"18 ฝ่ามือพิชิตมังกร" ของ "เฉียวฟงกับก้วยเจ๋ง" ต่างกันอย่างไรบ้าง ?

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ประวัติฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่าและการใช้ของยอดวีรบุรุษเฉียวฟงและก๊วยเจ๋ง !!

ฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่า นับเป็นวิชาสุดยอดวิชาฝ่ามือแกร่งก้าวที่สุดในแดนดิน แต่ละท่านั้นมีที่มาจากตำราแผ่นภาพอี้จิง ซึ่งเป็นตำราเสี่ยงทายของจีนโบราณ ยอดวิชานี้แม้เพียงแค่สิบแปดท่า แต่เพียงเรียนรู้ได้ท่าเดียวก็มีอานุภาพร้ายกาจยิ่ง หากเรียนรู้ครบสิบแปดกระบวนท่าร่ายรำต่อเนื่องตามติดจะปราศจากช่องว่างจุดอ่อน

วิชานี้ในนิยายไม่ได้ระบุชัดว่าผู้ใดคิดค้นขึ้น แต่ได้ระบุถึงอวงเกี่ยมทงประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ 2 ถ่ายทอดให้แก่ศิษย์นามเฉียวฟงประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ 3 ในการแก้ไขนิยายของกิมย้งครั้งที่ 3 ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่าวิชาฝ่ามือนี้มีถึงยี่สิบแปดท่า แต่เฉียวฟงได้ดัดแปลงเหลือเพียงสิบแปดท่า ปรับปรุงให้เรียบง่ายมากขึ้นแต่ร้ายกาจกว่าเดิม !!

วิชาฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่ามีกระบวนท่าต่าง ๆ อาทิ "มังกรผยองได้สำนึก" อันเป็นท่าพื้นฐาน ท่านี้การใช้ต้องงอเท้าซ้ายเล็กน้อย มือขวาพับเข้าหาตัว กรีดวาดเป็นวงกลมจากนั้นผลักดันออก หากสัมผัสถูกกายคู่ต่อสู้เพิ่มพลังฝ่ามืออย่างฉับพลัน นับว่ามีอานุภาพแกร่งกร้าวดุดันที่สุดในสิบแปดท่า เคล็ดสำคัญของกระบวนท่านี้มิใช่อยูที่คำว่า "ผยอง" ซึ่งหมายถึงความแกร่งกร้าว แต่อยู่ที่คำว่า "สำนึก" กล่าวคือสามารถรั้งเข้าปล่อยกระบวนท่าออกได้ตามใจปรารถนา กระบวนท่านี้หากเพียงแค่มีกำลังอันแกร่งกร้าวก็เป็นเพียงวิชาฝ่ามือทั่วไป ซึ่งต่อให้พละกำลังผู้ใช้มากเพียงใดต้องมีวันถูกใช้หมดสิ้น ศัตรูจะฉวยโอกาสจู่โจมได้ แต่เนื่องจากท่านี้สามารถหยุดรั้งเก็บพลังแต่กลางคันได้ จึงนับว่ามีความลึกล้ำอย่างยิ่ง ท่านี้ตรงกับแผ่นภาพอี้จิงที่ระบุว่า "มังกรผยองได้สำนึก เอ่อล้นพ้นไม่ยืนยาว"

กระบวนท่า "มังกรเหินท่องเวหน" มาจากแผ่นภาพอี้จิงที่ระบุว่า "มังกรเหินท่องเวหน ประสบพานพบผู้มีบุญ" กระบวนท่านี้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ จู่โจมลงเบื้องล่างอานุภาพไพศาล กระบวนท่า "มังกรสะบัดหาง" กระบวนท่านี้หากศัตรูจู่โจมจากด้านหลัง เราฟาดฝ่ามือพาดขวางกลับหลัง มีอานุภาพร้ายกาจคุกคามศัตรูต้องถอยไป นับเป็นไม้ตายช่วยชีวิตในสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร ตรงกับแผ่นภาพตำราอี้จิงว่า "ลี่หางเสือ" เปรียบเปรยว่าเท้าเราเหยียบใส่หางเสือ ซึ่งเสือร้ายย่อมหันหัวมาแว้งกัด อานุภาพย่อมร้ายกาจเป็นที่สุด แต่ผู้บัญญัติเห็นว่าคำในตำราอี้จิงสละสลวยเกินไปจึงตั้งชื่อใหม่ว่า "มังกรสะบัดหาง"

ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (พ.ศ. 1503 -1669) ประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ 3 เฉียวฟงได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดฝีมือและเป็นยอดบุรุษผู้มีคุณธรรม เขาได้ใช้สิบแปดฝ่ามือสยบมังกรท่องทะยานทั่วแผ่นดิน นำพาศิษย์พรรคกระยาจกช่วยเหลืออาณาจักรซ่งขับไล่ศัตรูต่างชาติ แต่เมื่อวันหนึ่งเฉียวฟงทราบว่าตนเองมิใช่ชาวซ่ง แต่เป็นชาวซี่ตานแห่งอาณาจักรเหลียว เฉียวฟงจึงลาออกจากประมุขพรรคเปลี่ยนแซ่เป็นเซียวตามบิดาที่แท้จริง

ครั้งหนึ่งวัดเส้าหลินเกิดการชุมนุมชาวยุทธจักร เซียวฟงซึ่งเดินทางไปด้วยพลันพบว่า "อาจี่" น้องสาวของคนรักตนนามว่าอาจูซึ่งตายไปแล้ว ถูกติงชุนชิวเจ้าสำนักทะเลหมู่ดาวจับตัวไว้ซ้ำนางยังตาบอด เซียวฟงจึงได้สำแดงอานุภาพฝ่ามือสยบมังกรออกมาถึงขีดสุด !!

เซียวฟงมือซ้ายกรีดวาดเป็นวงกลม มือขวากระแทกออก นี่เป็นท่าที่แข็งกร้าวที่สุดในสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรนาม "มังกรผยองได้สำนึก" ตอนนั้นเซียวฟงอยู่หางจากติงชุนชิวสิบห้าสิบหกวา ติงชุนชิวเห็นว่าต่อให้ฝีมือเซียวฟงกล้าแข็งกว่านี้ก็มิอาจพุ่งพลังฝ่ามือได้เกินห้าหกวา มิคาดเซียวฟงขณะฟาดฝ่ามือออก ร่างก็รุกไล่เข้ามาอีกห้าวา สะบัดฝ่ามือออกอีกครั้ง พลังฝ่ามือแรกหนุนพลังฝ่ามือที่สอง ติงชุนชิวรู้สึกอึดอัดอกคล้ายถูกกำแพงโถมทับ เขาคาดว่าหากรับด้วยมือเดียวกระดูกมือต้องถูกกระแทกหักไป ไม่แน่ว่ากระดูกทั่วร่างจะแหลกสลายหมดสิ้น !!! จึงรีบโยนร่างอาจื่อขึ้นไป สองมือกรีดวาดเป็นครึ่งวงกลมคุ้มกันกาย รีบพลิ้วกายถอยไป

เซียวฟงรับตัวอาจื่อไว้ ขณะเดียวกันก็ฟาดฝ่ามืออกเป็นคำรบสาม พลังสองฝ่ามือแรกยังไม่สิ้นสุด พลังฝ่ามือที่สามก็บรรลุตามมาแล้ว ติงชุนชิวไม่กล้าปะทะโดยตรง มือขวาปาดเฉียง ปะทะริมฝ่ามือโดยตรงของเซียวฟง รู้สึกแขนขวาชา ลมปราณที่ทรวงอกอึดอัด รีบพุ่งถอยไปตามสภาวะ

จากนั้นเซียวฟงได้แสดงอานุภาพเอาชัยหยิวถานจือผู้สำเร็จวิชาเปลีย่นเส้นเอ็นและพลังหนอนไหมน้ำแข็ง ขณะที่เซียวฟงสู้กับหยิวถานจือ ทั้งสองปะทะกันหลายฝ่ามือ พลังไอเย็นของหยิวถานจือยิ่งมายิ่งลึกล้ำ เซียวฟงสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บ สร้างความอึดอัดขัดข้องอย่างยิ่ง เซียวฟงพลันสะบัดออกอีกหลายฝ่ามือ ฉวยโอกาสที่หยิวถานจือยกฝ่ามือต้านทาน กวาดเท้าเตะใส่ กระดูกเท้าทั้งสองของหยิวถานจือหักโดยพร้อมเพรียง หยิวถานจือแม้มีพลังภายในลึกล้ำ แต่เพลงหมัดเท้าธรรมดายิ่ง จึงพ่ายแพ้ไป

ต่อมาเซียวฟงเห็นว่าวิชาฝีมือตนทั้งไม้เท้าตีสุนัขและฝ่ามือสยบมังกรเป็นมรดกของพรรคกระยาจก ตนเองมิได้เป็นประมุขพรรคกระยาจกแล้ว จึงได้ถ่ายทอดสองยอดวิชานี้ต่อซีจุ๊น้องร่วมสาบานตนและสั่งให้ผู้เฒ่าของพรรคกระยาจกสรรหาบุคคลผู้หนึ่งมารับตำแหน่งประมุขพรรคและมารับการถ่ายทอดยอดวิชาจากซีจุ๊ ต่อมาหลังจากเฉียวฟงตาย ได้มีขอทานบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งมาขอรับการถ่ายทอดสองยอดวิชานี้

เวลาผ่านไปการถ่ายทอดยอดวิชาก็ถดถอยลงเป็นเหตุให้ฝ่ามือสยบมังกรหายไปครึ่งหนึ่ง ในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (พ.ศ. 1670 – พ.ศ. 1822) อาณาจักรซ่งเสียแผ่นดินทางเหนือให้พวกเผ่าหนี่เจินไปแล้ว ประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่สิบแปดอั้งชิกกงได้เรียนรู้ยอดวิชาฝ่ามือสยบมังกรเพียงครึ่งหนึ่งจากอาจารย์ ด้วยความเป็นอัจฉริยะเขาจึงคินค้นฝ่ามือที่เหลือเพิ่มเติมแต่ยังฝึกปรือไม่สำเร็จสุดยอด เขาได้รับฉายาว่า "ยาจกอุดร"

ระหว่างนั้นชาวยุทธจักรช่วงชิงสุดยอดวิชาคัมภีร์เก้าอิม (นพยม) เหล่ายอดฝีมือได้นัดประลองกันที่เขาหัวซาน อั้งชิกกงยังได้ประลองยุทธกับมารบูรพา พิษประจิม ราชันย์ทักษิณ เทพฤทธิ์ตรงกลาง ทั้งหมดประลองกันเจ็ดวันเจ็ดคืน สุดท้ายเทพฤทธิ์ตรงกลางเฮ้งเต้งเอี้ยงได้รับชัยชนะ ทุกคนต่างยอมรับท่านเป็นที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน แต่อีกสี่ยอดฝีมือล้วนให้คำชมเชยวิชาสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร

ภายหลังอั้งชิกกงมักทอดถอนใจ เขาเห็นว่าหากตนเองเพียรพยายามฝึกปรือวิชานี้ถึงที่สุดตำแหน่งยอดฝีมือแห่งแผ่นดินอาจเป็นของเขาแล้ว จากนั้นอั้งชิกกงได้สำเร็จยอดวิชานี้ ต่อมาอั้งชิกกงยังรับศิษย์นามก๊วยเจ๋งและสตรีนามอึ้งย้ง ก๊วยเจ๋งได้รับประสบการณ์พิศดารจำนวนมาก ฝึกปรือทั้งฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่า หลักการท่าเท้าดาวเหนือของสำนักช้วนจินก่า หมัดสูญจำรัสอันสุดอ่อนหยุ่นและสองมือขัดแย้งที่ใช้สองวิชาได้พร้อมกันของเฒ่าทารกจิวแปะทง ศึกษายอดคัมภีร์เก้าอิม (นพยม) ก๊วยเจ๋งได้ตีความเคล็ดวิชาในคัมภีร์เก้าอิมหลอมรวมกับสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร จนพัฒนาให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น !!

ก๊วยเจ๋งฝึกฝ่ามือสยบมังกรทุกวี่วันมิได้ขาด เขาใช้เพียงท่ามังกรผยองได้สำนึกก็เปล่งอานุภาพสูงสุด ท่านี้งอเท้าซ้ายเล็กน้อย มือขวากรีดวาดเป็นวงกลมผลักตรงออกเบื้องหน้า ช่วงผลักฝ่ามือคล้ายแผ่พริ้ว แต่เมือสัมผัสถูกคู่ต่อสู้ จะมีพลังกระแทกติดตามมาอีกถึงสิบสามชั้น แต่ละชั้นจะมีพลังเพิ่มขึ้น นี่เป็นความสำเร็จที่ก๊วยเจ๋งศึกษาได้จากคัมภีร์เก้าอิมฉบับสมบูรณ์ เหนือล้ำกว่ายาจกอุดรผู้สอนวิชานี้ให้เสียอีก

ครั้งหนึ่งก๊วยเจ๋งและเอี้ยก้วยหลานชายเขาตกอยู่ในวงล้อมของทัพมองโกล ก๊วยเจ๋งยามนั้นอายุได้สามสิบกว่าปีแล้ว เขาฝึกวิชาฝ่ามือสยบมังกรขั้นเลิศเลอสูงสุด ยอดฝีมือฝ่ายมองโกลต่างต้องการสังหารก๊วยเจ๋งเพื่อได้รับชื่อว่าเป็น "ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง" สี่ยอดฝีมือฝ่ายมองโกลประกอบด้วย ราชครูจักรทองฝีมือสูงส่งสุดยอด นีมอชิงยอดฝีมือชาวอินเดียผู้ใช้แส้งูเหล็กอันแหลมคม อีเคอซีพ่อค้าวาณิชผู้ใช้แส้อ่อนทองประดับเพรชเป็นอาวูธ เซียวเซียงจื้อผู้หน้าซีดราวซากศพใช้กระบองวิบัติเป็นอาวุธและยังมีเบ๊กวงจ้อผู้มีกำลังมหาศาลแต่ไม่นับเป็นยอดฝีมือ

ก๊วยเจ๋งพอดูออกว่าในสี่ยอดฝีมือ อีเคอซีฝีมืออ่อนด้อยกว่าผู้อื่นเล็กน้อย เขาพุ่งเข้าหาเซียวเซียงจื้อซึ่งมีอาวุธกระบองพันเชือกสีขาวไว้ อาวุธมีลักษณะพิศดาร ก๊วยเจ๋งฟาดฝ่ามือทั้งสองใส่เซียวเซียงจื้อ ทำให้เซียวเซียงจื้อจี้กระบองใส่ใจกลางฝ่ามือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งพลันเปลี่ยนกระบวนท่าแต่กลางคัน ใช้ออกด้วยท่า "มังกรสะบัดหาง" ฝ่ามือขวาย้อนไปคว้าจับแส้อ่อนของอีเคอซี ขณะนั้นอีเคอซีกระชากแส้คืนไม่ได้ จึงพุ่งตัวตามแรงกระชาก มือหนึ่งใช้มีดสั้นแทงใส่ก๊วยเจ๋ง

ยามนั้นจักรทองกับปลายกระบองของเซียวเซียงจื้อจู่โจมมาถึง ก๊วยเจ๋งตวาดก้องใช้ลมปราณถ่ายทอดผ่านแส้อีเคอซี กระแทกอีเคอซีบาดเจ็บกระอักโลหิตออกมา อีเคอซีรีบถอยกลับนั่งสมาธิโคจรลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ เขาใช้เพียงท่าเดียวก็สยบหนึ่งยอดฝีมือได้ !!

ก๊วยเจ๋งหันไปต่อสู้กับยอดฝีมือทั้งสามที่หลงเหลือ ทั้งสี่ยอดฝีมือต่อสู้กันไม่มีจุดอ่อนช่องว่างสักน้อยนิด เบ๊กวงจ้อชายร่างใหญ่พลันใช้กระบองทองแดงฟาดใส่หลังก๊วยเจ๋ง แต่สี่ยอดฝีมือสู้กันผนึกพลังคล้ายเป็นตาข่ายใหญ่ที่มองไม่เห็น กระบองของเบ๊กวงจ้อถูกกระแทกออก ง่ามมือเขาฉีกขาด เอี้ยก้วยมีสัมพันธ์ที่ดีกับเบ๊กวงจ้อ จึงเข้าไปห้ามปรามและหลอกว่าก๊วยเจ๋งมีคาถาอาคม เบ๊กวงจ้อปัญญาโง่ทึบจึงยินยอมเชื่อเลิกต่อสู้ไป

ก๊วยเจ๋งยามนี้ใช้ฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่าถึงขั้นสูงสุด พวกราชครูจักรทองเข้าใจว่าก๊วยเจ๋งใช้วิชานี้ต้องสิ้นเปลืองพลังภายในมากมาย ไหนเลยจะคาด ยี่สิบปีมานี้ก้วยเจ๋งคร่ำเคร่งฝึกปรือคัมภีร์เก้าอิมพลังภายในถึงขั้นสูงสุด ตอนแรกยังไม่เด่นชัด แต่หลายสิบกระบวนท่าให้หลังพลังฝ่ามือก๊วยเจ๋งบัดเดี๋ยวเบาบาง บัดเดี๋ยวหนักหน่วง รั้งเข้ากระจายออก พลิกแพลงจากฝ่ามืออันสุดแข็งเป็นสุดอ่อนอันเลิศเลอพิศดาร ความสำเร็จขั้นนี้แม้แต่อั้งชิกกงผู้เป็นอาจารย์ยั้งครุ่นคิดค้นคว้าไม่ได้ !! ก๊วยเจ๋งใช้ยอดวิชาสู้สามยอดฝีมือไม่มีท่าทีเพลี่ยงพล้ำแม้แต่น้อย

ด้วยพลังฝีมือของราชครูจักรทองความจริงก้ำกึ่งกับก๊วยเจ๋ง ทั้งสองหากต่อสู้กัน ต้องสู้นับพันกระบวนท่าถึงค่อยพิสูจน์แพ้ชนะ บวกกับอีกสองยอดฝีมือช่วยเหลือ ราชครูจักรทองสมควรได้ชัย แต่สิบแปดฝ่ามือสยบมังกรของก๊วยเจ๋งเข้มแข็งเกินไป ในกระบวนท่ายังแฝงท่าเท้าดาวเหนือของสำนักช้วนจินก่า เมื่อสู้ถึงยามคับขันร่างก๊วยเจ๋งพุ่งแฉลบไปมา คล้ายเจ็ดแปดคนก็ไม่ปาน !!

ต่อสู้ผ่านไปอีกหลายสิบกระบวนท่า จักรทองของราชครูเริ่มเปล่งอานุภาพ งูเหล็กของนีมอชิงเริ่มทวีความเกรี้ยวกราด ก๊วยเจ๋งเริ่มกังวลใจต้องการรีบฝ่าออกจากทัพมองโกล ทันใดเซียวเซียงจื้อพลันกระโดดและยิงควันพิษจากปลายกระบอง ทุกผู้คนรู้สึกมึนงงเล็กน้อยรีบถอยกายไป แต่ก๊วยเจ๋งกำลังภายในลึกล้ำกลับมิเป็นไร ใช้ออกด้วยท่า "พบมังกรกลางนา" ฟาดใส่เข่าเซียวเซียงจื้อที่กระโดดอยู่ เซียวเซียงจื้อรีบรั้งกระบอกกลับมาต้านรับ ถูกฝ่ามือก๊วยเจ๋งกระแทก จนต้องพลิ้วออกไปหลายเซียะ

ด้านนีมอซิงจู่โจมงูเหล็กใกล้ถึงตัวก๊วยเจ๋ง ดังนั้นก๊วยเจ๋งรีบใช้ท่า "มังกรซ่อนกบดาน" ฟาดใส่ทรวงอกมัน นีมอซิงรีบขวางแส้งูเหล็กตั้งรับ แต่พลังฝ่ามือนี้ของก๊วยเจ๋งอยู่ที่รอบฝ่ามือ นีมอซิงเห็นว่าที่ทรวงอกไม่มีพลังใดคุกคาม รู้สึกไม่ถูกต้อง ทันใดท้องน้อยนีมอซิงพลันถูกพลังรอบฝ่ามือก๊วยเจ๋งกระแทกหนักหน่วงคุกคาม จึงรีบกลิ้งกายถอยไป

ก๊วยเจ๋งรีบพาเอี้ยก้วยฝ่าวงล้อมกองทัพมองโกล แต่เอี้ยก้วยต้องการล้างแค้นก๊วยเจ๋งที่ฆ่าบิดาตน จึงแกล้งทำเป็นปวดท้อง ก๊วยเจ๋งจึงแบกเอี้ยก้วยฝ่ากองทัพมองโกล เขากระโดดพุ่งสามสี่ครา บุกถึงเบื้องหน้ากุบไลข่านหวังจับตัวหัวหน้าทัพมองโกล ฝ่ามือก๊วยเจ๋งเกรี้ยวกราดฟาดจนทหารมองโกลจนแตกฮือกระจัดกระจาย จนเข้าใกล้ถึงตัวกุบไลข่าน เอี้ยก้วยพลันถามก๊วยเจ๋งว่าบิดาเขาสมควรตายหรือ ? ก๊วยเจ๋งไม่มีเวลาอธิบายจึงตอบว่า "บิดาเจ้าขายชาติ ใครก็ฆ่าได้"

เอี้ยก้วยโทสะพุ่งขึ้นใช้กระบี่หมายสังหารก๊วยเจ๋ง แต่เซียวเซียงจื้อพลันใช้กระบองขัดขวางไว้เนื่องเพราะเขาเกรงเอี้ยก้วยจะได้รับชื่อว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ต่อมาราชครูจักรทองและนีมอชิงก็เข้าจู่โจมก๊วยเจ๋ง

ยามนั้นฝ่ามือราชครูจักรทองปะทะกับก๊วยเจ๋ง เซียวเซียงจื้อพลันจู่โจมมาจากด้านหลัง ก๊วยเจ๋งเป็นห่วงเอี้ยก้วยที่เขาแบกไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่