โมเม้นต์ความรัก ฉบับแฟนทหาร

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ชาวพันทิปทุกกคนค่ะ
วันนี้เราอยากมาแชร์ความรักของเรา
อยากโพสต์ลงไว้เผื่อวันหนึ่งได้เข้ามาอ่าน
ไม่ว่าตอนนั้นความรักนี้จะยังอยู่ หรือไม่ก็ตาม
งั้นเริ่มกันเลยนะ
V
V

อ่านได้ทั้งชายหหญิงผู้ฉิ๋งหรือตุ๊ดเกย์นะ 555555555555
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เลย
ปล. ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ใครอิจฉาหรือหมั่นไส้เรานะ
ถ้าไม่อยากสนใจหรืออะไรก็ข้ามไปละกันเนอะ
อ่านเป็นนิยายไปก็ได้ สบายๆ  ได้เวลาละ ไปอ่านกันเลยดีกว่า ^^

เท้าความไปก่อนที่เรื่องจะดำเนินมาถึงบทบาทของนักเรียนจ่าอากาศ….

    ในวันที่เรากำลังมีความสุข แฮ็ปปี้กับทุกๆอย่างในตอนนั้น
มีคนที่เรา(คิดว่าเรา)รัก และคนที่(คิดว่าก็คง)รักเรา มีเพื่อน
มีครอบครัวที่น่ารัก เรามีคนที่กำลังคุยอยู่คนนึง ชื่อย่อว่า ก.
เค้ามาจีบเรา เค้าเรียนโรงเรียนเดียวกับเรา รุ่นเดียวกันนี่แหล่ะ
แต่คนละห้อง ซึ่งมาจีบก็คุยกันไปตามปกติ ไปมาหาสู่กันตลอด
จนเพื่อนๆทักมาเราคงแฮ็ปปี้กับคนนี้ เค้ามาส่งที่บ้าน ไปกินข้าว
ไปเดินเล่นกันตามประสาคนจีบกันใหม่ๆ ช่วงนั้นก็มีความสุขดีนะ
      พอวันนึง วันที่เราไม่รู้ว่าจะเป็นวันที่ความสุขเราจะหายไป
เมื่อแฟนเก่าของ ก. ส่งข้อความมา “สรุปจะเอายังไง”  
ซึ่งตอนนั้นโทรศัพท์ของเค้าอยู่ที่เรา เราก็ งงๆ สงสัยมากๆ
เค้าว่ากันว่าผู้หญิงจะมีเซ้นส์รับรู้เรื่องแบบนี้ไวมากสินะ5555
เราเลยเดินไปหาเค้าแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ เค้าบอกว่าไม่มีอะไรหรอก ใจเย็น
เค้าบอกเราว่าขอเวลา 15 นาทีนะ เดี๋ยวจะไปเคลียร์ แล้วจะรีบกลับมา
เราก็รอ ตอนนั้นเวลาเลิกเรียน เรารอตั้งแต่ บ่ายสามครึ่งถึงสี่โมงครึ่ง
มันเย็นแล้ว เราก็ต้องกลับบ้าน เพื่อนก็โทรมาตามตลอดแต่เราอยากรอ

จนกระทั่งวินาทีที่เราไม่อยากให้มาถึง เมื่อเค้าเดินมาพร้อมแฟนเก่า ..
ตึก ตึก ตึก .. ใจเราเต้นไม่เป็นจังหวะ คำถามต่างๆผุดขึ้นมาในหัว
รู้สึกว่าตอนนั้นโลกมันหยุดหมุน เวลามันหยุดเดิน ลมมันหยุดพัด
ใบไม้ไม่พริ้วไหว เมฆหยุดเคลื่อนตัว พอๆกับใจเราที่เหมือนหยุดเต้น
ภาพที่เราเห็นมันคืออะไร? เราไม่เคยรู้ ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
เค้าแอบคุยกันมาตลอด เค้าก็คบเราแบบเปิดเผยมาตลอดนะ
เค้าก้าวเข้ามาใกล้ๆเรา พูดอ้ำๆอึ้งๆ เราก็ได้แต่เป็นใบ้ พูดไม่ออก
เอ่ยถามเค้าเสียงเบาๆว่า “เขา..ใช่มั้ย?” เค้าก็พยักหน้าแล้วบอก “ครับ”
วินาทีนั้นคือเราทรงตัวไม่อยู่ ไม่มีน้ำตาสักหยดเลย จุก ชาไปทั้งตัวเลย
เราเอากุญแจรถเค้าคืนให้เค้าไป คว้ากระเป๋าได้ เราก็เดินออกจากห้องไป
เราต้องเดินผ่านแฟนเก่าเค้าด้วย แต่เราหลบตา ใครจะกล้ามอง จะอาย
จะรู้สึกผิด หรือต้องรู้สึกยังไงดี คิดได้แค่ว่า เราคือคนแพ้ เราต้องไป
จำได้ว่าต้องออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เค้าตะโกนเรียกชื่อเรา
แต่เราไม่หันกลับไป เราจะไม่หันหลังกลับไป น้ำตาคนแพ้ไม่ไหลเลย
แม้แต่หยดเดียว เจ็บ เสียใจ กล้ำกลืน ฝืน อยากร้องแต่ร้องไม่ออกเลย…
พอกลับถึงบ้าน เจอหน้าแม่ น้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจไหลเอ่อ
โผเข้าหาอ้อมกอดของแม่แล้วปล่อยโฮ หัวใจแม่เต้นแรงเราสัมผัสได้
เราเฝ้าย้ำกับแม่ว่าเราเจ็บปวดมากมายแค่ไหน แม่กอดปลอบแผ่วเบา
#แม่ทุกคนเจ็บปวดเป็นร้อยเท่าพันเท่าเวลาเห็นลูกตัวเองต้องเสียใจ

ผ่านมาหลายวันกับการนั่งจมกับความเสียใจ และผิดหวัง
เราตัดเค้ายังไม่ขาด เมื่อเค้าติดต่อมาว่าเขาจะเลิกกับแฟนเก่ามาหาเรา
เราก็ยังมีความหวัง จนเราคิดว่ามันนานเกินไป นานเกินไปที่ต้องรอ…

เมื่อบทบาทของนักเรียนจ่าอากาศเริ่มชัดเจน….
“ติ๊งง” เสียงแชทเฟซบุ๊กดังขึ้นตอนช่วงสายๆ แต่เราก็ไม่ได้สนใจ
จนช่วงเย็นๆ เราเข้าไปเปิดอ่าน มีข้อความจากผู้ชายคนนึงบอกว่า
“ทักครับ” เราก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น ตอบกลับไปปกติ
เราคุยกับผู้ชายนิรนามคนนี้มาเรื่อยๆ จนวันที่เค้าขอเบอร์เรา
ซึ่งปกติแล้วเราไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับคนแปลกหน้า แต่?
เราพิมๆละส่งเบอร์เราไปให้เค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งก็แปลกใจจนทุกวันนี้
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เราใช้ชีวิตตามปกติ พยายามลืมเรื่องร้ายๆไปหมด
จนเย็นวันอาทิตย์ มีสายโทรเข้าเป็นเบอร์แปลก เราก็รับ เป็นเสียงผู้ชาย
เหมือนอยู่กันหลายคน ปลายสายถามว่า “ฮัลโหล ใช่เบอร์ ต. มั้ยครับ?”
เราบอก “ใช่ค่ะ นี่ใครคะ?” เค้าถาม “จำเราได้มั้ย ที่ขอเบอร์ไว้”
เราก็คิดนาน นานมากๆ จนนึกออก “อ๋ออ จำได้แล้วว” ปลายสายดีใจ
แต่…เราจำได้นะว่าใคร แต่จำชื่อไม่ได้5555555555555555555555
เค้าถามว่า “คุยหลายคนใช่มั้ยถึงจำเราไม่ได้”  ซึ่งเราก็บอกไม่ใช่
เพราะเราไม่ได้คุยกับใครเลยจริงๆ อยู่ในโหมดคนอกหักอยู่อ่ะ 5555
หลังจากวันนั้น ผู้ชายคนนี้จะโทรมาทุกวัน วันละครั้ง คือสามทุ่มครึ่ง
คุยวันละหนึ่งชั่วโมงก็นอน ก็จะเป็นแบบนี้อยู่ทุกวันจนวันที่เค้าเอ่ยปาก
ขอเราเป็นแฟน ด้วยอะไรต่างๆที่ทำให้เราฝังใจกับอดีต กลัวผิดหวัง
ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเหมือนเราปิดกั้นตัวเอง เราเลยบ่ายเบี่ยงขอดูๆใจไปก่อน
หลังจากที่เราคุยกันมาสักระยะ เราก็ไปสืบมาว่าผู้ชายคนนี้คือใคร
ได้ความว่าเค้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศที่เรียนในโรงเรียนจ่าอากาศ
แถวดอนเมือง ตอนนั้นอยู่ชั้นปีที่ 2 เราก็ไม่คิดอะไรมาก จนใกล้วันเกิด
เค้าบอกไม่มีอะไรจะให้เพราะเค้าอยู่ในโรงเรียนตลอด ออกไปไหนไม่ได้เลย
พอวันที่เค้ากลับบ้านก่อนถึงวันเกิดเรา เค้าบอกเค้ามีแค่แหวน นจอ ที่จะให้
เป็นแหวนเก่าๆที่เค้าได้รับมาจากรุ่นพี่ในโรงเรียน ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้หรอกนะว่า
แหวนที่เค้าจะให้เรามันมีค่าอะไรยังไง เค้าใส่แหวนลงในซองจดหมายสีขาว
เค้าเลือกจะส่งทางตู้ ปณ. (สมัยนี้เค้าส่ง EMS กันแล้วนะคุณนักเรียนจ่าขาา)
ด้วยความที่กลัวมาไม่ถึงเค้าติดแสตมป์ดวงละ 2 บาท ติด 5 ดวง แล้วหย่อนตู้ ปณ
เราอยู่กาฬสินธุ์นะ เค้าอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ไกลกันพอสมควร ในการส่งจดหมายมาทางตู้
ไปรษณีย์ครั้งนี้ เหมือนเป็นการเสี่ยงไปเลยว่าถ้าแหวนวงนั้นเดินทางมาถึงมือของเรา
เราคงเป็นคู่กันจริงๆ เราไม่รู้หรอกนะว่าส่งจดหมายหย่อนตู้ มันจะถึงเมื่อไหร่
แต่ที่แน่ๆถ้าไม่ได้ของ นั่นหมายความว่าเราไม่มีทางหาแหวนนั้นเจอ
เพราะทาง ปณ เค้าไม่รับผิดชอบกรณีใดๆทั้งสิ้นหากส่งทางตู้ ปณ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมา เราได้รับจดหมายฉบับนั้น เราตื่นเต้นมากๆ ไม่คิดว่าจะถึง
ลายมือขยุกขยิกตัวเล็กๆที่เขียนจ่าหน้าซองมันช่างละเอียดอ่อนบรรจง
เราเปิดซองจดหมายดู พบกระดาษแผ่นพับสีขาว มีซองใสเล็กๆเย็บติด
ที่มุมซ้ายด้านบนของกระดาษซึ่งมีแหวนหัวทับทิมวงนึงอยู่ในนั้น


นี่คือแหวนวงที่เค้าส่งมาให้เรา ดูเก่าๆแต่ศักดิ์สิทธิ์แปลกๆเนอะ555555
ข้ามใจความในกระดาษแผ่นนั้นไปดีกว่าเนอะ คือกลัวเค้ามาเจอแล้วอาย


พอผ่านมา 2 เดือนกว่าๆ กับการนัดเจอกันครั้งแรก เราตื่นเต้นมากๆเลย
แต่เรารอเค้า 3 ชั่วโมง ทำให้ความตื่นเต้นหดหายไป 5555 ไม่มีการเก๊ก
ไม่มีการเคอะเขินอะไรอีกต่อไป เค้ามาถึงเราก็ด่าเป็นชุดเลย ว่ามาช้านู๋นนี่
วันแรกที่เจอเราออกไปเที่ยวข้างนอกกัน ได้เจอเพื่อนๆเค้าหลายคนมากๆ
มาจากหลายเหล่า ซึ่งโรงเรียนจ่าอากาศมีหลายเหล่า เค้าอยู่เหล่าสื่อสาร
วันที่สองเราไปดูหนังกัน วันอาทิตย์เค้าก็ต้องกลับเข้าโรงเรียนอีกแล้ว แงๆ
เราจะคุยโทรศัพท์กันวันละครั้ง เค้าจะโทรมาเวลาเดิมคือ 21.30 น.
เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุยนาน จนเผลอหลับไปพร้อมๆกันโดยทิ้งสายไว้ไม่กดวาง
ในการเจอกันครั้งแรกเราก็ประทับใจในตัวเค้านะ ด้วยความที่เป็นนักเรียนทหาร
ดูเหมือนเค้าจะมีความเป็นผู้นำ ปกป้องเราได้ ไม่เอาเปรียบเรา แถมให้เกียรติเรา
ตอนไปเที่ยวค่าใช้จ่ายเค้าก็จ่ายให้เราหมด เจอกันครั้งนี้ก็พึ่งตกลงเป็นแฟนกับเค้า
(เงินที่เค้าได้มาไม่ใช่ขอมาจากพ่อแม่ เป็นเงินเดือนที่เค้าได้รับจากการเป็นนักเรียนทหาร
และเงินที่เค้าได้มาจากการรับเวรโดยการไปยืนเวรในกองร้อย) ในส่วนนี้เราก็ประทับใจไป
แต่ตอนนั้นก็คิดๆว่าคนเรามันอาจเปลี่ยนตอนไหนก็ได้ ควรดูๆไปก่อนดูไปนานๆเลยล่ะ
จนมาถึงช่วงเราปิดเทอม 1 เดือน แต่เค้าปิดเทอมเล็กแค่ 5 วัน ช่วงเดือนตุลาคม
เราอยากไปเที่ยวทะเลมากๆ เค้าก็ตามใจ พาเราไปเที่ยวเกาะล้าน
ที่พัทยา ทริปนี้ก็ตามเคยเค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยเงินเก็บเค้า
เป็นการไปเที่ยวครั้งแรกของเราเลยก็ว่าได้ แม่ก็อนุญาตให้ไปได้เพราะเราเล่าเรื่องเค้า
ให้แม่ฟังตลอด แม่ก็ไว้ใจเค้า ความประทับใจเล็กๆก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการกระทำ
เล็กๆน้อยที่เค้าปฏิบัติต่อเรา การดูแลเทคแคร์ ปกป้องเรา ให้เกียรติเรา ให้สิทธิ์เรา ไม่บังคับ
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเค้าจะใส่ใจหมด ไปเที่ยวเลแต่แต่งโป๊มากไม่ได้ เค้าไม่อนุญาตเลย
พอกลับจากเที่ยวก็ต้องร่ำลากันอีกแล้ว เจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยากจะร้องไห้งอแง 555
เดือนพฤศจิกายนเค้าก็ต้องไปฝึกงานที่ชลบุรีเป็นเวลาหนึ่งเดือน จนถึงเดือนธันวาคม
ความหวังเล็กๆก็ผุดขึ้นมาเมื่อผู้คุมอนุญาตให้กลับบ้านได้ช่วงเทศกาลวันพ่อเป็นเวลา 5 วัน
ซึ่งเค้าก็มาหาเราทั้ง 5 วัน ฟินไปอีก ได้เจอกันอีกก็ไปกินข้าวดูหนังกันตามปกติ ช่วงนี้แฮ็ปปี้แล้ว
ทุกอย่างก็วนเวียนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเค้าเป็นนักเรียนทหาร มีกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ มีวินัย
เหมือนเราก็ต้องปฏิบัติไปกับเขา คุยเป็นเวลา เจอเป็นเวลา จนตอนนี้ก็ครบหนึ่งปีเต็มแล้ว
ที่ความสัมพันธ์ที่ดีนี้ยังอยู่ และเราคิดว่าคงพัฒนาต่อไปได้อีกเรื่อยๆซึ่งมันก็ขึ้นอยู่ที่คนสองคน
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเรากับเค้าเจอกันรวมๆแล้ว 9 คร้ัง ระยะห่างของเราคือ 500 กิโลเมตร
มีเวลาอยู่ด้วยกันนานที่สุดคือ 4 วัน ความรักของเราครั้งนี้ก็รู้ดีโดยครอบครัวทั้งสองฝ่ายเลย
พ่อแม่เค้าก็ดีกับเรามากๆ เรียกเราว่าลูกสะใภ้ตลอด 5555 ทุกสิ่งที่เราต้องพบเจออยู่ตอนนี้
เรานั่งนึกย้อนไปหนึ่งปีที่แล้ว วันที่เราร้องไห้แทบตาย เกิดมา18ปีพึ่งเคยผิดหวังกับความรัก
แต่ในความโชคร้ายนั้นมันก็ยังมีโชคดี ที่เราได้เจอผู้ชายคนนี้ ปัจจุบันก็ทะเลาะกันบ้างเรื่อยๆ
เราอายุ19 ซึ่งอายุยังน้อย ประสบการณ์ยังน้อยนิด แม่เราสอนว่า คนเราอ่ะ เมื่อโตขึ้น เวลาเปลี่ยน
อะไรๆอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ อย่าไปยึดติดให้ตัวเราเป็นทุกข์เราคบกับคนนี้ วางอนาคตไว้แล้ว
ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เค้าก็ทำหน้าที่เค้า เราก็ตั้งใจเรียนของเราไป เป็นกำลังใจให้กัน
คอยอยู่ข้างๆกัน เป็นได้ทังพี่ชาย เพื่อน หรือคนที่คอยเตือนสติเวลาเราทำอะไรไม่ดี และส่งเสริมเรา
ให้เราทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง เราว่าแค่นี้ก็พียงพอแล้วสำหรับความรักที่คนเรามี้องแสดงต่อกัน
>นี่แหวนวงที่สองที่ได้มาค่าาา<


>นี่วงที่สามที่ได้มาวันที่ไปเที่ยวเกาะล้าน<


>นี่วงล่าสุด<

      เรื่องราวความรักเล็กๆของเราก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ มันก็คงมีเรื่องราวมากมายที่เราต้องพบเจอ
แต่คงเล่าได้ไม่ทั้งหมด ที่เรามาเล่าแชร์ประสบการณ์ความรักในครั้งนี้เราไม่ได้มีเจตนาให้คนมาอิจฉา
หรือหมั่นไส้เรา ตอนนี้เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เรารัก มีความสุขกับสิ่งที่เราเลือก เราแค่อยากจะบอกว่า
เราทุกคนมีสิทธิ์มีความรักได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักที่ต้องครอบครอง อาจจะเป็นความรักจากเพื่อน
พี่ พ่อแม่ ครอบครัว แต่ถ้าเมื่อใดที่เรารู้จักรักใครสักคน เราก็ต้องรู้จักรักตัวเอง รักพ่อแม่ ความรักที่แท้จริง
ต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เด็กๆที่มีความรักก็ต้องเชื่อฟังคำพูดผู้ใหญ่ เราเชื่อว่าผู้ใหญ่ท่านเคยผ่านจุดจุดนี้มาแล้ว
ซึ่งท่านเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เด็กๆที่กำลังอยู่ในช่วงมีความรักก็อย่างหลงงมงายกับมันมากเกินไป
เราต้องมีขอบเขต และการที่เราคบใครได้นานหรือไม่นานมันไม่เกี่ยวกับมือที่สามที่สี่หรือใครทั้งนั้น มันอยู่ที่ตัวเราเอง ...
       สุดท้ายนี้ก็อยากอวยพรให้คนที่มีคนที่เรารักและรักเราอยู่แล้ว ขอให้รักและหวังดีต่อกันไปนานๆ
คนที่ยังไม่เจอคนที่เรารักหรือรักเรา ขอให้คนคนนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ขอให้เจอเนื้อคู่ไวๆนะคะ ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่