อ่านแล้วเห็นรายละเอียดในละครเจ้านาง 2558 มากขึ้น
บทประพันธ์ของ "คม ขาวทอง"
เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นที่เมืองนาย เมืองนายเป็นเมืองในปกครองของ
นพบุรีศรีพิงคนครเชียงใหม่ ปัจจุบันเมืองนี้ขึ้นกับเมืองเชียงตุง รัฐไทยใหญ่
"เมืองนาย" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ "เมืองปั่น" ในสมัยราชวงศ์มังราย"เมืองนาย"
เป็นเมืองลูกของเชียงใหม่ เนื่องจากพญามังรายได้ส่งราชโอรสพระนาม
"ขุนเครือ"มาปกครอง"เมืองนาย"
และกษัตริย์เชียงใหม่องค์สุดท้ายของราชวงศ์มังรายคือพระแม่เจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์
ไพร่ฟ้าเมืองเชียงใหม่ก็กราบทูลเชิญมาจาก"เมืองนาย"
และเมืองนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเชียงใหม่เป็นระยะทางตามสายน้ำแตง
สายน้ำทา สายน้ำจ้อด "ท่าผาแดง"เมืองปั่น เมืองนาย ประมาณ ๔๐๐ กิโลเมตร
และเมืองนี้ถูกพระเจ้ากรุงอังวะยกกองทัพเข้ามายึดครอง สมเด็จพระนเรศวรฯจึงกรีธาทัพจากอยุธยา
มายังเมืองเชียงใหม่เพื่อจะยึดเอาเมืองนายกลับคืนและเป้าหมายสุดท้ายคือบดขยี้พระเจ้าอังวะ แต่ทว่าพระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อนขณะอยู่ในระหว่างการเดินทัพออกจากเชียงใหม่มุ่งหน้าไปยัง
"เมืองนาย" ช่วงระหว่างเมืองเชียงใหม่กับแม่น้ำสาละวิน
ในปี ๒๔๒๕ เจ้าขุนโส่ยจี่ เจ้าฟ้าเมืองนาย ก็นำทัพไทใหญ่ขับไล่พม่า ออกไปให้พ้นจากเขตเมืองนาย
เจ้าฟ้าเมืองนาย มีราชบุตร ราชธิดา อยู่ ๔ องค์ คือ
๑. เจ้าล่าฟ้า เกิดแต่พระมหาเทวี
๒. เจ้านางละอองคำ เจ้านางที่เกิดแต่มหาเทวี
๓. เจ้านางปิ่นเมือง เจ้านางที่เกิดแต่เจ้านางเมืองป๋อน
๔. เจ้านางรุ้งแก้ว เจ้านางที่เกิดแต่มหาเทวี
เจ้าพี่น้องทั้ง ๔ เป็นลูกต่างพระมรรดากัน เป็นธรรมเนียมเดิมของเจ้าทางล้านนา
จะอภิเษกสมรสกันได้ถ้าต่างพระมารดาเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ แห่งสายเลือด
เจ้าฟ้าเมืองนายเองก็เช่นกันมีความปรารถนาที่จะให้เจ้าล่าฟ้าเจ้าหอหน้า
อภิเษกสมรสกับเจ้านางปิ่นเมือง
เพราะเจ้านางปิ่นเมืองเป็นราชธิดาที่เกิดแต่แม่เจ้าผู้เป็นราชธิดาแห่งเมืองป๋อน
เมืองป๋อนนี้ในครั้งนั้นเป็นเมืองที่เป็นกำลังสำคัญทางทหารของเมืองนาย
เจ้าล่าฟ้าผู้เป็นเจ้าหอหน้าเมืองนาย
ซึ่งเจ้าหอหน้า ก็เปรียบดังวังหน้าของไทยในสมัยก่อนนั่นเอง
ไม่ได้รักใคร่กับเจ้านางปิ่นเมืองในทางกลับกันเจ้าล่าฟ้า รักใคร่ชอบพออยู่กับ
เจ้านางละอองคำ ที่เกิดแต่มหาเทวีแต่นางโดนใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับชายอื่น
จึงถูกเฆี่ยนจนตาย ดังนั้นเจ้านางละอองคำ จึงไม่ใช่ลูกรักของเจ้าฟ้าเมืองนาย
เจ้านางปิ่นเมือง เองก็เกลียดชังเจ้านางละอองคำยิ่งนัก เพราะนางเองก็อยาก
อภิเษกสมรสกับเจ้าล่าฟ้า เพราะหวังไว้ว่าจะได้เป็นพระมหาเทวีเจ้า ในอนาคต
ดังนั้นนางจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดเจ้านางละอองคำ
ครั้งหนึ่งนางไส่ร้ายเจ้านางละอองคำ ทำให้เจ้านางละอองคำถูกถอดให้ออกไป
ทำงานเช่นเดียวกับนางข้าไท ทั้งหลายทำให้เจ้านางละอองคำเจ็บปวดยิ่งนัก
แต่เจ้านางละอองคำก็รอดพ้นความผิดนี้ไปได้ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าล่าฟ้า
โดยเจ้าล่าฟ้าทูลขอกับเจ้าฟ้าเมืองนาย
เจ้าฟ้าเมืองนายก็ยกโทษให้เจ้านางละอองคำ โดยมีข้อแม้ว่า
* วันนี้เจ้าขอพ่อ พ่อก็ให้ วันหน้าถ้าพ่อขอ เจ้าต้องให้พ่อบ้าง *
ด้วยความรักในเจ้านางละอองคำกลัวนางลำบาก เจ้าล่าฟ้าจึงรับปากกับเจ้าฟ้าเมืองนาย
เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไปดดยที่เจ้านางละอองคำได้รับการยกเว้นโทษ
ทำให้เจ้านางปิ่เมืองยิ่งโกรธแค้นร้อยเท่าพันทวี
นางจึงหาช่องทางทำร้ายเจ้านางละอองคำอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับขึ้นไปรอเจ้านางละอองคำ
ที่คุ้ม
พอเจ้านางละอองคำกับมาที่คุ้ม นางก็ว่ากล่าวด่าทอเจ้าแม่ของเจ้านางละอองคำ
เจ้านางละอองคำไม่ยอมที่เจ้านางปิ่นเมืองมาด่าทอเจ้าแม่
จึงเข้าทำร้ายเจ้านางปิ่นเมือง และบังคับให้เจ้านางปิ่นเมืองขอษมาเจ้าแม่ของนาง
จึงเป็นโอกาสให้เจ้านางปิ่นเมืองใช้ช่องทางนี้ทำร้ายได้อีกครั้ง
โดยครั้งนี้เจ้านางปิ่นเมืองเอาร่องรอยที่ตนถูกทำร้ายไปฟ้องเจ้าฟ้าเมืองนาย
และเจ้าตาของตน เจ้านางละอองคำจึงถูกยกให้เจ้านางปิ่นเมืองสำเร็จโทษ
เจ้านางปิ่นเมืองจึงยื่นบาทให้นางกราบเพื่อขอสมา แต่นางไม่ยอม
นางจึงถูกเจ้านางปิ่นเมืองตัดมวยผม พร้อมส่งเข้าคอก
( ธรรมเนียมล้านนาหญิงใดถูกตัดมวยผม ถือว่าโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส )
ทางด้านเจ้าล่าฟ้าเอง เจ้าฟ้าเมืองนายก็ได้เอ่ยปากให้แต่งงานกับเจ้านางปิ่นเมือง
เจ้าล่าฟ้าจำต้องทำตามเพราะเห็นแก่บ้านเมือง และด้วยคำสัตย์ที่เคยให้ไว้
ในขณะที่อยู่ในคอก เจ้าล่าฟ้าแอบมาหาเจ้านางละอองคำ
เมื่อเจ้านางปิ่นเมืองรู้จึงโกรธมาก และตามมาที่คอก
พร้อมกับจะทำร้ายเจ้านางละอองคำอีก เจ้าล่าฟ้าห้ามไว้ เจ้านางปิ่นเมืองไม่ยอม
เพราะเจ้านางละอองคำเป็นนักโทษของนาง
แต่นางจะไม่ทำร้ายเจ้านางละอองคำถ้า เจ้าล่าฟ้ายอมรับปากสาบานว่าจะไม่แอบมาพบ
เจ้านางอะอองคำอีก โดยถ้าผิดคำสาบานเจ้าล่าฟ้าจะมีอันเป็นไปภายในสามวันเจ็ดวัน
เจ้าล่าฟ้ารับปากเพราะสงสารคนที่ตนรัก เจ้านางปิ่เมืองเลยยอมปล่อยตัวเจ้านางละอองคำ
และแล้ววันอภิเษกสมรสระหว่างเจ้านางปิ่นเมือง และเจ้าล่าฟ้าก็มาถึง
งานอภิเษกสมรสจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานของเจ้าหอหน้าเมืองนาย
บรรดาเจ้านายจากเมืองต่างๆ มาร่วยถวายพระพรกันอย่างมากหน้าหลายตา
ในนั้นรวมทั้งเมืองพิงค์ด้วย ในฉากนี้ท่านจะได้เห็นการแต่งตัวของบรรดาเจ้านาง
ต่างๆงดงามเป็นอย่างมาก การแสดงก็งดงามอลังการ ตัวข้าเจ้าเองยังอยากจะเข้า
ไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นเสียเหลือเกิน
แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ เจ้าหอหน้าเมืองนาย มีแต่ความทุกข์ใจจนปรากฏออกมา
ทางใบหน้า แต่เจ้านางปิ่นเมืองกลับมีแต่ความสุขที่นางได้สมหวังแล้วในระดับหนึ่ง
ของความต้องการ อีกด้านหนึ่งไม่อาจจะกล่าวได้ คือ เจ้านางละอองคำ นางทนทุกข์
ทรมารใจอย่างแสนสาหัส ทุกข์มากกว่าตอนโดนตัดมุ่นมวยผมอันงดงามของนางอีกกระมัง
งานอิเษกสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของนาง
เจ้าหอหน้าเองก็ทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะไม่ได้ครองคู่กับ
เจ้านางอันเป็นที่รัก กลับต้องมาทนทุกข์อยู่อีกนางที่ตนไม่ได้มีใจปฏิพัทธ์
ประกอบกับเจ้านางปิ่นเมืองเอง ก็คอยแต่จะหาเรื่องให้ปวดหัว
เพราะวันๆได้แต่คอยพูดประชดประชันอยู่ตลอดเวลาเรื่องเจ้านางละอองคำ
แถมไม่พอยังท้าอีกว่า ถ้าไม่กลัวมีอันเป็นไปตามที่สาบานไว้ก็ไปได้เลย
นางจะไม่ว่าเลยซักคำ เจ้าหอหน้าจึงพูดออกมาว่า
อย่าท้าพระองค์เลย ถ้าแม้นได้อยู่กับนางอันเป็นที่รัก
แม้จะต้องมีอันเป็นไปก็ไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ว่าแล้วก็เดินจากไป
ต่อมาไม่นานพวกฝรั่งดั้งขอ เข้าบุกรุกเมืองนาย
เจ้าหอหน้าเมืองนายต้องออกไปปกป้องแผ่นดินอันเป็นที่รัก
ดังนั้นในวันเอาฤกษ์ออกทัพ เจ้าฟ้าเมืองนายจึงได้ทำพิธีถวายพร
และมอบดาบสะรี๋กัญไชย ให้กับเจ้าหอหน้าเพื่อปราบศัตรูที่มารุกราน
( ดาบสรี๋กัญชัยนั้นแต่เดิมเป็นหนึ่งในเครื่องประกอบเกียรติยศของพญาเจ้าเมืองที่ยิ่งใหญ่ เป็นต้นว่าเชื้อเจ้าองค์ใดมีดาบสรี๋กัญชัยก็สามารถ
อ้างสิทธิธรรมครองเมืองได้ เป็นต้น และยังมีความเชื่อในเรื่องความ
ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นใครมีไว้ครอบครองจะมีแต่ความเจริญ ศัตรูไม่สามารถทำอันตรายได้ มีฤทธิ์ป้องกันภยันตรายต่างๆ ดาบสรีกัญชัยเป็นหนึ่ง
ในบรรดาเครื่องท้าวห้า )
ในคัมภีร์ในกลุ่มที่ว่าด้วยเครื่องท้าวห้าประการคือเครื่องราชูปโภคของ
ล้านนาว่าประกอบด้วย กระโจมหัว ( มงกุฎ) ดาบสรีกัญชัย ไม้เท้า
วีชนีและเกิบตีนทิพย์ ( รองเท้าทิพย์ )
ในการพระราชพิธีนี้ เจ้านายอื่นๆ และข้าขอบขัณฑสีมาต่างก็มา
อวยชัยให้เจ้าหอหน้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ในนี้รวมถึงเจ้านางละอองคำด้วย และก็ในพระราชพิธีนี้อีกเช่นกัน
ที่สร้างความโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวงให้กับเจ้านางปิ่นเมือง
เนื่องจากว่านางเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
เพราะในขณะที่นางกำลังแก้มวยผม เพื่อเช็ดบาทเจ้าหอหน้านั้น
เจ้าหอหน้าเดินหนีไม่รับการเช็ดบาทจากนาง
แต่กลับรับการเช็ดบาทด้วยมวยผมจาก เจ้านางละอองคำ
นางถึงกับตามมาด่าเจ้านางละอองคำ อย่างเครียดแค้น
ว่าเสนอหน้ามาส่งเจ้าพี่ทำไม
เจ้านางละอองคำจึงเอ่ยขึ้นว่า
นางมาส่งหัวใจของนางออกไปปกป้องบ้านเมือง ด้วยใจรัก
เจ้านางปิ่นเมืองถึงกับประกาศว่าจะหาทางกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ
นางนี้ให้จงได้
เจ้านางละอองคำ ได้ไปไหว้กู่เจ้าแม่ของนางเพื่อขอพระให้ชายอันเป็นที่รัก
มีชัยชนะต่อพวกฝรั่งดั้งขอที่มารุกราน
ณ ที่แห่งนี้เองที่นางได้มีโอกาสได้พบกับคนขายผี
คนขายผีคือ คนที่เลี้ยงผีกะหรือปอบ แต่ไม่มีความสามารถเลี้ยงได้ดีพอ
ผีจึงสร้างความเดือดร้อนให้
คนขายผีจะนำผีที่ตนเลี้ยงมาเร่ขาย เพื่อให้ตนพ้นจากความเดือดร้อน
แต่เนื่องจากคนในล้านนา นับถือผีปู่ย่าในตระกูลของตน
จึงไม่สามารถรับนับถือผีอื่นได้
เพราะเป็นการลบหลู่ผีเหล่ากอแห่งตน
ช่วงเวลานี้ก็เช่นกันเจ้านางละอองคำจึงไม่รับซื้อผีของคนขายผี
คนขายผีจึงบอกว่าถ้ารับไม่ซื้อผีของนางแล้วจะเสียใจแล้วก็จากไป
เวลาผ่านไป เจ้าหอหน้าประสบความสำเร็จในการไปรบกลับมา เจ้าฟ้าเมืองนายจึงทำพิธี
ยกเจ้าหอหน้าขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเมืองนายท่ามกลาง เจ้านายจากเมืองต่างๆ ๑๐๐ กว่าเมือง
ในการนี้นี่เองที่จะต้องมีการแต่งตั้งพระมหาเทวีเจ้า ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีปราชาภิเษก
เจ้าฟ้าเมืองนายพระองค์ใหม่แล้ว เจ้าฟ้าเมืองนายก็กำลังรับบรรณาการจากหัวเมืองน้อยใหญ่อยู่เช่นกัน
ทางเจ้านางปิ่นเมืองที่กำลังแต่ตัวอย่างงดงามเพื่อไปรับมงกุฎพระมหาเทวี ก็ได้ออกคำสั่ง
ให้ข้าไทไปจับตัวเจ้านางละอองคำมากักไว้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
แต่เจ้าฟ้าเมืองนายพระองค์ใหม่ทรงรอบครอบได้ให้นางไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อนหน้านั้นแล้ว เจ้านางปิ่นเมืองจึงจำต้องเดินทางมาที่หอคำเพื่อรับมงกุฎพระมหาเทวี
ในขณะที่เจ้าฟ้าเมืองนายกำลังจะสวมมงกุฎให้เจ้านางปิ่นเมืองนั้น
พระองค์ทรงยกมงกุฎขึ้นเพื่อสวมแต่พระองค์ก็ทรงแกล้งประชวรพระวาโย จนไม่อาจสวมมงกุฎให้เจ้านางปิ่นเมืองได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เจ้านางปิ่นเมืองโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เจ้าฟ้าเมืองนายต้องการเก็บมงกุฎไว้ให้เจ้านางละอองคำนั่นเอง
และในค่ำคืนนั้นเองเจ้าฟ้าเมืองนายก็ให้ทหารอัญเชิญเจ้านางละอองคำมาที่หอคำ
เพื่อรับมงกุฎพระมหาเทวี เมื่อเจ้านางละอองคำมาถึงเจ้าฟ้าเมืองนายก็กล่าวว่า
ตามธรรมเนียมการแต่งตั้งพระมหาเทวีเจ้านั้นต้องแต่งตั้งต่อหน้าเจ้าฟ้าเมืองต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้กัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะเจ้านางปิ่นเมือง
ที่อภิเษกด้วยนั้นไม่ได้ทรงรัก
ดังนั้นพระองค์จึงขอให้ดวงดาว และดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักนี้
แทนดวงตาของเจ้าฟ้าเมืองต่างๆในการแต่งตั้ง พระมหาเทวีเจ้า
แห่งเมืองนายในค่ำคืนนี้
หลังจากนั้นเจ้านางละอองคำจึงอยู่ในตำแหน่งพระมหาเทวีเจ้า
ทรงเป็นที่รักของเจ้าฟ้าเมืองนายอย่างยิ่ง
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่พระมหาเทวีเจ้าละอองคำ ทรงพระเกษมสำราญอย่างยิ่ง
แต่ในความสุขนั้นพระมหาเทวีเจ้าละอองคำก็ทรงหวั่นวิตกอยู่ไม่น้อย
เพราะยิ่งเจ้าฟ้าเมืองนายรักและเมตตาพระองค์มากเพียงใด
เจ้านางปิ่นเมืองก็ยิ่งเครียดแค้นชิงชังพระองค์มากเป็นร้อยเท่าพันทวี
จนกระทั่งความเครียดแค้นชิงชังของเจ้านางปิ่นเมืองสุกงอมเต็มที่
นางจึงคิดหาทางกำจัดพระมหาเทวีเจ้า แต่นางก็ไม่มีวิธีการใดๆ
จัดการได้อย่างสมความตั้งใจ
ที่มาของเมืองนาย และเรื่องย่อละครเจ้านาง 2537
บทประพันธ์ของ "คม ขาวทอง"
เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นที่เมืองนาย เมืองนายเป็นเมืองในปกครองของ
นพบุรีศรีพิงคนครเชียงใหม่ ปัจจุบันเมืองนี้ขึ้นกับเมืองเชียงตุง รัฐไทยใหญ่
"เมืองนาย" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ "เมืองปั่น" ในสมัยราชวงศ์มังราย"เมืองนาย"
เป็นเมืองลูกของเชียงใหม่ เนื่องจากพญามังรายได้ส่งราชโอรสพระนาม
"ขุนเครือ"มาปกครอง"เมืองนาย"
และกษัตริย์เชียงใหม่องค์สุดท้ายของราชวงศ์มังรายคือพระแม่เจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์
ไพร่ฟ้าเมืองเชียงใหม่ก็กราบทูลเชิญมาจาก"เมืองนาย"
และเมืองนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเชียงใหม่เป็นระยะทางตามสายน้ำแตง
สายน้ำทา สายน้ำจ้อด "ท่าผาแดง"เมืองปั่น เมืองนาย ประมาณ ๔๐๐ กิโลเมตร
และเมืองนี้ถูกพระเจ้ากรุงอังวะยกกองทัพเข้ามายึดครอง สมเด็จพระนเรศวรฯจึงกรีธาทัพจากอยุธยา
มายังเมืองเชียงใหม่เพื่อจะยึดเอาเมืองนายกลับคืนและเป้าหมายสุดท้ายคือบดขยี้พระเจ้าอังวะ แต่ทว่าพระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อนขณะอยู่ในระหว่างการเดินทัพออกจากเชียงใหม่มุ่งหน้าไปยัง
"เมืองนาย" ช่วงระหว่างเมืองเชียงใหม่กับแม่น้ำสาละวิน
ในปี ๒๔๒๕ เจ้าขุนโส่ยจี่ เจ้าฟ้าเมืองนาย ก็นำทัพไทใหญ่ขับไล่พม่า ออกไปให้พ้นจากเขตเมืองนาย
เจ้าฟ้าเมืองนาย มีราชบุตร ราชธิดา อยู่ ๔ องค์ คือ
๑. เจ้าล่าฟ้า เกิดแต่พระมหาเทวี
๒. เจ้านางละอองคำ เจ้านางที่เกิดแต่มหาเทวี
๓. เจ้านางปิ่นเมือง เจ้านางที่เกิดแต่เจ้านางเมืองป๋อน
๔. เจ้านางรุ้งแก้ว เจ้านางที่เกิดแต่มหาเทวี
เจ้าพี่น้องทั้ง ๔ เป็นลูกต่างพระมรรดากัน เป็นธรรมเนียมเดิมของเจ้าทางล้านนา
จะอภิเษกสมรสกันได้ถ้าต่างพระมารดาเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ แห่งสายเลือด
เจ้าฟ้าเมืองนายเองก็เช่นกันมีความปรารถนาที่จะให้เจ้าล่าฟ้าเจ้าหอหน้า
อภิเษกสมรสกับเจ้านางปิ่นเมือง
เพราะเจ้านางปิ่นเมืองเป็นราชธิดาที่เกิดแต่แม่เจ้าผู้เป็นราชธิดาแห่งเมืองป๋อน
เมืองป๋อนนี้ในครั้งนั้นเป็นเมืองที่เป็นกำลังสำคัญทางทหารของเมืองนาย
เจ้าล่าฟ้าผู้เป็นเจ้าหอหน้าเมืองนาย
ซึ่งเจ้าหอหน้า ก็เปรียบดังวังหน้าของไทยในสมัยก่อนนั่นเอง
ไม่ได้รักใคร่กับเจ้านางปิ่นเมืองในทางกลับกันเจ้าล่าฟ้า รักใคร่ชอบพออยู่กับ
เจ้านางละอองคำ ที่เกิดแต่มหาเทวีแต่นางโดนใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับชายอื่น
จึงถูกเฆี่ยนจนตาย ดังนั้นเจ้านางละอองคำ จึงไม่ใช่ลูกรักของเจ้าฟ้าเมืองนาย
เจ้านางปิ่นเมือง เองก็เกลียดชังเจ้านางละอองคำยิ่งนัก เพราะนางเองก็อยาก
อภิเษกสมรสกับเจ้าล่าฟ้า เพราะหวังไว้ว่าจะได้เป็นพระมหาเทวีเจ้า ในอนาคต
ดังนั้นนางจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดเจ้านางละอองคำ
ครั้งหนึ่งนางไส่ร้ายเจ้านางละอองคำ ทำให้เจ้านางละอองคำถูกถอดให้ออกไป
ทำงานเช่นเดียวกับนางข้าไท ทั้งหลายทำให้เจ้านางละอองคำเจ็บปวดยิ่งนัก
แต่เจ้านางละอองคำก็รอดพ้นความผิดนี้ไปได้ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าล่าฟ้า
โดยเจ้าล่าฟ้าทูลขอกับเจ้าฟ้าเมืองนาย
เจ้าฟ้าเมืองนายก็ยกโทษให้เจ้านางละอองคำ โดยมีข้อแม้ว่า
* วันนี้เจ้าขอพ่อ พ่อก็ให้ วันหน้าถ้าพ่อขอ เจ้าต้องให้พ่อบ้าง *
ด้วยความรักในเจ้านางละอองคำกลัวนางลำบาก เจ้าล่าฟ้าจึงรับปากกับเจ้าฟ้าเมืองนาย
เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไปดดยที่เจ้านางละอองคำได้รับการยกเว้นโทษ
ทำให้เจ้านางปิ่เมืองยิ่งโกรธแค้นร้อยเท่าพันทวี
นางจึงหาช่องทางทำร้ายเจ้านางละอองคำอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับขึ้นไปรอเจ้านางละอองคำ
ที่คุ้ม
พอเจ้านางละอองคำกับมาที่คุ้ม นางก็ว่ากล่าวด่าทอเจ้าแม่ของเจ้านางละอองคำ
เจ้านางละอองคำไม่ยอมที่เจ้านางปิ่นเมืองมาด่าทอเจ้าแม่
จึงเข้าทำร้ายเจ้านางปิ่นเมือง และบังคับให้เจ้านางปิ่นเมืองขอษมาเจ้าแม่ของนาง
จึงเป็นโอกาสให้เจ้านางปิ่นเมืองใช้ช่องทางนี้ทำร้ายได้อีกครั้ง
โดยครั้งนี้เจ้านางปิ่นเมืองเอาร่องรอยที่ตนถูกทำร้ายไปฟ้องเจ้าฟ้าเมืองนาย
และเจ้าตาของตน เจ้านางละอองคำจึงถูกยกให้เจ้านางปิ่นเมืองสำเร็จโทษ
เจ้านางปิ่นเมืองจึงยื่นบาทให้นางกราบเพื่อขอสมา แต่นางไม่ยอม
นางจึงถูกเจ้านางปิ่นเมืองตัดมวยผม พร้อมส่งเข้าคอก
( ธรรมเนียมล้านนาหญิงใดถูกตัดมวยผม ถือว่าโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส )
ทางด้านเจ้าล่าฟ้าเอง เจ้าฟ้าเมืองนายก็ได้เอ่ยปากให้แต่งงานกับเจ้านางปิ่นเมือง
เจ้าล่าฟ้าจำต้องทำตามเพราะเห็นแก่บ้านเมือง และด้วยคำสัตย์ที่เคยให้ไว้
ในขณะที่อยู่ในคอก เจ้าล่าฟ้าแอบมาหาเจ้านางละอองคำ
เมื่อเจ้านางปิ่นเมืองรู้จึงโกรธมาก และตามมาที่คอก
พร้อมกับจะทำร้ายเจ้านางละอองคำอีก เจ้าล่าฟ้าห้ามไว้ เจ้านางปิ่นเมืองไม่ยอม
เพราะเจ้านางละอองคำเป็นนักโทษของนาง
แต่นางจะไม่ทำร้ายเจ้านางละอองคำถ้า เจ้าล่าฟ้ายอมรับปากสาบานว่าจะไม่แอบมาพบ
เจ้านางอะอองคำอีก โดยถ้าผิดคำสาบานเจ้าล่าฟ้าจะมีอันเป็นไปภายในสามวันเจ็ดวัน
เจ้าล่าฟ้ารับปากเพราะสงสารคนที่ตนรัก เจ้านางปิ่เมืองเลยยอมปล่อยตัวเจ้านางละอองคำ
และแล้ววันอภิเษกสมรสระหว่างเจ้านางปิ่นเมือง และเจ้าล่าฟ้าก็มาถึง
งานอภิเษกสมรสจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานของเจ้าหอหน้าเมืองนาย
บรรดาเจ้านายจากเมืองต่างๆ มาร่วยถวายพระพรกันอย่างมากหน้าหลายตา
ในนั้นรวมทั้งเมืองพิงค์ด้วย ในฉากนี้ท่านจะได้เห็นการแต่งตัวของบรรดาเจ้านาง
ต่างๆงดงามเป็นอย่างมาก การแสดงก็งดงามอลังการ ตัวข้าเจ้าเองยังอยากจะเข้า
ไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นเสียเหลือเกิน
แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ เจ้าหอหน้าเมืองนาย มีแต่ความทุกข์ใจจนปรากฏออกมา
ทางใบหน้า แต่เจ้านางปิ่นเมืองกลับมีแต่ความสุขที่นางได้สมหวังแล้วในระดับหนึ่ง
ของความต้องการ อีกด้านหนึ่งไม่อาจจะกล่าวได้ คือ เจ้านางละอองคำ นางทนทุกข์
ทรมารใจอย่างแสนสาหัส ทุกข์มากกว่าตอนโดนตัดมุ่นมวยผมอันงดงามของนางอีกกระมัง
งานอิเษกสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของนาง
เจ้าหอหน้าเองก็ทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะไม่ได้ครองคู่กับ
เจ้านางอันเป็นที่รัก กลับต้องมาทนทุกข์อยู่อีกนางที่ตนไม่ได้มีใจปฏิพัทธ์
ประกอบกับเจ้านางปิ่นเมืองเอง ก็คอยแต่จะหาเรื่องให้ปวดหัว
เพราะวันๆได้แต่คอยพูดประชดประชันอยู่ตลอดเวลาเรื่องเจ้านางละอองคำ
แถมไม่พอยังท้าอีกว่า ถ้าไม่กลัวมีอันเป็นไปตามที่สาบานไว้ก็ไปได้เลย
นางจะไม่ว่าเลยซักคำ เจ้าหอหน้าจึงพูดออกมาว่า
อย่าท้าพระองค์เลย ถ้าแม้นได้อยู่กับนางอันเป็นที่รัก
แม้จะต้องมีอันเป็นไปก็ไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ว่าแล้วก็เดินจากไป
ต่อมาไม่นานพวกฝรั่งดั้งขอ เข้าบุกรุกเมืองนาย
เจ้าหอหน้าเมืองนายต้องออกไปปกป้องแผ่นดินอันเป็นที่รัก
ดังนั้นในวันเอาฤกษ์ออกทัพ เจ้าฟ้าเมืองนายจึงได้ทำพิธีถวายพร
และมอบดาบสะรี๋กัญไชย ให้กับเจ้าหอหน้าเพื่อปราบศัตรูที่มารุกราน
( ดาบสรี๋กัญชัยนั้นแต่เดิมเป็นหนึ่งในเครื่องประกอบเกียรติยศของพญาเจ้าเมืองที่ยิ่งใหญ่ เป็นต้นว่าเชื้อเจ้าองค์ใดมีดาบสรี๋กัญชัยก็สามารถ
อ้างสิทธิธรรมครองเมืองได้ เป็นต้น และยังมีความเชื่อในเรื่องความ
ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นใครมีไว้ครอบครองจะมีแต่ความเจริญ ศัตรูไม่สามารถทำอันตรายได้ มีฤทธิ์ป้องกันภยันตรายต่างๆ ดาบสรีกัญชัยเป็นหนึ่ง
ในบรรดาเครื่องท้าวห้า )
ในคัมภีร์ในกลุ่มที่ว่าด้วยเครื่องท้าวห้าประการคือเครื่องราชูปโภคของ
ล้านนาว่าประกอบด้วย กระโจมหัว ( มงกุฎ) ดาบสรีกัญชัย ไม้เท้า
วีชนีและเกิบตีนทิพย์ ( รองเท้าทิพย์ )
ในการพระราชพิธีนี้ เจ้านายอื่นๆ และข้าขอบขัณฑสีมาต่างก็มา
อวยชัยให้เจ้าหอหน้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ในนี้รวมถึงเจ้านางละอองคำด้วย และก็ในพระราชพิธีนี้อีกเช่นกัน
ที่สร้างความโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวงให้กับเจ้านางปิ่นเมือง
เนื่องจากว่านางเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
เพราะในขณะที่นางกำลังแก้มวยผม เพื่อเช็ดบาทเจ้าหอหน้านั้น
เจ้าหอหน้าเดินหนีไม่รับการเช็ดบาทจากนาง
แต่กลับรับการเช็ดบาทด้วยมวยผมจาก เจ้านางละอองคำ
นางถึงกับตามมาด่าเจ้านางละอองคำ อย่างเครียดแค้น
ว่าเสนอหน้ามาส่งเจ้าพี่ทำไม
เจ้านางละอองคำจึงเอ่ยขึ้นว่า
นางมาส่งหัวใจของนางออกไปปกป้องบ้านเมือง ด้วยใจรัก
เจ้านางปิ่นเมืองถึงกับประกาศว่าจะหาทางกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ
นางนี้ให้จงได้
เจ้านางละอองคำ ได้ไปไหว้กู่เจ้าแม่ของนางเพื่อขอพระให้ชายอันเป็นที่รัก
มีชัยชนะต่อพวกฝรั่งดั้งขอที่มารุกราน
ณ ที่แห่งนี้เองที่นางได้มีโอกาสได้พบกับคนขายผี
คนขายผีคือ คนที่เลี้ยงผีกะหรือปอบ แต่ไม่มีความสามารถเลี้ยงได้ดีพอ
ผีจึงสร้างความเดือดร้อนให้
คนขายผีจะนำผีที่ตนเลี้ยงมาเร่ขาย เพื่อให้ตนพ้นจากความเดือดร้อน
แต่เนื่องจากคนในล้านนา นับถือผีปู่ย่าในตระกูลของตน
จึงไม่สามารถรับนับถือผีอื่นได้
เพราะเป็นการลบหลู่ผีเหล่ากอแห่งตน
ช่วงเวลานี้ก็เช่นกันเจ้านางละอองคำจึงไม่รับซื้อผีของคนขายผี
คนขายผีจึงบอกว่าถ้ารับไม่ซื้อผีของนางแล้วจะเสียใจแล้วก็จากไป
เวลาผ่านไป เจ้าหอหน้าประสบความสำเร็จในการไปรบกลับมา เจ้าฟ้าเมืองนายจึงทำพิธี
ยกเจ้าหอหน้าขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเมืองนายท่ามกลาง เจ้านายจากเมืองต่างๆ ๑๐๐ กว่าเมือง
ในการนี้นี่เองที่จะต้องมีการแต่งตั้งพระมหาเทวีเจ้า ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีปราชาภิเษก
เจ้าฟ้าเมืองนายพระองค์ใหม่แล้ว เจ้าฟ้าเมืองนายก็กำลังรับบรรณาการจากหัวเมืองน้อยใหญ่อยู่เช่นกัน
ทางเจ้านางปิ่นเมืองที่กำลังแต่ตัวอย่างงดงามเพื่อไปรับมงกุฎพระมหาเทวี ก็ได้ออกคำสั่ง
ให้ข้าไทไปจับตัวเจ้านางละอองคำมากักไว้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
แต่เจ้าฟ้าเมืองนายพระองค์ใหม่ทรงรอบครอบได้ให้นางไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อนหน้านั้นแล้ว เจ้านางปิ่นเมืองจึงจำต้องเดินทางมาที่หอคำเพื่อรับมงกุฎพระมหาเทวี
ในขณะที่เจ้าฟ้าเมืองนายกำลังจะสวมมงกุฎให้เจ้านางปิ่นเมืองนั้น
พระองค์ทรงยกมงกุฎขึ้นเพื่อสวมแต่พระองค์ก็ทรงแกล้งประชวรพระวาโย จนไม่อาจสวมมงกุฎให้เจ้านางปิ่นเมืองได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เจ้านางปิ่นเมืองโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เจ้าฟ้าเมืองนายต้องการเก็บมงกุฎไว้ให้เจ้านางละอองคำนั่นเอง
และในค่ำคืนนั้นเองเจ้าฟ้าเมืองนายก็ให้ทหารอัญเชิญเจ้านางละอองคำมาที่หอคำ
เพื่อรับมงกุฎพระมหาเทวี เมื่อเจ้านางละอองคำมาถึงเจ้าฟ้าเมืองนายก็กล่าวว่า
ตามธรรมเนียมการแต่งตั้งพระมหาเทวีเจ้านั้นต้องแต่งตั้งต่อหน้าเจ้าฟ้าเมืองต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้กัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะเจ้านางปิ่นเมือง
ที่อภิเษกด้วยนั้นไม่ได้ทรงรัก
ดังนั้นพระองค์จึงขอให้ดวงดาว และดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักนี้
แทนดวงตาของเจ้าฟ้าเมืองต่างๆในการแต่งตั้ง พระมหาเทวีเจ้า
แห่งเมืองนายในค่ำคืนนี้
หลังจากนั้นเจ้านางละอองคำจึงอยู่ในตำแหน่งพระมหาเทวีเจ้า
ทรงเป็นที่รักของเจ้าฟ้าเมืองนายอย่างยิ่ง
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่พระมหาเทวีเจ้าละอองคำ ทรงพระเกษมสำราญอย่างยิ่ง
แต่ในความสุขนั้นพระมหาเทวีเจ้าละอองคำก็ทรงหวั่นวิตกอยู่ไม่น้อย
เพราะยิ่งเจ้าฟ้าเมืองนายรักและเมตตาพระองค์มากเพียงใด
เจ้านางปิ่นเมืองก็ยิ่งเครียดแค้นชิงชังพระองค์มากเป็นร้อยเท่าพันทวี
จนกระทั่งความเครียดแค้นชิงชังของเจ้านางปิ่นเมืองสุกงอมเต็มที่
นางจึงคิดหาทางกำจัดพระมหาเทวีเจ้า แต่นางก็ไม่มีวิธีการใดๆ
จัดการได้อย่างสมความตั้งใจ