[SR] PLATINUM MONACO 200 เปิดใจไปลองขี่ ครุยเซอร์ยี่ห้อไทยๆ

กระทู้รีวิว


สวัสดีครับเพื่อนพ้องพี่น้องสมาชิกทุกท่าน อมยิ้ม17

วันนี้ก็ได้โอกาสนำเอาข้อมูลที่ได้ไปลองขี่รถมอเตอร์ไซคมาฝากกันอีกเช่นเคย คราวนี้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อไทย ที่เคยมีชื่อเสีย(ง)เลื่องลือในด้าน...ลบ!!อยู่ไม่น้อย (เอ๊ะ..หรือมาก) เอาเป็นว่าไม่รู้ว่าดวงเฮงหรือราหูเข้าแทรก จู่ๆอาจารย์สอนภาษาไทยหน้าไทยที่เคยขาเป๋ท่านหนึ่ง คนที่...คุณก็รู้ว่าใคร โทรรมาชวนไปดูรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่แถวๆตลาดน้ำที่มีคอกม้ามีแกะเพี้ยนๆอยู่สองสามตัวที่หาเรื่องดราม่าได้โด่งดังนั่นแหละ...อืมมมม ใบ้ขนาดนี้น่าจะรู้แล้วว่าใคร ๕๕๕

นั่งคุยไปกันคุยกันมา จากรถมอเตอร์ไซค์คันเดียว...กลับแยกร่างงอกเพิ่มมาเป็นสองคัน เพื่อเป็นพาหนะให้หนึ่งหมีบ้าขี่รถเที่ยว กับครูภาษาไทยขาเป๋ ไปร่วมทางกันเพื่อลองดูว่า ไอ่ที่ร่ำ...ไอ่ที่ลือ..กันหนักหนาว่ารถยี่ห้อนี้ห่วยนะ ขี่ๆไปเดี๋ยวไอ่นั่นหลุดไอ่นี่พังนะ...มันจะหลุดไหมพังไหม เดี๋ยวรู้กัน หึหึ

อ่อ มอเตอร์ไซคที่ปรากฎในกระทู้นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ให้ยืมไปขี่ แถมน้ำมันให้ด้วยตลอดระยะทาง แถมค่าที่พักให้อีก แวะกินข้าวก็เบิกได้ ที่สำคัญคือคนให้ยืมบอกว่า...มีอะไรตรงไหนที่ไม่ดี บอกเล่าได้เต็มที่ ว๊ะฮ่าฮ่า เข้าทางเดียวกับการทำงานของทีมแอดมินเพจมอเตอร์ไซค์พันทิพ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พอดีเลยจ้า จึงเป็นกระทู้ Sponsor Review ตามกติกาของพันทิป ซึ่งนโยบายของทีมเรายืนยันการทำในลักษณะอะไรที่ดีก็บอก อะไรไม่ชอบก็เล่า หากผู้ประกอบการไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้เราก็ไม่ยินดีที่จะรับการสนับสนุนนะจ๊ะ

เกริ่นมาซะนานนม ไปกันยังล่ะ ป่ะ!!!



เราสองเดินทางกันวันที่เท่าไร..จำไม่ได้ละ ช่างมันเถอะ อิอิ เอาเป็นว่าออกจากบางกอกก็บ่ายกลางๆแล้ว...สัมผัสแรกที่ได้ขี่ จากในกลางเมืองแถวๆสะพานเหลืองออกมาถึงทุ่งรังสิต พบว่าตัวรถถือว่าค่อนข้างเบา (เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์โดยรวม) การลัดเลาะซ่อกแซกไปตามจังหวะการจราจรที่หนาแน่นของบางกอก ทำได้ดี บอกได้เลยว่าดีกว่าที่คิดไว้ สรุปเรื่องใช้งานในเมืองให้เลยว่าเป็นครุยเซอร์ขนาดย่อมๆที่พอไปได้กับจังหวะของเมืองหลวงเลยทีเดียว (ถ้าเฉพาะคนขี่นะ ไม่ได้ลองซ้อนซะด้วยสิ)

จากนั้น ด้วยเกรงว่าจะถึงปลายทางมืดเกินไป จากรังสิตจึงเดินทางด้วยความเร็วเดินทางมาเรื่อยๆ ถ้าถามว่าเจ้าPLATNUM MONACO 200 คันนี้วิ่งได้เต็มที่(Max Speed) เท่าไร ถ้าเอาจากหุ่นผมวิ่งได้ประมาณ120กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหลๆลงเนินหน่อยก็ไหลไปได้ถึงแถวๆ130อยู่เหมือนกัน (ว่าตามเข็มนะ ไม่ได้จับ GPS) ขี่กันมาเรื่อยๆ จับอัตราสิ้นเปลืองแบบหมดปลอกได้ประมาณ 35 กิโลเมตรต่อลิตร...ไม่เลวๆ

จากสระบุรี เมื่อเลี้ยวขวา ....มิตรภาพก็เริ่มขึ้นที่นี่...(ตึ่งโป๊ะ) ไหลตามทางมาเรื่อยๆ เมื่อแดดร่มลมเย็น ทิวทัศน์ของผืนน้ำตัดกับขุนเขาก็ปรากฎขึ้นเบื้องซ้าย...นึกขึ้นได้ มีอะไรเด็ดๆแถวนี้นี่!! คว่ำฝ่ามือซ้ายและยกแขนซ้ายขึ้นลงในระนาบไม่เกินไหล่เป็นอาณัติสัญญาณให้ครูภาษาไทยฝีปากกล้าว่า เฮ้ยๆ เบาๆ จอดซ้ายยยยยย แล้วก็เลี้ยวซ้ายลงไปกินลมเล่นกันดีกว่า (บางรูปตาหนวดถ่ายนะจ๊ะ)

















แบบสองคันบ้าง









พอละ ถ่ายกันนานกว่านี้จะมืดเสียก่อน

จากนั้นเราก็ยิงยาวไปสีคิ้วเลี้ยวขวาเข้าโชคชัย นางรอง บุรีรัมย์ตามลำดับ...เข้าที่พัก ออกไปหาอะไรกินกัน กลับมานอน เช้ามาก็แยกย้ายกันไปทำธุระของใครของมัน ผมก็เลยไปหาที่ถ่ายรูปเล่น ซึ่งมาถึงนี่ก็มักจะไม่พลาดที่จะต้องไปที่....

จะคอบอลหรือไม่คอบอลก็ควรต้องมาเยือนสักครั้ง




และสำหรับห้องรัชดา ถ้าได้ผ่านไปอิสานใต้ ก็ควรแวะมาที่นี่สักหน่อย






วันนั้น ขากลับ ตาหนวดก็ล่วงหน้ากลับไปก่อน ส่วนผมแวะนอนโคราชอีกจั้กคืน ตื่นสายๆแล้วกลับทางวังน้ำเขียวหาโอโซนอัดใส่ปอดสักหน่อย และแวะหาที่เก๊กถ่ายรูปกับรถเล่นอีกเช่นเคย ฮี่ๆ











มาถึงแถวนี้แล้ว ศิษย์เจ้าพ่อเขาใหญ่แบบผมจะไม่แว้บเขาใหญ่เลยสิแปลก กลับจากอิสานทีไรชอบไถลกลับบางกอกทางนี้แหละ ถึงช้าหน่อย อ้อมไปนิด แต่ใจมันรักซะแล้วจะให้ทำไงล่ะ เสียงท่อของคันนี้ก็ไม่ดังอะไรมากมาย ผ่านขึ้นไปได้สบายๆ(เสียงท่อกำลังดีเลยไม่เบาจนเงียบ แต่ก็ไม่ดังน่ารำคาญ)

มุมหากินที่โป่งชมรมเพื่อน






เรื่องเที่ยวก็เยอะแล้ว มาเหลากันเรื่องรถบ้างเช่นเคย

มาไล่ดูกันทีละส่วนก่อนเนอะ

ยางหน้าขนาด 110/90 ขอบ 16 นิ้ว ดูอวบอัดกำลังดี พร้อมกับระบบห้ามล้อแบบดิสก์เบรคจานเดี่ยว แถวๆปั้มเบรคมีอะไรแปลกๆ สอบถามได้ความว่าเป็นระบบ ABS สไตล์แพนด้า...(ไม่ได้ลองใช้งานซะด้วยสิ) ข้างกระบอกโช๊คหน้าแบบเทเลสโคปิคมีแถบสะท้อนแสงสีเหลืองให้ด้วย



ชุดไฟส่องสว่าง มากันสามดวง ไฟหน้าหลักๆคือดวงกลาง อีกสองข้างเป็นไฟหรี่จ้า



หลอดไฟหน้าแบบนี้ โบราณไปหน่อยนะเนี่ย


เรือนไมล์ให้มาสองลูก ส่วนของไมล์ ให้เลขไมล์มาสองชุด ชุดล่างหมุนปรับเป็น0ได้จ้า ไฟบอกไฟสูงกับเกียร์ว่างแอบอยู่ในเรือนไมล์กับวัดรอบ แถวๆแผงคอก็มีไฟแสดงผลไฟเลี้ยวซ้าย-ขวามาให้


ลึกเข้ามาอีกหน่อย หลังล้อหน้าก็จะเป็นแผงออย์คูลเลอร์ มีโครงเหล็กกันล้มมาให้ด้วยนะเออ แล้วก็ห้อยแตรไว้ที่โครงกันล้มข้างละดวง เสียงแตรก็พอไปวัดไปวาได้


พักเท้าคนขี่ด้านขวามาสไตล์ครุยเซอร์เต็มๆ ก็โอเค วางได้เต็มเท้าดี


พักเท้าด้านขวา ก็มาแบบเดียวกัน วางเท้าเต็มสบายๆ คันเกียร์ชุบมาให้ด้วย


โอ๊ะโอ มีตาแมวมาให้ดูระดับน้ำมันเครื่องด้วยนะเออ


ฝาเกลียวในสำหรับเปิดเพื่อเติมน้ำมันเครื่อง ดูๆแล้วไม่ใช้กรวยช่วยนี่น่าจะเติมน้ำมันเครื่องลำบากไปนิด


คาบูเรเตอร์ เจ้าของเขาเคลมว่าตัวนี้ยอมสั่งญี่ปุ่นมาเลยนะเออ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มีแต่ JAPAN ไม่มี MADE IN แต่เท่าที่ใช้งานก็ทำงานได้ดีไม่มีปัญหาอึ่กอั่กๆอะไรแม้จะเค้นยาวๆตลอดการใช้งานพันกว่ากิโลเมตร


ระบบไอเสียออกจากเครื่องมีคอท่อตัวเดียวมาออกสองปลาย มี ม.อ.ก.ให้ด้วย อุ่นใจจ้า


ประกับข้างขวา มี off-run สวิทช์เปิด-ปิดไฟหน้าไฟหรี่ แล้วก็สวิทช์สตาร์ทเครื่อง


ประกับข้างซ้าย มีสวิทช์ตีไฟสูง สวิทช์ไฟเลี้ยว สวิทช์แตร


ที่ถังน้ำมันครอบถังด้านบนทำจากพลาสติกสีดำ แถมยังมีเกจน์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงมาด้วยนะเออ (แต่ก็ยังมีก๊อกน้ำมันให้ด้านข้างซ้ายของเครื่องนะ)


เบาะคนขี่นั่งเกือบสบายละ ถ้าขยับยืดมาข้างหลังได้อีกนิดจะแจ่มมาก ส่วนเบาะคนซ้อนไม่ได้ลองใช้งานจ้า


ตำแหน่งของกระจกมองข้างนี่พอดีเลย ใช้งานได้ดี


พักเท้าคนซ้อนไม่มียางหุ้ม น่าจะกระด้างนิดหน่อย แต่ก็บากกันลื่นมาให้แทน


บังโคลนท้ายหุ้มแบบจัดเต็มไม่ต้องกลัวดีดกันเลย อ้อ ไฟเลี้ยวเป็น LEDนะจ๊ะ ยางหลังให้มาหน้ากว้าง 130/ แก้มสูง 90 กับขนาดวงล้อ 15 นิ้วจ้า
ชื่อสินค้า:   PLATNUM MONACO 200
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่