การบินไทยไล่ช็อปมืออาชีพต่างชาติเสริมทัพ จ้างอดีตซีอีโอ โอมานแอร์เป็นที่ปรึกษาเหมาจ่ายเป็นแพ็กเกจ 6 เดือน 9 ล้านบาท แลกประสบการณ์โชกโชน “จรัมพร” แจงหวังช่วยยกเครื่องฝ่ายการพาณิชย์ รับการแข่งขันเดือด วางรากฐานรายได้โตแบบยั่งยืน ทั้งยังเปิดสรรหาอีก 3 อีวีพี ทั้งไทย/เทศ ร่วมงานด้านตลาด–ครัวการบินหลังได้มือดีจาก CIMB และยูนิลีเวอร์ร่วมทีมแล้ว
นายจรัมพรโชติกเสถียรกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้การบินไทยเปิดกว้างดึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเข้ามาร่วมงานกับการบินไทย เพื่อหวังนำโนว์ฮาวจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยวางระบบการทำงานให้องค์กรเกิดความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รองรับการแข่งขันในธุรกิจการบินที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากในอดีตแม้สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ส หรือSAS จะได้วางรากฐานอย่างดี แต่ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจการบินเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก วิธีการบริหารงานต่างๆ จึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ขณะนี้จึงถึงเวลาแล้วที่การบินไทยต้องมีการวางรากฐานใหม่ โดยเฉพาะงานด้านการพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องดึงผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์จริงเข้ามาร่วมวางแผนปฏิบัติการเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนรายได้ที่จะทำให้การบินไทยกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ต้องใช้ประสบการณ์จริงไม่ใช่จ้างบริษัทที่ปรึกษา จึงได้มอบหมายให้เฮดฮันเตอร์สรรหาผู้ที่เหมาะสม จนได้นายเวย์นเพียร์ซ (Wayne Pearce) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์และบอร์ดเห็นชอบแล้ว
“โดยนายเพียร์ซมีประสบการณ์ด้านการบินสูงมาก เคยเป็นซีอีโอโอมาน แอร์ และเคยเป็นผู้บริหารของเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินตะวันออกกลางที่มีความแข็งแกร่งมาก การดึงเขาเข้ามาร่วมงานก็จะทำให้คนในองค์กรได้เรียนรู้วิธีการทำงานในแบบออนเดอะจ็อบ เทรนนิ่ง (เรียนรู้จากประสบการณ์ทำงานจริง) ขณะเดียวกันก็จะเข้ามาช่วยผมดูการปรับวิธีการทำงานของสายการพาณิชย์ให้สอดรับกับการแข่งขันในยุคนี้ ทั้งการวางโครงสร้างองค์กร ระบบการจัดการ เครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสม ติดตามประเมินกำหนดวิธีการที่จะผลักดันการขาย ซึ่งจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งแง่ขององค์กร และระบบวิธีการทำงานของสายการพาณิชย์ เพราะได้ครูเข้ามาช่วยดู ก็จะทำให้เร็วขึ้น เพราะเขาเคยทำมาแล้ว”
นายจรัมพรยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในส่วนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงยังเปิดกว้างให้คนนอกเข้ามาร่วมงานด้วยเช่นกัน เช่น ตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี (ดีอี) ที่ว่างมานาน และมีการสรรหาก่อนที่ตนจะเข้ามานั่งดีดีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมา แต่ผมมาหาให้ ส่วนการสรรหาคนนอกในยุคผม นอกจากดึงอดีตซีอีโอโอมานแอร์มาเป็นที่ปรึกษาเป็นเวลา 6 เดือน หากผลงานดีก็สามารถต่ออายุได้ทีละ 6 เดือนแล้ว ยังมีตำแหน่งด้านทรัพยากรบุคคล ที่เป็นตำแหน่งใหม่ดูแลด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการพัฒนาบุคคลกรซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาบุคลากร
ขณะเดียวกันในส่วนของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง(ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรืออีวีพี) จำนวน 3 ตำแหน่งที่จะเกษียณในปีนี้ คือ นายสุรพล อิศรางกูร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์(ดีเอ็น) ร.ต.อนุสสรณ์ นาคศรีชุ่ม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หน่วยธุรกิจบริการการบิน(ดี1) และนายพูนศักดิ์ ชุมช่วย กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน (ดีซี) ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาร่วมแข่งขันด้วย ซึ่งปิดรับสมัครไปแล้ว
โดยตำแหน่งดีเอ็นและดีซี เปิดให้ต่างประเทศเข้าร่วมสมัครได้ ส่วนตำแหน่งดี 1 จะเป็นเฉพาะคนไทย เพราะมองว่าการบินไทยบริการคนทั้งโลก คู่แข่งอยู่ทั่วโลก ควรเปิดกว้างให้คนมีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้ หรือแม้แต่ครัวการบิน ก็ไม่ได้เพียงบริการแต่การบินไทย แต่ยังบริการสายการบินต่างๆด้วย ซึ่งตำแหน่งที่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขัน ก็จะเลือกเฉพาะตำแหน่งที่คิดว่าจำเป็น และการบินไทยยังขาด เพื่อให้เกิดการแข่งขันและได้คนที่เหมาะสมที่สุด
“การเปิดกว้างให้คนนอกทั้งคนไทยและต่างชาติบางตำแหน่งเข้ามาสมัครได้ ไม่เพียงแต่การบินไทยจะได้คนที่เก่งเข้ามาทำงาน แต่การแข่งขันที่เกิดขึ้น จะทำให้คนในองค์กรตื่นตัว และจะมีคนในเข้ามาสมัครด้วยเหมือนกัน ซึ่งแม้ทั้ง 3 ตำแหน่งจะปิดรับสมัครไปแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าคนที่สมัครเข้ามามีคุณสมบัติพร้อมหรือไม่ ซึ่งก็ยังต้องพิจารณาในหลายขั้นตอน”
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปการบินไทย ขณะนี้ถือว่าอยู่ในช่วงครึ่งทางของลดการขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมามีการลดกำลังผลิต จากการลดเส้นทางที่ไม่ทำกำไรก่อนหน้านี้ ซึ่งลดกำลังผลิตไปแล้ว 9.5% และในอีก 10 วันจากนี้ก็จะทราบว่าจะลดเส้นทางบินอีกเท่าไหร่ในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ ขณะที่การขายเครื่องบิน ขายไปแล้ว 17 ลำ จากทั้งหมด 42 ลำ ซึ่งตามแผนการปฏิรูปคาดว่าเดือนมกราคมปี 2560 การบินไทยจะมีศักยภาพที่จะแข่งขันได้ และสามารถทำการบินในเส้นทางที่มีการถอยออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งนายจรัมพรกล่าวทิ้งท้าย
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) เผยว่า นอกเหนือจากนาย เวย์น เพียร์ซ ที่มาเป็นที่ปรึกษา นาน 6 เดือน (กรกฎาคม–ธันวาคม 2558) ค่าจ้าง 9 ล้านบาท (รวม เงินเดือนอยู่เดือนละ 1 ล้านบาท รวมค่าที่พักและอื่น ๆเป็น 1.5 ล้านบาทต่อเดือน) แล้วยังมีผู้บริหารอีก 2 คนคือ นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ซีไอเอ็มบี เข้ามาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี (ดีอี) เริ่มงานวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ และ นายสุรพงษ์ แสงอรุณ อดีตผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล (เอชอาร์) จากบริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.)มาดำรงตำแหน่งใหม่ด้านทรัพยากรบุคคลของการบินไทย ดูแลด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการพัฒนาบุคคลกร หรือ(เอ 9) ซึ่งเป็นสายงานใหม่ ขึ้นตรงกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคลและบริหารทั่วไป
“ช่วง 1 เดือนแรก เพียร์ซ จะเข้ามาศึกษาระบบการทำงานด้านการพาณิชย์ ล่าสุดมีการเรียกประชุมแล้ว1 ครั้ง เพื่อสอบถามข้อมูลด้านการขายและจะใช้เวลาอีก 3 เดือนเพื่อรับฟังคำแนะนำว่าการบินไทยจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการผลักดันรายได้เชิงพาณิชย์อย่างไร อีก 2 เดือนที่เหลือก็จะสรุปข้อมูลเพื่อนำมาดำเนินการตามแผนปฏิรูปการบินไทยในระยะกลางและระยะยาวต่อไป”
อย่างไรก็ดีในส่วนของโครงการ”ร่วมใจจาก”และโกลเด้นท์แฮนด์ เช็ค ในปีนี้มีคนสมัครเข้าร่วมโครงการในปีนี้รวม 2 โครงการอยู่ที่ 1,401 คน วงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ วันที่ 1 กรกฎาคม 1 ตุลาคม และ 1 ธันวาคมนี้ โดยพนักงานที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสูงสุดไม่เกิน 30 เดือนแต่ต้องไม่เกินอายุงานที่เหลือ
สำหรับ เวนย์ เพียร์ซ เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของสายการบินชั้นนำมาแล้ว 3 สาย โดยเคยร่วมงานกับสายการบินแควนตัส ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการภูมิภาคด้านการวางแผน ต่อมาย้ายไปเป็นประธานกรรมการกรุ๊ปของบริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่อังกฤษ Gold Medal Travel กระทั่งถูกทาบทามมาเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ด้านกลยุทธ์และวางแผนของสายการบินเอทิฮัดนาน 4 ปี ก่อนเป็นซีอีโอของสายการบินโอมานแอร์ ได้ 2 ปี ได้ลาออกเมื่อปี 2557 ก่อนที่จะเข้าร่วมกับการบินไทย ในฐานะที่ปรึกษา จบการศึกษาจาก Macquarie University Sydney ประเทศออสเตรเลียมีบุตร 2 คน
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ก็ได้จ้างผู้บริหารต่างชาติ Mr.Christoph Mueller อดีตซีอีโอของสายการบิน Aer Lingus สายการบินแห่งชาติของไอส์แลนด์ และเคยร่วมงานกับสายการบินชั้นนำในยุโรปหลายสายร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูงด้วย
http://www.thansettakij.com/2015/07/09/4567
......................
การบินไทยเริ่มปรับตัว จ้างมืออาชีพ มาบริหารแล้ว เริ่มมีความหวัง
ดึงอดีตบิ๊กโอมานแอร์ฟื้นบินไทย รับค่าจ้างเดือนละ 1.5 ล้านบาท
การบินไทยไล่ช็อปมืออาชีพต่างชาติเสริมทัพ จ้างอดีตซีอีโอ โอมานแอร์เป็นที่ปรึกษาเหมาจ่ายเป็นแพ็กเกจ 6 เดือน 9 ล้านบาท แลกประสบการณ์โชกโชน “จรัมพร” แจงหวังช่วยยกเครื่องฝ่ายการพาณิชย์ รับการแข่งขันเดือด วางรากฐานรายได้โตแบบยั่งยืน ทั้งยังเปิดสรรหาอีก 3 อีวีพี ทั้งไทย/เทศ ร่วมงานด้านตลาด–ครัวการบินหลังได้มือดีจาก CIMB และยูนิลีเวอร์ร่วมทีมแล้ว
นายจรัมพรโชติกเสถียรกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้การบินไทยเปิดกว้างดึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเข้ามาร่วมงานกับการบินไทย เพื่อหวังนำโนว์ฮาวจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยวางระบบการทำงานให้องค์กรเกิดความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รองรับการแข่งขันในธุรกิจการบินที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากในอดีตแม้สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ส หรือSAS จะได้วางรากฐานอย่างดี แต่ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจการบินเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก วิธีการบริหารงานต่างๆ จึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ขณะนี้จึงถึงเวลาแล้วที่การบินไทยต้องมีการวางรากฐานใหม่ โดยเฉพาะงานด้านการพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องดึงผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์จริงเข้ามาร่วมวางแผนปฏิบัติการเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนรายได้ที่จะทำให้การบินไทยกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ต้องใช้ประสบการณ์จริงไม่ใช่จ้างบริษัทที่ปรึกษา จึงได้มอบหมายให้เฮดฮันเตอร์สรรหาผู้ที่เหมาะสม จนได้นายเวย์นเพียร์ซ (Wayne Pearce) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์และบอร์ดเห็นชอบแล้ว
“โดยนายเพียร์ซมีประสบการณ์ด้านการบินสูงมาก เคยเป็นซีอีโอโอมาน แอร์ และเคยเป็นผู้บริหารของเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินตะวันออกกลางที่มีความแข็งแกร่งมาก การดึงเขาเข้ามาร่วมงานก็จะทำให้คนในองค์กรได้เรียนรู้วิธีการทำงานในแบบออนเดอะจ็อบ เทรนนิ่ง (เรียนรู้จากประสบการณ์ทำงานจริง) ขณะเดียวกันก็จะเข้ามาช่วยผมดูการปรับวิธีการทำงานของสายการพาณิชย์ให้สอดรับกับการแข่งขันในยุคนี้ ทั้งการวางโครงสร้างองค์กร ระบบการจัดการ เครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสม ติดตามประเมินกำหนดวิธีการที่จะผลักดันการขาย ซึ่งจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งแง่ขององค์กร และระบบวิธีการทำงานของสายการพาณิชย์ เพราะได้ครูเข้ามาช่วยดู ก็จะทำให้เร็วขึ้น เพราะเขาเคยทำมาแล้ว”
นายจรัมพรยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในส่วนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงยังเปิดกว้างให้คนนอกเข้ามาร่วมงานด้วยเช่นกัน เช่น ตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี (ดีอี) ที่ว่างมานาน และมีการสรรหาก่อนที่ตนจะเข้ามานั่งดีดีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมา แต่ผมมาหาให้ ส่วนการสรรหาคนนอกในยุคผม นอกจากดึงอดีตซีอีโอโอมานแอร์มาเป็นที่ปรึกษาเป็นเวลา 6 เดือน หากผลงานดีก็สามารถต่ออายุได้ทีละ 6 เดือนแล้ว ยังมีตำแหน่งด้านทรัพยากรบุคคล ที่เป็นตำแหน่งใหม่ดูแลด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการพัฒนาบุคคลกรซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาบุคลากร
ขณะเดียวกันในส่วนของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง(ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรืออีวีพี) จำนวน 3 ตำแหน่งที่จะเกษียณในปีนี้ คือ นายสุรพล อิศรางกูร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์(ดีเอ็น) ร.ต.อนุสสรณ์ นาคศรีชุ่ม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หน่วยธุรกิจบริการการบิน(ดี1) และนายพูนศักดิ์ ชุมช่วย กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน (ดีซี) ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาร่วมแข่งขันด้วย ซึ่งปิดรับสมัครไปแล้ว
โดยตำแหน่งดีเอ็นและดีซี เปิดให้ต่างประเทศเข้าร่วมสมัครได้ ส่วนตำแหน่งดี 1 จะเป็นเฉพาะคนไทย เพราะมองว่าการบินไทยบริการคนทั้งโลก คู่แข่งอยู่ทั่วโลก ควรเปิดกว้างให้คนมีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้ หรือแม้แต่ครัวการบิน ก็ไม่ได้เพียงบริการแต่การบินไทย แต่ยังบริการสายการบินต่างๆด้วย ซึ่งตำแหน่งที่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขัน ก็จะเลือกเฉพาะตำแหน่งที่คิดว่าจำเป็น และการบินไทยยังขาด เพื่อให้เกิดการแข่งขันและได้คนที่เหมาะสมที่สุด
“การเปิดกว้างให้คนนอกทั้งคนไทยและต่างชาติบางตำแหน่งเข้ามาสมัครได้ ไม่เพียงแต่การบินไทยจะได้คนที่เก่งเข้ามาทำงาน แต่การแข่งขันที่เกิดขึ้น จะทำให้คนในองค์กรตื่นตัว และจะมีคนในเข้ามาสมัครด้วยเหมือนกัน ซึ่งแม้ทั้ง 3 ตำแหน่งจะปิดรับสมัครไปแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าคนที่สมัครเข้ามามีคุณสมบัติพร้อมหรือไม่ ซึ่งก็ยังต้องพิจารณาในหลายขั้นตอน”
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปการบินไทย ขณะนี้ถือว่าอยู่ในช่วงครึ่งทางของลดการขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมามีการลดกำลังผลิต จากการลดเส้นทางที่ไม่ทำกำไรก่อนหน้านี้ ซึ่งลดกำลังผลิตไปแล้ว 9.5% และในอีก 10 วันจากนี้ก็จะทราบว่าจะลดเส้นทางบินอีกเท่าไหร่ในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ ขณะที่การขายเครื่องบิน ขายไปแล้ว 17 ลำ จากทั้งหมด 42 ลำ ซึ่งตามแผนการปฏิรูปคาดว่าเดือนมกราคมปี 2560 การบินไทยจะมีศักยภาพที่จะแข่งขันได้ และสามารถทำการบินในเส้นทางที่มีการถอยออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งนายจรัมพรกล่าวทิ้งท้าย
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) เผยว่า นอกเหนือจากนาย เวย์น เพียร์ซ ที่มาเป็นที่ปรึกษา นาน 6 เดือน (กรกฎาคม–ธันวาคม 2558) ค่าจ้าง 9 ล้านบาท (รวม เงินเดือนอยู่เดือนละ 1 ล้านบาท รวมค่าที่พักและอื่น ๆเป็น 1.5 ล้านบาทต่อเดือน) แล้วยังมีผู้บริหารอีก 2 คนคือ นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ซีไอเอ็มบี เข้ามาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี (ดีอี) เริ่มงานวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ และ นายสุรพงษ์ แสงอรุณ อดีตผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล (เอชอาร์) จากบริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.)มาดำรงตำแหน่งใหม่ด้านทรัพยากรบุคคลของการบินไทย ดูแลด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการพัฒนาบุคคลกร หรือ(เอ 9) ซึ่งเป็นสายงานใหม่ ขึ้นตรงกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคลและบริหารทั่วไป
“ช่วง 1 เดือนแรก เพียร์ซ จะเข้ามาศึกษาระบบการทำงานด้านการพาณิชย์ ล่าสุดมีการเรียกประชุมแล้ว1 ครั้ง เพื่อสอบถามข้อมูลด้านการขายและจะใช้เวลาอีก 3 เดือนเพื่อรับฟังคำแนะนำว่าการบินไทยจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการผลักดันรายได้เชิงพาณิชย์อย่างไร อีก 2 เดือนที่เหลือก็จะสรุปข้อมูลเพื่อนำมาดำเนินการตามแผนปฏิรูปการบินไทยในระยะกลางและระยะยาวต่อไป”
อย่างไรก็ดีในส่วนของโครงการ”ร่วมใจจาก”และโกลเด้นท์แฮนด์ เช็ค ในปีนี้มีคนสมัครเข้าร่วมโครงการในปีนี้รวม 2 โครงการอยู่ที่ 1,401 คน วงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ วันที่ 1 กรกฎาคม 1 ตุลาคม และ 1 ธันวาคมนี้ โดยพนักงานที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสูงสุดไม่เกิน 30 เดือนแต่ต้องไม่เกินอายุงานที่เหลือ
สำหรับ เวนย์ เพียร์ซ เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของสายการบินชั้นนำมาแล้ว 3 สาย โดยเคยร่วมงานกับสายการบินแควนตัส ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการภูมิภาคด้านการวางแผน ต่อมาย้ายไปเป็นประธานกรรมการกรุ๊ปของบริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่อังกฤษ Gold Medal Travel กระทั่งถูกทาบทามมาเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ด้านกลยุทธ์และวางแผนของสายการบินเอทิฮัดนาน 4 ปี ก่อนเป็นซีอีโอของสายการบินโอมานแอร์ ได้ 2 ปี ได้ลาออกเมื่อปี 2557 ก่อนที่จะเข้าร่วมกับการบินไทย ในฐานะที่ปรึกษา จบการศึกษาจาก Macquarie University Sydney ประเทศออสเตรเลียมีบุตร 2 คน
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ก็ได้จ้างผู้บริหารต่างชาติ Mr.Christoph Mueller อดีตซีอีโอของสายการบิน Aer Lingus สายการบินแห่งชาติของไอส์แลนด์ และเคยร่วมงานกับสายการบินชั้นนำในยุโรปหลายสายร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูงด้วย
http://www.thansettakij.com/2015/07/09/4567
......................
การบินไทยเริ่มปรับตัว จ้างมืออาชีพ มาบริหารแล้ว เริ่มมีความหวัง