บอกก่อนนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกเลยที่มาแชร์ประสบการณ์ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ หลังจากที่มาถามและแอบส่องค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ ในการผ่าตัดเนี่ย เราได้ตัดสินใจแล้ว และลองวิธีการอื่นๆทั้งการอดอาหาร(อดแรกก็ลดค่ะ หลังๆก็เพิ่มขึ้น) เข้าสถาบันลดความอ้วน หรือลองกินยาลดความอ้วน(กินได้แค่มื้อเดียวค่ะ แล้วเกิดอาการแสบร้อนในคอ จนต้องล้วงคอเลยค่ะ แล้วเข็ดเลย)
ตอนที่เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด เราน้ำหนัก 92 สูง 162 ซม. ค่า BMI 35.06 (วิธีคิดคือ เอา นน หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรสองรอบ 92/1.62/1.62 ประมาณนี้ค่ะ) หรือกรอกในเว็บก็จะมีการคิดให้แบบอัตโนมัติค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.lovefitt.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2-bmi/
ในตอนแรกบีก็จะหาข้อมูลตามเว็บค่ะ แล้วก็รีวิวต่างๆ ทั้งคลิปของคุณหมอที่ออกมาให้ข้อมูล เว็บในเว็บนอกต่างๆ ผลกระทบ คุณหมอท่านไหนเก่ง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ค่ะ บอกตรงๆเลยว่ากลัวเหมือนกัน
แต่เนื่องจากบีมีโรคประจำตัวคือโรค PCOS ซึ่งเป็นโรคความผิดปกติของฮอโมนค่ะ ถ้าผอมลงก็ช่วยได้ ผนวกกับเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับและภูมิแพ้(ใช้เครื่อง CPAP อยู่นะคะ) ซึ่ง 2 โรคนี้คุณหมอที่รักษาทั้งสองท่านบอกว่า ถ้าผอมลงโรคจะทุเลาลงค่ะ เลยลองถามคุณหมอดูว่าแล้วเราจะไปหาคุณหมอท่านไหนดี ทางคุณหมอจึงแนะนำให้ไปหา คุณหมอสุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ที่โรงพยาบาลจุฬา แต่เราทราบมาว่าคุณหมอออกตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพด้วย เลยไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพก่อน ด้วยเหตุผลของเวลาต่างๆนาๆค่ะ
พอพบคุณหมอครั้งแรก คุณแม่ก็เผาเลยค่ะ ว่าเราฟังคลิปคุณหมอทุกคืนเลย เราเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ คุณหมอก็ถามว่าฟังแล้วได้อะไรบ้างล่ะ เราก็ร่ายเลยค่ะ ว่าก่อนผ่าเราต้องตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารและกระเพาะอาหาร ตรวจต่อมไร้ท่อ ตรวจภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ตรวจเกี่ยวกับภาวะร่างกายอื่นๆ เพราะคนอ้วนแบบเราเหมือนจะแข็งแรง แต่จริงๆแล้วเรามีภาวะความเสี่ยงมากมายนักค่ะ
แล้วในการที่เราจะผ่าตัดได้นั้นจะมีเกณฑ์ที่สำคัญคือค่า BMI ค่ะ นั่นคือค่า BMI จะต้องมากกว่า 35 โดยมีภาวะโรคร่วมเช่น เบาหวาน , ข้ออักเสบปวดมาก, นอนกรน , ความดัน เป็นต้น หรือ ค่า BMI 40 โดยไม่มีโรคร่วมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณหมอด้วยค่ะ เพราะการผ่าตัดมันคือการเปลี่ยนชีวิตของเราเลยค่ะ ทั้งวิธีการกิน การดำเนินชีวิตต่างๆ คุณหมอจะต้องมั่นใจว่าเราจะไม่มีปัญหาในการดำเนินชีวิตหลังผ่าตัดแน่นอนอ่ะค่ะ
พอคุณหมอถามเราเรียบร้อยคุณหมอก็บอกว่าเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดถูกต้องแล้ว เราเลยบอกคุณหมอค่ะว่าเราอยากผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ เพราะว่าเราสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
วันแรกของการไปโรงพยาบาลจุฬาบอกเลยค่ะ ว่าไปตั้งแต่ตี 4 ไปนั่งรอที่ตึกภปร.ค่ะ เค้าจะแจกบัตรคิวเราไม่แน่ใจว่าประมาณกี่โมง น่าจะประมาณ 6.00 น. นะคะ ซึ่งบีไปรับบัตรคิวตรงฝั่งผู้ป่วยจ่ายเองค่ะ ซึ่งจะมีแถว 2 ด้าน อีกด้านนึงจะเป็นของผู้ป่วนสิทธิบัตรทองโรงพยาบาลอื่นค่ะ ซึ่งแถวยาวมากค่ะ พอได้บัตรคิวจะมีใบมาให้เรากรอกข้อมูลผู้ป่วยใหม่ แล้วพอถึงเวลาก็จะเปิดให้เราเข้าไปข้างในค่ะ ซึ่งตรงนี้นั่งรอเลยค่ะเดียวเวลา 7.00 น. เค้าเตอร์พยาบาลคัดกรองจะเรียกเราตามบัตรคิวค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะเรียกทีละ 50 คิวซึ่งเราก็ไปต่อแถวตามคิว แล้วพยาบาลจะแยกว่าเราต้องไปหาหมอที่ชั้นอะไร ซึ่งบีได้ไปหาที่ชั้น 6 ค่ะ โดยหลังจากออกจากเคาเตอร์เราก็ต้องไปต่อแถวทำบัตรผู้ป่วยค่ะเสร็จแล้วก็ขึ้นไปชั้น 6 โดยเอาเอกสารไปใส่ที่กล่องผู้ป่วยใหม่ค่ะ แล้วนั่งรอเรียกชื่อ ซึ่งนานมากกกกก เพราะคนเยอะมากค่ะ
ซึ่งอาจจะมีการเรียกผู้ป่วยที่มาทีหลังเราก่อนก็ได้ค่ะ อย่าตกใจ เพราะว่าเค้าต้องทำแฟ้มประวัติให้เราก่อนค่ะ ก็นั่งรอไปค่ะ อ้อระหว่างรอให้ไปชั่งน้ำหนัก + วัดความดันรอเลยนะคะ แล้วพยาบาลคัดกรองก็จะเรียกเราอีกรอบค่ะเพื่อถามว่าเราเป็นอะไร จะต้องพบหมอท่านใดแน่ ซึ่งบีได้เข้าไปในห้องฝั่ง2ค่ะ (มีฝั่ง1ฝั่ง2) พอเข้าไปที่ห้อง 2 ก็รอค่ะ ตรงนี้อาจจะต้องยืนเพราะห้องเล็ก เก้าอี้ค่อนข้างน้อย แล้วจะมีพยาบาลมาเรียกเราเข้าไปห้องด้านหลังค่ะ ซึ่งตรงนี้เราจะเจอคนหัวอกเดียวกันค่ะนั่งอยู่ในห้องๆเดียวรวมกันสิบกว่าคน แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกเราให้ไปชั่งน้ำหนักที่เครื่องค่ะ ซึ่งเครื่องก็จะมีการวิเคราะห์เราออกมาค่ะ เพียงแค่เรายืนเอาเท้าวางให้ตรงจุด แล้วมือก็ถือที่จับเอาไว้ เครื่องจะคำนวณข้อมูลของเราออกมาเป็น 1 กระดาษ A4 เลยค่ะ ทั้งภาวะบวมน้ำ ไขมันส่วนเกินต่างๆ จากนั้นก็นั่งรอคุณหมอค่ะ ระหว่างนี้เราจะนั่งคุยกับคนอื่นไปก็ได้ค่ะ เพราะว่าในห้องนั้นจะมีทั้งคนที่อยู่ระหว่างตรวจเช็คร่างกายรอผ่า และคนที่ผ่าแล้ว ซึ่งแต่ละคนจะแนะนำเราโดยละเอียดเลยค่ะ
พอผู้ป่วยโรคอ้วนทุกคนที่ต้องมาในวันนั้นมาครบแล้วคุณหมอจะเข้ามาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะพูดเกี่ยวกับโรคอ้วนโดยรวม รวมถึงวิธีการผ่าตัด 3 วิธีว่าต้องทำอย่างไรบ้างบีขอข้ามนะคะเพราะข้อมูลในเว็บไซส์ต่างๆมีเยอะแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://visitdrsant.blogspot.com/2012/12/blog-post_17.html ขอนำลิงค์มาแปะให้คร่าวๆแทนนะคะ
หลังจากที่คุณหมอพูดแนะนำจบแล้วคุณหมอก็จะคุยมาคุยทีละคนค่ะ ระหว่างนั้นคนที่ไม่ได้คุยกับคุณหมอก็คุยกับคนไข้ด้วยกันเอง ว่าผ่ายังไง หลังผ่าเจ็บมั้ย ผ่าแล้วผอมลงป่าว ลงเยอะมั้ยเป็นต้น ซึ่งการที่คุณหมอให้ทุกคนมารวมกันทีเดียวก็เพราะต้องการให้คุยกันนี่แหละค่ะ
พอบีพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามแล้วย้ำเราถึงความเข้าใจในการผ่าตัดเหมือนเดิมค่ะ แล้วคุณหมอก็จะเขียนใบต่างๆนาๆหลากสีมาให้เรา ซึ่งนั้นเป็นใบส่งเจาะเลือด ส่งเอ็กซเรย์ ต่างๆ และจะมีใบสีฟ้าพร้อมตารางให้เราไปพบคุณหมอแผนกต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าถ้าเราจะผ่า เราต้องพร้อมและปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งถ้าเราจะผ่าได้ เราต้องได้รับการอนุญาตจากคุณหมอทุกคนค่ะ พอเราได้ใบทั้งหมดแล้วเราก็ต้องออกไปที่หน้าห้องของคลินิกค่ะ ซึ่งเราก็จะเจอเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการนัดของคลินิกให้เราค่ะ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะต้องออกไปหาคุณพยาบาลที่เคาร์เตอร์พยาบาลในห้องที่ 2 ซึ่งตรงนี้เราจะต้องไปต่อคิวค่ะ แล้วคุณพยาบาลจะแนะนำเราต่อไปค่ะ ว่าใบสีๆทั้งหลายที่คุณหมอเขียนมาให้นั้น เราจะต้องไปพบคุณหมอที่ชั้นไหนบ้าง ซึ่งขั้นตอนนี้บอกตรงๆค่ะว่าเวียนหัวสุดๆ เพราะเราจะต้องไปทำนัดหลายแผนกมากๆเลย
หลังจากที่ออกจากเคาเตอร์พยาบาลเราก็ไปหาเคาเตอร์ด้านนอกที่เรายืนบัตรตั้งแต่ตอนแรกที่มาชั้น 6 ค่ะ โดยนำใบจ่ายเงินมาจ่ายที่เคาเตอร์จ่ายเงิน แล้วเอาแฟ้มวางในตะกร้าทำนัดค่ะ แล้วก็นั่งรอบัตรนัดของคลินิกโรคอ้วนค่ะ แล้วตอนที่ไปเอาบัตรนัดก็ต้องนำแฟ้มมาด้วยนะคะ บอกคุณเจ้าหน้าที่ว่าจะไปนัดที่ชั้นอื่นต่อค่ะ เค้าก็จะเอาแฟ้มเราใส่ซองให้ แล้วเราก็ไปชั้นอื่นต่อค่ะ ทำเหมือนขั้นตอนเดิมเลยค่ะ พอชั้นสุดท้ายเราก็คืนแฟ้มให้เค้าไป แล้วกลับบ้านพร้อมใบนัดเต็มมือ (ห้ามทำหาย ห้ามผิดนัดโดยไม่โทรมาเลื่อนก่อนเด็ดขาดนะคะ ถ้าไม่อยากชีวิตวุ่นวาย)
เดียวค่อยมาต่อนะคะ ทำงานต่อก่อนค่ะ เดียวจะมาแชร์ประสบการณ์การไปหาคุณหมอแต่ละแผนกค่ะ
แบ่งประสบการณ์ผ่าตัดลดความอ้วนค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ ในการผ่าตัดเนี่ย เราได้ตัดสินใจแล้ว และลองวิธีการอื่นๆทั้งการอดอาหาร(อดแรกก็ลดค่ะ หลังๆก็เพิ่มขึ้น) เข้าสถาบันลดความอ้วน หรือลองกินยาลดความอ้วน(กินได้แค่มื้อเดียวค่ะ แล้วเกิดอาการแสบร้อนในคอ จนต้องล้วงคอเลยค่ะ แล้วเข็ดเลย)
ตอนที่เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด เราน้ำหนัก 92 สูง 162 ซม. ค่า BMI 35.06 (วิธีคิดคือ เอา นน หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรสองรอบ 92/1.62/1.62 ประมาณนี้ค่ะ) หรือกรอกในเว็บก็จะมีการคิดให้แบบอัตโนมัติค่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในตอนแรกบีก็จะหาข้อมูลตามเว็บค่ะ แล้วก็รีวิวต่างๆ ทั้งคลิปของคุณหมอที่ออกมาให้ข้อมูล เว็บในเว็บนอกต่างๆ ผลกระทบ คุณหมอท่านไหนเก่ง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ค่ะ บอกตรงๆเลยว่ากลัวเหมือนกัน
แต่เนื่องจากบีมีโรคประจำตัวคือโรค PCOS ซึ่งเป็นโรคความผิดปกติของฮอโมนค่ะ ถ้าผอมลงก็ช่วยได้ ผนวกกับเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับและภูมิแพ้(ใช้เครื่อง CPAP อยู่นะคะ) ซึ่ง 2 โรคนี้คุณหมอที่รักษาทั้งสองท่านบอกว่า ถ้าผอมลงโรคจะทุเลาลงค่ะ เลยลองถามคุณหมอดูว่าแล้วเราจะไปหาคุณหมอท่านไหนดี ทางคุณหมอจึงแนะนำให้ไปหา คุณหมอสุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ที่โรงพยาบาลจุฬา แต่เราทราบมาว่าคุณหมอออกตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพด้วย เลยไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพก่อน ด้วยเหตุผลของเวลาต่างๆนาๆค่ะ
พอพบคุณหมอครั้งแรก คุณแม่ก็เผาเลยค่ะ ว่าเราฟังคลิปคุณหมอทุกคืนเลย เราเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ คุณหมอก็ถามว่าฟังแล้วได้อะไรบ้างล่ะ เราก็ร่ายเลยค่ะ ว่าก่อนผ่าเราต้องตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารและกระเพาะอาหาร ตรวจต่อมไร้ท่อ ตรวจภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ตรวจเกี่ยวกับภาวะร่างกายอื่นๆ เพราะคนอ้วนแบบเราเหมือนจะแข็งแรง แต่จริงๆแล้วเรามีภาวะความเสี่ยงมากมายนักค่ะ
แล้วในการที่เราจะผ่าตัดได้นั้นจะมีเกณฑ์ที่สำคัญคือค่า BMI ค่ะ นั่นคือค่า BMI จะต้องมากกว่า 35 โดยมีภาวะโรคร่วมเช่น เบาหวาน , ข้ออักเสบปวดมาก, นอนกรน , ความดัน เป็นต้น หรือ ค่า BMI 40 โดยไม่มีโรคร่วมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณหมอด้วยค่ะ เพราะการผ่าตัดมันคือการเปลี่ยนชีวิตของเราเลยค่ะ ทั้งวิธีการกิน การดำเนินชีวิตต่างๆ คุณหมอจะต้องมั่นใจว่าเราจะไม่มีปัญหาในการดำเนินชีวิตหลังผ่าตัดแน่นอนอ่ะค่ะ
พอคุณหมอถามเราเรียบร้อยคุณหมอก็บอกว่าเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดถูกต้องแล้ว เราเลยบอกคุณหมอค่ะว่าเราอยากผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ เพราะว่าเราสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
วันแรกของการไปโรงพยาบาลจุฬาบอกเลยค่ะ ว่าไปตั้งแต่ตี 4 ไปนั่งรอที่ตึกภปร.ค่ะ เค้าจะแจกบัตรคิวเราไม่แน่ใจว่าประมาณกี่โมง น่าจะประมาณ 6.00 น. นะคะ ซึ่งบีไปรับบัตรคิวตรงฝั่งผู้ป่วยจ่ายเองค่ะ ซึ่งจะมีแถว 2 ด้าน อีกด้านนึงจะเป็นของผู้ป่วนสิทธิบัตรทองโรงพยาบาลอื่นค่ะ ซึ่งแถวยาวมากค่ะ พอได้บัตรคิวจะมีใบมาให้เรากรอกข้อมูลผู้ป่วยใหม่ แล้วพอถึงเวลาก็จะเปิดให้เราเข้าไปข้างในค่ะ ซึ่งตรงนี้นั่งรอเลยค่ะเดียวเวลา 7.00 น. เค้าเตอร์พยาบาลคัดกรองจะเรียกเราตามบัตรคิวค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะเรียกทีละ 50 คิวซึ่งเราก็ไปต่อแถวตามคิว แล้วพยาบาลจะแยกว่าเราต้องไปหาหมอที่ชั้นอะไร ซึ่งบีได้ไปหาที่ชั้น 6 ค่ะ โดยหลังจากออกจากเคาเตอร์เราก็ต้องไปต่อแถวทำบัตรผู้ป่วยค่ะเสร็จแล้วก็ขึ้นไปชั้น 6 โดยเอาเอกสารไปใส่ที่กล่องผู้ป่วยใหม่ค่ะ แล้วนั่งรอเรียกชื่อ ซึ่งนานมากกกกก เพราะคนเยอะมากค่ะ
ซึ่งอาจจะมีการเรียกผู้ป่วยที่มาทีหลังเราก่อนก็ได้ค่ะ อย่าตกใจ เพราะว่าเค้าต้องทำแฟ้มประวัติให้เราก่อนค่ะ ก็นั่งรอไปค่ะ อ้อระหว่างรอให้ไปชั่งน้ำหนัก + วัดความดันรอเลยนะคะ แล้วพยาบาลคัดกรองก็จะเรียกเราอีกรอบค่ะเพื่อถามว่าเราเป็นอะไร จะต้องพบหมอท่านใดแน่ ซึ่งบีได้เข้าไปในห้องฝั่ง2ค่ะ (มีฝั่ง1ฝั่ง2) พอเข้าไปที่ห้อง 2 ก็รอค่ะ ตรงนี้อาจจะต้องยืนเพราะห้องเล็ก เก้าอี้ค่อนข้างน้อย แล้วจะมีพยาบาลมาเรียกเราเข้าไปห้องด้านหลังค่ะ ซึ่งตรงนี้เราจะเจอคนหัวอกเดียวกันค่ะนั่งอยู่ในห้องๆเดียวรวมกันสิบกว่าคน แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกเราให้ไปชั่งน้ำหนักที่เครื่องค่ะ ซึ่งเครื่องก็จะมีการวิเคราะห์เราออกมาค่ะ เพียงแค่เรายืนเอาเท้าวางให้ตรงจุด แล้วมือก็ถือที่จับเอาไว้ เครื่องจะคำนวณข้อมูลของเราออกมาเป็น 1 กระดาษ A4 เลยค่ะ ทั้งภาวะบวมน้ำ ไขมันส่วนเกินต่างๆ จากนั้นก็นั่งรอคุณหมอค่ะ ระหว่างนี้เราจะนั่งคุยกับคนอื่นไปก็ได้ค่ะ เพราะว่าในห้องนั้นจะมีทั้งคนที่อยู่ระหว่างตรวจเช็คร่างกายรอผ่า และคนที่ผ่าแล้ว ซึ่งแต่ละคนจะแนะนำเราโดยละเอียดเลยค่ะ
พอผู้ป่วยโรคอ้วนทุกคนที่ต้องมาในวันนั้นมาครบแล้วคุณหมอจะเข้ามาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะพูดเกี่ยวกับโรคอ้วนโดยรวม รวมถึงวิธีการผ่าตัด 3 วิธีว่าต้องทำอย่างไรบ้างบีขอข้ามนะคะเพราะข้อมูลในเว็บไซส์ต่างๆมีเยอะแล้ว[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอนำลิงค์มาแปะให้คร่าวๆแทนนะคะ
หลังจากที่คุณหมอพูดแนะนำจบแล้วคุณหมอก็จะคุยมาคุยทีละคนค่ะ ระหว่างนั้นคนที่ไม่ได้คุยกับคุณหมอก็คุยกับคนไข้ด้วยกันเอง ว่าผ่ายังไง หลังผ่าเจ็บมั้ย ผ่าแล้วผอมลงป่าว ลงเยอะมั้ยเป็นต้น ซึ่งการที่คุณหมอให้ทุกคนมารวมกันทีเดียวก็เพราะต้องการให้คุยกันนี่แหละค่ะ
พอบีพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามแล้วย้ำเราถึงความเข้าใจในการผ่าตัดเหมือนเดิมค่ะ แล้วคุณหมอก็จะเขียนใบต่างๆนาๆหลากสีมาให้เรา ซึ่งนั้นเป็นใบส่งเจาะเลือด ส่งเอ็กซเรย์ ต่างๆ และจะมีใบสีฟ้าพร้อมตารางให้เราไปพบคุณหมอแผนกต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าถ้าเราจะผ่า เราต้องพร้อมและปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งถ้าเราจะผ่าได้ เราต้องได้รับการอนุญาตจากคุณหมอทุกคนค่ะ พอเราได้ใบทั้งหมดแล้วเราก็ต้องออกไปที่หน้าห้องของคลินิกค่ะ ซึ่งเราก็จะเจอเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการนัดของคลินิกให้เราค่ะ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะต้องออกไปหาคุณพยาบาลที่เคาร์เตอร์พยาบาลในห้องที่ 2 ซึ่งตรงนี้เราจะต้องไปต่อคิวค่ะ แล้วคุณพยาบาลจะแนะนำเราต่อไปค่ะ ว่าใบสีๆทั้งหลายที่คุณหมอเขียนมาให้นั้น เราจะต้องไปพบคุณหมอที่ชั้นไหนบ้าง ซึ่งขั้นตอนนี้บอกตรงๆค่ะว่าเวียนหัวสุดๆ เพราะเราจะต้องไปทำนัดหลายแผนกมากๆเลย
หลังจากที่ออกจากเคาเตอร์พยาบาลเราก็ไปหาเคาเตอร์ด้านนอกที่เรายืนบัตรตั้งแต่ตอนแรกที่มาชั้น 6 ค่ะ โดยนำใบจ่ายเงินมาจ่ายที่เคาเตอร์จ่ายเงิน แล้วเอาแฟ้มวางในตะกร้าทำนัดค่ะ แล้วก็นั่งรอบัตรนัดของคลินิกโรคอ้วนค่ะ แล้วตอนที่ไปเอาบัตรนัดก็ต้องนำแฟ้มมาด้วยนะคะ บอกคุณเจ้าหน้าที่ว่าจะไปนัดที่ชั้นอื่นต่อค่ะ เค้าก็จะเอาแฟ้มเราใส่ซองให้ แล้วเราก็ไปชั้นอื่นต่อค่ะ ทำเหมือนขั้นตอนเดิมเลยค่ะ พอชั้นสุดท้ายเราก็คืนแฟ้มให้เค้าไป แล้วกลับบ้านพร้อมใบนัดเต็มมือ (ห้ามทำหาย ห้ามผิดนัดโดยไม่โทรมาเลื่อนก่อนเด็ดขาดนะคะ ถ้าไม่อยากชีวิตวุ่นวาย)
เดียวค่อยมาต่อนะคะ ทำงานต่อก่อนค่ะ เดียวจะมาแชร์ประสบการณ์การไปหาคุณหมอแต่ละแผนกค่ะ