เมื่อเสาร์ที่ผ่านมากิ๊ฟมีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะเกร็ด ”คนเดียว” หลังจากที่รู้สึกว่าอยากไปพักเงียบๆ สบายๆ ชิลๆ แต่ก็ไม่อยากไปไหนไกลๆ เลยนึกถึงเกาะเกร็ด ซึ่งก็มีวัด มีตลาดให้เดินเล่นได้ด้วย ดังนั้นเช้าวันนั้นจึงได้แพคกระเป๋าใบเล็กๆ ที่ใส่ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเล็กน้อยกับชุดนิดหน่อยที่ใช้นอนกับใส่กลับ แน่นอนว่าต้องหอบกล้องไปด้วยแน่ๆ เดินชิล ถ่ายรูปเล่น สบายใจจะตาย ช่ะมะๆ ^^
ทริปวานนี้จึงสตาร์ทที่อนุสาวรีย์ จัดรถเมล์สาย 18 ไปลงสุดท้ายที่ท่าอิฐ แล้วค่อยแว้นต่อไปยังวัดแสงสิริธรรม ซึ่งเท่าที่รู้ประวัติวัดแสงคือเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่เริ่มตั้งสมัยรัตนโกสินทร์ และก็มีหลวงพ่อดำที่ถูกขโมยไป 3 ครั้ง แต่ก็ต้องมีเหตุให้โจรนำกลับมาคืนไว้ที่เดิมทุกครั้งที่ถูกขโมย หลายๆคนที่มาที่นี่จึงนิยมแวะไว้ขอพรหลวงพ่อดำที่นี่ แต่ว่ากิ๊ฟไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตั้งใจจะรีบข้ามไปฝั่งเกาะเกร็ด ด้วยความที่แดดร้อนมว้ากกกกกกกกนั่นเอง
ซึ่งเดินต่อตามทางเข้าไปด้านในจะเจอแพขายของกินนู่นนี่นั่น และท่าเรือที่จะข้ามฟากไป ยังเกาะเกร็ดนั่นเอง
เมื่อข้ามฟากมา สิ่งที่เจอก็ตามรูปค่ะ
วินฝั่งเกาะ
ดงดอกหญ้า
ทางเดินเข้าด้านในเกาะที่จะมีรถจอดอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือบ้าง บางทีก็มีพี่วินมอไซมารับ แต่ถ้าคิดจะรอบอกเลยว่านานค่าาาาา แนะนำให้เดินชิลๆ ไปดีกว่า ณ จุดนี้ >.<
หลังจากที่เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอที่พักที่เราจองได้จองไว้ “เกาะเกร็ดโฮมสเตย์” ทางเข้าจะมีหน้าตามในรูปค่ะ ต้องเดินๆๆๆ ต่อเข้าไปอีกหน่อย
ตรงใต้ถุนบ้านจะมีเปลญวนให้นอนตากลมเล่นสบายๆ ด้วยนะคะ
ซึ่งที่นี่จะมี 3 ส่วน ส่วนแรกที่เดินไปเห็นคือ บ้านพักหลังเล็กที่เราพักค่ะ
ห้องพักเราจากอีกมุมบันไดขึ้นห้องพักเรา
ซึ่งมองเวลาเดินขึ้นไปแล้วจะเห็น มีประตูสองฝั่ง ฝั่งซ้ายของรูปคือประตูห้องพักเราค่ะ ส่วนด้านในเป็นห้องน้ำค่ะ
หน้าห้องพัก
ห้องพักเราค่ะ เปิดมาเจอเป็นผ้าม่าน แล้วเปิดเข้าไปวางของด้านใน
มีตู้เย็นพร้อมน้ำอีกหลายขวดเลย แถมมีน้ำแข็งถาดให้เต็มเยยยยยยย
ห้องน้ำที่อยู่ถัดมาเป็นห้องไม่กว้างนัก ยังเป็นส้วมซึมแบบเก่า แต่สะอาดสะอ้านดีค่ะ
ส่วนที่สองคือบ้านหลังใหญ่ที่เค้าว่าได้เป็นสิบคนเลยทีเดียว แว่วมาว่าราคาเบาๆ 10 คนหารกันไม่เกิน 200 บาทแน่นอน ซึ่งวันนี้เราโชคดีมากที่คนที่จะมาพักบ้านใหญ่ยังไม่มา เราเลยขอคุณลุงไพทูรย์ กับแม่แต๋มเข้าบ้านใหญ่ไปเก็บรูปมาให้ดูกันค่ะ
อุคริอุคริ แอบขึ้นมาส่องบ้านใหญ่ ขอคอนเฟิมว่าห้องใหญ่จริงๆ ค่ะ ตามที่จะเห็นในรูปนะคะว่ามีที่นอนเยอะมว้ากกกกกกกกกกก มากมายมหาศาล
สามารถรองรับได้ 10 คน บวกๆ เลย แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่จะตกลงกับเจ้าบ้านนะคร้า แต่ว่ากิ๊ฟไม่ได้สแนปภาพโซนอื่นๆ ในบ้านใหญ่มาให้น๊า เกรงใจเค้าค่ะ ((ฮ๊ะๆ นี่เกรงใจแล้ว สแนปมาเกินครึ่งบ้านใหญ่ขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ))
————————————————————————
หลังจากเข้าที่พักไปเก็บของแล้ว ก็เดินด๊อกแด๊กๆ ไปเรื่อยจนได้มอไซเรียกไปเริ่มต้นที่วัดเสาธงทอง และจากวัดนี้กิฟก็ได้เดินไปเรื่อยๆ จนถึงวัดฉิมพลีสุทธาราม
ระหว่างทางก็มีแต่ ขนมๆๆๆๆๆ ของกินๆๆๆๆๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของ จขกท อย่างมากถึงมว้ากกกกกกกกกกกที่สูดดดดดดดดดดดดดดดดด
ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ จขกท ได้ไปเที่ยวนั้น ก็ได้เข้าร่วมในงานบุญของวัดปรมัยยิกาวาสด้วยค่ะ
เค้ามีจัดงานรักษาศีล 5 กัน จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆๆ ซึ่งดูจากรูปกันได้เลย ว่ามีอะไรบ้าง
จขกท เดินมาเรื่อยๆ เจอร้าน Coffee Country เห็นว่าจัดร้านน่ารักดี (เข้าจริต จขกท นั่นเอง ฮ่ะๆ)
ขนมถ้วย ขนมสุดโปรดของ จขกท ถาดนี้ 20 บาทเองคร้า หวานมันอร่อยจริงๆ
ด้านล่างนี่เป็นสภาพหลังสวาปามเรียบร้อยแล้ว คนเดียว!!!!
จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ เจอ 2 ร้านนี้สีสันสวยดี เลยสแนปรูปมานิสนุงจ้ะ อิอิ
เดินจนถึงวัดไผ่ล้อม วัดที่สอง วัดนี้ก็เป็นอีกวัดที่มีตลาดอยู่ด้านหน้า
ขนมหม้อแกงหม้อดิน ลาซานญ่าหม้อดิน ผักโขมอบชีสหม้อดิน จขกท ว่าแปลกดีค่ะ จากนั้นก็เดินต่อมาเจอร้านอาหารอยู่เรื่อยๆ
ละนี่ก็ผ่านมาวัดฉิมพลีสุทธาวาส แต่ว่าวัดนี้เราไม่ได้เข้าไปนะคะ ผ่านมาแล้วผ่านไป ยืนไหว้จากด้านนอกเอาค่า
ต่อมานี้เป็นโซนหมู่บ้านอาหารไทย-มอญ จะบอกว่าโซนนี้เป็นโซนชุมชนที่มีร้านขนมเยอะพอสมควรเลยค่ะ สวรรค์แท้ ฮี่ๆๆๆๆๆ
ถ้า จะสังเกตดีๆ คือเดินๆมาก็เจอร้านขนมอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าบางมุมที่แดดแรงจริงๆ จขกท ก็รีบลี้ให้ไวเช่นกัน คือจะบอกว่าร้อนมว้ากกกกกกก ใครอยากไปแนะนำพกหมวก ร่ม ครีมกันแดดไปบ้างก็ดีค่ะ
และต่อไปนี้ก็พาร์ทสุดท้ายที่ จขกท เดินมาเจอ คือเตาครก ซึ่งมีป้ายประวัติอยู่ แต่แสงออกจะเขียวๆหน่อยนะคะ เนื่องจากหลังคาเค้าใช้เป็นเหมือนแผ่นสีเขียวๆ โปร่งแสงค่ะ (เรียกไม่ถูก แหะๆ)
พอเดินเลยย่านเตาครกนี้แล้วก็พบว่าไม่มีอะไรแล้ว ประกอบกับเมื่อยร่าง และร้อนมาก จขกท เลยเดินไปหาพี่วินมอไซ โบกมือหยอยๆ เรียกพา จขกท ไปส่ง ที่เกาะเกร็ดโฮมสเตย์หน่อย
จริงๆ บนเกาะเกร็ดเค้ามีจักรยานให้เช่าปั่นทั่วเกาะนะคะ ในเรทราคาเฉลี่ยอยู่ 40 บาท ได้ทั้งวัน แต่ต้องนำมาคืนที่ร้าน เพราะเค้าจะยึดบัตรประชาชนเราไว้เป็นตัวประกัน แต่ถ้าเรามาค้างคืนบนเกาะเกร็ด กับบางร้านเราก็ขอเจรจากับเค้าได้ค่ะว่าขอจอดไว้ที่บ้านพักนะไรงี้
แต่ในเคสของ จขกท ไม่ได้เช่าจักรยานค่ะ เนื่องจากเดินมาจนวนเกือบครบ และร่างแหลกแล้ว เลยจรลีกลับที่พักก่อน
เอาจริงๆ ทั้งวัน จขกท ควักค่าเสียหายกับเรื่องกินไปประมาณ 155 บาท
(เป็นค่าขนมถ้วยกับนมสดเย็น 65 บาท
ค่าก๋วยเตี๋ยวกับน้ำเปล่าอีก 40 บาท
ค่าเมี่ยงคำ 1 ชุด ที่แอบซื้อกินอีก 50 บาท หิวจัด ไม่สนใจ กินก่อน ลืมถ่ายรูป)
และอีก 50 บาทเป็นค่ารถขามาจากบ้านพัก และกลับบ้านพักค่ะ
อยากจะบอกว่า ใครมีเวลาว่างๆ ไม่อยากเสียเงิน เสียเวลาเดินทางออก ตจว ไกลๆ
ลองมาเที่ยวบนเกาะเกร็ดดูนะคะ
เดินทางสะดวกและราคาไม่แพงด้วยค่ะ
ขอส่งท้ายด้วยภาพที่อาจจะต้องมองดีๆ สักนิดนะคะ หิ่งห้อยค่ะ
คือตอนดึกๆ ตรงด้านข้างบ้านพักเราจะมีหิ่งห้อยบินเยอะพอสมควร แต่ว่าด้วยความที่ฟ้าไม่ได้มืดสนิท ทำให้ต้องปรับแสงกล้องเยอะหน่อย
แต่ลองมองดูดีๆ จะเห็นจุดไปเหลืองๆ ยิบๆ อยู่ทั่วต้นเลยค่ะ
^_________________^
หวังว่ารีวิวนี้จะทำให้ใครหลายคน สนใจจะเดินทางไปเที่ยวชิลๆ บนเกาะเกร็ดดูนะคะ
บรัยส์!!!!!!!!!!
ปล. ขออภัยนะคะ รูปอาจมืดบ้าง สว่างบ้าง ถ่ายรูปไม่เก่งค่ะ แหะๆ
กลิ้งกลมกิ๊ก กับกิ๊ฟ ณ เกาะเกร็ด
ทริปวานนี้จึงสตาร์ทที่อนุสาวรีย์ จัดรถเมล์สาย 18 ไปลงสุดท้ายที่ท่าอิฐ แล้วค่อยแว้นต่อไปยังวัดแสงสิริธรรม ซึ่งเท่าที่รู้ประวัติวัดแสงคือเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่เริ่มตั้งสมัยรัตนโกสินทร์ และก็มีหลวงพ่อดำที่ถูกขโมยไป 3 ครั้ง แต่ก็ต้องมีเหตุให้โจรนำกลับมาคืนไว้ที่เดิมทุกครั้งที่ถูกขโมย หลายๆคนที่มาที่นี่จึงนิยมแวะไว้ขอพรหลวงพ่อดำที่นี่ แต่ว่ากิ๊ฟไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตั้งใจจะรีบข้ามไปฝั่งเกาะเกร็ด ด้วยความที่แดดร้อนมว้ากกกกกกกกนั่นเอง
ซึ่งเดินต่อตามทางเข้าไปด้านในจะเจอแพขายของกินนู่นนี่นั่น และท่าเรือที่จะข้ามฟากไป ยังเกาะเกร็ดนั่นเอง
เมื่อข้ามฟากมา สิ่งที่เจอก็ตามรูปค่ะ
วินฝั่งเกาะ
ดงดอกหญ้า
ทางเดินเข้าด้านในเกาะที่จะมีรถจอดอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือบ้าง บางทีก็มีพี่วินมอไซมารับ แต่ถ้าคิดจะรอบอกเลยว่านานค่าาาาา แนะนำให้เดินชิลๆ ไปดีกว่า ณ จุดนี้ >.<
หลังจากที่เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอที่พักที่เราจองได้จองไว้ “เกาะเกร็ดโฮมสเตย์” ทางเข้าจะมีหน้าตามในรูปค่ะ ต้องเดินๆๆๆ ต่อเข้าไปอีกหน่อย
ตรงใต้ถุนบ้านจะมีเปลญวนให้นอนตากลมเล่นสบายๆ ด้วยนะคะ
ซึ่งที่นี่จะมี 3 ส่วน ส่วนแรกที่เดินไปเห็นคือ บ้านพักหลังเล็กที่เราพักค่ะ
ห้องพักเราจากอีกมุมบันไดขึ้นห้องพักเรา
ซึ่งมองเวลาเดินขึ้นไปแล้วจะเห็น มีประตูสองฝั่ง ฝั่งซ้ายของรูปคือประตูห้องพักเราค่ะ ส่วนด้านในเป็นห้องน้ำค่ะ
หน้าห้องพัก
ห้องพักเราค่ะ เปิดมาเจอเป็นผ้าม่าน แล้วเปิดเข้าไปวางของด้านใน
มีตู้เย็นพร้อมน้ำอีกหลายขวดเลย แถมมีน้ำแข็งถาดให้เต็มเยยยยยยย
ห้องน้ำที่อยู่ถัดมาเป็นห้องไม่กว้างนัก ยังเป็นส้วมซึมแบบเก่า แต่สะอาดสะอ้านดีค่ะ
ส่วนที่สองคือบ้านหลังใหญ่ที่เค้าว่าได้เป็นสิบคนเลยทีเดียว แว่วมาว่าราคาเบาๆ 10 คนหารกันไม่เกิน 200 บาทแน่นอน ซึ่งวันนี้เราโชคดีมากที่คนที่จะมาพักบ้านใหญ่ยังไม่มา เราเลยขอคุณลุงไพทูรย์ กับแม่แต๋มเข้าบ้านใหญ่ไปเก็บรูปมาให้ดูกันค่ะ
อุคริอุคริ แอบขึ้นมาส่องบ้านใหญ่ ขอคอนเฟิมว่าห้องใหญ่จริงๆ ค่ะ ตามที่จะเห็นในรูปนะคะว่ามีที่นอนเยอะมว้ากกกกกกกกกกก มากมายมหาศาล
สามารถรองรับได้ 10 คน บวกๆ เลย แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่จะตกลงกับเจ้าบ้านนะคร้า แต่ว่ากิ๊ฟไม่ได้สแนปภาพโซนอื่นๆ ในบ้านใหญ่มาให้น๊า เกรงใจเค้าค่ะ ((ฮ๊ะๆ นี่เกรงใจแล้ว สแนปมาเกินครึ่งบ้านใหญ่ขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ))
————————————————————————
หลังจากเข้าที่พักไปเก็บของแล้ว ก็เดินด๊อกแด๊กๆ ไปเรื่อยจนได้มอไซเรียกไปเริ่มต้นที่วัดเสาธงทอง และจากวัดนี้กิฟก็ได้เดินไปเรื่อยๆ จนถึงวัดฉิมพลีสุทธาราม
ระหว่างทางก็มีแต่ ขนมๆๆๆๆๆ ของกินๆๆๆๆๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของ จขกท อย่างมากถึงมว้ากกกกกกกกกกกที่สูดดดดดดดดดดดดดดดดด
ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ จขกท ได้ไปเที่ยวนั้น ก็ได้เข้าร่วมในงานบุญของวัดปรมัยยิกาวาสด้วยค่ะ
เค้ามีจัดงานรักษาศีล 5 กัน จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆๆ ซึ่งดูจากรูปกันได้เลย ว่ามีอะไรบ้าง
จขกท เดินมาเรื่อยๆ เจอร้าน Coffee Country เห็นว่าจัดร้านน่ารักดี (เข้าจริต จขกท นั่นเอง ฮ่ะๆ)
ขนมถ้วย ขนมสุดโปรดของ จขกท ถาดนี้ 20 บาทเองคร้า หวานมันอร่อยจริงๆ
ด้านล่างนี่เป็นสภาพหลังสวาปามเรียบร้อยแล้ว คนเดียว!!!!
จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ เจอ 2 ร้านนี้สีสันสวยดี เลยสแนปรูปมานิสนุงจ้ะ อิอิ
เดินจนถึงวัดไผ่ล้อม วัดที่สอง วัดนี้ก็เป็นอีกวัดที่มีตลาดอยู่ด้านหน้า
ขนมหม้อแกงหม้อดิน ลาซานญ่าหม้อดิน ผักโขมอบชีสหม้อดิน จขกท ว่าแปลกดีค่ะ จากนั้นก็เดินต่อมาเจอร้านอาหารอยู่เรื่อยๆ
ละนี่ก็ผ่านมาวัดฉิมพลีสุทธาวาส แต่ว่าวัดนี้เราไม่ได้เข้าไปนะคะ ผ่านมาแล้วผ่านไป ยืนไหว้จากด้านนอกเอาค่า
ต่อมานี้เป็นโซนหมู่บ้านอาหารไทย-มอญ จะบอกว่าโซนนี้เป็นโซนชุมชนที่มีร้านขนมเยอะพอสมควรเลยค่ะ สวรรค์แท้ ฮี่ๆๆๆๆๆ
ถ้า จะสังเกตดีๆ คือเดินๆมาก็เจอร้านขนมอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าบางมุมที่แดดแรงจริงๆ จขกท ก็รีบลี้ให้ไวเช่นกัน คือจะบอกว่าร้อนมว้ากกกกกกก ใครอยากไปแนะนำพกหมวก ร่ม ครีมกันแดดไปบ้างก็ดีค่ะ
และต่อไปนี้ก็พาร์ทสุดท้ายที่ จขกท เดินมาเจอ คือเตาครก ซึ่งมีป้ายประวัติอยู่ แต่แสงออกจะเขียวๆหน่อยนะคะ เนื่องจากหลังคาเค้าใช้เป็นเหมือนแผ่นสีเขียวๆ โปร่งแสงค่ะ (เรียกไม่ถูก แหะๆ)
พอเดินเลยย่านเตาครกนี้แล้วก็พบว่าไม่มีอะไรแล้ว ประกอบกับเมื่อยร่าง และร้อนมาก จขกท เลยเดินไปหาพี่วินมอไซ โบกมือหยอยๆ เรียกพา จขกท ไปส่ง ที่เกาะเกร็ดโฮมสเตย์หน่อย
จริงๆ บนเกาะเกร็ดเค้ามีจักรยานให้เช่าปั่นทั่วเกาะนะคะ ในเรทราคาเฉลี่ยอยู่ 40 บาท ได้ทั้งวัน แต่ต้องนำมาคืนที่ร้าน เพราะเค้าจะยึดบัตรประชาชนเราไว้เป็นตัวประกัน แต่ถ้าเรามาค้างคืนบนเกาะเกร็ด กับบางร้านเราก็ขอเจรจากับเค้าได้ค่ะว่าขอจอดไว้ที่บ้านพักนะไรงี้
แต่ในเคสของ จขกท ไม่ได้เช่าจักรยานค่ะ เนื่องจากเดินมาจนวนเกือบครบ และร่างแหลกแล้ว เลยจรลีกลับที่พักก่อน
เอาจริงๆ ทั้งวัน จขกท ควักค่าเสียหายกับเรื่องกินไปประมาณ 155 บาท
(เป็นค่าขนมถ้วยกับนมสดเย็น 65 บาท
ค่าก๋วยเตี๋ยวกับน้ำเปล่าอีก 40 บาท
ค่าเมี่ยงคำ 1 ชุด ที่แอบซื้อกินอีก 50 บาท หิวจัด ไม่สนใจ กินก่อน ลืมถ่ายรูป)
และอีก 50 บาทเป็นค่ารถขามาจากบ้านพัก และกลับบ้านพักค่ะ
อยากจะบอกว่า ใครมีเวลาว่างๆ ไม่อยากเสียเงิน เสียเวลาเดินทางออก ตจว ไกลๆ
ลองมาเที่ยวบนเกาะเกร็ดดูนะคะ
เดินทางสะดวกและราคาไม่แพงด้วยค่ะ
ขอส่งท้ายด้วยภาพที่อาจจะต้องมองดีๆ สักนิดนะคะ หิ่งห้อยค่ะ
คือตอนดึกๆ ตรงด้านข้างบ้านพักเราจะมีหิ่งห้อยบินเยอะพอสมควร แต่ว่าด้วยความที่ฟ้าไม่ได้มืดสนิท ทำให้ต้องปรับแสงกล้องเยอะหน่อย
แต่ลองมองดูดีๆ จะเห็นจุดไปเหลืองๆ ยิบๆ อยู่ทั่วต้นเลยค่ะ
^_________________^
หวังว่ารีวิวนี้จะทำให้ใครหลายคน สนใจจะเดินทางไปเที่ยวชิลๆ บนเกาะเกร็ดดูนะคะ
บรัยส์!!!!!!!!!!
ปล. ขออภัยนะคะ รูปอาจมืดบ้าง สว่างบ้าง ถ่ายรูปไม่เก่งค่ะ แหะๆ