สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับชิอีกแล้วนะค่ะ ต้องบอกเลยนี่เป็น การรีวิว แบบเต็มรูปแบบครั้งแรก ด้วยการมาพูดถึงสิ่งแรกเริ่มที่เราจะต้องทำก่อนการแต่งหน้า คือการลง Primer base นั่นเอง ซึ่งชิขอบอกเลยว่า ชิเป็นคนผิวแห้ง(มากกกก) หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยอยู่ในใจว่า เอ๊ะ primer base มันจำเป็นหรอ ลงรองพื้นเลยได้มั้ย? คำตอบคือ “ได้ค่ะ” แต่ด้วยส่วนตัวชิเป็นคนไม่ใช้บำรุงก่อนเริ่มแต่งหน้าเลย จึงคิดว่าการลง Primer ที่ดี เหมือนการบำรุงไปในตัวระยะแรกก่อนแต่งหน้า และคุณสมบัติโดยตรงเลยก็คือ ทำให้เครื่องสำอางค์ติดทนนานมากขึ้น และปกปิดรูขุมขนได้ดี
มาพูดถึงน้องใหม่ของบ้านเลย คือ illuminating base จากแบรนด์ Tom Ford ต้องบอกเลยว่าปลื้ม BA มาก ดูแลเป็นอย่างดี เลยอดใจไม่ไหวขอซัดเลย เนื่องจากชิกำลังมองหา Primer base ตัวใหม่ๆอยู่บ้าง และมีเล็งไว้ในว่า ต้องการหาเนื้อผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากตัวที่เรามีอยู่แล้วที่บ้านอย่างสิ้นเชิงเลย รวมไปถึงผลลัพธ์ที่ดีด้วยค่ะ
Packaging: ถือว่า เลอค่า ตามสไตล์ Tomford เลยแหละค่า แพคเกจคงทน ตกแล้วไม่แตก ไม่หนัก
วิธีการใช้: ก็หมุนหัวทวนเข็มนาฬิกา ตัวปั๊มก็จะสไลด์ขึ้นมา
ปริมาณ: 30ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นสีมุกๆ เหมือนมีความเหลือบ แต่ทาง BA บอกไม่ผสมแอลกอฮอล์ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ ใช้เพื่อให้หน้าดูผิวใสสุขภาพดี
ผลลัพธ์ที่ได้: จริงๆต้องบอกตามตรงว่าคาดหวังกับตัวนี้ไว้พอสมควร แต่พอได้ลองใช้ ก็อยู่ในจุดที่ไม่ได้ผิดหวังอะไร แต่ไม่ถึงกับว่าประทับใจมาก หรือต้องหยิบมาใช้ทุกวัน เพราะส่วนมากผู้หญิงเราซื้ออะไรมาใหม่ๆก็จะเห่อในช่วงแรก แต่ตัวนี้ชิไม่เป็น ซึ่งตอนทาออกมาก็ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูหน้าวาวเบาๆตามที่ทาง BA บอก หรือเพื่อนๆจะสามารถเห็นในรูปได้เลย ว่ามันจะดูเงาเป็นธรรมชาติ แต่ชิเป็นคนที่ชอบ primer ที่ทาแล้วรู้สึกสบายหน้าเป็นอย่างแรก เพราะอย่างที่บอกว่าชิไม่ได้ลงบำรุงก่อนแต่งหน้า จึงต้องการ primer ที่ทาแล้วตัวเดียวจบไม่ต้องทาอะไรก่อนหน้าค่ะ
ข้อเสีย: ไม่ชอบ กลิ่น ซึ่งจริงๆแล้วก็มองข้ามไปได้ เพราะหากใส่กลิ่นมา ก็อาจทำให้ผิวเราแพ้ได้อีก แต่กลิ่นมันค่อนข้างหืนพอสมควรทำให้ทาแล้วรู้สึกไม่ Fresh และ primer ตัวนี้ไม่ได้ช่วยในเรื่องความความชุ่มชื่นเลย
ค่าเสียหาย: ชิซื้อจากเคาน์เตอร์สยามพารากอน ราคา 2,600บาท
ให้คะแนน
Packaging: 10/10
ราคา: 6/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 7/10
ความพอใจ: 5/10
มาพูดถึงตัวถัดไปกันเลย ก็คือ Hydra veil จากแบรนด์ illamasqua ตัวนี้ชิได้มาจากการไปร่วม Workshop กับแบรนด์ illamasqua
Packaging: แพคเกจเป็นกระปุกพลาสติคสีดำ ฝาหมุน
วิธีการใช้: เปิดฝาออกมา แล้วจะพบพลาสติคกั้นอยู่และไม้พาย ที่ใช้ในการคนและตักเนื้อผลิตภัณฑ์ จะต้องคนก่อนตักผลิตภัณฑ์ขึ้นมา แต่วันไหนที่เร่งรีบชิจะตักผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเลยจำนวนหนึ่งและค่อยๆตบๆเนื้อผลิตภัณฑ์ให้แตกตัว แล้วจึงทาไปบริเวณหน้าเพื่อให้เกิดประสิทธิผลอันสูงสุด
ปริมาณ: 30ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นสีเนื้อเจลสีใส เนื้อจะค่อนข้างเด้งดึ๋งหน่อย
ผลลัพธ์ที่ได้: ทาลงไปบางๆเหมือนเป็นฟิล์มเคลือบอยู่บนใบหน้า ช่วงแรกใช้รู้สึกไม่ค่อยชอบ เพราะทาลงไปแล้วเนื้อจะเหนียวนิดนึงค่ะ แต่ด้วยความที่ผลลัพธ์มันออกมาค่อนข้างพอใจมากเพราะชิหน้าแห้ง ใช้แล้วเครื่องสำอางติดทน ไม่เป็นคลาบหรือตกล่อง
ข้อเสีย: ต้องรีบทาให้ไหว เพราะเนื้อแห้งเร็วมากๆ
ค่าเสียหาย: 1,590บาท
ให้คะแนน
Packaging: 7/10
ราคา: 8/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 8/10
ความพอใจ: 7/10
มาถึงตัวที่สามขอแอบว่าตัวนี้เป็นที่สุดของชิเลย ก็คือ Tinted moisturizer จากแบรนด์ Laura Mercier มาพร้อม SPF 30 UVB/UVA / PA+++
Packaging: เป็นหลอด ซึ่งตอนแรกที่ไปดูค่อนข้างตกใจ หลอดใหญ่มาก รู้สึกคุ้มค่ามากๆจริงๆ ฮ่าาาๆๆ
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ’
ปริมาณ: 50ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อครีมสีขาว
ผลลัพธ์ที่ได้: ชิชอบตัวนี้มากๆๆๆ รู้สึกทุกวันเอาอยุ่จริงๆ สำหรับวันไหนที่คิดอะไรไม่ออกก็จะหยิบใช้ตัวนี้เลย เพราะรู้สึกมันเบาหน้า และมีกันแดดในตัวเลย
ข้อเสีย: ได้ยินว่าหลายๆคนว่า กลิ่นไม่ค่อยพึงประสงค์ แต่โดยส่วนตัวใช้แล้วไม่รู้สึกขัดใจอะไร แต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นหอมที่ทาแล้วรู้สึกสดชื่นอะไรค่ะ
ค่าเสียหาย: ตัวนี้ชิได้มาจาก Sephora ที่ Singapore ราคา 1300 ขอพูดโดยประมาณนะค่ะ เพราะซื้อมาค่อนข้างนานแล้ว ส่วนเคาน์เตอร์ที่ไทยขายที่ 1,590.-
ให้คะแนน
Packaging: 6/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 9/10
ความพอใจ: 8/10
มาถึงตัวที่สีแล้ว ตัวนี้ยังคงอยู่ที่แบรนด์ Laura Mercier ซึ่ง Primer ของ Laura มีหลายสูตรมากๆ เพื่อตอบโจทย์ผิวของสาวๆหลายประเภท ซึ่งตัวนี้เป็น Primer สูตรแรกของ Laura เดี๋ยวมาดูกันว่าจะเริ่ดรึป่าว
Packaging: เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เป็นหลอดลักษณะและขนาดเดียวกัน
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ
ปริมาณ: 50ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อครีมสีขาวใส
ผลลัพธ์ที่ได้: จริงๆชิได้ตัวนี้หลังจากสูตรก่อนหน้านี้สักพักเลย ซึ่งใช้สูตรนั้นก็รู้สึกว่ามันแจ่มมากแล้ว พอมีโอกาสได้ตัวนี้มาลองใช้ คิดว่ามาแจ่มยิ่งกว่า เพราะอย่างที่บอกว่าชิเป็นคนหน้าแห้งมาก ใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกเบาสบายหน้า ให้ความชุ่มชื่นขั้นสุด แต่อาจจะต้องทิ้งไว้สักพักจึงจะแห้ง
ข้อเสีย: โดยส่วนตัวคิดว่าคนหน้ามัน ไม่เหมาะสำหรับสูตรนี้ แต่ Primer ของ Laura มีหลายสูตรมากๆ มีสำหรับคนหน้ามันด้วย และเนื้อผลิตภัณฑ์แห้งช้า หากเทียบกับตัวอื่นๆ กลิ่นค่อยข้างไม่พึงประสง
ค่าเสียหาย: ตัวนี้ชิได้มาจากถุง Gift set ที่ไปร่วมงาน Workshop กับทางแบรนด์ ซึ่งราคาที่เคาน์เตอร์อยู่ 1,590บาทค่ะ
ให้คะแนน
Packaging: 6/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 9/10
ความพอใจ: 9/10
มาถึง primer ตัวถัดไปเป็นที่ยอดฮิต ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆกับ The Pore fessional จากฝั่ง benefit
Packaging: เป็นหลอดโฟม เนื้อด้านฝาหมุน หลอดขนาดกำลังดี พกพาสะดวก
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ
ปริมาณ: 22ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อซิลิโคนสีเนื้อ ที่ทาลงไปแล้วไม่ก่อให้เกิดสีใดๆปรากฎลงบนผิวหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้: การใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ต้องเน้นย้ำเลยว่าอย่าใช้เยอะ เพราะสำหรับชิที่วันไหนหน้าแห้งมาก จะใช้ไม่ได้เลย เพราะตัวซิลิโคลนจะไม่เกราะผิว แต่เมื่อทาลงไป ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มมากกกก(เน้น) สบายหน้า ปกปิดรูขุมขนได้ดี
ข้อเสีย: หากใช้ในปริมาณที่เยอะเกิน อาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มันลอกเป็นขลุยๆ
ค่าเสียหาย: ราคา 1,250.- เคาน์เตอร์ไทย
ให้คะแนน
Packaging: 7/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 8/10
ความพอใจ: 10/10
หากชิให้ข้อมูลหรือพิมพ์ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ
^^
[CR][SR] Review ” Primer ในกรุจากฝั่ง Hi-end”
มาพูดถึงน้องใหม่ของบ้านเลย คือ illuminating base จากแบรนด์ Tom Ford ต้องบอกเลยว่าปลื้ม BA มาก ดูแลเป็นอย่างดี เลยอดใจไม่ไหวขอซัดเลย เนื่องจากชิกำลังมองหา Primer base ตัวใหม่ๆอยู่บ้าง และมีเล็งไว้ในว่า ต้องการหาเนื้อผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากตัวที่เรามีอยู่แล้วที่บ้านอย่างสิ้นเชิงเลย รวมไปถึงผลลัพธ์ที่ดีด้วยค่ะ
Packaging: ถือว่า เลอค่า ตามสไตล์ Tomford เลยแหละค่า แพคเกจคงทน ตกแล้วไม่แตก ไม่หนัก
วิธีการใช้: ก็หมุนหัวทวนเข็มนาฬิกา ตัวปั๊มก็จะสไลด์ขึ้นมา
ปริมาณ: 30ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นสีมุกๆ เหมือนมีความเหลือบ แต่ทาง BA บอกไม่ผสมแอลกอฮอล์ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ ใช้เพื่อให้หน้าดูผิวใสสุขภาพดี
ผลลัพธ์ที่ได้: จริงๆต้องบอกตามตรงว่าคาดหวังกับตัวนี้ไว้พอสมควร แต่พอได้ลองใช้ ก็อยู่ในจุดที่ไม่ได้ผิดหวังอะไร แต่ไม่ถึงกับว่าประทับใจมาก หรือต้องหยิบมาใช้ทุกวัน เพราะส่วนมากผู้หญิงเราซื้ออะไรมาใหม่ๆก็จะเห่อในช่วงแรก แต่ตัวนี้ชิไม่เป็น ซึ่งตอนทาออกมาก็ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูหน้าวาวเบาๆตามที่ทาง BA บอก หรือเพื่อนๆจะสามารถเห็นในรูปได้เลย ว่ามันจะดูเงาเป็นธรรมชาติ แต่ชิเป็นคนที่ชอบ primer ที่ทาแล้วรู้สึกสบายหน้าเป็นอย่างแรก เพราะอย่างที่บอกว่าชิไม่ได้ลงบำรุงก่อนแต่งหน้า จึงต้องการ primer ที่ทาแล้วตัวเดียวจบไม่ต้องทาอะไรก่อนหน้าค่ะ
ข้อเสีย: ไม่ชอบ กลิ่น ซึ่งจริงๆแล้วก็มองข้ามไปได้ เพราะหากใส่กลิ่นมา ก็อาจทำให้ผิวเราแพ้ได้อีก แต่กลิ่นมันค่อนข้างหืนพอสมควรทำให้ทาแล้วรู้สึกไม่ Fresh และ primer ตัวนี้ไม่ได้ช่วยในเรื่องความความชุ่มชื่นเลย
ค่าเสียหาย: ชิซื้อจากเคาน์เตอร์สยามพารากอน ราคา 2,600บาท
ให้คะแนน
Packaging: 10/10
ราคา: 6/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 7/10
ความพอใจ: 5/10
มาพูดถึงตัวถัดไปกันเลย ก็คือ Hydra veil จากแบรนด์ illamasqua ตัวนี้ชิได้มาจากการไปร่วม Workshop กับแบรนด์ illamasqua
Packaging: แพคเกจเป็นกระปุกพลาสติคสีดำ ฝาหมุน
วิธีการใช้: เปิดฝาออกมา แล้วจะพบพลาสติคกั้นอยู่และไม้พาย ที่ใช้ในการคนและตักเนื้อผลิตภัณฑ์ จะต้องคนก่อนตักผลิตภัณฑ์ขึ้นมา แต่วันไหนที่เร่งรีบชิจะตักผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเลยจำนวนหนึ่งและค่อยๆตบๆเนื้อผลิตภัณฑ์ให้แตกตัว แล้วจึงทาไปบริเวณหน้าเพื่อให้เกิดประสิทธิผลอันสูงสุด
ปริมาณ: 30ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นสีเนื้อเจลสีใส เนื้อจะค่อนข้างเด้งดึ๋งหน่อย
ผลลัพธ์ที่ได้: ทาลงไปบางๆเหมือนเป็นฟิล์มเคลือบอยู่บนใบหน้า ช่วงแรกใช้รู้สึกไม่ค่อยชอบ เพราะทาลงไปแล้วเนื้อจะเหนียวนิดนึงค่ะ แต่ด้วยความที่ผลลัพธ์มันออกมาค่อนข้างพอใจมากเพราะชิหน้าแห้ง ใช้แล้วเครื่องสำอางติดทน ไม่เป็นคลาบหรือตกล่อง
ข้อเสีย: ต้องรีบทาให้ไหว เพราะเนื้อแห้งเร็วมากๆ
ค่าเสียหาย: 1,590บาท
ให้คะแนน
Packaging: 7/10
ราคา: 8/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 8/10
ความพอใจ: 7/10
มาถึงตัวที่สามขอแอบว่าตัวนี้เป็นที่สุดของชิเลย ก็คือ Tinted moisturizer จากแบรนด์ Laura Mercier มาพร้อม SPF 30 UVB/UVA / PA+++
Packaging: เป็นหลอด ซึ่งตอนแรกที่ไปดูค่อนข้างตกใจ หลอดใหญ่มาก รู้สึกคุ้มค่ามากๆจริงๆ ฮ่าาาๆๆ
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ’
ปริมาณ: 50ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อครีมสีขาว
ผลลัพธ์ที่ได้: ชิชอบตัวนี้มากๆๆๆ รู้สึกทุกวันเอาอยุ่จริงๆ สำหรับวันไหนที่คิดอะไรไม่ออกก็จะหยิบใช้ตัวนี้เลย เพราะรู้สึกมันเบาหน้า และมีกันแดดในตัวเลย
ข้อเสีย: ได้ยินว่าหลายๆคนว่า กลิ่นไม่ค่อยพึงประสงค์ แต่โดยส่วนตัวใช้แล้วไม่รู้สึกขัดใจอะไร แต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นหอมที่ทาแล้วรู้สึกสดชื่นอะไรค่ะ
ค่าเสียหาย: ตัวนี้ชิได้มาจาก Sephora ที่ Singapore ราคา 1300 ขอพูดโดยประมาณนะค่ะ เพราะซื้อมาค่อนข้างนานแล้ว ส่วนเคาน์เตอร์ที่ไทยขายที่ 1,590.-
ให้คะแนน
Packaging: 6/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 9/10
ความพอใจ: 8/10
มาถึงตัวที่สีแล้ว ตัวนี้ยังคงอยู่ที่แบรนด์ Laura Mercier ซึ่ง Primer ของ Laura มีหลายสูตรมากๆ เพื่อตอบโจทย์ผิวของสาวๆหลายประเภท ซึ่งตัวนี้เป็น Primer สูตรแรกของ Laura เดี๋ยวมาดูกันว่าจะเริ่ดรึป่าว
Packaging: เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เป็นหลอดลักษณะและขนาดเดียวกัน
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ
ปริมาณ: 50ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อครีมสีขาวใส
ผลลัพธ์ที่ได้: จริงๆชิได้ตัวนี้หลังจากสูตรก่อนหน้านี้สักพักเลย ซึ่งใช้สูตรนั้นก็รู้สึกว่ามันแจ่มมากแล้ว พอมีโอกาสได้ตัวนี้มาลองใช้ คิดว่ามาแจ่มยิ่งกว่า เพราะอย่างที่บอกว่าชิเป็นคนหน้าแห้งมาก ใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกเบาสบายหน้า ให้ความชุ่มชื่นขั้นสุด แต่อาจจะต้องทิ้งไว้สักพักจึงจะแห้ง
ข้อเสีย: โดยส่วนตัวคิดว่าคนหน้ามัน ไม่เหมาะสำหรับสูตรนี้ แต่ Primer ของ Laura มีหลายสูตรมากๆ มีสำหรับคนหน้ามันด้วย และเนื้อผลิตภัณฑ์แห้งช้า หากเทียบกับตัวอื่นๆ กลิ่นค่อยข้างไม่พึงประสง
ค่าเสียหาย: ตัวนี้ชิได้มาจากถุง Gift set ที่ไปร่วมงาน Workshop กับทางแบรนด์ ซึ่งราคาที่เคาน์เตอร์อยู่ 1,590บาทค่ะ
ให้คะแนน
Packaging: 6/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 9/10
ความพอใจ: 9/10
มาถึง primer ตัวถัดไปเป็นที่ยอดฮิต ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆกับ The Pore fessional จากฝั่ง benefit
Packaging: เป็นหลอดโฟม เนื้อด้านฝาหมุน หลอดขนาดกำลังดี พกพาสะดวก
วิธีการใช้: หมุนฝาออกและบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาตามต้องการ
ปริมาณ: 22ml.
เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อซิลิโคนสีเนื้อ ที่ทาลงไปแล้วไม่ก่อให้เกิดสีใดๆปรากฎลงบนผิวหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้: การใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ต้องเน้นย้ำเลยว่าอย่าใช้เยอะ เพราะสำหรับชิที่วันไหนหน้าแห้งมาก จะใช้ไม่ได้เลย เพราะตัวซิลิโคลนจะไม่เกราะผิว แต่เมื่อทาลงไป ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มมากกกก(เน้น) สบายหน้า ปกปิดรูขุมขนได้ดี
ข้อเสีย: หากใช้ในปริมาณที่เยอะเกิน อาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มันลอกเป็นขลุยๆ
ค่าเสียหาย: ราคา 1,250.- เคาน์เตอร์ไทย
ให้คะแนน
Packaging: 7/10
ราคา: 10/10
ผลลัพธ์ที่ได้: 8/10
ความพอใจ: 10/10
หากชิให้ข้อมูลหรือพิมพ์ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ
^^
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว