ที่มาของกระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กระทู้นี้นะครับสวัสดีครับพันทิป เรื่องนี้เป็นเรื่องราวจากบทสัมภาษณ์งานวิจัยวิชาเลือกของเด็กน้อยคนหนึ่งนะครับ http://ppantip.com/topic/33810852 จริงๆโครงงานยังไม่เสร็จดีแต่ไหนๆคิดว่ามันน่าสนใจเลยอยากเอามาบอกเล่าต่อเนาะ กระทู้นี้ 'งดดราม่า' นะครับ ขอร้องนะครับพลีสสส ผมชอบชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่นเลยอยากบอกต่อก็เท่านั้น ส่วนดี/ไม่ดี ทุกคนมีวิจารณญาณเป็นของตัวเองเนาะ หรือไม่ก็อ่านเอาความรู้ อ่านเอาสนุกเหมือนเพื่อนมาเล่าชีวิตให้ฟังแล้วกันนะครับ
กระทู้นี้มาพร้อมกับเรื่องราวจากผู้สัมภาษณ์ในโครงการคนหนึ่งที่มีเรื่องราวการ 'นัดยิ้ม' เกิดขึ้น
นัดยิ้มคืออะไร ?
ทำไมต้องนัดกันไปยิ้ม
....ติดต่อตามได้ในกระทู้เลยนะครับ
ขอบคุณครับ
ถิงถิงคนเดิม
เพิ่มเติมห้าสิบ.
๑๐/๐๗/๒๕๕๘.
ปล.
๑ . กระทู้นี้ไม่มีเนื้อหา ๑๘+ นะครับ ไปหาจากกระทู้อื่นเลยจ้า
๒ . ขออนุญาตบุคคลในกระทู้และทุกท่านที่เกี่ยวข้องแล้วครับ
๓ . คอมเม้นท์กันแบบสร้างสรรค์นะครับ หรือไม่ก็ถือว่าอ่านกันเอามันส์แล้วกันเนาะ
ขอบคุณอีกครั้งครับ.
ตอนเก่าๆที่เคยเขียนไว้...
15 ปีในลอนดอน เรื่องเล่าจากชีวิตของ'ว่าที่เจ้าสาว'คนหนึ่งที่เมื่อก่อนนั้น...เคยใช้คำนำหน้าว่า 'นาย'
http://ppantip.com/topic/33820481
........................................
ผมชื่อป่านครับ เป็นเด็กกรุงฯแต่กำเนิด เป็นลูกคนกลางของครอบครัวๆหนึ่ง ฐานะก็เรียกได้ว่าดีมั้งครับ คือแบบ ไม่อดไม่อยากนะครับแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดขับรถสปอร์ตหรูหรืออะไรแบบนั้น จริงๆเรื่องที่จะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประมาณสองปีที่แล้วได้มั้งครับ แต่ขอย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นก่อนนะครับ
ด้วยความที่บ้านผมไกลจากโรงเรียนมาก(เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง) สุดท้ายเลยได้เช่าหออยู่ตั้งแต่สมัยม.4 ตอนแรกๆเป็นอะไรที่สนุกมากๆครับ เรียกว่าเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่กลับบ้านเลย เอาแต่อยู่หอ หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเตร่ เป็นชีวิตที่มีความสุขเท่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะมีได้ครับ สูบบุหรี่ กินเหล้า พาหญิงมาห้อง เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าสูตรสำเร็จแบบคนทั่วไปนั้นแหละครับที่พอห่างจากสายตาพ่อแม่แล้วก็แอบบิดเบียวในใจไปหน่อย
จุดเริ่มต้นของผมเริ่มจากคบคนหนึ่งๆแล้วผมโดนหลอกครับ เขาเป็นหมวยหญิงที่เรียกว่าขาวสวยหมวกเอ็กซ์นั้นแหละ ตัวเล็กๆ เอาใจเก่ง และ...เก่งมา(หัวเราะ) ผมเลยหลงมากครับ คบกันไปได้จนผมอยู่ระดับชั้นม.หก เทอมแรกถึงได้รู้ว่า ผมโดนหลอกครับ ผมมาที่หลังและเธอแค่อยากได้ของขวัญหรือสิ่งของจากผมเท่านั้น(หัวเราะเห็นฟัน) ตอนนั้นวูบวาบๆครับ เฮิร์ตหนักมาก เอาแต่กินเหล้า หลังจากนั้นมาเลยเริ่มพาลกลัวผู้หญิงหลายๆคนและเริ่มหันไปชอบ 'ผู้ชายแทน'
.....เรื่องราวแรกเริ่มของผมประมาณนี้ครับ
______________________________________________________________
ถิงถิง : เลยหันไปชอบผู้ชาย ?
เห้ย ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือผมกลัวผู้หญิงนะ แต่ตอนแรกเริ่มคือเราไม่ได้มองผู้ชายเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย ประมาณว่าแค่ใกล้กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเท่านั้นเองครับ และจากตอนนั้นก็เริ่มมองผู้ชายน่ารัก(หัวเราะเห็นฟัน)อะไรแบบนั้น ตอนแรกคือเครียดมากจนบางครั้งอยากฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาด รู้สึกผิดกับพ่อกับแม่ รู้สึกผิดกับคนที่รักเราว่าทำไมเราถึงไม่แมนเหมือนคนอื่น ทำไมเราถึงไปชอบ...นั้นแหละครับ แรกๆผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ถิงถิง : เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ เหตุการณ์แรกเริ่ม ?
อื้ม เท่าที่จำได้ พอเริ่มขึ้นมหาวิทยาลัยผมก็เริ่มยอมปรับสภาพตัวเองได้ ปรับตัวได้เรื่อยๆ เหมือนกับสังคมมันกว้างและหลายๆคนก็เป็นกันมั้งนะครับ ต่างสมัยเรียนม.ปลายที่เป็นโรงเรียนชายล้วน และเพื่อนในกลุ่มแต่ล่ะตัวก็...นั้นแหละครับ พอเริ่มปรับตัวได้ก็มีคนมาจึบ แรกๆเราก็รักษาท่าที่ว่าเรายังแมนนั้นแหละครับ แต่ด้วยความที่เขาน่ารัก เพื่อนก็เชียร์
สุดท้ายก็ อื้ม...คบก็คบว่ะ
สรุปแล้วเขาจีบเราประมาณ ๕ เดือน เราถึงได้ยอมคบกับเขา
แรกๆที่คบกันมันหวานๆจั๊กจี้ๆหัวใจชอบกลครับ เหมือนมีมดมาเดิน ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง อาจจะเพราะหน้าตาเขาน่ารักด้วยล่ะมั้งครับ (ผมออกตัวก่อนนะ ผมหน้าแบบธรรมดาๆนะครับแค่หน้ามันเนียนๆล่ะมั้งครับ ประมาณนั้น) แต่พอคบกันไปกันมาสักพักมันก็เหมือนคู่ชายหญิงครับ เริ่มมีความไม่เข้าใจ เริ่มมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากง้อ คือผมเป็นคนง้อไม่ค่อยเก่ง ชอบอะไรตรงๆ เพราะงั้นผมเลยไม่ถนัดอะไรแบบนี้นะครับ สุดท้ายคบกันได้ปีกว่าๆเขาก็ขอเลิกไป ตอนนั้นเรากำลังขึ้นปีสองพอดีครับ
ถิงถิง : แล้วอะไรเป็นสาเหตุแรกเริ่มของการนัดยิ้มครับ ?
....อธิบายเพื่อคนที่ไม่รู้ก่อนนะครับ
นัดยิ้ม หมายถึง การนัดกันของคนทางอินเตอร์เนทเพื่อไปฟิจเจอริ่งกันหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า 'นัดเย็บ'
ก็ตามชื่อเลยครับ นัดเจอกัน แล้วก็ พั่บ พั่บ พั่บ
สาเหตุของผมเริ่มจากหลังจากเลิกจากเขานะครับ มันเริ่มจากความเหงา และ....ทวิตเตอร์
ไม่อยากจะบอกว่าสิ่งยั่วตายั่วใจมันเยอะมากจริงๆครับในทวิต ผมเล่นไปเล่นมาโดยไม่ลงรูปหน้าตัวเองนะครับ ลงแค่พวกรูปหมีรูปอะไรพวกนั้น อาศัยแค่คอยติดตามแอคเค้าท์อื่นแล้วรีทวิตเอา ไปๆมาๆคนฟลอเราประมาณร้อยสองร้อยเท่านั้นเองครับ แล้วก็มีแอคเค้าท์หนึ่งทักผมมา แรกๆก็ไม่กล้าคุยครับ กลัว (หัวเราะ) คือกลัวแบบที่คนอื่นๆกลัวกันนันแหละครับ แต่แรกๆเขาคุยกับเราดีนะครับเราเลยคุยต่อไปได้ พอสนิทกันได้สักพักใหญ่ๆเขาก็ส่งรูปให้เราดูครับ เราก็เฮ้ยยยยยย
'หล่อว่ะ'
คือไม่อยากจะยอมรับ แต่ในความคิดเรามันปิ๊งแบบนั้นขึ้นมาจริงๆครับ สุดท้ายเลยตัดสินใจส่งรูปตัวเองไปให้เขาดู
และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ 'นัดพบ' ผมครับ....
ถิงถิง : แล้วไปตามนัดไหมครับ ?
.......ไปครับ
ถิงถิง : หลังจากนั้น ?
พี่เขาสุภาพ เรียบร้อย ใจดี พาเราไปดูหนังกินข้าวครับ วันนั้นทั้งวันอยู่กับเขา เป็นครั้งแรกที่มีคนดูแลเราดีขนาดนี้(ปกติผมจะดูแลคนอื่นนะครับ เพิ่งเคยถูก 'กระทำ')
......และก็ชวนเราไปห้อง
ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้นะว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้ครับ จำได้ดีมากด้วย
....เพราะมันเป็นครั้งแรกของผมกับ 'ผู้ชาย' ด้วยกัน (แฟนคนแรกเคยแต่ล่ะอะไรภายนอกครับ จูบ กับ ....ช่วยกันครับ)
มันไม่มีความสุขเลยครับ ทรมานมาก ผมปวดและเจ็บไปหมดเลย มันไม่เหลือคำว่าความสุขให้เราตราตรึ่งเลย
ผมรู้สึกแย่ แย่ที่เป็นคนง่ายๆ ยอมอะไรแบบนี้โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาครับ
เรื่องราวต่อจากนั้นเหรอครับ ? เขาพาผมมาส่งที่บ้านครับ
....และหลังจากนั้น ทั้งเฟส ไลน์ ทวิต และเบอร์ .....เขาบล็อกผมหมดนะครับ (ยิ้ม.....)
เขาหายไปจากชีวิตเลยครับ
หายไปแบบเหมือนสองสามเดือนที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไรเลย
มากไปกว่านั้นผมรู้สึกแย่
แย่ที่ครั้งแรกของผมเสียไปกับอะไรแบบนี้....
มันจิตตกไปหมด มันกลัวผลออกมาเป็นบวก กลัวว่าตัวเองจะติดโรคร้าย ยิ่งเครียดยิ่งปวดหัวปวดท้อง ร่างกายก็กำเริบครับ ผมอ้วกบ่อยมาก และหลายๆครั้งมีผืนขึ้นตามเนื้อตามตัวผมยิ่งรู้สึกกลัว กลัวมากว่าตัวเองจะเป็นอะไร กลัวจะเกิดอะไรที่มันไม่ดีกับร่างกายขึ้น
ถิงถิง : พอเข้าใจความรู้สึกนะครับ และตอนนั้นได้ป้องกันไหมครับ ?
ไม่ได้ป้องกันครับ ....
ถิงถิง : ขออนุญาตนะครับ....ได้ไปตรวจเลือดไหมครับ ?
อันนี้ตั้งใจตอบมากครับ
ไปครับ ผมไปที่คลินิคนิรนาม หลักจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้วประมาณสามเดือนกว่าๆ ก็ไปตั้งแต่หัววันเลยครับ แถวราชดำริ ไปถึงก็กรอกบัตรตรวจฟรีครับ ยื่นบัตร ปชช.เอา ได้ใบสีเขียวๆรักสุขภาพมาหนึ่งใบพร้อมเอกสารให้เรากรอกนั้นแหละครับ ตอนนั้งรอใจลุ้นระทึกมาก มีคนมาตรวจเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่ก็มีหน้าตาดีๆบ้างๆ ปานกลางบ้าง แล้วก็หลากหลายวัยมากครับ เจอน้องผู้ชายชุดนักเรียนคนหนึ่งนั้งเล่นไลน์ไปรอไป คือจำได้เพราะมันชิลมากกว่าคนอื่นจริงๆ เขาหน้าเครียดกันมันนั้งยิ้ม แต่พอหลังออกจากห้องตรวจก็ไม่เจอมันครับ
ใช้เวลารวมเกือบทั้งวันครับ เจาะเลือดแล้วต้องนั้งรอผล ใจไม่เป็นสุขเลย ด้วยความที่เขานัดคนอื่นบ่อยมาก เราก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะพาโรคมาให้เราไหม เราจะพลาดเป็นอะไรไปไหม ย้อนกลับไปถึงวันแรกๆที่เกิดเรื่อง วันที่เรายอมเขา วันที่เราเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบที่โดนกรอกหูด้วยคำง่ายๆแล้วก็ยอมเขาง่ายๆ ตอนนั้นมันร้องเลยจริงๆ หูตามันอื้อไปหมดครับ มันเจ็บใจตัวเอง
ถ้าย้อนกลับไปได้ผมคงเลือกจะไม่ยอมเขาให้ตัวเองมานั้งทุกข์ตรงนี้แต่แรก
แต่มันเลือกไม่ได้แล้วครับเรื่องมันเกิดไปแล้ว
สิ่งที่ผมทำได้คือเตรียมใจยอมรับความจริงทุกอย่าง
....หากมันจะเกิดขึ้นมาจริงๆ
จนแล้วจนรอดในที่สุดผลการตรวจก็ออกครับ....
ถิงถิง : ผลคือ....?
ลบครับ
วินาที่นั้นมันเหมือนโลกทั้งใบสว่างมาก ผมดีใจเหมือนคนบ้ามากครับ จำได้ว่าเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วกระโดดดีใจคนเดียวตรงนั้น มันเหมือนเราซื้อหวยแล้วถูกรางวัลใหญ่พร้อมแจ็คพอต ล้านล้านอ่ะครับ ผมบรรยายไม่ถูกหรอก แต่มันจุกจนถึงขนาดเรารู้สึกได้ว่าปวดแก้ม ฮ่าๆๆๆ เรายิ้มจนหน้าจะยึดอ่ะครับ หลังจากรู้ผล สิ่งแรกที่ทำคือลบแอพทวิตฯครับ อีเมล์ที่ใช้การล็อกอินเราตัดสินใจเอาออกครับ ไม่รู้สิ พลาดครั้งแรกไม่เป็นอะไรขึ้นมาอาจจะเพราะแค่ว่าฟ้ายังเมตตา แต่ถ้ามีครั้งต่อๆมา
.....ผมอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้นอีกแล้วก็ได้ครับ
ตอนนั้นตะโกนลั่นในใจ โทร.หาแม่ เย็นนั้นคือกลับบ้านไปหาครอบครัว นั้งกินข้าวกัน เพิ่งรู้ว่าคนในบ้านสำคัญขนาดไหน เพิ่งรู้ว่าอาหารที่แม่ทำยังไงมันก็อร่อย เพิ่งรู้ว่าพ่อกอดแล้วอุ่นมากๆ หลังจากนั้นมาจำได้ว่าหันกลับมารักตัวเองมากขึ้น ไม่เอาใจไปผูกกับใครอีกแล้วครับ จะว่าไงดี ? เราเข็ดนั้นแหละ แต่เหมือนฟ้าชอบแกล้งเราครับ ชอบส่งคนมายั่วเสือหลับ (หัวเราะอีกครั้ง) ปัจจุบันนี้เรียนจบมาสองปีกว่าๆแล้วครับ ก็เรียกได้ว่าทำงานมาได้สักพักแล้วครับ พอรู้แนวทาง พอวางแผนอนาคต เจอคนดีๆก็เปิดโอกาสครับ
ถิงถิง : ขอโทษอีกครั้งนะครับ....หลังจากนั้นยังกล้ามีsexไหมครับ?
กล้าครับ...หลังจากตอนนั้นก็มีบ้างจนกระทั้งสุดที่แฟนคนปัจจุบัน
.....สำหรับผมนะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ครับ แต่เราต้องควบคุมมันนะ ไม่ให้ความอยากมีผลมากกว่าความถูกต้องหรือสิ่งที่ควรกระทำครับ ทุกวันนี้ตั้งแต่วันนั้นผมจะพกคอนดอมติดตัวตลอดๆครับ อย่างน้อยๆในกระเป๋าตังค์สักหนึ่งชิ้นครับ ป้องกันเหตุฉุกเฉินครับ แต่ถามว่ามีหลุดไหม ? มีนะครับ กับแฟนคนปัจจุบันพากันไปตรวจเลือดบ่อยๆทั้งสองคนครับ เช็คกันดู ผลัดกันดูแลกันและกัน ตอนนี้ก็พาเข้าบ้านแล้วครับ (ยิ้มแล้วมองหน้าแฟน)
ถิงถิง : อยากฝากอะไรถึงหลายๆคนที่อาจจะมีพฤติกรรมคล้ายๆกันหรือบุคคลที่ชอบนัดยิ้มไหมครับ ?
อันนี้จากใจนะครับ ผมดีใจจริงๆที่ตัวเองไม่เป็นโรคร้าย และผมอยากให้ทุกคุณปลอดภัยแบบผมนะ จะว่าผมโลกสวยก็ได้ เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครครับ แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ช่วยรักตัวเอง ดูแลตัวเองเถอะนะครับ ยิ่งสมัยนี้อะไรๆที่มันออกไปแล้วมันกู้กลับมายากนะครับ ในโลกของอินเตอร์เนท ที่เราแค่เซฟก็สามารถเก็บบันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้ได้แล้ว
.....เราจะแน่ใจได้ยังไงครับว่ามันจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายเรา ?
เชื่อผมนะ...ของที่มีค่า ยังไงก็มีคนอยากได้เสมอครับ
ถ้าเลิกได้เลิกนะครับ มันไม่ดีเลยจริงๆ
ก็ถ้าฝากไว้ได้ นอกจากเรื่องนี้ก็เรื่องความรักครับ มันเหมือนผีเสื้อจริงๆนะ ยิ่งเราอยากได้ อยากครอบครอง มันยิ่งห่างไกลเราออกไป กลับกัน พอเราอยู่นิ่งๆ เราไม่ต้องการ มันกลับเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาในชีวิตเรา เพราะงั้นก็ตามด้านบนเลยครับ เราต้องถามตัวเองว่าเราอยากได้อะไร
ผมอยากได้คนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
อยากได้ครอบครัวครับ
....ไม่ใช่คู่เซ็กส์
ผมไม่ได้ว่ากระทบใครนะ หรือกระทบไปก็ขอโทษนะครับ ที่จะบอกคือ ...ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะรักเขา ขอให้พยายามปรับกันทั้งคู่นะครับ รัก ยังไงมันก็คือรัก ทุกความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ล้วนมีการให้อภัยมากมายซ่อนอยู่ในนั้นครับ เราต้องเลือกว่าจะยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือจะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่
แค่นี้แหละครับ อาย (เกาหัว)
ถิงถิง : ขอบคุณมากนะครับ ^^
๑๘ - เมื่อผมตัดสินใจ 'นัดยิ้ม' กับคนแปลกหน้า และทำสิ่งที่เขาเรียกกันว่า 'งดถุง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กระทู้นี้มาพร้อมกับเรื่องราวจากผู้สัมภาษณ์ในโครงการคนหนึ่งที่มีเรื่องราวการ 'นัดยิ้ม' เกิดขึ้น
นัดยิ้มคืออะไร ?
ทำไมต้องนัดกันไปยิ้ม
....ติดต่อตามได้ในกระทู้เลยนะครับ
ขอบคุณครับ
ถิงถิงคนเดิม
เพิ่มเติมห้าสิบ.
๑๐/๐๗/๒๕๕๘.
ปล.
๑ . กระทู้นี้ไม่มีเนื้อหา ๑๘+ นะครับ ไปหาจากกระทู้อื่นเลยจ้า
๒ . ขออนุญาตบุคคลในกระทู้และทุกท่านที่เกี่ยวข้องแล้วครับ
๓ . คอมเม้นท์กันแบบสร้างสรรค์นะครับ หรือไม่ก็ถือว่าอ่านกันเอามันส์แล้วกันเนาะ
ขอบคุณอีกครั้งครับ.
ตอนเก่าๆที่เคยเขียนไว้...
15 ปีในลอนดอน เรื่องเล่าจากชีวิตของ'ว่าที่เจ้าสาว'คนหนึ่งที่เมื่อก่อนนั้น...เคยใช้คำนำหน้าว่า 'นาย'
http://ppantip.com/topic/33820481
ผมชื่อป่านครับ เป็นเด็กกรุงฯแต่กำเนิด เป็นลูกคนกลางของครอบครัวๆหนึ่ง ฐานะก็เรียกได้ว่าดีมั้งครับ คือแบบ ไม่อดไม่อยากนะครับแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดขับรถสปอร์ตหรูหรืออะไรแบบนั้น จริงๆเรื่องที่จะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประมาณสองปีที่แล้วได้มั้งครับ แต่ขอย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นก่อนนะครับ
ด้วยความที่บ้านผมไกลจากโรงเรียนมาก(เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง) สุดท้ายเลยได้เช่าหออยู่ตั้งแต่สมัยม.4 ตอนแรกๆเป็นอะไรที่สนุกมากๆครับ เรียกว่าเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่กลับบ้านเลย เอาแต่อยู่หอ หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเตร่ เป็นชีวิตที่มีความสุขเท่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะมีได้ครับ สูบบุหรี่ กินเหล้า พาหญิงมาห้อง เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าสูตรสำเร็จแบบคนทั่วไปนั้นแหละครับที่พอห่างจากสายตาพ่อแม่แล้วก็แอบบิดเบียวในใจไปหน่อย
จุดเริ่มต้นของผมเริ่มจากคบคนหนึ่งๆแล้วผมโดนหลอกครับ เขาเป็นหมวยหญิงที่เรียกว่าขาวสวยหมวกเอ็กซ์นั้นแหละ ตัวเล็กๆ เอาใจเก่ง และ...เก่งมา(หัวเราะ) ผมเลยหลงมากครับ คบกันไปได้จนผมอยู่ระดับชั้นม.หก เทอมแรกถึงได้รู้ว่า ผมโดนหลอกครับ ผมมาที่หลังและเธอแค่อยากได้ของขวัญหรือสิ่งของจากผมเท่านั้น(หัวเราะเห็นฟัน) ตอนนั้นวูบวาบๆครับ เฮิร์ตหนักมาก เอาแต่กินเหล้า หลังจากนั้นมาเลยเริ่มพาลกลัวผู้หญิงหลายๆคนและเริ่มหันไปชอบ 'ผู้ชายแทน'
.....เรื่องราวแรกเริ่มของผมประมาณนี้ครับ
ถิงถิง : เลยหันไปชอบผู้ชาย ?
เห้ย ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือผมกลัวผู้หญิงนะ แต่ตอนแรกเริ่มคือเราไม่ได้มองผู้ชายเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย ประมาณว่าแค่ใกล้กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเท่านั้นเองครับ และจากตอนนั้นก็เริ่มมองผู้ชายน่ารัก(หัวเราะเห็นฟัน)อะไรแบบนั้น ตอนแรกคือเครียดมากจนบางครั้งอยากฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาด รู้สึกผิดกับพ่อกับแม่ รู้สึกผิดกับคนที่รักเราว่าทำไมเราถึงไม่แมนเหมือนคนอื่น ทำไมเราถึงไปชอบ...นั้นแหละครับ แรกๆผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ถิงถิง : เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ เหตุการณ์แรกเริ่ม ?
อื้ม เท่าที่จำได้ พอเริ่มขึ้นมหาวิทยาลัยผมก็เริ่มยอมปรับสภาพตัวเองได้ ปรับตัวได้เรื่อยๆ เหมือนกับสังคมมันกว้างและหลายๆคนก็เป็นกันมั้งนะครับ ต่างสมัยเรียนม.ปลายที่เป็นโรงเรียนชายล้วน และเพื่อนในกลุ่มแต่ล่ะตัวก็...นั้นแหละครับ พอเริ่มปรับตัวได้ก็มีคนมาจึบ แรกๆเราก็รักษาท่าที่ว่าเรายังแมนนั้นแหละครับ แต่ด้วยความที่เขาน่ารัก เพื่อนก็เชียร์
สุดท้ายก็ อื้ม...คบก็คบว่ะ
สรุปแล้วเขาจีบเราประมาณ ๕ เดือน เราถึงได้ยอมคบกับเขา
แรกๆที่คบกันมันหวานๆจั๊กจี้ๆหัวใจชอบกลครับ เหมือนมีมดมาเดิน ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง อาจจะเพราะหน้าตาเขาน่ารักด้วยล่ะมั้งครับ (ผมออกตัวก่อนนะ ผมหน้าแบบธรรมดาๆนะครับแค่หน้ามันเนียนๆล่ะมั้งครับ ประมาณนั้น) แต่พอคบกันไปกันมาสักพักมันก็เหมือนคู่ชายหญิงครับ เริ่มมีความไม่เข้าใจ เริ่มมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากง้อ คือผมเป็นคนง้อไม่ค่อยเก่ง ชอบอะไรตรงๆ เพราะงั้นผมเลยไม่ถนัดอะไรแบบนี้นะครับ สุดท้ายคบกันได้ปีกว่าๆเขาก็ขอเลิกไป ตอนนั้นเรากำลังขึ้นปีสองพอดีครับ
ถิงถิง : แล้วอะไรเป็นสาเหตุแรกเริ่มของการนัดยิ้มครับ ?
....อธิบายเพื่อคนที่ไม่รู้ก่อนนะครับ
นัดยิ้ม หมายถึง การนัดกันของคนทางอินเตอร์เนทเพื่อไปฟิจเจอริ่งกันหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า 'นัดเย็บ'
ก็ตามชื่อเลยครับ นัดเจอกัน แล้วก็ พั่บ พั่บ พั่บ
สาเหตุของผมเริ่มจากหลังจากเลิกจากเขานะครับ มันเริ่มจากความเหงา และ....ทวิตเตอร์
ไม่อยากจะบอกว่าสิ่งยั่วตายั่วใจมันเยอะมากจริงๆครับในทวิต ผมเล่นไปเล่นมาโดยไม่ลงรูปหน้าตัวเองนะครับ ลงแค่พวกรูปหมีรูปอะไรพวกนั้น อาศัยแค่คอยติดตามแอคเค้าท์อื่นแล้วรีทวิตเอา ไปๆมาๆคนฟลอเราประมาณร้อยสองร้อยเท่านั้นเองครับ แล้วก็มีแอคเค้าท์หนึ่งทักผมมา แรกๆก็ไม่กล้าคุยครับ กลัว (หัวเราะ) คือกลัวแบบที่คนอื่นๆกลัวกันนันแหละครับ แต่แรกๆเขาคุยกับเราดีนะครับเราเลยคุยต่อไปได้ พอสนิทกันได้สักพักใหญ่ๆเขาก็ส่งรูปให้เราดูครับ เราก็เฮ้ยยยยยย
'หล่อว่ะ'
คือไม่อยากจะยอมรับ แต่ในความคิดเรามันปิ๊งแบบนั้นขึ้นมาจริงๆครับ สุดท้ายเลยตัดสินใจส่งรูปตัวเองไปให้เขาดู
และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ 'นัดพบ' ผมครับ....
ถิงถิง : แล้วไปตามนัดไหมครับ ?
.......ไปครับ
ถิงถิง : หลังจากนั้น ?
พี่เขาสุภาพ เรียบร้อย ใจดี พาเราไปดูหนังกินข้าวครับ วันนั้นทั้งวันอยู่กับเขา เป็นครั้งแรกที่มีคนดูแลเราดีขนาดนี้(ปกติผมจะดูแลคนอื่นนะครับ เพิ่งเคยถูก 'กระทำ')
......และก็ชวนเราไปห้อง
ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้นะว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้ครับ จำได้ดีมากด้วย
....เพราะมันเป็นครั้งแรกของผมกับ 'ผู้ชาย' ด้วยกัน (แฟนคนแรกเคยแต่ล่ะอะไรภายนอกครับ จูบ กับ ....ช่วยกันครับ)
มันไม่มีความสุขเลยครับ ทรมานมาก ผมปวดและเจ็บไปหมดเลย มันไม่เหลือคำว่าความสุขให้เราตราตรึ่งเลย
ผมรู้สึกแย่ แย่ที่เป็นคนง่ายๆ ยอมอะไรแบบนี้โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาครับ
เรื่องราวต่อจากนั้นเหรอครับ ? เขาพาผมมาส่งที่บ้านครับ
....และหลังจากนั้น ทั้งเฟส ไลน์ ทวิต และเบอร์ .....เขาบล็อกผมหมดนะครับ (ยิ้ม.....)
เขาหายไปจากชีวิตเลยครับ
หายไปแบบเหมือนสองสามเดือนที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไรเลย
มากไปกว่านั้นผมรู้สึกแย่
แย่ที่ครั้งแรกของผมเสียไปกับอะไรแบบนี้....
มันจิตตกไปหมด มันกลัวผลออกมาเป็นบวก กลัวว่าตัวเองจะติดโรคร้าย ยิ่งเครียดยิ่งปวดหัวปวดท้อง ร่างกายก็กำเริบครับ ผมอ้วกบ่อยมาก และหลายๆครั้งมีผืนขึ้นตามเนื้อตามตัวผมยิ่งรู้สึกกลัว กลัวมากว่าตัวเองจะเป็นอะไร กลัวจะเกิดอะไรที่มันไม่ดีกับร่างกายขึ้น
ถิงถิง : พอเข้าใจความรู้สึกนะครับ และตอนนั้นได้ป้องกันไหมครับ ?
ไม่ได้ป้องกันครับ ....
ถิงถิง : ขออนุญาตนะครับ....ได้ไปตรวจเลือดไหมครับ ?
อันนี้ตั้งใจตอบมากครับ
ไปครับ ผมไปที่คลินิคนิรนาม หลักจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้วประมาณสามเดือนกว่าๆ ก็ไปตั้งแต่หัววันเลยครับ แถวราชดำริ ไปถึงก็กรอกบัตรตรวจฟรีครับ ยื่นบัตร ปชช.เอา ได้ใบสีเขียวๆรักสุขภาพมาหนึ่งใบพร้อมเอกสารให้เรากรอกนั้นแหละครับ ตอนนั้งรอใจลุ้นระทึกมาก มีคนมาตรวจเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่ก็มีหน้าตาดีๆบ้างๆ ปานกลางบ้าง แล้วก็หลากหลายวัยมากครับ เจอน้องผู้ชายชุดนักเรียนคนหนึ่งนั้งเล่นไลน์ไปรอไป คือจำได้เพราะมันชิลมากกว่าคนอื่นจริงๆ เขาหน้าเครียดกันมันนั้งยิ้ม แต่พอหลังออกจากห้องตรวจก็ไม่เจอมันครับ
ใช้เวลารวมเกือบทั้งวันครับ เจาะเลือดแล้วต้องนั้งรอผล ใจไม่เป็นสุขเลย ด้วยความที่เขานัดคนอื่นบ่อยมาก เราก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะพาโรคมาให้เราไหม เราจะพลาดเป็นอะไรไปไหม ย้อนกลับไปถึงวันแรกๆที่เกิดเรื่อง วันที่เรายอมเขา วันที่เราเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบที่โดนกรอกหูด้วยคำง่ายๆแล้วก็ยอมเขาง่ายๆ ตอนนั้นมันร้องเลยจริงๆ หูตามันอื้อไปหมดครับ มันเจ็บใจตัวเอง
ถ้าย้อนกลับไปได้ผมคงเลือกจะไม่ยอมเขาให้ตัวเองมานั้งทุกข์ตรงนี้แต่แรก
แต่มันเลือกไม่ได้แล้วครับเรื่องมันเกิดไปแล้ว
สิ่งที่ผมทำได้คือเตรียมใจยอมรับความจริงทุกอย่าง
....หากมันจะเกิดขึ้นมาจริงๆ
จนแล้วจนรอดในที่สุดผลการตรวจก็ออกครับ....
ถิงถิง : ผลคือ....?
ลบครับ
วินาที่นั้นมันเหมือนโลกทั้งใบสว่างมาก ผมดีใจเหมือนคนบ้ามากครับ จำได้ว่าเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วกระโดดดีใจคนเดียวตรงนั้น มันเหมือนเราซื้อหวยแล้วถูกรางวัลใหญ่พร้อมแจ็คพอต ล้านล้านอ่ะครับ ผมบรรยายไม่ถูกหรอก แต่มันจุกจนถึงขนาดเรารู้สึกได้ว่าปวดแก้ม ฮ่าๆๆๆ เรายิ้มจนหน้าจะยึดอ่ะครับ หลังจากรู้ผล สิ่งแรกที่ทำคือลบแอพทวิตฯครับ อีเมล์ที่ใช้การล็อกอินเราตัดสินใจเอาออกครับ ไม่รู้สิ พลาดครั้งแรกไม่เป็นอะไรขึ้นมาอาจจะเพราะแค่ว่าฟ้ายังเมตตา แต่ถ้ามีครั้งต่อๆมา
.....ผมอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้นอีกแล้วก็ได้ครับ
ตอนนั้นตะโกนลั่นในใจ โทร.หาแม่ เย็นนั้นคือกลับบ้านไปหาครอบครัว นั้งกินข้าวกัน เพิ่งรู้ว่าคนในบ้านสำคัญขนาดไหน เพิ่งรู้ว่าอาหารที่แม่ทำยังไงมันก็อร่อย เพิ่งรู้ว่าพ่อกอดแล้วอุ่นมากๆ หลังจากนั้นมาจำได้ว่าหันกลับมารักตัวเองมากขึ้น ไม่เอาใจไปผูกกับใครอีกแล้วครับ จะว่าไงดี ? เราเข็ดนั้นแหละ แต่เหมือนฟ้าชอบแกล้งเราครับ ชอบส่งคนมายั่วเสือหลับ (หัวเราะอีกครั้ง) ปัจจุบันนี้เรียนจบมาสองปีกว่าๆแล้วครับ ก็เรียกได้ว่าทำงานมาได้สักพักแล้วครับ พอรู้แนวทาง พอวางแผนอนาคต เจอคนดีๆก็เปิดโอกาสครับ
ถิงถิง : ขอโทษอีกครั้งนะครับ....หลังจากนั้นยังกล้ามีsexไหมครับ?
กล้าครับ...หลังจากตอนนั้นก็มีบ้างจนกระทั้งสุดที่แฟนคนปัจจุบัน
.....สำหรับผมนะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ครับ แต่เราต้องควบคุมมันนะ ไม่ให้ความอยากมีผลมากกว่าความถูกต้องหรือสิ่งที่ควรกระทำครับ ทุกวันนี้ตั้งแต่วันนั้นผมจะพกคอนดอมติดตัวตลอดๆครับ อย่างน้อยๆในกระเป๋าตังค์สักหนึ่งชิ้นครับ ป้องกันเหตุฉุกเฉินครับ แต่ถามว่ามีหลุดไหม ? มีนะครับ กับแฟนคนปัจจุบันพากันไปตรวจเลือดบ่อยๆทั้งสองคนครับ เช็คกันดู ผลัดกันดูแลกันและกัน ตอนนี้ก็พาเข้าบ้านแล้วครับ (ยิ้มแล้วมองหน้าแฟน)
ถิงถิง : อยากฝากอะไรถึงหลายๆคนที่อาจจะมีพฤติกรรมคล้ายๆกันหรือบุคคลที่ชอบนัดยิ้มไหมครับ ?
อันนี้จากใจนะครับ ผมดีใจจริงๆที่ตัวเองไม่เป็นโรคร้าย และผมอยากให้ทุกคุณปลอดภัยแบบผมนะ จะว่าผมโลกสวยก็ได้ เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครครับ แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ช่วยรักตัวเอง ดูแลตัวเองเถอะนะครับ ยิ่งสมัยนี้อะไรๆที่มันออกไปแล้วมันกู้กลับมายากนะครับ ในโลกของอินเตอร์เนท ที่เราแค่เซฟก็สามารถเก็บบันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้ได้แล้ว
.....เราจะแน่ใจได้ยังไงครับว่ามันจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายเรา ?
เชื่อผมนะ...ของที่มีค่า ยังไงก็มีคนอยากได้เสมอครับ
ถ้าเลิกได้เลิกนะครับ มันไม่ดีเลยจริงๆ
ก็ถ้าฝากไว้ได้ นอกจากเรื่องนี้ก็เรื่องความรักครับ มันเหมือนผีเสื้อจริงๆนะ ยิ่งเราอยากได้ อยากครอบครอง มันยิ่งห่างไกลเราออกไป กลับกัน พอเราอยู่นิ่งๆ เราไม่ต้องการ มันกลับเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาในชีวิตเรา เพราะงั้นก็ตามด้านบนเลยครับ เราต้องถามตัวเองว่าเราอยากได้อะไร
ผมอยากได้คนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
อยากได้ครอบครัวครับ
....ไม่ใช่คู่เซ็กส์
ผมไม่ได้ว่ากระทบใครนะ หรือกระทบไปก็ขอโทษนะครับ ที่จะบอกคือ ...ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะรักเขา ขอให้พยายามปรับกันทั้งคู่นะครับ รัก ยังไงมันก็คือรัก ทุกความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ล้วนมีการให้อภัยมากมายซ่อนอยู่ในนั้นครับ เราต้องเลือกว่าจะยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือจะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่
แค่นี้แหละครับ อาย (เกาหัว)
ถิงถิง : ขอบคุณมากนะครับ ^^