้เข้าชิง Oscar ทั้งคู่ครับ
ข้อเสีย: ครั้งสุดท้ายที่หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศที่สามอย่าง Brokeback Mountain พลาดรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้กับ Crash ในปี 2006 เนื่องจากสมาชิกที่มีสิทธิ์ออกเสียงบนเวทีออสการ์บางคนค่อนข้างหัวอนุรักษ์นิยม แต่บางทีออสการ์อาจจะมองว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมอบรางวัลให้แก่หนังประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการผ่านร่างกฏหมายอนุญาตให้เพศที่สามสามารถแต่งงานกันได้ของสหรัฐฯ และทัศนคติที่มีต่อผู้คนเหล่านี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาในแนวทางที่ดีขึ้น หนังอาจจะเกากระแส Love wins คว้ารางวัลออสการ์มาครอง ใครจะไปรู้
วันฉายในสหรัฐฯ : 18 ธ.ค. 2558
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด
อะไร: เมื่อศิลปินหญิงชาวเดนมาร์ก วาดรูปสามีของตนเองในแบบผู้หญิง เมื่อภาพดังกล่าวโด่งดังขึ้น สามีของเธอตัดสินใจมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว ด้วยการผ่าตัดแปลงเพศครั้งแรกของโลก
ใคร: หนังกำกับโดย Tom Hooper (Les Miserables) และนำแสดงโดย Eddie Redmayne (The Theory of Everything) และ Alicia Vikander (Ex-Machina) ในบทสามีภรรยา Wegener แถมยังได้นักประพันธ์ดนตรีอย่าง Alexandre Desplat ที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์จากเรื่อง The Grand Budapest Hotel เมื่อปีที่แล้ว มาร่วมสร้างสกอร์เพลงด้วย
ทำไม: Tom Hooper เคยฝากผลงานอันยิ่งใหญ่มาแล้วอย่างเรื่อง The King Speech และ Les Miserables แถมยังส่งนักแสดงตัวเองเข้าชิงออสการ์มาแล้วทั้งหมด 5 คน ไม่ว่าจะเป็น Colin Firth, Helena Bonham Carter, Geoffrey Rush จากเรื่อง The King Speech (Colin Firth ชนะนำชายปี 2011) หรือ Hugh Jackman กับ Anne Hathaway จาก Les Miserables (Anne Hathaway ชนะสมทบหญิงยอดเยี่ยมปี 2012) แถมหนังที่กล่าวมาทั้งสองเรื่องยังได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีก เรื่องนี้ก็คงไม่พลาดอีกเช่นเคย เนื้อหาก็ดูเข้มข้นซะขนาดนี้ แถม Eddie Redmayne เพิ่งคว้าออสการ์นำชายมาหมาดๆ แถมบทบาทยังท้าทายพอๆกับ The Theory of Everything อีกด้วย
ข้อเสีย: เป็นอีกกรณีที่ขึ้นกับผู้กำกับ มีบทพร้อมรอให้รังสรรค์แล้ว แต่ถ้าพลาดก็อาจจะกลายเป็นหนังดราม่าธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง
วันฉายในสหรัฐฯ : 27 พ.ย. 2558
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด
อะไร: หนังสำรวจความคิดของเด็กหญิง เมื่อเธอกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ "วัยรุ่น" ผ่านความสุข ความกลัว ความโกรธ ความขยะแขยงและความเศร้าของวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
ใคร: หนังได้ผู้กำกับอย่าง Pete Docter ผู้อยู่เบื้องหลังบทภาพยนตร์อย่าง Toy Story, Wall-E และ UP แถมยังได้นักแสดงอย่าง Amy Pohler และ Mindy Kaling ที่หลายคนคงคุ้นเคยมาพากย์เสียงเป็น "ความสุข" และ "ความขยะแขยง" ด้วย
ทำไม: แค่บอกว่าเป็นหนังอนิเมชั่นที่ไม่ใช่ภาคต่อของ Pixar ก็น่าสนใจแล้วเอาจริง เวลาที่ค่ายนี้ทำหนังที่เป็น Original มักจะมีไอเดียที่น่าสนใจและเรียกเสียงวิจารณ์ดีแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่ Finding Nemo, Wall-E, UP, The Incredible, Toy Story จนมาถึง Monster Inc. นอกจากนี้หนังเปิดตัวที่เทศกาลหนัง Cannes เป็นที่เรียบร้อยและได้รับเสียงวิจารณ์แง่บวกแบบล้นหลาม (เช่นเดียวกับ Carol) ถึงขนาดมีสิทธิ์เข้าชิงสาขายักษ์อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยก็ได้ (ภาพยนตร์เรื่อง UP ทำมาแล้ว) ตอนนี้เรตติ้งอยู่ที่ 98% ใน Rottentomatoes และ 8.8 ใน IMDB (จากสองหมื่นกว่าคนแล้ว)
ข้อเสีย: แอบนึกข้อเสียไม่ออก หนังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ณ จุดๆ นี้คือคงได้รางวัลอนิเมชั่นยอดเยี่ยมไปนอนกอดเรียบร้อย
วันฉายในสหรัฐฯ : 19 มิ.ย. 2558
วันฉายในไทย : 12 ส.ค. 2558
Trailer>>>>https://www.youtube.com/watch?v=ZL_STQ0tw24
อะไร: หนังสร้างจากเหตุการณ์จริง เมื่อพระเอกของเราตามแก้แค้นชายหนุ่มสองคน ที่ปล่อยให้ตัวเขาถูกหมีทำร้ายปางตาย
ใคร: หนังได้ผู้กำกับที่เพิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาหมาด ๆ อย่าง Alejandro González Iñárritu จาก Birdman และได้พระเอกฝีมือดี Leonardo Dicaprio รับบทนำเป็น Hugh Glass และ Tom Hardy มาเล่นสมทบ บวกกับ Cinematographer อย่าง Emmanuel Lubezki ที่เพิ่งคว้าออสการ์สองปีซ้อนมาจาก Gravity และ Birdman
ทำไม: ดูจากชื่อคนที่มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ละคนดูเหมือนจะมาล่ารางวัลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ Leonardo Dicaprio ที่ดูเหมือนจะมา “แก้แค้น” คนที่เคยแย่งออสการ์ไปจากเขา 4 ครั้งแล้ว Alejandro เคยส่งนักแสดงตัวเองเข้าชิงออสการ์มาแล้ว ล่าสุดคือ Michael Keaton จาก Birdman และ Rinko Kikuchi จาก Babel หรือ Javier Bardem จากเรื่อง Biutiful ช่วงหลัง ๆ มาทำอะไรก็ “คลิก” กับเวทีออสการ์สะหมด คราวนี้จาก The Revanant ถ้าจะพานักแสดงไปถึงฝันได้ก็ไม่แปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tom Hardy ซึ่งไม่เคยได้เข้าชิงออสการ์มาก่อนเลย
ข้อเสีย: หนังอาจจะ ‘ดาร์ค’ เกินไปสำหรับนักวิจารณ์หรือเวทีล่ารางวัล หลังจากที่ตัวผมเองอ่านนิยายเรื่องนี้ที่เขียนโดย Michael Punke แล้ว พบว่าและเนื้อหาของเรื่องราวเองก็ไม่ได้ถือว่าระดับ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” แต่คิดว่าด้วยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับจะทำให้ทุกอย่างยอดเยี่ยมเอง งานนี้ถ้า Leonardo จะชนะ ก็เป็นเพราะว่าต้องแสดงบทที่ต้องฝืนร่างกายเยอะ เพราะหลังจากถูกหมีทำร้ายร่างกายในเรื่องแล้ว พังตั้งแต่ศีรษะยันเท้า หลอดลมใช้การไม่ได้ Leonardo ของเราเลยจะมีบทพูดอีกทีในช่วงท้ายๆ เรื่องครับ
วันฉายในสหรัฐฯ : ยังไม่มีกำหนด
วันฉายในไทย: ยังไม่มีกำหนด