เมื่อทีมชาติอาร์เจนตินาประสบความไม่สำเร็จอีกครั้ง
ลิโอเนล เมสซี่ ก็เลยถูกนำวิพากษ์-วิจารณ์อีกครั้ง
หรืออีกนัยหนึ่งคือถูกนินทานั่นแหละ
ถูกวิพากษ์-วิจารณ์ (นินทา) ในฐานะของดาวเตะผู้มีความสามารถระดับ ''เหนือมนุษย์'' จนแทบจะกลายเป็น ''สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก'' แต่กลับไม่มีปัญญาช่วยให้ทีมชาติของตัวเองประสบความสำเร็จประหนึ่งต้องคำสาป
ลิโอเนล เมสซี่ ติดทีมชาติ (ชุดใหญ่) ของอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกเมื่อ 2005 ตอนนั้นเขาผ่านมาแค่ 18 ฝน
บันทึกว่าเกมแรกที่ลงสนามรับใช้ชาติคือเกมอุ่นเครื่องที่พบกับฮังการี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2005 เจ้าหนูอาร์เจนตินาผู้เติบโตในแผ่นดินสเปนถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 63 ทว่าอีกสองนาทีต่อมากลับถูกตะเพิดออกจากสนาม...ซะอย่างนั้น!
ข้อหาชักศอกใส่ วิลมอส วานซาค ของฮังการี และผู้ตัดสินที่บรรจงถีบ ลิโอเนล เมสซี่ ออกจากสนามด้วยใบแดงนั้นมีชื่อว่า มาร์คุส เมิร์ค
แค่จุดเริ่มต้นก็ไม่สวยแล้วนะครับ
ในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาว ลิโอเนล เมสซี่ เคยผ่านศึกใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 2006, โกปา อเมริกา 2007, โอลิมปิก 2008, ฟุตบอลโลก 2010, โกปา อเมริกา 2011, ฟุตบอลโลก 2014 และล่าสุดคือ โกปา อเมริกา 2015 ที่เพิ่งจบลงไป รวมทั้งหมด 7 รายการ
1. ศึกเวิลด์ คัพ 2006 อาร์เจนตินาถูกเจ้าภาพอย่างเยอรมันเขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
2. ศึกโกปา อเมริกา 2007 อาร์เจนตินาแพ้บราซิล ในนัดชิงชนะเลิศ โดยตัวเขาได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
3. ศึกโอลิมปิก 2008 ลิโอเนล เมสซี่ เป็นคนผ่านบอลให้ อังเคล ดิ มาเรีย พังประตูชัยให้อาร์เจนตินาเอาชนะไนจีเรีย ในนัดชิงชนะเลิศ
4. ศึกฟุตบอลโลก 2010 ลูกทีมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ถูกอินทรีโลหะระเบิดถังขี้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
5. ศึกโกปา อเมริกา 2011 อาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพแท้ๆ กลับไปไกลแค่รอบควอเตอร์ไฟนัล โดยเมสซี่ยิงไม่ได้สักประตูเดียว
6. ศึกฟุตบอลโลก 2014 ทีมฟ้า-ขาวอุตส่าห์ทะลวงเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศ แต่เป็นอีกครั้งที่เยอรมันคือหนามยอกอกของอาร์เจนตินา
7. ล่าสุดในศึกโกปา อเมริกา 2015 ก็อย่างที่ทราบกันดีนั่นแหละว่าทีมชาติของเมสซี่ พลาดท่าพ่ายชิลี จากการดวลจุดโทษในเกมที่ตัวเขาโชว์ฟอร์มไม่ออก
สรุปว่ามีเพียงเหรียญทองโอลิมปิก เมื่อ 2008 ที่ถือเป็นเกียรติประวัติระดับชาติแค่รายการเดียว (ไม่นับฟุตบอลระดับเยาวชน) แต่โดยรวมจัดว่าน่าผิดหวังอยู่ดี แถมเวลาในการพิสูจน์ตัวเองก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันอายุ 28 แล้ว คงได้เล่นในเวิลด์ คัพ กับโกปา อเมริกา อีกอย่างละ 1 สมัย (เป็นอย่างต่ำ)
เมื่อประสบความไม่สำเร็จในระดับทีมชาติ จึงเป็นอีกครั้งที่ดาวเตะผู้มีชื่อเล่นว่า ''เลโอ'' ถูกนำมาเปรียบเทียบกับดาวดังในตำนานผู้นับถือธงผืนเดียวกันอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า
''พี่เตี้ย'' ช่วยให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกอย่างอุกอาจ เมื่อ 1986 ตอนที่ตัวเองมีอายุเพียง 26 แบบ ''วันแมนโชว์''
ภาพการขอยืมพระหัตถ์ของพระเจ้ามาทำประตูทีมชาติอังกฤษ รวมถึงชอตมหัศจรรย์ที่กระชากลากเลื้อยหลบคู่แข่ง 5-6 คนจากครึ่งสนามไปทำประตูแบบง่ายๆ ที่เห็นจากการถ่ายทอดสดยังติดตาและตรึงใจกระทั่งบัดนี้
ว่าแล้วขอยืนยันหนักแน่นว่าถ้าไม่มี ดีเอโก้ มาราโดน่า - อาร์เจนตินาไม่มีทางได้แชมป์โลกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ''พี่เตี้ย'' ยังช่วยให้นาโปลีคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ถึง 2 สมัย
แน่นอนครับว่าถ้าไม่ได้ลำแข้งของดาวเตะหุ่นมะขามข้อเดียวคนนี้ นาโปลีก็คงไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
จีซซซซ (Jezzzz)...พระเจ้าของชาวเมืองเนเปิลจึงมีชื่อว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า
เหนือสิ่งอื่นใด คือเฮียแกจัดเป็นสุดยอดดาวเตะที่ชอบทำร้ายตัวเองด้วยอบายมุขทุกรูปแบบ ยังอุตส่าห์เล่นได้ขนาดนี้
นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่บอกว่าทำไมแฟนบอลส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแฟนบอลที่เกิดทันเห็นอิทธิเดชบรรลัยกัลป์ของ ''พี่เตี้ย'' ยังคงเชื่อมั่นแบบเต็มประดาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือดาวเตะที่เก่งที่สุดในเมืองมนุษย์ตลอดกาล
ผมก็คิดแบบนั้นครับ กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี่ จุติลงมาเกิดบนโลกลูกหนัง
ยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ ความคิดยิ่งเปลี่ยนมากเท่านั้น
คือถ้าวัดกันที่ฝีเท้าแบบเพียวๆ โดยจำแนกเป็นข้อๆ อาทิ ทักษะความสามารถเฉพาะตัว - ความเร็ว - การผ่านบอล - การยิงประตู - การเล่นลูกกลางอากาศ - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการควบคุมอารมณ์ ไม่เกี่ยวกับความสำเร็จระดับทีมชาติ ผมมองว่า ลิโอเนล เมสซี่ ครบเครื่องสมบูรณ์แบบมากกว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า เฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพในการทำลายตาข่ายให้สิ้นซาก หมายเลข 10 คนปัจจุบันเหนือกว่าอย่างชัดเจน
แล้วเหตุไฉน ผลงานในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาวจึงแตกต่างจากตอนที่สวมเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงินอย่างสิ้นเชิง
มีหลายสมมุติฐานที่พยายามจะอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไม
คู่แข่งในระดับทีมชาติอาจแข็งแกร่งกว่าและเขี้ยวลากดินมากกว่า
หรือระบบการเล่นที่แตกต่างกันระหว่างสโมสรกับทีมชาติ
เข้าใจครับว่า ลิโอเนล เมสซี่ ลึกซึ้งในระบบการเล่นกับบาร์เซโลน่ามากกว่า - เพื่อนร่วมทีมก็เข้าขาและรู้ใจกันมากกว่า เรียกว่ามีทีมเวิร์กมากกว่า - ผลงานในระดับสโมสรกับทีมชาติจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ทำไม ดีเอโก้ มาราโดน่า ถึงใช้ความมหัศจรรย์เฉพาะตัวช่วยให้อาร์เจนตินา (รวมถึงนาโปลี) พุ่งชนความสำเร็จได้ล่ะ?
เฉพาะอย่างยิ่งหากดูจากองค์ประกอบของทีมชาติอาร์เจนตินาในยุคของทั้งคู่ - คุณพ่อของ ด.ช.ติอาโก้ ควรจะประสบความสำเร็จกับทีมชาติมากกว่าเฮียเตี้ยเสียด้วยซ้ำ
บางทีของแบบนี้มันอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ประการ ตัวอย่างเช่นจังหวะและเวลา รวมถึงสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ''วาสนา''
อาร์เจนตินาควรจะผงาดง้ำค้ำโลกเมื่อปีที่แล้ว ถ้าผู้เล่นทีมชาติเยอรมันที่ โยอัคคิม เลิฟ ฟูมฟักมาไม่ดันสุกงอมและเปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยองขึ้นมาในเวลานั้นพอดี
ลิโอเนล เมสซี่ เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากอาร์เจนตินาไปฝังหนอกที่แคว้นกาตาลุนญ่าตั้งแต่ตอนอายุแค่ 13 หมายความว่าเขาตะบันชีวิตพลางสไลด์หนอนในแผ่นดินสเปนมากกว่าบ้านเกิดของตัวเองเสียอีก
อืมมมมม...นี่ถ้าเลือกเล่นให้ทีมชาติสเปนตั้งแต่แรก ป่านนี้คงเป็นแชมป์โลกไปนานแล้ว 555
หรือเพราะโลหิตที่ไหลเวียนในกายของเขามีความเป็นกาตาลันมากกว่าอาร์เจนไตน์จึงเสมือนต้องคำสาปให้ไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติ???
อันนี้ก็ว่ากันไป
อย่าลืมว่าในเกมลูกหนัง 1 + 1 ไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป แถมบ่อยครั้งที่มันก็ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าวัดกันเฉพาะที่ฝีเท้าแบบเพียวๆ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็เก่งกว่า อันแดร์สัน, แดนนี่ เวลเบ็ค, นานี่, จอนนี่ อีแวนส์, แอชลี่ย์ ยัง, คริส สมอลลิ่ง และอื่นๆ อีกมากมายหลายคน เพียงแต่ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักสมัย
เมื่อถามอีกครั้งว่าใครเก่งกว่ากันระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ ดีเอโก้ มาราโดน่า?
สำหรับผม - ถ้าวัดกันที่ฝีเท้าแบบปอนด์ต่อปอนด์ ลิโอเนล เมสซี่ คือดาวเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกเน่าๆ ใบนี้เคยมีมา
เพียงแต่ขอใส่ข้อความในวงเล็บต่อท้ายว่า (เฉพาะในเครื่องแบบของบาร์ซ่าเท่านั้น)
http://www.siamsport.co.th/Column/150709_012.html
เมสซี่ vs มาราโดน่า (บอ.บู๋)
เมื่อทีมชาติอาร์เจนตินาประสบความไม่สำเร็จอีกครั้ง
ลิโอเนล เมสซี่ ก็เลยถูกนำวิพากษ์-วิจารณ์อีกครั้ง
หรืออีกนัยหนึ่งคือถูกนินทานั่นแหละ
ถูกวิพากษ์-วิจารณ์ (นินทา) ในฐานะของดาวเตะผู้มีความสามารถระดับ ''เหนือมนุษย์'' จนแทบจะกลายเป็น ''สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก'' แต่กลับไม่มีปัญญาช่วยให้ทีมชาติของตัวเองประสบความสำเร็จประหนึ่งต้องคำสาป
ลิโอเนล เมสซี่ ติดทีมชาติ (ชุดใหญ่) ของอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกเมื่อ 2005 ตอนนั้นเขาผ่านมาแค่ 18 ฝน
บันทึกว่าเกมแรกที่ลงสนามรับใช้ชาติคือเกมอุ่นเครื่องที่พบกับฮังการี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2005 เจ้าหนูอาร์เจนตินาผู้เติบโตในแผ่นดินสเปนถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 63 ทว่าอีกสองนาทีต่อมากลับถูกตะเพิดออกจากสนาม...ซะอย่างนั้น!
ข้อหาชักศอกใส่ วิลมอส วานซาค ของฮังการี และผู้ตัดสินที่บรรจงถีบ ลิโอเนล เมสซี่ ออกจากสนามด้วยใบแดงนั้นมีชื่อว่า มาร์คุส เมิร์ค
แค่จุดเริ่มต้นก็ไม่สวยแล้วนะครับ
ในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาว ลิโอเนล เมสซี่ เคยผ่านศึกใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 2006, โกปา อเมริกา 2007, โอลิมปิก 2008, ฟุตบอลโลก 2010, โกปา อเมริกา 2011, ฟุตบอลโลก 2014 และล่าสุดคือ โกปา อเมริกา 2015 ที่เพิ่งจบลงไป รวมทั้งหมด 7 รายการ
1. ศึกเวิลด์ คัพ 2006 อาร์เจนตินาถูกเจ้าภาพอย่างเยอรมันเขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
2. ศึกโกปา อเมริกา 2007 อาร์เจนตินาแพ้บราซิล ในนัดชิงชนะเลิศ โดยตัวเขาได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
3. ศึกโอลิมปิก 2008 ลิโอเนล เมสซี่ เป็นคนผ่านบอลให้ อังเคล ดิ มาเรีย พังประตูชัยให้อาร์เจนตินาเอาชนะไนจีเรีย ในนัดชิงชนะเลิศ
4. ศึกฟุตบอลโลก 2010 ลูกทีมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ถูกอินทรีโลหะระเบิดถังขี้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
5. ศึกโกปา อเมริกา 2011 อาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพแท้ๆ กลับไปไกลแค่รอบควอเตอร์ไฟนัล โดยเมสซี่ยิงไม่ได้สักประตูเดียว
6. ศึกฟุตบอลโลก 2014 ทีมฟ้า-ขาวอุตส่าห์ทะลวงเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศ แต่เป็นอีกครั้งที่เยอรมันคือหนามยอกอกของอาร์เจนตินา
7. ล่าสุดในศึกโกปา อเมริกา 2015 ก็อย่างที่ทราบกันดีนั่นแหละว่าทีมชาติของเมสซี่ พลาดท่าพ่ายชิลี จากการดวลจุดโทษในเกมที่ตัวเขาโชว์ฟอร์มไม่ออก
สรุปว่ามีเพียงเหรียญทองโอลิมปิก เมื่อ 2008 ที่ถือเป็นเกียรติประวัติระดับชาติแค่รายการเดียว (ไม่นับฟุตบอลระดับเยาวชน) แต่โดยรวมจัดว่าน่าผิดหวังอยู่ดี แถมเวลาในการพิสูจน์ตัวเองก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันอายุ 28 แล้ว คงได้เล่นในเวิลด์ คัพ กับโกปา อเมริกา อีกอย่างละ 1 สมัย (เป็นอย่างต่ำ)
เมื่อประสบความไม่สำเร็จในระดับทีมชาติ จึงเป็นอีกครั้งที่ดาวเตะผู้มีชื่อเล่นว่า ''เลโอ'' ถูกนำมาเปรียบเทียบกับดาวดังในตำนานผู้นับถือธงผืนเดียวกันอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า
''พี่เตี้ย'' ช่วยให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกอย่างอุกอาจ เมื่อ 1986 ตอนที่ตัวเองมีอายุเพียง 26 แบบ ''วันแมนโชว์''
ภาพการขอยืมพระหัตถ์ของพระเจ้ามาทำประตูทีมชาติอังกฤษ รวมถึงชอตมหัศจรรย์ที่กระชากลากเลื้อยหลบคู่แข่ง 5-6 คนจากครึ่งสนามไปทำประตูแบบง่ายๆ ที่เห็นจากการถ่ายทอดสดยังติดตาและตรึงใจกระทั่งบัดนี้
ว่าแล้วขอยืนยันหนักแน่นว่าถ้าไม่มี ดีเอโก้ มาราโดน่า - อาร์เจนตินาไม่มีทางได้แชมป์โลกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ''พี่เตี้ย'' ยังช่วยให้นาโปลีคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ถึง 2 สมัย
แน่นอนครับว่าถ้าไม่ได้ลำแข้งของดาวเตะหุ่นมะขามข้อเดียวคนนี้ นาโปลีก็คงไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
จีซซซซ (Jezzzz)...พระเจ้าของชาวเมืองเนเปิลจึงมีชื่อว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า
เหนือสิ่งอื่นใด คือเฮียแกจัดเป็นสุดยอดดาวเตะที่ชอบทำร้ายตัวเองด้วยอบายมุขทุกรูปแบบ ยังอุตส่าห์เล่นได้ขนาดนี้
นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่บอกว่าทำไมแฟนบอลส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแฟนบอลที่เกิดทันเห็นอิทธิเดชบรรลัยกัลป์ของ ''พี่เตี้ย'' ยังคงเชื่อมั่นแบบเต็มประดาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือดาวเตะที่เก่งที่สุดในเมืองมนุษย์ตลอดกาล
ผมก็คิดแบบนั้นครับ กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี่ จุติลงมาเกิดบนโลกลูกหนัง
ยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ ความคิดยิ่งเปลี่ยนมากเท่านั้น
คือถ้าวัดกันที่ฝีเท้าแบบเพียวๆ โดยจำแนกเป็นข้อๆ อาทิ ทักษะความสามารถเฉพาะตัว - ความเร็ว - การผ่านบอล - การยิงประตู - การเล่นลูกกลางอากาศ - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการควบคุมอารมณ์ ไม่เกี่ยวกับความสำเร็จระดับทีมชาติ ผมมองว่า ลิโอเนล เมสซี่ ครบเครื่องสมบูรณ์แบบมากกว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า เฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพในการทำลายตาข่ายให้สิ้นซาก หมายเลข 10 คนปัจจุบันเหนือกว่าอย่างชัดเจน
แล้วเหตุไฉน ผลงานในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาวจึงแตกต่างจากตอนที่สวมเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงินอย่างสิ้นเชิง
มีหลายสมมุติฐานที่พยายามจะอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไม
คู่แข่งในระดับทีมชาติอาจแข็งแกร่งกว่าและเขี้ยวลากดินมากกว่า
หรือระบบการเล่นที่แตกต่างกันระหว่างสโมสรกับทีมชาติ
เข้าใจครับว่า ลิโอเนล เมสซี่ ลึกซึ้งในระบบการเล่นกับบาร์เซโลน่ามากกว่า - เพื่อนร่วมทีมก็เข้าขาและรู้ใจกันมากกว่า เรียกว่ามีทีมเวิร์กมากกว่า - ผลงานในระดับสโมสรกับทีมชาติจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ทำไม ดีเอโก้ มาราโดน่า ถึงใช้ความมหัศจรรย์เฉพาะตัวช่วยให้อาร์เจนตินา (รวมถึงนาโปลี) พุ่งชนความสำเร็จได้ล่ะ?
เฉพาะอย่างยิ่งหากดูจากองค์ประกอบของทีมชาติอาร์เจนตินาในยุคของทั้งคู่ - คุณพ่อของ ด.ช.ติอาโก้ ควรจะประสบความสำเร็จกับทีมชาติมากกว่าเฮียเตี้ยเสียด้วยซ้ำ
บางทีของแบบนี้มันอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ประการ ตัวอย่างเช่นจังหวะและเวลา รวมถึงสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ''วาสนา''
อาร์เจนตินาควรจะผงาดง้ำค้ำโลกเมื่อปีที่แล้ว ถ้าผู้เล่นทีมชาติเยอรมันที่ โยอัคคิม เลิฟ ฟูมฟักมาไม่ดันสุกงอมและเปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยองขึ้นมาในเวลานั้นพอดี
ลิโอเนล เมสซี่ เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากอาร์เจนตินาไปฝังหนอกที่แคว้นกาตาลุนญ่าตั้งแต่ตอนอายุแค่ 13 หมายความว่าเขาตะบันชีวิตพลางสไลด์หนอนในแผ่นดินสเปนมากกว่าบ้านเกิดของตัวเองเสียอีก
อืมมมมม...นี่ถ้าเลือกเล่นให้ทีมชาติสเปนตั้งแต่แรก ป่านนี้คงเป็นแชมป์โลกไปนานแล้ว 555
หรือเพราะโลหิตที่ไหลเวียนในกายของเขามีความเป็นกาตาลันมากกว่าอาร์เจนไตน์จึงเสมือนต้องคำสาปให้ไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติ???
อันนี้ก็ว่ากันไป
อย่าลืมว่าในเกมลูกหนัง 1 + 1 ไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป แถมบ่อยครั้งที่มันก็ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าวัดกันเฉพาะที่ฝีเท้าแบบเพียวๆ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็เก่งกว่า อันแดร์สัน, แดนนี่ เวลเบ็ค, นานี่, จอนนี่ อีแวนส์, แอชลี่ย์ ยัง, คริส สมอลลิ่ง และอื่นๆ อีกมากมายหลายคน เพียงแต่ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักสมัย
เมื่อถามอีกครั้งว่าใครเก่งกว่ากันระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ ดีเอโก้ มาราโดน่า?
สำหรับผม - ถ้าวัดกันที่ฝีเท้าแบบปอนด์ต่อปอนด์ ลิโอเนล เมสซี่ คือดาวเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกเน่าๆ ใบนี้เคยมีมา
เพียงแต่ขอใส่ข้อความในวงเล็บต่อท้ายว่า (เฉพาะในเครื่องแบบของบาร์ซ่าเท่านั้น)
http://www.siamsport.co.th/Column/150709_012.html